กระจก 6 ด้าน ( ความรู้สึกริษยาจนทนไม่ได้ ต้องให้ความร้อนอย่างยิ่ง )

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย JitJailove, 28 กรกฎาคม 2012.

  1. JitJailove

    JitJailove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +741
    กระจก 6 ด้าน ( ความรู้สึกริษยาจนทนไม่ได้ ต้องให้ความร้อนอย่างยิ่ง )

    ..สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก..





    อิสสา ท่านแปลว่า “ริษยา” คือเห็นเขาได้ดีทนอยู่ไม่ได้ ที่จริงความหมายของคำว่าอิสสาริษยา ก็ให้ความเข้าใจที่ชัดแจ้งอยู่แล้วว่าเป็นความร้อน เพราะมีความหมายว่า “ทนอยู่ไม่ได้” สิ่งที่ต้องทนนั้นถ้าพอทนได้ก็แสดงว่าไม่ร้ายแรง หรือไม่หนักหนานัก
    ความรู้สึกริษยาจนทนไม่ได้ ต้องให้ความร้อนอย่างยิ่ง และผู้ที่ได้รับความร้อนอย่างยิ่งนั้นก็มิใช่ผู้อื่น เป็นเจ้าตัวผู้มีความริษยาเอง

    ความริษยา เป็นอาการอย่างหนึ่งของกิเลส
    ปุถุชนเป็นผู้มีกิเลส จึงเป็นธรรมดาย่อมไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของตนให้เป็นไปอย่างผ่องแผ้ว ปราศจากกิเลสได้เสมอไป ความริษยาเป็นอาการหนึ่งของกิเลส ดังนั้นปุถุชนจึงย่อมยากที่จะควบคุมไว้ได้ไม่ให้เกิด ความริษยาของปุถุชนจึงย่อมเกิดได้เป็นระยะหรือเป็นครั้งคราว ต่อคนนั้นบ้างต่อคนนี้บ้าง
    ผู้มีปัญญา แม้มิสามารถดับความริษยาได้จริง
    จึงแก้ไขป้องกันควบคุมมิให้เกิดง่ายและแรง


    แต่ผู้มีปัญญาเห็นโทษของความริษยาที่ตนได้รับว่า ยิ่งปล่อยให้มีความริษยามาก ตนก็จะได้รับโทษของความริษยามาก ผู้มีปัญญาจึงแก้ไขป้องกันควบคุมมิให้ความริษยาเกิดง่าย และเกิดแรง แม้ว่าจะไม่สามารถดับเสียได้จริงตลอดไป

    ผู้ขาดเมตตาต่อตน...เมื่อเห็นเขาได้ดีทนอยู่ไม่ได้
    ผู้ที่เมื่อเห็นคนอื่นได้ดีแล้วเกิดความริษยา คืออิสสา ที่มักเรียกปนกันไปว่า อิจฉานั้น เป็นผู้ที่ขาดเมตตา มีเมตตาไม่พอ โดยเฉพาะแก่ตนเอง เพราะเมื่อความริษยาก่อให้เกิด ความร้อนใจ ผู้ยอมให้ความริษยาเกิดขึ้น ก็เท่ากับทำใจตนให้ร้อน ไม่มีความสุข จึงเท่ากับไม่มีเมตตาต่อตนเองนั่นเอง
    แม้ความริษยาจะเป็นการขาดเมตตาแก่ตนด้วย ต่อผู้อื่นด้วย แต่บางทีความริษยาก็ให้ทุกข์แต่กับผู้มีความริษยาเองเท่านั้น มิให้ทุกข์ถึงผู้ถูกริษยาด้วย เพราะบางทีความริษยานั้น ก็มิอาจปรากฏออกเป็นการกระทำคำพูดได้ ต้องอัดแน่นเป็นความทุกข์ร้อนเร่าอยู่แต่ในหัวใจผู้มีความริษยาเท่านั้น จึงพยายามไม่ให้ความริษยาเกิดขึ้นเสียดีกว่า
    ความริษยาเกิดแก่ผู้ใด
    ย่อมให้ความทุกข์เร่าร้อนแก่ผู้ริษยาเอง

    ผู้มีปัญญารู้ว่า ความริษยาเป็นความทุกข์เป็นความเร่าร้อนแก่ตนแน่นอน ตรงกันข้ามกับเมตตา ที่ทำให้ความสุขความเย็นแก่ตนแน่นอน และเมตตาก็ดับความริษยาได้ เช่นเดียวกับดับโกรธได้ ดังนั้นผู้มีปัญญาจึงอบรมเมตตา เพื่อให้เพียงพอสำหรับดับความโกรธและความริษยา
    ความคิดปรุงแต่งนั้นสำคัญนัก
    แม้การทำให้ความริษยาเกิดหรือทำให้ไม่เกิด

    อิสสาและริษยานั้น จะเกิดได้ก็ต้องมีความคิดปรุงแต่งให้เกิด ถ้าคิดปรุงแต่งให้เมตตา ก็จะเกิดเมตตา ก็จะไม่เกิดอิสสา ความคิดปรุงแต่งจึงสำคัญนัก แม้ในการทำให้เกิดความริษยาหรือทำให้ไม่เกิด
    ความยินดีด้วยเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดี
    ย่อมให้ความสุขแก่เจ้าตัวก่อนแน่นอน

    เมื่อเห็นผู้ใดดี ถ้าผู้นั้นเป็นผู้ที่รักที่ชอบพอ เป็นลูกหลาน ความคิดปรุงแต่งก็จะพาให้ความยินดีเกิดขึ้นด้วยในใจ ความคิดปรุงแต่งนั้นจะเป็นไปในทางชื่นชมยินดีในผู้ได้ดี เช่นว่า มีความดีความเหมาะควรต่างๆ สมกับความดีที่ได้รับนั้น จิตใจของผู้ปรุงแต่งเช่นนั้น ก็จะพลอยเป็นความอิ่มเอิบไปกับความคิดยินดีด้วยของตน
    กล่าวว่าความยินดีด้วยเมื่อผู้อื่นได้ดี ให้ความสุขแก่เจ้าตัวก่อนแน่นอน เช่นเดียวกับความริษยา ที่ทำให้ความทุกข์แก่เจ้าตัวก่อนแน่นอน
    ความคิดที่ไม่ประกอบด้วยเมตตาเพียงพอ
    ก็อาจพาให้เกิดความริษยาแก่ผู้นั้นได้

    เมื่อเห็นผู้ใดดี ถ้าผู้นั้นเป็นผู้อื่นหรือไม่ใช่ผู้เป็นที่รักที่ชอบพอ ความคิดปรุงแต่งที่ไม่ประกอบด้วยเมตตาเพียงพอ ก็อาจพาให้เกิดความริษยา ความคิดปรุงแต่งนั้นอาจเป็นไปในทางไม่ชื่นชมยินดีไม่เห็นด้วยในผู้ได้ดี เช่นว่า ไม่มีความดีความเหมาะควรกับความดีที่ได้รับนั้น คนอื่นหรือตัวเองดีกว่า เหมาะควรกว่าเป็นต้น
    จิตใจของผู้ปรุงแต่งเช่นนั้น จะเป็นทุกข์เร่าร้อนด้วยความคิดริษยาของตน กล่าวว่าความริษยานั้นให้ความทุกข์แก่เจ้าตัวก่อนแน่นอน เช่นเดียวกับความพลอยยินดีด้วย ที่ให้สุขแก่เจ้าตัวก่อนแน่นอน
    ทั้งความพลอยยินดีด้วย และความริษยาเมื่อเห็นเขาได้ดี เกิดจากความคิดปรุงแต่งทั้งสิ้น แตกต่างกันที่เป็นความคิดปรุงแต่งที่ประกอบด้วยเมตตา และเป็นความคิดปรุงแต่งที่ไม่ประกอบด้วยเมตตา ทั้งเป็นความคิดปรุงแต่งที่ประกอบด้วยปัญญา และเป็นความคิดปรุงแต่งที่ไม่ประกอบด้วยปัญญาอีกด้วย
    ควันอันเกิดจากไฟริษยา
    บดบังความประภัสสรแห่งจิต

    ริษยาเป็นไฟทำให้ใจร้อนใจไหม้ มีผลเป็นควันตลบอยู่ ควันนั้นจะบดบังความประภัสสรแห่งจิต ผู้ที่มีความริษยาแรงเท่าใด การจะแลเห็นความแจ่มใจประภัสสรสวยงามแห่งจิต ย่อมเป็นไปไม่ได้เพียงนั้น
    ดับไฟริษยา ด้วยเมตตาและสันโดษ
    ความริษยาจะเกิดหรือไม่เกิด จะเกิดเบาหรือเกิดแรง ขึ้นอยู่กับความคิดปรุงแต่งทั้งสิ้น มิได้ขึ้นอยู่กับอะไรอื่น ผู้มีปัญญารู้ว่าจิตของตนมีความประภัสสรงดงาม แต่ควันแห่งไฟริษยาเป็นสิ่งหนึ่งที่จะปกคลุมไว้มิให้ปรากฏความประภัสสรงดงาม ล้ำค่าได้
    ผู้มีปัญญาจึงพยายามควบคุมความคิดปรุงแต่ง ดับความคิดปรุงแต่ง ที่จะเป็นเหตุให้ความริษยาเกิด ด้วยเมตตาและสันโดษ ผู้มีปัญญารู้จักสันโดษและโทษของความคิดปรุงแต่งเท่านั้น จึงจะได้รู้จักจิตอันแจ่มใสประภัสสร ซึ่งเป็นสมบัติแท้ๆ ของตนที่มีอยู่แล้ว
    ..สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก..


    เมื่อ ส, 03/05/2011 - 08:51

    กระจก 6 ด้าน ( ความรู้สึกริษยาจนทนไม่ได้ ต้องให้ความร้อนอย่างยิ่ง ) | Think Beyond Book

    *********
    อ่านแล้วว่าดี จึงนำมาฝากค่ะ


     
  2. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    เพลงละครริษยา

    เมฆหมอกบังตา หรือฟ้าบังใจ
    หรือใครทำให้ ชีวิตเลือนลาง
    พิษกราดกลางใจ ดับไฟส่องทาง
    หรือใครอำพราง สร้างฉันมาเจอ

    เป็นความรักหรือว่าเป็นความผิด
    เป็นหนี้ชีวิต ของใคร
    จึงยอมมอบกาย และมอบหัวใจ
    ใช้หนี้แรงไฟ ริษยา

    เลยต้องมาทน ให้เขาทำลาย
    เหมือนไม้ประดับ ที่ไร้ราคา
    เพราะความรุ่มร้อน ด้วยแรงริษยา
    หรือลืมไปว่า อยู่ฟ้าเดียวกัน
     
  3. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    คนพอแล้ว จะไม่ริษยาใคร
    คนริษยา เพราะเป็นคนมีมานะทิฎฐิเยอะ ชอบเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
    เพราะขาดปัญญาพิจารณาว่า สูงต่ำ ดำขาว นี่เพราะว่า บุญทำกรรมแต่ง
    คนบางคนตนเองไม่ได้สร้างมา อยากมียศถาบรรดาศักดิ์ แต่ทรัพย์ไม่มี ทานไม่มี จะเอาอะไรมายกขึ้น

    นี่ถ้าเข้าใจ และ ยอมรับในกรรม เราก็จะไม่ริษยาใคร มีแต่จะน้อมรับใน วาสนาตนเอง เท่าที่ตนสร้างมา
     
  4. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    คนพอแล้วแต่ชอบเข้าในกระทู้คนอื่นเที่ยวด่าคนโน้นคนนี้ ก็เห็นเข้ากระทู้ใครก็โดนด่าทุกครั้ง คนโบราณเปรียบไว้ว่า "ไอ่พวกคางคก ยางหัวไม่ตกก็ไม่รู้สึก"
    ที่เองพูดมาทั้งหมดมันตรงกับข้อความที่พระพุทธเจ้าสอนบ้างไหม ยกมาให้ดูบ้างซิ? พยายามจะเอาขยะมาปกปิดธรรมของพระพุทธเจ้า เองน่ะนรกชัดๆ
     
  5. รีล มาดริด

    รีล มาดริด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +717
    ชัดเจน..ดี..ครับ....เน้นๆ ตรงเหลี่ยม เป๊ะๆๆๆ

    แบบว่า บางที ต้องการ อวด ไง ครับ เลย ไปกดหัวคนโน้นคนนี้ พอโดนสวน ก็ ยัดข้อหาคนอื่นว่า ต้องลงนรกไป หรือไม่ ก็ ยัง อ่อนหัด เรื่อง ธรรมมะ..ไม่ได้ดูตนเองเลยว่า งมงาย แค่ไหน แค่มา เวบพลังจิตมาเล่นๆๆ เกมในเวบพลังจิต มาอวด ธรรมมะ แต่ กลัว ไฟ สีแดง ใต้ชื่อ...งมงาย ไร้ สติ หนัก.แค่ นี้ ตัวตน เขา มันไม่มีค่า แล้ว แต่ มัน ไม่รู้ตัว และ แถๆๆๆ ไปเรื่อยๆ

    ปล. ผม หมายถึง นาย ขันธ์ นะครับ..เกรงจะ งง ไม่เข้าใจ กัน...
     
  6. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ๘๒. คนที่เกิดมีขวานมาในปากด้วย

    "คนที่เกิดมาแล้ว มีขวานเกิดมาในปากด้วย คนพาลเมื่อกล่าวคำชั่ว ชื่อว่าใช้ขวานนั้นฟันตนเอง. ผู้ใดสรรเสริญคนที่ควรติ ติคนที่ควรสรรเสริญ ผู้นั้น ชื่อว่าใช้ปากเลือกเก็บความชั่วไว้ จะไม่ได้ประสบความสุข เพราะความชั่วนั้น."

    ทสกนิบาต อังคุตตรนิกาย ๒๔/๑๘๕
    <!-- End main-->

    ตรงเป๊ะๆๆๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...