กรรมที่ทำให้เป็นมาร

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย nouk, 14 มกราคม 2012.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ก็เพราะเราเป็นคนชอบอ่าน อีกนั่นแหละ จากการปฏิบัติธรรมของตัวเอง ทำให้ได้เห็นความจริงเรื่องมาร ว่ามีอยู่จริงและมีฤทธิ์มาก ผู้ที่มีจิตอ่อนแอ ยังอยู่ภายใต้อำนาจของรัก โลภ โกรธ หลง ตกเป็นเครื่องมือแห่งมารได้อย่างง่ายดาย ตราบใดที่ยังไม่เห็นธรรม ไม่บรรลุธรรม เรากล้าพูดว่าทุกรูป ทุกนาม ล้วนตกอยู่ภายใต้อำนาจมาร

    กรรมอะไรทำให้เทวดาเป็นมาร สงสัยว่าทำไมขวางทางคนอื่นเป็นอาชีพแล้วยังได้เป็นเทวดาอยู่อีก

    ข้อที่อยากให้ทุกท่านได้สังเกตก่อนอื่นใด ก็คือ บุญนั้นไม่ได้พามาแต่ความรู้สึกด้านดีประการเดีียว แต่มักพ่วงเอาความถือตัว เห็นตนเองวิเศษสูงส่งเหนือใครๆ มาด้วย แล้วที่สุดก็ลงเอยด้วยความประมาท ฉันเป็นพระเอก ฉันเป็นนางเอก แล้วมีบุญกองใหญ่เท่าภูเขาแล้ว ยิ่งใหญ่เหนือความผิดทั้งปวง แล้วดูเบาบาป ผิดเล็กๆ น้อยๆ สำคัญว่าไม่เป็นไร ทำไปไม่มีทางร่วงหล่นสู่นรากขุมไหนๆ อีกแล้ว ลองถามตัวเองเถิด ถ้าหากทำบุญมากๆ แบบครบวงจรแล้ว ความคิดข้างต้นแวบๆ วาบๆ ขึ้นมาบ้างหรือเปล่า ถ้าเคยก็ขอให้สังวรระวังเถิด เพราะนี่แหละที่ทำให้คุณมีสิทธิ์สอบติดเป็นมารตนหนึ่ง

    ความประมาทนั้น เป็นอาวุธชิ้นสุดท้ายที่ธรรมชาติจะดึงคนดีให้ตกต่ำ ยิ่งบุญมากขึ้นเท่าไหร่ เครื่องล่อให้ประมาทก็ยิ่งใหญ่เป็นเงาตามตัวมากขึ้นเท่านั้น จึงไม่แปลกถ้าใครรู้สึกว่าตนเองและพรรคพวกสูงส่งเหนือมนุษย์ ก็มีแนวโน้มจะดูถูกดูแคลนผู้คน อยากให้ใครๆ ตกอยู่ใต้อำนาจตนและไม่อยากให้ใครได้ดีเกินตน

    อันที่จริง"อัตตามนะ" อย่างเดียวไม่ไ้ด้ทำให้ใครเป็นมารขึ้นมาหรอก สิ่งที่ทำให้คนๆ หนึ่งหรือเทวดาตนหนึ่งกลายเป็นมารอย่างสมบูรณ์แบบ คือ การตั้งความเชื่อไว้ผิด ชนิดที่นำไปสู่การก่อกรรมขัดขวางความเจริญ หรือห้ามความสำเร็จอันเป็นประโยชน์สุขของผู้อื่น คือทำทุกวิถีทางไม่จำกัดรูปแบบ ไม่ว่าบั่นทอนกำลังใจข่มขู่คุกคามขวัญ ดลใจให้อยากประพฤติผิด บังใจให้ลืมสิ่งที่ควรทำ ตลอดจนกระทั่งทำลายล้างกันตรงๆ ด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ขอเพียงขัดขวางไม่ให้ใครบรรลุเป้าหมายสูงสุดของศาสนาได้เป็นพอ ถ้าคุณยังไม่คลุกวงในหรือคร่ำหวอดกับการศาสนาจริงจัง คุณจะยังไม่รู้จักหรือนึกไม่ถึงว่ามีรูปแบบการขัดขวางที่พิสดารได้ปานนั้น

    ถ้ายังแปลกใจว่าทำไมเทวดายังคิดพิเรนได้ ก็ขอให้พิจารณาจากความจริงบนโลกนี้ที่เห็นๆ กัน เช่น แต่ละศาสนาจะมีคนดีๆ ที่ไม่เห็นด้วย อาจต่อต้าน หรือกระทั่งทำลายล้างกันอยู่จริง เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจหากเขาจะติดนิสัยนี้ไปยังภพอื่น ในมนุษย์โลกมีพฤติกรรมแบบใดได้ บนเทวโลกและพรหมโลกก็มีพฤติกรรมแบบนั้นได้เช่นกัน เพราะมนุษย์ย่อมจากโลกนี้ไปสู่ภาวะที่สอดคล้องกับนิสัยเดิม ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์หรือนรก ใครดื้อ ใครไ้ร้เหตุผล ใครใช้อารมณ์ จนขาดสามัญสำนึกไปตลอดชีวิต ก็ย่อมละโลกนี้ไปสู่ความเป็นเช่นนั้นอย่างยืดยาวหาที่จบยาก เนื่องจากภูมิมนุษย์นั้นธรรมชาติให้ไว้เป็นโอกาสเลือกเส้นทางของตัวเอง จะกระทำตัวตนแบบหนึ่งๆ เข้มข้นถึงที่สุดก็ได้ หรือปรับเปลี่ยนรื้อถอนตัวตนแบบหนึ่งๆ ด้วยการแลกชีวิตทั้งชีวิตก็ได้ ส่วนภพภูมิอื่นๆ โดยเฉพาะที่โตเลยโดยไม่ต้องเรียนรู้ ไม่ผ่านการขัดเกลา ไม่มีตัวเลือก ให้ตัดสินใจเป็นอื่นนั้น ย่อมปักใจกับสิ่งที่วิบากกรรมหยิบยื่นมาวางไว้ตรงหน้าอย่างเดียว เช่นถ้าเคยชินกับความเป็นผู้ขัดขวาง เขาย่อมไปสู่ความเป็นสหายในภพของผู้ขัดขวางตั้งแต่อุบัติจนถึงอายุขัย

    ทีนี้มาดูกันว่าเหตุใดมนุษย์ที่มีสามัญสำนึกติดตัวกันดีๆ ทุกคนจึงหลงผิดไปเป็นมาร เราจะพูดถึงมารศาสนาพุทธอย่างเดียว มารของศาสนาอื่นไม่พูดถึง แต่โดยหลักการก็คล้ายคลึงกันคือใครต่อต้านความเชื่อแบบใดก็เป็นมารประจำความเชื่อแบบนั้นๆ

    1. เป็นมารเพราะตั้งความเชื่อไว้ผิด แต่ประพฤติบางส่วนถูก
    หมายถึง เชื่อในการใช้ชีวิตแบบไม่เบียดเบียนใคร เลื่อมใสเกื้อกูลสังคม หรือกระทั่งศรัทธาในสันติสุขและการมีเมตตา แต่ไม่เชื่อเรื่องกรรมวิบาก ไม่เชื่อว่านิพพานมีจริง อาจจะเพราะไดัรับการปลูกฝังให้เชื่อแบบนั้นมาตั้งแต่เด็ก หรืออาจจะโตแล้วคิดเอง คะเนแล้วปักใจเข้าข้างตัวเองอย่างเหนียวแน่น แถมยังขยายความเห็นผิดของตนให้กว้างไกลออกไป ผ่านรูปแบบการถกเถียง ถากถาง กล่าวโจทก์โพนทะนาด้วยเจตนา ให้คนทั้งโลกหมดความเชื่อถือ หรือกระทำพุทธศาสนาให้หมดความชอบธรรมที่จะตั้งอยู่ กรรมที่เผยแพร่ศาสนาตนด้วยวิธีย่ำยีศาสนาอื่นในวงกว้างนี้แหละตัวการสำคัญอันจะทำให้เป็นมาร
    บุคคลประเภทนี้มีโอกาสไปสวรรค์ ก็เพราะความดีที่เขาทำได้น้ำหนักเกินความชั่วที่เขาก่อ แต่หากครั้งเป็นมนุษย์ทำบุญได้น้ำหนักแค่พอดีกับบาป ตายแล้วจะไปเป็นอสูร ซึ่งจัดเป็นพวกครึ่งเปรตครึ่งเทพ คอยรบกวนทั้งมนุษย์และเทวดาที่ใฝ่ดีตามแนวทางพระพุทธศาสนา อาจจะในรูปของการทำร้ายตรงไปตรงมา ดังเช่นเมื่อครั้งพุทธกาลมีพระเถระชั้นผู้ใหญ่รูปหนึ่ง เดินจงกลมอยู่กลางแจ้ง มารก็เข้าไปรบกวนท้องไส้ท่านให้รู้สึกเหมือนมีก้อนหินหนักๆ ถ่วงอยู่ แต่ท่านรู้ทันด้วยญาณ จึงเกลี้้ยกล่อมโดยเล่าให้ฟังว่า อดีตชาติท่านก็เคยประพฤติตนเป็นมารอย่างนี้แหละ แต่พอพ้นจากภพของมารก็ต้องลงไปเสวยมหันตทุกข์ หมกไหม้อยู่ในมหานรกนานแสนนาน ไม่คุ้มกัน (ตัวท่านเองในครั้งอดีตเป็นญาติเก่ากับมารที่มารบกวนท่านในชาติสุดท้ายเสียด้วย ถึงมีสายสัมพันธ์ที่เปิดช่องให้มารบกวนอันได้)

    2. เป็นมารเพราะตั้งความเชื่อไว้ถูกส่วนหนึ่ง แต่เห็นผิดอีกส่วนหนึ่ง
    หมายถึง คนที่ศรัีทธาในกรรมวิบากระดับให้ทานและรักษาศีล เชื่อว่ากรรมมีผล เชื่อว่าทำดีย่อมมีสุคติเป็นที่หวังแต่น่าเสียดายยังเห็นผิดเกี่ยวกับนิพพานและวิธีปฏิบัติเพื่อให้ถึงนิพพาน ลำพังความเห็นผิดเงียบๆ อยู่คนเดียวก็ไม่กระไรนัก แต่หากเกิดเป็๋นขบวนการจัดตั้ง พยายาม ล้มล้างแนวความเห็นที่ถูกต้องเกี่ยวกับมรรคผลนิพพานดั้งเดิม อันนี้ก็ต้องกลายไปเป็นพลพรรคมารกันโดยไม่รู้ตัว พวกนี้เป็นมารแบบผู้ดีหน่อย คือ เวลารบกวนจะไม่มาลักษณะการทำร้ายกันดื้อๆ แต่จะมาในรูปของการดลใจในสมาธิ เช่นทำให้พระซึ่งมีบุญมากๆ หลงเป็นนิมิตบางอย่าง ได้ยินเสียงบางอย่าง แล้วบังเกิดความเชื่อมั่นว่านั่นคือการบรรลุถึงมรรคถึงผล โดยมากเป็นดอกบัวบานหรือนิมิตพระพุทธรูปที่มีเสียงระฆังกังวานสดใส หรือคำรับรองว่าเช่นนี้เป็นมรรคผลที่ถูกต้อง

    และยังสำคัญตนไปต่างๆ นาๆ ว่ารู้เห็นเยี่ยงผู้วิเศษ ใครเตือนอย่างไรก็ไม่ฟัง จะฟังแต่ครูบาอาจารย์ที่ให้รางวัลเขา แต่งตั้งให้เขาเป็นพระอรหันต์เท่านั้น พวกนี้ไปเกิดเป็นเทวดาได้เพราะบุญซึ่งทำจริงๆ ตลอดชีวิต แต่พอเป็นเทวดาก็มักมีความพอใจประกาศตนว่า เป็นพระอรหันต์ มาสนทนากับมนุษย์ผู้มีญาณ หรือผ่านมนุษย์ผู้เป็นร่าง ก็จะต้องการให้ผู้อื่นเชื่อว่าหมดกิเลสแล้ว บางครั้งก็มีวิธีบังคับ หรือวิธีสำแดงตนแปลกๆ ได้พิสดารสุดที่มนุษย์ธรรมดาๆ จะแข็งขืนไม่ยอมศิโรราบให้ เทวดาพวกนี้จะบรรยายสภาพของนิพพานไปต่างๆ นาๆ สารพัด โดยรวบรัดคือเป็นดินแดนอันสงบสุข หาความทุกข์มิได้ ซึ่งที่แท้ก็คือภพหนึ่งของเทวโลกหรือพรหมโลกเท่านั้น และจะปฏิเสธนิพพานแบบไร้นิมิต ไร้ที่ตั้ง เห็นเป็นของน่าเบื่อ ไม่มีตัวตนให้สนุกอีก โดยไม่เฉลียวคิดถึงแก่นสารที่แท้จริงว่าการไร้สภาพปรุงแต่งให้เกิดดับนั่นเอง คือบรมสุขคือความสงบอันเป็นที่สุดแห่งทุกข์

    3. เป็นมารเพราะตั้งความเชื่อไว้ถูก แต่ปรามาสผู้ทรงคุณ
    หมายถึง คนที่เข้าใจทฤษฎีทางพุทธศาสนาถูกต้อง ทั้งในหลักกรรมวิบาก และในหลักวิธีพ้นทุกข์พ้นอุปาทานอย่างเด็ดขาด แต่พวกเขาเพียงทรงจำไว้ ไม่ปฏิบัติตนตามหลักการที่พระพุทธเจ้าสอนให้ตลอดสาย ผู้ใกล้ชิดจะรู้ดีและเห็นคาตาหลายครั้งว่ายังเป็นผู้ตระหนี่ มีอาการเล็งโลก โกหกโดยปราศจากความละอาย ตลอดจนหลงตัวหลงตนเกินธรรมดา ยิ่งศึกษามาก ทรงจำมาก ก็ยิ่งเกิดควาทะนงมาก กลายเป็นอยากเพิ่มอัตตาเยี่ยงผู้มีปัญญาคิดอ่านแตกฉานยิ่งๆ ขึ้นไป และอยากให้ใครๆ มองว่าตนรอบรู้ทรงภูมิเป็นที่หนึ่ง ซึ่งพออัตตาใหญ่ ทางหลุดพ้นจากอุปาทานก็เล็กลง คิดถึงมรรคนิพพานแล้วท้อใจ คือไม่ใช่แค่เห็นว่ามรรคผลนิพพานเข้าถึงได้ยาก แต่เห็นว่าเป็นของเข้าถึงไม่ได้เลยในชีวิตตน และเมื่อตนเข้าถึงมิได้ ก็แปลว่าคนอื่นทั้งโลกจะต้องไม่มีความสามารถเข้าถึงได้เช่นกัน พวกที่เข้าข่ายจะเป็นมารเต็มขั้น ได้แก่ ภิกษุซึ่งมีหน้าที่สอนธรรมะในชั้นเรียน เพราะภิกษุเป็นผู้ตกลงกับพระพุทธเจ้าตั้งแต่ตอนบวชว่าจะเข้ามาทำมรรคผลนิพพานให้แจ้ง ถ้ามาประกาศเสียเองว่ามรรคผลนิพพานทำไม่ได้แล้ว เท่ากับทรยศต่อพระพุทธเจ้า เท่าที่ทราบมาบางคนเป็นถึงเปรียญชั้นสูงๆ แต่เอ่ยปากว่ายุคนี้อย่างหวังฌาน อย่าหวังมรรคผล ขอให้บำเพ็ญบารมีเพื่อไปเอาดีในยุคพระศรีอาริย์กัน นี่เป็นคำพูดที่สืบๆ กันมา ตอนแรกเป็นคำพูดคนอื่น แต่พอพูดบ่อยๆ ก็กลายเป็นคำพูดและความฝังใจเชื่อของตนเองไป วิธีหว่านล้อมแบบมารซึ่งแยบยลที่สุด คือแฝงมาในรูปของคนที่ถูกต้องที่สุด คนที่รู้ที่สุด สิ่งที่ทำให้รู้ว่าเขาหลงทางมีอย่างเดียว คือภาพรวมของเขาไม่สนับสนุน ไม่ให้กำลังใจใครได้ไปถึงนิพพาน ตรงข้ามกลับคะยั้นคะยอให้ใครๆ เห็นมรรคผลนิพพานเป็นเรื่องยากเกินเอื้อม ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก บั่นทอนกำลังใจทุกรูปแบบซึ่งเป็นตรงข้ามกับลีลาของพระพุทธเจ้า

    สำหรับกรรมที่ทำให้เป็นราชาแห่งมาร หรือที่เรียกพญามาร โดยมากจะมีบารมียิ่งใหญ่เกินธรรมดา เช่น สามารถเป็นผู้ก่อตั้งศาสนาหรือลัทธิความเชื่อดีๆ พาคนไปสวรรค์ได้ด้วยตนเอง แต่หลงผิด บิดเบือนพระสัทธรรมของพระพุทธเจ้า ทำให้คนเข้าใจว่าหลักการนิพพานในพระไตรปิฎกเป็นของปลอม วิธีที่ตนเพิ่งค้นพบด้วยตนเองเท่านั้นถูกต้อง พวกนี้หลงผิดอยากเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดและเมื่อตั้งความเห็นไว้แล้วว่าตนถูกที่สุด คนที่เชื่อต่างจากตนจึงเป็นคนผิด ฉะนั้นแม้เมื่อพบผู้ปฏิบัติถูก สามารถละกิเลสได้จริง แทนที่จะชื่นชมยินดีมีุมุทิตาจิตไปกับความผ่องใสของพวกท่าน ก็กลับจะขัดเคือง หมั่นไส้ ไม่อยากเป็นฝ่ายตรงข้ามก้าวหน้าเกินตน ซึ่งก็จะนำไปสู่การจ้องจับผิด เห็นตนมีอภิสิทธิในการไล่เบี้ยความรู้ผู้อื่นผิดเล็กผิดน้อยเอามาด่าได้ราวกับเป็นอาชญากร หรือแม้เขาไม่มีความผิดเลย ก็พูดสันนิษฐานต่างๆ นานา ชักแม่น้ำทั้งห้า เพื่อชี้นำคนอื่นให้เห็นว่าเขาผิดจนได้

    สรุปคือ มารไม่จำเป็นต้องคิดว่าตัวเองเป็นมาร ตรงข้าม พวกเขาอาจนึกว่าตนเป็นฝ่ายพระเอก นางเอก ด้วยซ้ำ มีแต่กรรมของเขาที่แสดงในตัวเองว่าเขาเป็นใคร

    ที่มาื : เหรียญพญาเต่าเรือน หลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง จ.นครปฐม

    "อย่าลืมนะว่าครั้งนึง พญามาร ก็ยังเคยแปลงเป็นพระพุทธเจ้ามาแล้ว"

    "อย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น อย่าเชื่อจากการได้ยินมา อย่าเชื่อจนกว่าจะลงมือปฏิบัติจนสำเร็จมรรคผลนั้นเอง"
     
  2. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,019
    อะไรคือ "มาร" อะไรคือ "พญามาร"

    ณ วันนี้ เวลานี้ ขณะเขียนอยู่นี้ ตัวเราเอง เป็นมารได้หรือไม่้ ตัวเราเองเป็นเทวดา ได้หรือไม่ เป็นพระ เป็นพรหมได้หรือไม่ ขอตอบว่าได้ทุกเวลา อยู่ที่จิต ของเรานั่นเอง จิตที่เห็นผิดเป็นชอบ จิตที่เห็นขาวเป็นดำ จิตที่หมุนซ้ายไม่หมุนขวา อย่าไปโทษ ท่านมาร หรือท่านพญามาร ในทางตรงกันข้ามเราต้องสำนึกในพระคุณของท่านมาร และพญามาร ที่ได้สอนให้เราได้รู้ว่าเห็นผิดเป็นอย่างไร เห็นถูกเป็นอย่างไร สาธุ

    สรุป มารก็คือ จิตของเราเองที่เห็นผิดเป็นชอบ โทษมาร โทษพญามาร ก็เท่ากับโทษตัวเราเอง ด่าตัวเราเอง [www.marateebook.com]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2012
  3. เราต้องรอด

    เราต้องรอด สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +3
    สรุปคือ มารไม่จำเป็นต้องคิดว่าตัวเองเป็นมาร ตรงข้าม พวกเขาอาจนึกว่าตนเป็นฝ่ายพระเอก นางเอก ด้วยซ้ำ มีแต่กรรมของเขาที่แสดงในตัวเองว่าเขาเป็นใคร

    สรุป มารก็คือ จิตของเราเองที่เห็นผิดเป็นชอบ โทษมาร โทษพญามาร ก็เท่ากับโทษตัวเราเอง ด่าตัวเราเอง

    อะไรคือผิด อะไรคือชอบ มารทำให้ชอบเป็นผิดได้ไหม พวกเขา(มาร)แสดงกรรมเองได้ไหม ขอถามเพื่อคลายความสงสัยครับ
     
  4. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,019

    เป็นคำถามที่ดี มีประโยชน์ ล่อเหยื่อเพื่อให้ถาม เคยได้ยิน เคยได้ฟัง ผู้ที่โกนหัว โกนคิ้ว ห่มผ้าเหลือง แต่จิตของเขา เห็นผิดเป็นชอบ ( ไม่ขอพูดว่าเป็นเรื่องอะไร ) กระแสรข่าวออกมา เขียนว่าเขาเป็นมารศาสนา หรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทำการอย่างใด อย่างหนึ่ง (ไม่ขอพูดว่าเป็นเรื่องอะไร ไปอ่านข่าวเอาเอง) ก่อนเกิดเหตุเขาเป็นอะไร หลังเกิดเหตุ เราเรียกเขา อย่างไร
    “อะไรคือผิด อะไรคือชอบ มารทำให้ชอบเป็นผิดได้ไหม พวกเขา(มาร)แสดงกรรมเองได้ไหม”
    ท่านเคยได้ยินคำว่า ทุกอย่างสำเร็จได้ ด้วยจิต ไหม ไม่ว่าผิด ไม่ว่า ชอบ ไม่ว่า บวก ไม่ว่า ลบ สำเร็จได้ด้วยจิต
    จิตไม่มีวันตาย แม้ร่างกายจะผุพัง เน่าเปลี่อย แต่จิตไม่มีวันตาย แค่เปลี่ยนกาย เปลี่ยนสถานที่เท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2012
  5. เราต้องรอด

    เราต้องรอด สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +3
    หมายความว่าผิดถูกอยู่ที่จิตเหรอป่าวครับ

    ยังไม่ค่อยเข้าใจ
     
  6. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,019
    ถูกต้องครับ อยู่ที่ตัวจิตเป็นตัวเลือก "สัมมาทิฐิ มิจฉาทิฐิ" จิตจะเลือกหมุนซ้าย หรือหมุนไปขวา แต่การที่ตัวจิตจะเป็นตัวเลือกนั้น ก็ขึ้นอยู่กับ ตัวปัญญาของแต่ละท่าน " ศีล สมาธิ ปัญญา" ตามที่พระท่านกล่าวเอาไว้
    ตัวอย่าง พระเทวทัต ท่านเป็นพระญาติ ของพระพุทธเจ้า ได้บวชในพระพุทธศาสนา และอะไรละ ที่ทำให้ต้องมีชะตากรรม เช่นนั้น ท่านยังต้องรับชดใช้กรรมอยู่ หมดกรรม เมื่อใด ท่านก็จะได้กลับมาเป็นพระพุทธเจ้า ที่เรียกว่า "พระปัจเจกพุทธเจ้า" อีกตัวอย่างหนึ่ง ท่านซาตาน ประวัติของท่านก็เป็นเทวดา เป็นอัยการของสวรรค์ แล้วอะไรละ ที่ทำให้ต้องถูกขับลงมาจากสวรรค์
    ก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุึ ทุกอย่างแก้ไขได้ด้วยจิต [www.marateebook.com]
     
  7. karn_kang

    karn_kang สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2011
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +2
    มาร คือ เครื่องขัดขวางในการทำความดี

    จากหนังสือนักธรรมโท "มาร" มี 5 ประเภท คือ

    1. กิเลสมาร
    - ราคะ โทสะ โมหะ

    2. ขันธ์มาร
    - รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์

    3. อภิสังขารมาร
    - กุศลกรรม และ อกุศลกรรม อันทำให้วนเวียนอยู่ในสังสารวัฎ

    4. มัจจุมาร
    - ความตาย

    5. เทวปุตมาร
    - ผู้อื่นที่มาขัดขวางในการทำความดี
     
  8. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,019
    ท่าน อันเบิร์ต ไอสไตน์ นักวิทยาศาสตร์ เชื้อสายยิว ผู้มีความเป็นเลิศทางปัญญา ศึกษาพระธรรมคำสอน ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนพบ”ธรรมชาติ และจิตใจ หรือดวงจิต” และน้อมรับพระธรรมคำสอน ไอสไตน์ใช้ปัญญาพิจารณาก่อน จากนั้นจึงใช้จิตน้อมรับคำสอน จิตของไอสไตน์หมุนไปทางขวา ทางสายธรรม หากจิตหมุนไปในทางตรงกันข้าม ไอสไตน์ก็ได้ชื่อว่าเป็นมารตัวหนึ่ง [www.marateebook.com]

    [​IMG] ไอสไตน์
     
  9. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    ..........................................................................................
    เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...