"กรรมจากการทรมานไก่" ของ...อาจารย์สนิท ศรีสำแดง

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย paang, 15 ตุลาคม 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    [​IMG]

    "สมัยก่อนผมเคยไปช่วยเขาฆ่าไก่ ทำไก่เพื่อไหว้เจ้า โดยเป็นคนเอาเชือก ผูกขาทั้งสองข้าง ของไก่ ก่อนฆ่า กรรมที่ผมทำไว้ได้ส่งผลให้ทุกวันนี้ ผมเดินไปไหนไม่ค่อยถนัด ต้องใช้ไม้เท้า ประคองเวลาเดิน" นี่เป็นความเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรมของ อาจารย์สนิท ศรีสำแดง กรรมการอำนวยการด้านพระ พุทธศาสนาและวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร (กทม.) อดีตนายกเปรียญธรรมสมาคมแห่ง ประเทศไทย และอาจารย์พิเศษมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และสถาบันบัณฑิต พัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
    สำหรับกรรมไม่ดี ที่เคยทำไว้ในชาตินี้และแสดงผลให้เห็นในชาตินี้ อาจารย์สนิทเล่าว่า ครั้งหนึ่ง ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่ โรงพยาบาล โดยนางพยาบาลได้เอาลวดมาผูกที่ขา แล้วเอาแขวนไว้กับขอบเตียง พอเห็นตัวเองถูกผูกอยู่แบบนั้น ทำให้นึกถึง ภาพตอนที่เราได้ใช้เชือก ผูกขาไก่ขึ้นมาทันที ไม่น่าเชื่อเลย ว่ากรรมจะตามเราทัน วันนี้จึงอยากให้ทุกคน เชื่อกันไว้ก็ดีว่าคนเรา ทำกรรมอย่างไรก็ย่อมได้รับ กรรมอย่างนั้นแน่นอน
    ทั้งนี้อาจารย์สนิท ได้อธิบายให้ฟังว่า กฎแห่งกรรมเป็นกฎแห่งธรรมชาติ คือเราทำอะไรไว้อย่างไร ก็จะได้อย่างนั้น เรียกว่าเป็น กฎสากล เมื่อมีกฎสากลก็มีข้อยกเว้น เพราะว่าบางคนทำดีก็ไม่ได้ดีในทันที ในระยะที่ยังไม่ได้ดีก็คงต้องใช้เวลา เพราะขึ้นอยู่กับ กรรมเก่าของเรา หลายคนยังมีความเชื่อผิดๆ ว่า ทำดีไม่ได้ดี เลยทำชั่วกันไปเลย กฎแห่งกรรมจึงเป็นกฎเกณฑ์ให้เราได้ตระหนัก ถึงกรรมชั่วและกรรมดี หรือคนเราที่ตายเป็นผี ก็เป็นกรรมอย่างหนึ่งเช่นกัน

    "คนไม่เคยเห็นผี ก็เหมือนกับคนที่ไม่เคยเห็นโทสะ คือความโกรธที่ทำอย่างไรเราก็ไม่เห็นตัว แต่เรารู้ว่ามีอาการ ใครมีความรู้สึกโกรธ เราก็รู้ว่าเขาโกรธ แต่เราไม่เห็นตัวโกรธ ผีก็เหมือนกัน เรามองไม่เห็นตัว อะไรก็ตามที่เป็นสัตว์นรก อสูรกายฃก็อยู่ในพวกของผี" นี่คือความเชื่อเรื่องผีของอาจารย์สนิท

    [​IMG]

    อย่างไรก็ตาม พระพุทธเจ้า ได้ตรัสเรื่องการกำเนิดของสัตว์ที่มาปฏิสนธิว่ามี ๔ จำพวก คือ ๑.ชลามะพุชะ เกิดเป็นตัวในครรภ์ ๒.อัณทะชะ เกิดเป็นไข่ ๓.สังเสทชะ เกิดด้วยเปลือกตม และ ๔.อุปาติกะ เกิดขึ้นเอง ไม่มีสิ่งใดๆ ตรงนี้ถ้าเราเชื่อพระพุทธเจ้า เราก็ต้องเชื่อว่าผีมีจริงอยู่ในโลก นี้แหละแต่อยู่คนละแดนกัน"

    ส่วนพระเครื่อง ที่อาจารย์สนิทแขวนมาตลอดชีวิตคือ ล็อกเกตหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ โดยมี จุดประสงค์ คือเพื่อระลึกนึกถึงบารมีธรรม และพระคุณของหลวงพ่อสด ผู้เป็นพระสุปฏิปันโน ที่มีผู้คนให้ความเคารพศรัทธา เลื่อมใสกันอย่างกว้างขวาง เวลาเห็นพระอยู่ที่คอก็จะไม่ได้ ไปทำอะไรที่ผิดศีลธรรม ตลอดจนฝ่าฝืนกติกา ของสังคมและศาสนาด้วยการยึดมั่นในพระคุณ ของพระพุทธเจ้า

    อาจารย์สนิท เล่าถึงเหตุการณ์เฉียดตาย จากอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำว่า ครั้งนั้นภรรยา (รัตน์มณี) เป็นคน ขับรถ โดยขับรถออกจาก จ.สิงห์บุรี มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ระหว่างที่เข้าเขต จ.ปทุมธานี มีความรู้สึกว่า ภรรยาหลับใน ทำให้รถพุ่งชนเสาหลักกิโลเมตร ตามด้วยต้นสนบนถนน ชนรวดเดียวไกลออกไปประมาณ ๒-๓ กิโลเมตร ความแรงทำให้รถเกิดเสียหลัก พลิกคว่ำอีกสามตลบ แล้วไปหยุดนิ่งอยู่ตรงต้นสะเดา

    ไม่น่าเชื่อตนเองกับภรรยา ไม่มีใครเป็นอะไร หลายคนที่ทราบข่าวชอบถามว่า อาจารย์แขวนพระอะไร ถึงได้รอดตายมาได้ จริงๆ ในวันนั้นก็แขวนล็อกเกต หลวงพ่อสดองค์นี้เท่านั้น ที่เชื่อว่าทำให้แคล้วคลาดปลอดภัย ตามความเป็นพระพุทธเจ้า พระรัตนตรัย ก็ยังเชื่อว่าได้เข้ามาช่วยไว้อย่างมาก นอกจากนี้แล้ว ส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากการสวดมนต์ไหว้พระอยู่เป็นประจำ ก็ทำให้เกิด ปาฏิหาริย์ได้

    [​IMG]

    "ผมก็คิดว่าปาฏิหาริย์มันมีอยู่จริง ปาฏิหาริย์เชื่อถือได้ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เชื่อว่ามี และอิทธิปาฏิหาริย์สำหรับผู้ที่จิตเข้าถึง ไม่ว่าจะเป็นตัวของผู้ที่เข้าปาฏิหาริย์เองหรือเป็นผู้ที่เราเคารพ กราบไหว้ก็ย่อมได้รับผลนั้นเพราะจิตที่มันเป็นพลัง" อาจารย์สนิท กล่าว

    ทั้งนี้อาจารย์สนิท ได้ยกตัวอย่างปาฏิหาริย์ที่พระพุทธเจ้า ได้ตรัสแก่ภิกษุช่วงหนึ่งว่า ตถาคตเจ้า ทั้งหลายย่อมกระทำปาฏิหาริย์ แต่เดี๋ยวนี้เมื่อตถาคตทั้งหลาย เห็นมนุษย์ประกอบไปด้วยกาม กิเลส และตัณหา ก็ทรงเปลื้องประชาชนเหล่านั้น ออกเสียจากกาม กิเลส และตัณหา เมื่อทรงเห็นว่ามหาชน ทั้งหลายตกเป็นทาสของโทสะและการผูกเวร ก็ทรงเปลื้องประชาชนเหล่านั้น เสียจาก การตกเป็นทาส ของโทสะและการผูกเวร

    เมื่อทรงทราบว่าประชาชนบอด เพราะความเขลาและอวิชชา ก็ทรงเปิดตาของคนเหล่านั้น ช่วยให้เขาพ้นจากความเขลาและอวิชชา ซึ่งเป็นความบอดมืด ยิ่งเสียกว่าความมืดแห่งราตรี ภิกษุทั้งหลาย ปาฏิหาริย์อย่างเดียวดังกล่าวนี้เท่านั้นที่ตถาคตทั้งหลายพากัน กระทำ ส่วนปาฏิหาริย์อย่างอื่นๆ นั้นท่านเกลียดชัง และประณามไม่ยอมกระทำปาฏิหาริย์เหล่านั้น

    "พยาบาลได้เอาลวดมาผูกที่ขา แล้วเอาแขวนไว้กับขอบเตียง พอเห็นตัวเองโดนผูกอยู่แบบนั้น ก็ทำให้นึกถึงภาพตอนที่ได้ใช้เชือก ผูกขาไก่"

    ที่มา : http://www.komchadluek.net/
     

แชร์หน้านี้

Loading...