<table id="post5942920" class="tborder" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center" border="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">diya
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต
วันที่สมัคร: Jan 2010
ข้อความ: 1,176
Groans: 10
Groaned at 1 Time in 1 Post
ได้ให้อนุโมทนา: 7,393
ได้รับอนุโมทนา 1,216 ครั้ง ใน 470 โพส
พลังการให้คะแนน: 405
</td> <td class="alt1" id="td_post_5942920" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> UPDATE : ขออนุญาตท่านเข้าของกระทู้ค่ะ
รวบรวมไว้เผื่อท่านอื่นๆมาอ่านทีหลัง
ลองหาดูนะคะว่าพื้นที่ที่จะถามท่าน Aunyasit ตอบไว้แล้วหรือยัง
หากผิดพลาดประการใดขออโหสิกรรมด้วยนะคะ
ขอบุญรักษาพระคุ้มครองทุกท่าน
กรุงเทพมหานคร
- แถวพุทธมณฑลสายสี่เมื่อถึงกาลของภัยพิบัติจะจมอยู่ใต้น้ำครับ
- ส่วนเขตจอมทองกรุงเทพฯถึงเวลาจะจมน้ำมิดเลยครับ
- ส่วนกทม. พื้นที่ชั้นในจะอันตรายสุด(จมหาย)
ส่วนพื้นที่รองๆลงมาก็ค่อยๆจมในกาลต่อมาสรุปว่ากทม.จะหายไปในที่สุดครับ
- โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ (สาทร) ถึงตอนนั้นตึกส่วนใหญ่จะจมอยู่ใต้น้ำหมด
ตึกสูงก็จะล้มลงมาครับ คลื่นน้ำประกอบกับแรงจากแผ่นดินไหวเขย่าไม่นานจะพังพาบหมดครับ
นนทบุรี
- ส่วนจ. นนทบุรีถึงตอนนั้นพื้นที่ส่วนใหญ่จะจมมิดครับ
สมุทรปราการ
- สมุทรปราการและใกล้เคียงไม่น่าอยู่เลยครับไม่มีที่ไหนปลอดภัยเลยครับลองพิจารณาดูว่าคลื่นสูงประมาณร้อยเมตรน้ำจะท่วมและทำลายเป็นอาณาบริเวณกว้างครับความสูงจากระดับน้ำทะเลของจ.สมุทรปราการใกล้เคียงกับกทม. ต่อไปคงจะมีสภาพเป็นเมืองใต้น้ำครับทางที่ดีควรจะเล็งหาที่พักพิงไว้บ้างก็ดีครับ
พระนครศรีอยุธยา
- จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจะจมมิดและกลายเป็นเมืองใต้น้ำครับ
ลพบุรี
- ส่วนจังหวัดลพบุรีบางส่วนน้ำท่วม(ตามที่ราบต่างๆ) ในส่วนภูเขาจะพออยู่ได้แต่ลพบุรีจะมีโรคระบาดหนักมากครับ
อุทัยธานี
- เขตอ.บ้านไร่อุทัยธานีให้หาที่สูงตามเนินเขาที่มีความชันน้อยเป็นที่หลบภัยครับพยายามหลีกเลี่ยงเชิงเขาลาดชันเพราะถ้าเกิดเหตุรุนแรงดินภูเขาและก้อนหินจะถล่มลงมาครับ
- ส่วนอยู่อำเภอเมืองอุทัยธานีและอำเภอหนองมะโมงจังหวัดชัยนาทสถานการณ์จะใกล้เคียงกันคือน้ำท่วมสูงครับต่อไปน้ำจะท่วมเป็นจังหวัดๆเลยครับจะไม่ท่วมตามแนวทางน้ำไหลเหมือนแต่ก่อนที่ลุ่มท่วมมากที่ดอนท่วมน้อยแต่ก็ส่งผลกระทบเหมือนกัน
สระบุรี
- จ.สระบุรีน้ำจะค่อยๆท่วมจนถึงอ. มวกเหล็กอ. เมืองสระบุรีถึงเวลานั้นคงจะจมน้ำครับแน่นอนว่าจ. สระบุรีจะเจอกับโรคระบาดแน่นอนครับศูนย์กลางของโรคระบาดจะอยู่แถวจ.ลพบุรีครับ
- จ.สระบุรีก็จะมีสภาพใกล้เคียงกันกับจ.ลพบุรีส่วนแถวเขาพระพุทธบาทสระบุรีนั้นน่าจะปลอดภัยครับทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าพุทธานุภาพในเขตนั้นยังมีหลงเหลืออยู่มากน้อยขนาดไหนครับถ้ามีพุทธานุภาพอยู่เหมือนเช่นในอดีตก็จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยครับ
เพชรบูรณ์
- เขตอ. เมืองจ. เพชรบูรณ์เสี่ยงกับแผ่นดินแยกและโรคระบาดครับดูแล้วไม่ค่อยปลอดภัยนักแต่ที่ห่างไกลจากชุมชนก็ไม่ค่อยกระทบมากครับ
- หนองไผ่จังหวัดเพรชบูรณ์จะปลอดภัยกว่าอำเภอแม่สายจังหวัดเชียงรายครับ
- อ.บึงสามพันจ.เพชรบูรณ์พื้นที่โดยรวมค่อนข้างจะปลอดภัยครับแต่ให้หลีกเลี่ยงที่ใกล้ๆทางน้ำไหลและไหล่เขา/เนินดินที่สูงชันครับ
- พื้นที่ใกล้ๆวัดพระพุทธบาทชนแดนจังหวัดเพชรบูรณ์โดยรวมค่อนข้างจะปลอดภัยครับ
- เขาเต่าภูทับเบิกจังหวัดเพชรบูรณ์ปลอดภัยกว่าอ.ร่อนพิบูลย์ครับเพราะแม้ความสูงจากระดับน้ำทะเล 50 เมตรนั้นยังคงมีความเสี่ยงกับคลื่นสูงจากท้องทะเลครับภาคใต้ส่วนใหญ่จะจมน้ำครับ
- บนภูทับเบิกค่อนข้างปลอดภัยแต่ขึ้นอยู่กับดินภูเขาแถวนั้นว่าจะทนแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้มากน้อยขนาดไหนและให้ระวังน้ำป่าให้มากๆครับ
- อ.เขาค้อจ.เพชรบูรณ์ค่อนข้างปลอดภัยครับแต่ต้องระวังน้ำจากฝนที่จะตกหนักมากๆแต่โดยรวมค่อนข้างปลอดภัยครับ
- อ. หล่มสักโดยรวม จะดีกว่า อ. น้ำหนาวครับ
พิษณุโลก
- อ.วังทองพิษณุโลกนั้นที่ราบไม่ปลอดภัยแน่นอนเล็งหาที่ปลอดภัยแถบเนินเขาเตี้ยๆไว้ครับ
- อ. เมืองพิษณุโลกน้ำจะท่วมไปครึ่งเมืองและมีโรคระบาดครับ
- อ. เมืองจ.พิษณุโลกน้ำจะท่วมประมาณครึ่งเมืองแถมด้วยโรคระบาดครับแต่บารมีพระพุทธชินราชจะช่วยเมืองนี้ได้เยอะครับ
- จ.พิษณุโลกในหลายพื้นที่น้ำจะท่วมอย่างน้อย 3 เดือนครับส่วนที่ปลอดภัยในเขตอ. เมืองนั้นมีพื้นที่ตามภูเขาใกล้เมืองค่อนข้างปลอดภัยครับแต่ต้องสำรวจทางหนีที่ไล่ไว้ด้วยว่าจะเดินทางไปอยู่ตรงไหนและจะอยู่ยังไง
สุโขทัย
- เขตอ.ศรีสัชนาลัยจ.สุโขทัยผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นแผ่นดินแยกจากแผ่นดินไหวมากกว่าครับรวมทั้งน้ำมหาศาลจะมาท่วมขังถ้าห่างออกไปประมาณ 50 กม. ก็ค่อนข้างปลอดภัยจากน้ำแต่แผ่นดินไหวนี่เลี่ยงไม่ได้ครับความปลอดภัยขึ้นอยู่กับภูมิประเทศที่ตั้งอยู่ด้วยครับ
นครปฐม
- จ.นครปฐมเกือบทั้งหมดจะจมน้ำครับ
- จ.นครปฐมหาที่ปลอดภัยไม่เจอเลยครับ
พิจิตร
- ส่วนจ.พิจิตรก็มีที่ปลอดภัยแถวภูเขาในหลายพื้นที่ครับ
กำแพงเพชร
- จ.กำแพงเพชรให้หลีกเลี่ยงใกล้ทางน้ำไหลและที่ราบครับเพราะน้ำจะท่วมเยอะแต่แถวอ.พรานกระต่ายต่อไปถึงเขตอ.คีรีมาศส่วนใหญ่ค่อนข้างปลอดภัยครับ
สมุทรสาคร
- แถววัดเกตุมต่อไปแถวนั้นจมมิดอยู่ใต้น้ำครับสำหรับพระธาตุนั้นท่านเสด็จไปมาได้ครับ
สุพรรณบุรี
- จ. สุพรรณบุรีจมหายครับแต่จะมีภูเขาโผล่อยู่จำนวนนึงครับ
นครนายก
- แถววัดถ้าสาริกาจ.นครนายกโดยรวมไม่ค่อยปลอดภัยเลยครับพายุจะพัดกระหน่ำหนักมากแถบนี้ตามถ้ำที่อยู่สูงๆจะพออาศัยได้ครับถ้าหากมีที่ไปให้ไปทางอีสานดีกว่าครับ
- นครนายกไม่น่าอยู่เลยครับ ทั้งพายุ น้ำท่วม เขื่อนแตก โรคระบาด หาทางอพยพไปที่อื่นจะดีกว่าครับ
ศรีษะเกศ
- อ.เมืองจ.ศรีษะเกศปลอดภัยจากน้ำเฉพาะในเขตที่สูงครับส่วนที่ราบจะจมครับอีสานใต้จะเจอพายุฝนแรงเพราะอยู่ใกล้ทิศทางของมหาพายุครับ
อุบลราชธานี
- อ.วารินชำราบจ.อุบลราชธานีใกล้วัดหนองป่าพงปลอดภัยครับ
- เขื่อนสิริกิตเมื่อถึงเวลาภัยพิบัติผมเข้าใจว่าไม่น่าจะเกิน 7 วันนับแต่วันฟ้ามืดเขื่อนนี้จะแตกครับที่จริงไม่รู้ว่าจะเรียกว่าแตกหรือเปล่าคือน้ำน่ะล้นเขื่อนไหลบ่าลงมาเรื่อยๆจากนั้นโครงสร้างที่อยู่ใต้น้ำก็คงจะพังตามมาด้วยไม่สามารถต้านทานกำลังน้ำและแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้
- อ.วารินชำราบจ.อุบลราชธานีบนเส้นทางด้านจะไปอ.เดชอุดมค่อนข้างปลอดภัยครับแต่สำหรับเส้นทางในการเดินทางนั้นผมไม่ชำนาญลองหาข้อมูลจากแหล่งอื่นครับ
- อ.เขื่องใน และ อ.น้ำยืน จ. อุบลราชธานี ค่อนข้างจะปลอดภัยครับ
อุดรธานี
- จ.อุดรธานีน้ำจะท่วมถีงคอบริเวณอ. เมืองและใกล้เคียงส่วนกิ่งอ.หนองหินจ.เลยค่อนข้างปลอดภัยแต่ต้องเตรียมเสบียงอาหารการกินพร้อมทั้งน้ำดื่มกินให้บริบูรณ์ครับ
- ส่วนอ. เมืองจ.อุดรธานีนั้นช่วงภัยพิบัติน้ำจะท่วมประมาณถึงคอครับแต่จะท่วมระยะเวลานึงเท่านั้นแต่ภัยอื่นๆก็มีเช่นกันครับ
- จ. อุดรธานีคงจะท่วมนานหลายเดือนเช่นกันครับเพราะถึงเวลานั้นทุกที่มีจะมีแต่น้ำน้ำก็จะท่วมขังมากและเป็นเวลานานครับ
- วัดป่าบ้านตาด น้ำจะท่วมเหมือนกันนะครับ แต่ไม่มากนักพอจะอยู่ได้ ไม่ถึงกับจมหาย อาหารการกินต้องเตรียมไว้พร้อมให้มากครับ บารมีหลวงตาน่ะขอไม่ได้ภัยพิบัติคราวนี้ต้องขอบารมีพระพุทธองค์ครับ
อำนาจเจริญ
- สำหรับ จ. อำนาจเจริญนั้น ก็จะเจอผลกระทบของพายุครับ น้ำท่วมฉับพลันและไหลบ่าไปในที่ที่ไม่เคยท่วม นอกจากนั้นในเมืองจะเจอโรคระบาดด้วยครับ
บุรีรัมย์
- อ.นางรองจบุรีร้มย์จะเสี่ยงต่อผลจากการประทุของภูเขาไฟครับต้องเตรียมตัวพร้อมที่จะเคลื่อนที่ไปสู่จุดที่ปลอดภัยได้ตลอดเวลาครับที่ปลอดภัยในบริเวณนั้นนะมีครับแต่ถึงเวลานั้นเราจะไปอยู่ถูกที่ถูกเวลาหรือไม่เท่านั้นเองครับ
- อ. นางรองจังหวัดบุรีร้มย์ผมเข้าใจว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ด้วยเทวานุภาพแต่ภัยพิบัติใหญ่ในครั้งนี้จะต้องอาศัยพื้นที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ด้วยพุทธานุภาพเท่านั้นครับจึงจะปลอดภัยดังนั้นอ. นางรองจังหวัดบุรีร้มย์อย่างน้อยจะเป็นแหล่งรับน้ำในจังหวัดนี้ครับทางที่ดีหาที่สูงกว่านี้อยู่ดีกว่าครับและมหาพายุก็จะพัดผ่านเช่นกันครับ
นครราชสีมา
- อ.ปากช่องจ.นครราชสีมานอกเหนือจากน้ำหลากและโรคระบาดแล้วก็ปลอดภัยจากสิ่งอื่นๆบหากไม่อยู่ในชุมชนใหญ่ก็จะปลอดภัยมากขึ้นครับ
- เขาใหญ่ที่วัดมกุฏคีรีวันค่อนข้างปลอดภัยครับแต่ในช่วงเวลาของภัยพิบัติเข้าใจว่าจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกดังนั้นควรเตรียมเสบียงไว้ให้พร้อม
- อำเภอเมืองจังหวัดนคราชสีมาโรคระบาดหนักแน่นอนครับฯก็มีท่วมบางส่วนแต่ไม่อันตรายเท่าโรคระบาด(คนจะตายแบบใบไม้ร่วงเลยครับ)โรคพวกนี้ผมเข้าใจว่าจะติดต่อทางลมหายใจครับ
- อ.หนองบุนมากจ.นครราชสีมาช่วงแรกน้ำจะไหลบ่าแต่จะท่วมไม่นานพออยู่ได้จากนั้นให้ระวังเรื่องโรคระบาดครับ
- ส่วนวังน้ำเขียวน้ำจะท่วมและจะมีแอ่งน้ำเกิดใหม่จำนวนมากตามที่ราบและซอกเขาและโรคระบาดจะรุนแรงพอๆกันกับในตัวเมืองโคราชเข้าใจว่าคนจะอพยพไปอยู่กันเยอะครับ
- อ.โชคชัย หากห่างจากชุมชนใหญ่และอยู่สูงกว่าทางน้ำไหลมากๆ ก็จะปลอดภัยครับ แต่จะเจอพายุเช่นกันครับ แบบเดียวกับ อ. หนองบุนนาคครับ
- แถว ม.สุรนารี จะเจอทั้งพายุฝน น้ำไหลบ่า และตามมาด้วยโรคระบาดเพราะเป็นชุมชนเมืองใหญ่ ค่อนข้างจะอยู่ยากครับ ถ้าหาที่อยู่ได้ให้ไปทางอีสานเหนือ จะปลอดภัยกว่ากันมากครับ
- อ. หมูสี จ.โคราช ค่อนข้างปลอดภัยจากพายุเพราะมีภูเขาบังแต่น้ำจะไหลบ่าแรงและต่อไปคนจะแห่ไปอยู่แถวนั้นเยอะ โรคระบาดจะมาเยือนครับ
- บริเวณอำเภอสีคิ้ว โคราช ประมาณ กม.9 ฝั้งซ้ายคือฝั่งทำการเกษตร นั้นหากสถานที่อยู่สูงจากทางน้ำไหล เช่นตามดอนหรือเนินเขาก็สามารถอยู่ได้ครับ แต่ต่อไปคนจะหนาแน่นขึ้นมากและจะทำให้เสี่ยงต่อโรคระบาดครับ ยกเว้นว่าวางแผนอยู่เป็นเอกเทศ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับชุมชนอื่นเป็นช่วงระยะเวลาสัก 6 เดือนแรก ก็ค่อนข้างจะปลอดภัยครับ
- อ.ปักธงชัย โคราช ที่สูงๆพออยู่ได้ครับ แต่ต้องผจญกับพายุและน้ำที่จะมีมามากเหลือเกินครับ ถ้าผ่านเรื่องพายุและน้ำไปได้ก็พออยู่อาศัยได้แต่ให้ห่างชุมชนใหญ่ไว้ครับเพราะต่อจากน้ำและพายุก็จะเป็นโรคระบาดแล้วครับ
สกลนคร
- อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ค่อนข้างปลอดภัยครับ
- อ.คำตากล้า จ.สกลนคร ก็ค่อนข้างปลอดภัยครับ
เลย
- อ. ด่านซ้ายจ.เลยค่อนข้างปลอดภัยครับ
- อ.ภูกระดึง อ.วังสะพุงและอ.ผาขาว จ.เลย ทั้งสองที่ค่อนข้างปลอดภัยครับ หลีกเลี่ยงที่ราบลุ่มและให้หาที่สูงที่มีความลาดชันน้อยๆเอาไว้หนีน้ำหลากครับ และเตรียมเครื่องกันหนาวจัดไว้บ้าง แถบนั้นต่อไปอากาศจะหนาวระยะเวลานานเป็นเดือนๆเลย แต่คนและสัตว์ส่วนใหญ่ก็สามารถทนรับสภาพได้ครับ
มหาสารคาม
- ตัวอ. โพนพิสัยให้ห่างจากม่น้ำโขงสัก 1 กม. เพราะน้ำปริมาณมหาศาลจะมาตามลำน้ำโขงครับและหลีกเลี่ยงที่ราบต่างๆที่น้ำเคยท่วมถึงซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่จะปลอดภัยจากน้ำแต่เขตชุมชนในตัวอ.โพนพิสัยเองเมื่อถึงเวลาจะมีโรคระบาดโรคระบาดนี่จะไปทั่วทุกหนทุกแห่งโดยเฉพาะชุมชนใหญ่ๆเข้าใจว่าโรคระบาดนี่จะมาจากอากาศครับ
- อ. เมือง มหาสารคาม น้ำจะท่วมบางส่วน แต่โรคระบาดจะหนักหน่อยครับ ถ้าตอนนั้นใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังก็สามารถอยู่รอดได้ครับ
นครพนม
- จ.นครพนมส่วนใหญ่จะปลอดภัยครับแต่ให้หลีกเลี่ยงริมน้ำโขงและพื้นที่ที่น้ำเคยท่วมถึงความปลอดภัยจะอยู่ในระดับเดียวกันกับที่อ.โพนพิสัยครับ
- อ.เมืองจ.นครพนมริมฝั่งน้ำโขงให้หลีกเลี่ยงเพราะน้ำจะไหลหลากแรงมากครับและจะมีโรคระบาดด้วยส่วนพายุจะกระทบไม่มากนักครับถ้าหากอยู่ใกล้ลำห้วยน้ำไหลหากไม่เตรียมอพยพก็ให้เตรียมที่อยู่ให้สูงๆไว้ครับ
ร้อยเอ็ด
- จ.ร้อยเอ็ดส่วนใหญ่น้ำจะท่วมประมาณมิดหัวครับแต่จะท่วมอยู่เป็นเวลานานเท่าไหร่ผมไม่ทราบครับ
- ส่วนอ.เมืองสรวง , อ.สุวรรณภูมิจ.ร้อยเอ็ดแม้น้ำจะท่วมประมาณมิดหัวในช่วงแรกๆแต่ก็ยังดีกว่าอ.กาบเชิงจ.สุรินทร์ที่จะสาหัสกว่าครับ
- วัดผาน้ำทิพย์พระมหาเจดีย์ชัยมงคลซึ่งบรรจุพระบรมสารีรกิธาตุอ.หนองพอกจ.ร้อยเอ็ดเป็นที่สูงสามารถหลบภัยได้ครับแต่ผมเข้าใจว่าคนจะไปพึ่งที่นั่นกันเยอะมากถ้าจะไปก็ต้องเตรียมเสบียงเต็นท์ต่างๆให้พร้อมครับต่อไปแถบนั้นจะขาดแคลนเสบียงอาหารการกินครับ
ขอนแก่น
- อ.เมืองขอนแก่นส่วนหนึ่งน้ำจะท่วม(น้ำจากฝนตกมากเกินไปไหลไม่ทัน) ส่วนที่เขื่อนนั้นให้หาทางหนีไว้ครับเท่าที่ผมทราบนั้นเขื่อนทุกที่จะแตกหมดครับ
- ตลาดดอนโมงต.บ้านกงอ.หนองเรือจ.ขอนแก่นจะเกิดปัญหาจากน้ำท่วมครับนอกเหนือจากโรคระบาดแล้ว
โดยรวมจะกระทบจากภัยพิบัติไม่รุนแรงมากนักครับ
- อ. เมือง ขอนแก่น ไม่แนะนำครับ
ชัยภูมิ
- อ.หนองระเหวชัยภูมิบางพื้นที่น้ำจะท่วมเป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือนแต่เขตชุมชนหนาแน่นหนีไม่พ้นโรคระบาดครับ
- อ.บ้านเขว้าชัยภูมิก็เช่นเดียวกันกับอ.หนองระเหวชัยภูมิครับ
- จังหวัดชัยภูมิในเขตอำเภอเมืองและพื้นที่ใกล้เคียงโดยรวมค่อนข้างปลอดภัยจากน้ำ(ท่วมไม่มากพออยู่กันได้) แต่ก็จะเจอกับโรคระบาดครับถึงเวลานั้นคนจากแหล่งที่มีโรคระบาดก็จะอพยพกันอีกระลอกนึงแต่จะเป็นการหนีเสือปะจรเข้ซะมากกว่าครับ
กาฬสินธิ์
- อ. ยางตลาดกาฬสินธิ์แม้จะมีพื้นที่บางส่วนจะค่อนข้างสูงแต่ยังอยู่ในรัศมีของมหาพายุให้หลีกเลี่ยงทางที่น้ำจะไหลผ่านครับเขตนี้มีความเสี่ยงพอสมควรต้องวางแผนการอพยพให้ดีครับให้สำรวจพื้นที่สูงไว้ด้วยครับบางทีเขตที่เป็นเขตสาธารณะเมื่อถึงเวลาภัยพิบัติก็อาจจะเป็นที่อาศัยได้ครับ
- แถวอ.กุฉินารายณ์จ. กาฬสินธุ์ก็ยังอยู่ในพื้นที่อันตรายจากพายุครับหลีกเลี่ยงสถานที่ที่เป็นทางน้ำไหลและที่ราบครับหากผ่านเรื่องฝนตกหนักและน้ำท่วมไปได้อ.กุฉินารายณ์จ. กาฬสินธุ์ก็ค่อนข้างปลอดภัยจากภัยอื่นๆครับ
- จ.การฬสินธุ์ที่อ.เขาวงกับอ. กุฉินารายณ์ดีกว่าครับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในจ.กาฬสินธุ์ผมไม่ทราบว่ามีที่ใดบ้างเพราะไม่ค่อยได้ไปทางนั้นเลยครับ
สุรินทร์
- อ.กาบเชิงจ.สุรินทร์อยู่ในเขตอีสานใต้และเป็นแนวของพายุน้ำจะท่วมครับ
หนองคาย
- จ. หนองคายปลอดภัยแต่ในหลายพื้นที่ของ จ.หนองคาย ก็จะกระทบหนักเหมือนกันครับ โดยเฉพาะแถบใกล้ๆแม่น้ำโขงน้ำจะพัดผ่านมหาศาล ดินและบ้านจำนวนมากจะไปพร้อมกับสายน้ำ แม่น้ำโขงในบางที่จะกว้างขึ้นมาก ผมเข้าใจว่าเมื่อถึงเวลานั้นคนในแถบ จ. หนองคายจะเหลือเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ครับ
บึงกาฬ
- อ.โซ่พิสัยจ.บึงกาฬกระทบไม่มากครับยกเว้นในเขตที่ราบที่น้ำจะท่วมครับแต่ถ้าเทียบกับที่อื่นๆก็ถือว่าเป็นสถานที่ค่อนข้างปลอดภัยครับ
- จังหวัดบึงกาฬ ก็จะมีผลกระทบทำนองเดียวกันกับ จ. หนองคายครับ
จันทบุรี
- จังหวัดจันทบุรีถ้าจะปลอดภัยหน่อยก็คือที่สูงหลังภูเขาทางด้านทิศตะวันตกครับทิศตะวันออกนี่จะรับลมรับฝนเต็มที่ครับ
- เขาสอยดาว บริเวณสวนศรีมหาโพธิ์ และเขาลับแล แรกๆก็จะโดนพายุและฝนอย่างหนัก แต่เมื่อพายุแลพฝนผ่านไปแล้วก็ค่อนข้างจะปลอดภัยจากภัยพิบัติอื่นๆ สามารถอยู่อาศัยได้ครับ
สระแก้ว
- สระแก้วอรัญประเทศมหาพายุจะพัดผ่านถ้าผ่านพายุนี้ไปได้หลังจากนั้นจะก็ค่อนข้างปลอดภัยครับถ้าจะหลบภัยให้หาทางไปทางทิศตกของภูเขาแถบนั้นครับ
ชลบุรี
- พัทยาจะไม่มีอะไรเหลือครับจะจมลงใต้น้ำหมดครับ
- อ.ศรีราชาจ.ชลบุรีจุดอันตรายเลยครับจะรับมหาพายุเต็มๆทางที่ดีหาทางเลี่ยงออกมอเตอร์เวย์ไปเชื่อมต่อเส้นทางที่จะไปภาคอีสานหรือหากไม่ไหวจริงๆก็เล็งแถบเขาเขียวไว้ก็ดีครับนะครับบนเขาเขียวยังมีพื้นที่ปลอดภัยอยู่ครับ
- แถวสัตหีบ ต่อไปจะเป็นส่วนหนึ่งของทะเลครับ
- ภูเขาแถบ จ. ชลบุรี ต่อไปส่วนใหญ่จะกลายเป็นเกาะกลางทะเล ก็ค่อนข้างอยู่ยากครับ แถวเขาเขียวที่สูงๆก็สามารถใช้หลบภัยได้ครับ(ไม่แน่ใจว่าห่างจากทะเลระยะกี่ กม. แม้อาจจะหนีจากภัยเรื่องน้ำได้ แต่ต้องผจญกับความอดอยาก ครับ
ปราจีนบุรี
- อ.กบินทร์บุรีจ.ปราจีนบุรีส่วนใหญ่จะปลอดภัยแถวเนินเขากับภูเขาสูงครับถึงเวลาคุณคอยดูเลยว่าจะมีมนุษย์ภูเขาเกิดขึ้นมากมายเป็นหลายชุมชนโดยเฉพาะรอบๆเขาใหญ่สำหรับเส้นทางไปทางภาคอีสานนั้นแต่ละท่านต้องเลือกกันเอาเองครับว่าสะดวกเส้นทางใดโดยเฉพาะเรื่องของเวลาที่อพยพก็สำคัญหากเราตัดสินใจเร็วก็จะไม่ต้องติดอยู่ตามถนนและจะตามมาด้วยปัญหาอื่นๆอีกมากมาย
ฉะเชิงเทรา
- จังหวัดฉะเชิงเทรามีที่ที่พอจะพึ่งได้ก็เฉพาะตามเนินเขาและภูเขาเท่านั้นส่วนที่อื่นๆมีแต่น้ำครับ
ระยอง
- อ. ปลวกแดงจ. ระยองต่อไปจะมีแต่อันตรายไม่น่าอยู่ครับ
</td></tr></tbody></table>
กระทู้นี้...เฉพาะผู้ที่ยินดีรับฟังคุณอัญญาสิทธิ์...ขอเชิญเข้ามาสอบถามได้ที่นี่
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย buddhpunjat, 17 มิถุนายน 2012.
หน้า 2 ของ 32
-
-
diya ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต
วันที่สมัคร: Jan 2010
ข้อความ: 1,176
Groans: 10
Groaned at 1 Time in 1 Post
ได้ให้อนุโมทนา: 7,393
ได้รับอนุโมทนา 1,216 ครั้ง ใน 470 โพส
พลังการให้คะแนน: 405
<ins style="display:inline-table;border:none;height:280px;margin:0;padding:0;position:relative;visibility:visible;width:336px"></ins>
กาญจนบุรี
- ส่วนจังหวัดกาญจนบุรีพื้นที่ใต้เขื่อนวชิราลงกรณ์ต.วังศาลาไม่น่าจะมีอะไรเหลือหลังจากเขื่อนแตกครับควรหลีกเลี่ยงพื้นที่ใต้เขื่อนครับ
- ทองผาภูมิกาญจนบุรีตามที่สูงสามารถหลบภัยได้ครับแต่ให้หลีกเลี่ยงทางน้ำและตามช่องเขาครับ
- เมืองกาญจบุรีที่ถามมา แถบนั้นต่อไปจะราบคาบครับ เข้าใจว่าน้ำจากเขื่อนจะลงมาสมทบกับน้ำที่มาจากฟ้าครับ
ราชบุรี
- อ.บ้านโป่งจ.ราชบุรีส่วนใหญ่จะจมน้ำครับ
- จ.ราชบุรีส่วนใหญ่จมครับที่ปลอดภัยมีเฉพาะตามภูเขาอย่างเดียวครับ
ชุมพร
- พื้นที่จังหวัดชุมพร 90กว่าเปอร์เซ็นต์จะเป็นพื้นที่ไม่ปลอดภัยครับถ้าเลี่ยได้ให้เลี่ยงเลยครับศูนย์กลางพายุจะหอบน้ำผ่านมาทางจ. ชุมพรครับ
- อ.ปะทิว จ.ชุมพร กับ อ.บางสะพานน้อย จะอยู่ในเส้นทางของศูนย์กลางที่มหาพายุ จะพัดผ่านพื้นที่แถบนี้บางส่วนจะแยกขาดจากกันและจะเกิดช่องแคบตามธรรมชาติขึ้นครับ
ประจวบคีรีขันธ์
- อ.สามร้อยยอดหากอยู่ทางด้านทิศตะวันตกความสูงระดับ 400 เมตรก็จะพออยู่ได้ครับแต่หากอยู่ทางด้านทิศตะวันออกให้หาที่อพยพไว้เลยครับเมื่อเวลามาถึงอะไรก็ต้านมหาพายุไม่อยู่ครับภาคใต้ตั้งแต่จ.ประจวบคึรึขันธ์ลงไปจะประสบปัญหากับแผ่นดิน/ภูเขาทรุดจมลงไปในน้ำที่จริงน้ำไม่ได้สูงขึ้นมากนักแต่แผ่นดิน/ภูเขาจะทรุดลงไปในน้ำครับแต่จะจมลงไปในน้ำมากน้อยแค่ไหนนั้นประมาณการได้ยากครับ
นครศรีธรรมราช
- อำเภอถ้ำพรรณรายจ.นครศรีธรรมราชให้หาที่หลบภัยตามถ้ำในอยู่ในระดับสูงๆครับพร้อมทั้งเตรียมปัจจัยยังชีพให้พอเพียงด้วยครับ
- อำเภอทุ่งสงอำเภอร่อนพิบูลย์จังหวัดนครศรีธรรมราชถ้าสูงจากระดับน้ำทะเลขนาดนั้นก็จะปลอดภัยจากน้ำครับแต่ภัยอื่นๆเช่นโรคระบาดก็ยังจะมาเยื่ยมอยู่ครับ
พัทลุง
- อ.บางแก้วจ.พัทลุงนั้นเข้าใจว่าคงจะไม่มีอะไรเหลือครับถึงเวลานั้นคงโผล่ให้เห็นเฉพาะยอดเขา
สงขลา
- แถมนิดนึงที่อ.หาดใหญ่น้ำจะท่วมเห็นเฉพาะเขาคอหงส์ครับ
- ต.เขารูปช้างอ.เมืองจ.สงขลาให้เล็งแถวใกล้ๆที่สูงแถวสวนสัตว์ก็น่าจะดีครับแต่ให้หาทางไปอาศัยในทางทิศตะวันตกเพราะลม/ฝนจะกระหน่ำมาทางทิศตะวันออกครับ
ตรัง
- อ.ห้วยยอดจ.ตรังถ้าไปอยู่แถบหลังภูเขาทางด้านทิศตะวันตกก็พอจะมีหวังครับแต่ถ้าอยู่ตามที่ราบทั่วไปคงจะรอดยากครับ
- จ.ตรังไม่ค่อยปลอดภัยเลยครับหาที่สูงตามภูเขาและถ้ำที่สามารถไปถึงได้โดยใช้เวลาไม่นานนักครับ
ภูเก็ต
- ภูเก็ตก็จะยับเยินเช่นกันครับจากแรงคลื่นกระแทกไปกระแทกมาแม้จะอยู่แถบฝั่งตะวันตกแต่ก็รับผลของภัยพิบัติมากเช่นเดียวกันแต่ที่สูงๆก็พออาศัยอยู่ได้ครับถึงเวลานั้นต้องไปให้สูงและไกลจากชายฝั่งครับ
- ยอดเขานาคเกิดกับยอดเขาโต๊ะแซะ สามารถใช้เป็นที่หลบภัยได้ครับ แต่ต้องทำใจกับภาพของความหายนะ เบื้องล่างนะครับ
พังงา
- จังหวัดพังงามีพื้นที่ปลอดภัยตามภูเขาสูงโดยเฉพาะตามถ้ำต่างๆถ้าฟ้ามืดมาก็หนีเลยครับ
ปัตตานี
- ปัตตานีหาที่ปลอดภัยไม่เจอครับ
สำหรับต่างประเทศที่ท่าน Aunyasit ได้กรุณาตอบไว้แล้ว
ประเทศอังกฤษ
- จะเหลือเป็นเกาะแก่งครับถ้าจะกลับเมืองไทยอย่างช้าที่สุดให้ถึงไทยก่อนกลางเดือนพ.ค. ครับส่วนที่ปลอดภัยในอังกฤษไม่สามารถบอกรายละเอียดได้เพราะไม่ทราบว่า location ของสถานที่นั้นอยู่ตรงไหนในประเทศนั้นและไม่รู้ว่าชื่ออะไรมีพื้นที่ที่พอจะปลอดภัยคร่าวๆคือน่าจะเป็นที่ของรัฐบาลที่อยู่ตามภูเขาครับแต่ไม่รู้ว่าชื่ออะไร
ประเทศสวีเดน
- ประเทศสวีเดนนั้นจะเกิดภัยพิบัติประมาณภายใน 30 ชั่วโมงเริ่มจากเหตุการณ์ฟ้ามืดตอนกลางวันถ้าคร่าวๆก็ภายใน 24 ชั่วโมงจะเสียหายทั่วโลกถึงเวลานั้นการสื่อสารสมัยใหม่ทุกประเภทจบสิ้นครับเพราะฟ้าจะลงทำลายหมดทุกที่ที่ไหนที่ประจุไฟฟ้าสามารถวิ่งผ่านไปได้จะถูกทำลายด้วยพลังประจุไฟฟ้ามหาศาลที่มาจากอากาศครับ
- ส่วนประเทศสวีเดนนั้นทางยุโรปก็จะเจอภัยพิบัติหนักเช่นกันไม่น่าอยู่เลยครับ
- แถบประเทศสวีเดนจะมีภัยน้ำท่วมและภูเขาถล่มด้วยครับดังนั้นความสูงจากน้ำ 330 เมตรอาจจะปลอดภัยจากน้ำท่วมแต่อาจจะไม่ปลอดภัยจากภูเขาถล่มแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นทั่วโลกครับ
ประเทศฝรั่งเศส
- ประเทศฝรั่งเศสโดยรวมก็จะได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติหนักครับ
- พื้นที่แถวปารีสฝรั่งเศสต่อไปภัยพิบัติเล่นงานราบคาบครับคงจะเสียหายยับเยินเช่นกัน
ประเทศอเมริกา
- ประเทศอเมริกาโดยรวมต่อไปแทบล่มจมครับเข้าใจว่าจะเจอภัยพิบัติหลายอย่างทำให้เหลือเป็นเกาะน้อยใหญ่แต่ก็จะมีคนจำนวนหนึ่งรอดครับเพราะคน ดีมีศีลธรรมนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นคนในพุทธศาสนาเท่านั้น หากใครเป็นผู้มีเมตตา มีไมตรีจิต เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักการให้การแบ่งปัน ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ก็ถือว่าอยู่ในกฏเกณฑ์ของคนดีมีศีลธรรมทั้งนั้นอย่างไรก็ตามผมเข้าใจว่าในอนาคตอันใกล้บางส่วนของอเมริกาจะปกคลุมด้วยหมอกควันจากนิวเคลียร์ด้วยครับส่วนนิวยอร์กนั้นจะเหลือเป็นเกาะครับไม่รู้ว่าโดนภัยอะไรตอนไหนอันนี้ผมไม่ทราบ
- ส่วนอเมริกาก็จะเหลือเป็นเกาะในเวลาถัดมาไม่นานเมื่อพายุไปถึง
- อเมริกาฝั่งตะวันตกที่ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิกนั้น ต่อไปจะราบคาบครับ คลื่นยักษ์ใหญ่มหาศาลจะซัดเข้าทางทิศนี้ จะเหลือเฉพาะที่สูงเท่านั้นครับ
ประเทศมาเลเซีย
- กัวลาลัมเปอร์มาเลเชียจะเหลือเฉพาะที่เป็นภูเขาครับในส่วนที่ราบก็จะราบเลยครับน้ำจากทะเลคงกวาดไปเยอะครับ
ประเทศจีน
- ประเทศจีนแถวกวางเจาจะเจอแผ่นดินไหวอย่างหนักครับขนาดความรุนแรงของแผ่นดินไหวที่จะเกิดขึ้นจะต้องหาค่าของมาตรวัดแผ่นดินไหวกันใหม่ครับ
- เมืองต้าเหลียน ตอนเหนือของจีน ก็ค่อนข้างสาหัสจากภัยพิบัติครับ
ฮ่องกง
- ฮ่องกงนั้นไม่น่าจะมีอะไรเหลือครับหากมีลูกอยู่ก็น่าจะหาทางให้กลับมาเมืองไทยครับในช่วงเวลาอันใกล้นี้เมืองไทยจะดีที่สุดครับ
ประเทศสิงคโปร์
- ประเทศสิงคโปร์จะอยู่ได้จนถึงวันที่มีภัยพิบัติครับผมเข้าใจว่าภายใน 3 วันหลังจากภัยพิบัติประเทศสิงคโปร์น่าจะหายไปจากแผนที่ครับ
ญี่ปุ่น
- ญี่ปุ่นจะจมหายไปก่อนครับ
- ญี่ปุ่นหาย
เกาหลี
- เกาหลีจะเหลือที่เป็นภูเขาอยู่ส่วนนึงแต่คนในเกาหลีจะเหลือน้อยครับ หากจะกลับไทยก็ควรกลับมาภายในเดือนเมษายนครับ -
เตรียมเสบียงและอุปกรณ์รับมือกับภัยพิบัติ จำนวน 30 รายการ (จัดให้อ่านง่ายขึ้นจ้ะ)
<hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> - เตรียมเสบียงและอุปกรณ์รับมือกับภัยพิบัติ จำนวน 30 รายการ fficeffice" />>>
อุปกรณ์ 30 รายการสำหรับเตรียมพร้อมกรณีเกิดภัยพิบัติน้ำท่วม
ของคุณ lekoomsin จากกระทู้ การเตรียมตัว เตรียมใจ ไปสู่ยุคภัยพิบัติ หน้า 30 ค่ะ
________________________________________
การเตรียมพร้อมกรณีเกิดภัยพิบัติน้ำท่วม
สถานการณ์สมมุติ
๑. น้ำท่วมใช้พื้นที่ชั้นล่างของอาคารไม่ได้ ระดับน้ำสูงประมาณ ๒ เมตร
๒. ไม่สามารถใช้ไฟฟ้าจากการบริการของภาครัฐ
๓. การสื่อสารทางโทรศัพท์ไม่สามารถใช้การได้
๔. ระดับน้ำลดลงสู่สภาวะปกติภายในระยะเวลา ๗ วันและสามารถฟื้นฟูสู่สภาพปกติใน ๑ เดือน
หมายเหตุรายการและจำนวนสิ่งของที่แนะนำไว้นี้สำหรับระยะเวลา ๗ วันหากสถานการณ์รุนแรงนานเกินกว่านั้นอาจต้องเพิ่มรายการและจำนวนสิ่งของเพิ่มเติม
สภาพแวดล้อม
๑. มีฝนตกในปริมาณ๒๐๐ มม. (ฝนตกหนักสลับกับฝนปรอยตลอดวัน)
๒. อุณหภูมิ ๑๘-๓๕ องศาเซลเซียส (อากาศหนาวเย็นฉับพลัน )
รายการอุปกรณ์บรรยายรายละเอียดของความต้องการและจำนวนการใช้งานในสถานการณ์
๑. อุปกรณ์กรองน้ำ,เครื่องกรองน้ำชนิดมีแร่กรองฆ่าเชื้อโรค๑.๑ร่างกายประกอบไปด้วยน้ำ ๗๐% (หากเราน้ำหนัก 50 กิโล จะเท่ากับมีน้ำอยู่เท่ากับ ๓๕กิโล คิดเป็นน้ำประมาณอย่างคร่าวๆ ๓๕ ลิตร) หากน้ำหายไปเพียง 1% หรือประมาณ ๓.๕ลิตร เราจะมีปัญหาอื่นๆตามมา ตั้งแต่ปวดหัว เป็นไข้ ผิวแห้ง การร้อนในปัญหาการขับถ่ายหรือท้องผูก เนื่องจากมนุษย์ต้องการน้ำดื่มในปริมาณ ๕-๖ ลิตร/วันการเตรียมน้ำดื่มในปริมาณมากจะกินพื้นที่ในการเก็บรักษารวมถึงจะต้องมีการเปลี่ยนถ่ายเทเพื่อรักษาคุณภาพของน้ำอยู่เป็นประจำอุปกรณ์กรองน้ำที่มีคุณภาพพอที่จะเปลี่ยนน้ำทั่วๆ ไป ให้กลายเป็นน้ำดื่มถือเป็นสิ่งจำเป็น (จำนวน ๑ ชุด/ครอบครัว)
๑.๑ กรองน้ำดื่ม
๑.๒ใช้ที่กรองน้ำขนาดเล็กพกพาได้ขนาดใหญ่กว่าปากกาเล็กน้อยสำหรับใส่เป้
๑.๓ใช้ที่กรองน้ำแบบเป็นถุงถ่ายน้ำเก็บไว้ในกล่องอุปกรณ์ฉุกเฉิน
๒. ไฟแสงสว่างสำรองจากสภาพขาดแคลนไฟฟ้า แสงสว่างในเวลากลางคืนเป็นสิ่งที่สำคัญทั้งในการค้นหา ให้สัญญาน หรือ แจ้งเตือนผู้บุกรุก
๒.๑ไฟฉายสปอร์ทไลท์หรือไฟฉายแบบคาดหัวรวมถึงถ่านไฟฉาย (เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติงาน)ขนาดเล็กสำหรับพกพาใช้ควรเลือกแบบที่กันน้ำได้หรือใส่ไว้ในถุงพลาติกใส่แล้วใช้หนังยางรัดเพื่อป้องกันน้ำถ่านไฟฉายใช้แบบที่สามารถหาได้ง่าย (จำนวน ๑ ชุด/คน)
๒.๒ตะเกียงเจ้าพายุพร้อมใส้สำรอง(แบบใช้น้ำมันเบนซิน)เนื่องจากว่าหากใช้สิ่งที่ให้ความสว่างจากถ่านไฟฉายโดยทั่วไปแบบที่เป็นตะเกียงจะใช้ได้ประมาณ ๑๐-๕๐ ชั่วโมง ต่อการเปลี่ยนถ่าน 1 ชุดเท่านั้น (จำนวน ๑ชุด/ครอบครัว) พร้อมน้ำมันสำรอง (๒ ลิตร),ตะเกียงแก๊สปิคนิค๒.๑ ใช้ค้นหาสิ่งของส่งสัญญาน
๒.๓ ใช้ในการให้แสงสว่างในเวลากลางคืน เพื่อความสะดวก และป้องปรามผู้บุกรุก
๒.๔ใช้ตะเกียงน้ำมันในกรณีเก็บไว้ในกล่องอุปกรณ์ฉุกเฉิน
๒.๕ใช้ตะเกียงใส่ถ่านไฟฉายขนาดเล็กเก็บไว้ในเป้
๓.เตาประกอบอาหาร การเตรียมอาหารโดยใช้ความร้อนเป็นการทำให้สุขอนามัยพร้อมที่จะเผชิญเหตุการณ์ที่ฉุกเฉิน หากมีการเจ็บป่วยเพิ่มเติมเนื่องจากขาดแคลนอาหาร หรืออาหารเป็นพิษจะทำให้เกิดความยุ่งยากในการใช้ชีวิตเพิ่มขึ้นไปอีก
๓.๑เตาน้ำมันแก็สปิคนิค ๑ ชุดเนื่องจากการรับประทานอาหารที่ไม่ปรุงสุกในสภาพไม่พร้อมอาจทำให้เกิดโรคทางเดินอาหาร หากเกิดอาการป่วยในสภาพขาดการบริการทางการแพทย์อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ (๑ ชุด/ครอบครัว) ๓.๑ ใช้ประกอบอาหาร ให้ความร้อน
๓.๒ใช้เตาน้ำมันเก็บไว้ในกล่องอุปกรณ์ฉุกเฉินถ้าเตามีขนาดเล็กสามารถเก็บไว้ในเป้ได้เลย)
๓.๓ ใช้แอลกอฮอล์แข็งหรือเตาใช้แก็สขนาดเล็กเก็บไว้ในเป้
๔. มีดพับและชุดอุปกรณ์เอนกประสงค์ในสภาวะที่ฉุกเฉินหรือแม้กระทั่งในสภาวะปกติอุปกรณ์ต่างๆ เช่น คีม มีด ไขควง เป็นสิ่งที่ควรจะมีไว้แก้ไขปัญหาเล็กน้อยถ้าเราใช้อุปกรณ์ขนาดเต็ม จะยากต่อการพกพา (อย่างน้อย ๑ ชุด ต่อครอบครัวหรือดีที่สุดคือ ๑ ชุด ต่อคน ) ใช้พกติดตัวเพื่อใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าอาทิเช่นไขนอตจับสิ่งของเล็กๆที่ใช้มือจับยาก ตัดสิ่งของขนาดเล็ก
๕. เสื้อผ้าสำรองการใช้ชีวิตอยู่ ๗ วันโดยไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าอาจเป็นไปได้แต่ก็ไม่สมควรที่จะทำ ควรจะมีเสื้อผ้าสำรอง๒-๓ ชุด รวมถึงเสื้อกันหนาวด้วย (ถ้ากันน้ำด้วยยิ่งดี) (๒-๓ชุดต่อคน)ควรเป็นชุดที่สะดวกและง่ายต่อการใช้งาน
๖. ภาชนะใส่อาหาร น้ำหรือหม้อสนาม การต้มน้ำ และภาชนะใส่น้ำ อาหาร รวมถึงช้อน ส้อม (๑ ชุด ต่อคน)ควรเป็นชุดเล็กทำจากภาชนะที่เบา ไม่แตกง่าย อาทิเช่น อลูมิเนียมพลาสติก
๗. ชุดยา สำรองยาเฉพาะของแต่ละบุคคล และยาทั่วๆ ไป เบื้องต้น พวกยาแก้ปวด ยาแก้ท้องเสียยาแก้อักเสบรวมถึงอุปกรณ์ปฐมพยาบาล,ผ้าปลาสเตอร์ปะแผล(ครอบครัวละ ๑ชุด)ใช้รักษาพยาบาลยามฉุกเฉิน
๘. วิทยุขนาดเล็ก การรับรู้เรื่องราวจากภายนอกเป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะจะได้รับรู้ถึงความก้าวหน้าของสถานการณ์เพื่อจะเป็นเครื่องตัดสินใจว่าจะอยู่รอการช่วยเหลือหรือจะต้อง อพยพ (ครอบครัวละ ๑ ชุด)ใช้ฟังข่าวสารภายนอก
๙. อุปกรณ์ส่งสัญญานการส่งสัญญานขอความช่วยเหลือ อาจใช้อุปกรณ์ส่งเสียงเช่น กระจกนกหวีด ไฟกระพริบ สัญญานควัน พลุไฟหรือแท่งเคมีเรืองแสงในเวลากลางคืน(คนละ ๑ชนิด)ใช้ส่งสัญญานตามที่ได้นัดหมาย หรือขอความช่วยเหลือ
๑๐.ไฟฉาย,ถ่านไฟฉายสำรองหรือที่ชาร์จถ่านและแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือพลังไดนาโม ในเมื่อเราจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่จำเป็นถ่านไฟฉายเป็นสิ่งจำเป็นควรเตรียมไว้อย่างพอเพียงสำหรับการใช้งาน ๗วันหรือสามารถใช้ร่วมกับที่ชาร์จถ่านพลังไดนาโม (ใช้มือหมุน)เพื่อใช้ชาร์จถ่านและแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือใช้จ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่เครื่องใช้ไฟฟ้า
๑๑. กระเป๋าหรือเป้หลัง การเก็บสิ่งของต่างๆ ควรเก็บรักษาให้เป็นหมวดหมู่และสามารถเดินทางได้ทันที (คนละ ๑ ชุด)บรรจุสิ่งของให้เป็นหมวดหมู่และพร้อมออกเดินทาง
๑๒. อุปกรณ์จุดไฟ(ไฟแช็ค) การจุดไฟเตาหุงหาอาหารหรือตะเกียงให้แสงสว่าง ควรมีอุปกรณ์จุดไฟสำรองที่สามารถจุดได้เมื่อเปียก อาจใช้แท่งจุดไฟ ไฟแช๊คกันน้ำ หรือ ไม้ขีดไฟซึ่งห่อหุ้มวัสดุกันน้ำและยังสามารถใช้จุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นอีกด้วย (คนละ ๑ชุด)ใช้จุดไฟสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ไฟ
๑๓. มีดขนาดใหญ่,มีดคัตเตอร์ การใช้งานอุปกรณ์อเนกประสงค์ใช้ได้เฉพาะงานเบาถ้าเป็นงานหนักๆ ประเภทตัดหรือสับไม้ จะต้องใช้ใบมีดซึ่งใหญ่กว่าความยาวของใบมีดควรจะมีขนาดตั้งแต่ ๘ นิ้วขึ้นไป(ครอบครัวละ ๑เล่ม)สำหรับตัดกิ่งไม้ หรือใช้กับงานหนัก
๑๔. ยากันยุงและแมลง แมลงมีพิษและไม่มีพิษต่างๆเมื่อน้ำท่วมอาจหนีน้ำขึ้นมาอยู่ในบริเวณที่แห้งจึงควรจะมีน้ำยากันแมลงและน้ำยากันยุง เพื่อป้องกันโรคติดต่อและความรำคาญ (คนละ ๑ชุด)ป้องกันแมลงรบกวน
๑๕. อุปกรณ์ทำความสะอาด(น้ำยาล้างจาน)การรับประทานอาหาร หรือใช้เสื้อผ้าที่มีจำนวนจำกัด จำเป็นจะต้องมีการทำความสะอาด ควรจะเป็นน้ำยาบรรจุขวดขนาดเล็ก(คนละ๑ ชุดเล็ก)ใช้ชำระล้างทำความสะอาด
๑๖. ผ้ากันน้ำ,ผ้ายางปันโจ หลังเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินสิ่ง ก่อสร้างต่างๆอาจมีการเสียหาย ในสภาพฝนตกหรือมีน้ำค้างควรจะมีผ้ากันฝนซึ่งจะใช้งานได้หลากหลายตั้งแต่ปูนั่งชั่วคราว มุงบังพื้นที่ กันแดด ฝน ฯลฯ
(๒ คน ต่อ ๑ ชุด)กันน้ำฝนควรมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๓X๔ เมตร
๑๗. เครื่องนอน การนอนในสภาพที่ไม่คุ้นเคยและอากาศแปรปรวน อาจทำให้นอนได้ยาก ควรมีเครื่องนอนฉุกเฉิน อาทิเช่น ถุงนอนขนาดเล็กหรือ ผ้าห่มแบบพกพา(คนละ ๑ ชุด)ใช้สำหรับอำนวยความสบายในการนอน
๑๘. เชือกขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เชือกขนาดเล็กใช้ผูกรัดสิ่งของและใช้งานอเนกประสงค์อาทิเช่นทำราวตากผ้า ผูกยึดผ้ากันฝน ฯลฯ ควรเป็นเชื่อกที่มีความเหนียวอาทิเช่น เชือกร่ม (คนละ ๑ ชุดเล็ก ประมาณ ๒๐ เมตร) เชือกใหญ่ความยาวประมาณ ๒๐ เมตร ใช้ช่วยชีวิตคนใช้ผูกมัดสิ่งของและช่วยชีวิต
๑๙. เทปกาว ใช้ในการการติดยึดหรือซ่อมแซมสิ่งของต่างๆ ที่ชำรุดด้วยความรวดเร็ว(คนละ ๑ ม้วน ประมาณ ๑๕เมตร)ใช้ติดปะ ซ่อมแซมอุปกรณ์ชั่วคราว
๒๐.กระดาษชำระ ใช้ในการเช็ดล้างทำความสะอาดในเรื่องทั่วๆ ไปและใช้เช็ดล้างระหว่างขับถ่าย (คนละ ๑ ม้วน)ใช้เช็ดทำความสะอาด
๒๑. ถุงขยะและหนังยางรัด ใช้ทำสุขาฉุกเฉิน เก็บอุจาระและปัสสาวะ เพื่อสุขลักษณะที่ดีเก็บขยะสิ่งปฏิกูลต่างๆ ควรมีไว้ไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อใช้เก็บส่งของที่อาจชำรุดเพราะเปียกน้ำ ดัดแปลงเป็นรองเท้ากันน้ำกัดเท้า (ขนาดยาว๓๐ นิ้ว คนละ ๑๐ ใบ สำหรับ ๗ วัน )ใช้เก็บสิ่งปฏิกูลเพื่อสุขอนามัยที่ดี
๒๒. อาหารสำรอง อาจเป็นจำพวกที่เก็บรักษาได้นานและคละกันไปเพื่อให้ได้รับสารอาหารที่แตกต่างและไม่เบื่อ อาจจะเป็น พวกอาหารสำเร็จรูป เช่นโจ๊กพร้อมปรุง , บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป , อาหารปลากระป๋อง , ข้าวสารและควรเปลี่ยนทุกๆ ๓ เดือน (แต่ละคนเตรียมเองคนละ ๑๔ - ๒๑ ชุด สำหรับ ๗วัน)เพื่อเป็นอาหารสำรอง
๒๓. น้ำมันเบนซิน,ก๊าด สำรองใช้ในการให้แสงสว่างและหุงต้ม (คนละ ๑ ลิตร)ใช้จุดเตาและตะเกียง
๒๔. ของใช้ส่วนตัว สบู่ , แชมพู , ยาสีฟัน , แปรงสีฟัน ฯลฯ (คนละ ๑ ชุด)อำนวยความสะดวกส่วนบุคคล
๒๕. ชุดชูชีพ และเรือยาง-ห่วงยาง-แพยางเป่าลม พร้อมอุปกรณ์สูบลมชูชีพคนละ ๑ ชุดเรือยางและห่วงยางเป่าลมใช้เป็นอุปกรณ์สำรองสำหรับช่วยชีวิตผู้อื่น ขนย้ายผู้ป่วยขนย้ายสัตว์เลี้ยงและสิ่งของกรณีน้ำสูงเกินระดับที่พักหรือหากจำเป็นต้องอพยพเคลื่อนย้ายที่พัก
๒๖. ท่อพีวีซี (PVC) ยาวประมาณ 1.5 – ffice:smarttags" />2 เมตร ใช้สำหรับทำไม้เท้า หยั่งดูความลึกของน้ำ ไล่สัตว์มีพิษดัดแปลงเป็นอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น หอก ฉมวก เครื่องมือจับงู
๒๗.โทรศัพท์มือถือ ในถุงกันน้ำ และวิทยุสื่อสาร (ถ้ามี)
ในช่วงระยะแรกของภัยน้ำท่วมและช่วงหลังภัยน้ำท่วมจะสามารถใช้โทรศัพท์ได้เพื่อขอความช่วยเหลือ ทั้งยังใช้ฟังธรรมะหรือเสียงสวดมนต์เพื่อให้จิตใจสงบได้ (วิทยุสื่อสารสมัครเล่น ) เตรียมบัตรเติมเงินสำหรับโทรศัพท์ด้วย
๒๘. แว่นตาว่ายน้ำและที่อุดหู ถุงมือยางแว่นตาว่ายน้ำช่วยป้องกันดวงตาโรคตาแดงที่มากับภัยน้ำท่วม ที่อุดหูช่วยป้องกันฟ้าร้องฟ้าคะนองที่ผู้รู้บางท่านเตือนว่าอาจมีเสียงดัง มาก ๆจนแก้วหูได้รับอันตรายหรือขวัญกระเจิง
๒๙. ผ้าขาวม้า ,หรือเปลนอนผ้าสารพัดประโยชน์ เอนกประสงค์
๓๐. สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระเครื่อง หนังสือสวดมนต์พระเครื่องบางรุ่นสร้างมาเพื่อใช้ทำน้ำมนต์ได้และใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจ
เพิ่มเติม : ชุดป้องกันไข้หวัดนก มีแว่นตา และผ้าปิดจมูก -
<table id="post5988762" class="tborder" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center" border="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">Aunyasit
สมาชิก
วันที่สมัคร: Aug 2005
ข้อความ: 1,387
Groans: 0
Groaned at 128 Times in 29 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 9,558 ครั้ง ใน 1,072 โพส
พลังการให้คะแนน: 880
</td> <td class="alt1" id="td_post_5988762" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> คุณ wariya251 :- เวลาที่มีพายุใหญ่เข้ามา วันฟ้ามืด คงจะไม่สามารถรับรู้ผ่านการพยาการณ์อากาศได้ครับ ในวันนั้นระบบต่างๆจะแปรปรวนหมดครับโดยเฉพาะเครื่องที่ต้องใช้อิเลกทรอนิ คต่างๆจะใช้ไม่ได้ และเหตุการณ์จะเกิดกระทันหันแบบแผ่นดินไหวครับ ในวันนั้นฟ้ามืดนั้นแผ่นดินจะเคลื่อน จะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่เช่นกันครับ
หากจำเป็นต้องไปเยอรมันนี ระหว่าง 26 เมย. - 18 พค. ผมไม่แนะนำเลยครับ เป็นกาลเวลาที่ไม่น่าจะเดินทางอย่างยิ่ง หากไปแล้วคงจะกลับมาเมืองไทยได้ยากหรืออาจจะไม่ได้กลับมาอีก ที่เยอรมันนีเบอร์ลิน รวมทั้งดุสเซลดอร์ฟ จะมหาวิบัติเช่นกันครับ ถ้าเลี่ยงได้ให้เลี่ยง
อ. สอง จังหวัดแพร่ และ เนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก จะอยู่ได้เฉพาะที่ราบสูง ตามเนินเขาที่มีความชันน้อยๆครับ แถบนั้นน้ำจะท่วมฉับพลันและน้ำไหลแรง รวมทั้งจะได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวด้วยครับ
คุณ Kiddee_p :-
- สึนามิทางใต้สามารถเป็นสัญญาณบอกเหตุ อีกอย่างนึงได้ครับ เพราะเปลือกโลกนั้นเชื่อมถึงกันหมด แต่จะวางแผนการเดินทางได้ยากเพราะเหตุการณ์จะเกิดทิ้งช่วงเวลาเป็นระยะๆ ส่วนสัญญาณเตือนที่จะเป็นวันที่ฟ้าปิดนั้นเป็นสัญญาณของการอพยพ ที่ภัยกำลังมาถึงตัวอย่างเร่งด่วน
-ในวันที่ฟ้าปิดจะต้องเดินทางออกจากกรุงเทพภายในไม่เกิน 8 ชั่วโมงครับ
-อ.ด่านช้าง สุพรรณบุรี ที่ภูเขาสูงๆค่อนข้างจะปลอดภัยครับ ส่วนที่ราบไม่แนะนำครับ
คุณ สัจจะวาจา :- อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร หากห่างจากชุมชนใหญ่ก็จะดีครับ โดยทั่วไปสามารถอยู่อาศัยได้ ยกเว้นตามที่ราบและที่ใกล้ทางน้ำไหล ครับ
คุณ dang_sa :- อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ส่วนใหญ่จะจมมิดครับ ยกเว้นในส่วนที่เป็นภูเขาที่จะยังหลงเหลืออยู่บ้าง ในวันที่ท้องฟ้ามืดมิดนั้นจะมืดมิดทั้งประเทศครับไม่ใช่มืดเฉพาะที่กรุงเทพฯครับ
คุณ สัจจะวาจา :- ต.โคกกรวด อ. เมือง จ.นครราชสีมา ในช่วงแรกๆของภัยพิบัติจะประสบกับน้ำท่วมครับ หลังจากนั้นก็จะมีโรคระบาดตามมา แต่หากไปอยู่ในสถานที่ ที่เป็นที่สูงและไม่ไปเกี่ยวข้องกับชุมชนใหญ่ก็พออาศัยอยู่ได้ครับ
คุณ saps :- ที่บ้านค่าย ระยอง สูง 60 เมตร และที่เขาสอยดาว จันทบุรี สูง 200 เมตร นั้นอาจจะปลอดภัยจากน้ำ แต่พื้นที่นี้จะอยู่ในรัศมีตอนกลางของมหาพายุ ดังนั้นจึงมีความปลอดภัยค่อนข้างน้อยครับ หาทางไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะดีกว่าครับ
คุณ To Find The Truth :- อ.ลับแล จ. อุตรดิตถ์ ที่ราบสูงค่อนข้างปลอดภัยจากน้ำครับ แต่จะเจอกับแผ่นดินไหวรุนแรงครับ
คุณ Wild win :- หากอยู่ กทม. ถ้าถึงเวลาของภัยพิบัติแล้วไม่หนีจะรอดยากครับ บางทีสถานการณ์จะบังคับให้หนีเองครับ สำหรับ ที่แคนเบอร์ร่า ออสเตรเลีย แถววัดไทธัมมธโร ต่อไปจะน้ำจะท่วมอย่างยาวนานพร้อมกับความหนาวเย็นที่คนส่วนใหญ่จะทนอยู่ไม่ ได้ ครับ
คุณ serectho :- ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรีและวัดญาณฯ จะไม่ปลอดภัยในยุคภัยพิบัติครับ
คุณ buddhpunyat :- 1. อ. แม่แตง ไปทาง อ.ปาย ต่อไปน้ำจะท่วมอยู่ระยะนึง สามารถอยู่ได้แต่ให้อยู่ในที่สูงและต้องเตรียมการเพื่อให้สามารถอยู่ได้ยาม เกิดแผ่นดินไหวครับ
2. อ. พร้าว ใกล้ดอยแม่ปั๋ง จะปลอดภัยกว่า อ. แม่แตงครับ
3. อินเดียบางส่วน(ทางตอนใต้จะจม) และไม่มีผลต่อภาคอีสานของไทยครับ
4. อ. เชียงดาว ตามที่ราบสูงค่อนข้างปลอดภัยครับ
คุณจันทิพา :- ปู่โตท่านมักจะมาในตอนท้ายๆของงานและมักจะมานานกว่าท่านอื่นๆครับ เอาไว้มีโอกาสแล้วค่อยสนทนากันครับ
คุณ Sumetta :- ที่ปลอดภัยใน จ. พิษณุโลก นั้นต้องเป็นสถานที่ที่ห่างไกลจากทางน้ำไหลและควรเป็นที่ราบสูงตามไหล่เขา ครับ
คุณ yaynarol :- จ.ลพบุรี ผมไม่แนะนำให้อยู่ครับ ต่อไปโรคระบาดใน จ.ลพบุรี จะรุนแรงมากครับ
คุณ Cherrytu :- ประเทศออสเตรเลีย ไม่น่าอยู่เลยครับ ต่อไปประเทศนี้จะเหลือคนเพียงส่วนน้อย ทั้งน้ำจะท่วม ทั้งจะหนาวจัดเย็นจัดครับ
คุณ Sirikarn :- จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไม่ปลอดภัยครับ
คุณ kaninw :- อนุโมทนาด้วยครับ อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ แรกๆจะน้ำท่วมและเสียหายมากจากมหาพายุครับ หากผ่านไปได้แล้วก็พอจะอยู่ได้ครับ แต่จะขาดแคลนปัจจัยดำรงชีพถ้าไม่ตุนไว้ก่อน
คุณ janpa :- อ.สันทรายและ อ.เมือง จ. เชียงใหม่ ในช่วงแรกของภัยพิบัติน้ำจะท่วมบ่าและไหลแรง (ไม่เกิน 1 เดือน)ส่วน อ.แม่วางจะกระทบจากน้ำน้อยหน่อยปลอดภัยกว่า อ.สันทรายและ อ.เมือง แต่โดยรวมทั้งจังหวัดเชียงใหม่จะเกิดแผ่นดินไหว ดินไหล่เขาพังทลายและแผ่นดินแยกหลายที่
และจะตามมาด้วยโรคระบาด และบางพื้นที่(ที่สูง)จะหนาวจัดด้วยครับ ช่วงแผ่นดินไหวควรหาเต็นท์อยู่ในที่โล่งๆครับ
คุณ buddhpunjat :- อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน จะมีน้ำไหลท่วมบ่าเป็นบางพื้นที่ในช่วงสั้นๆ และจะกระทบจากแผ่นดินไหวด้วยครับ แต่จะไม่เสียหายมากเท่าใน จ. เชียงใหม่
คุณ Puwadolk :- อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง น้ำจะท่วมบ่าและไหลแรง แต่จะท่วมอยู่ไม่นาน และก็มีแผ่นดินไหวกระทบบ้างแต่ไม่รุนแรงมาก พออาศัยอยู่ได้ครับให้อยู่ห่างจากทางน้ำไหลและหาที่ปลอดภัยอยู่ชั่วคราวใน ช่วงที่เกิดแผ่นดินไหว
คุณ yokkry :- จังหวัดตาก โดยรวมไม่ค่อยจะปลอดภัยครับ น้ำจะไหลท่วมบ่ารุนแรง และจะมีแผ่นดินไหวและแผ่นดินแยกด้วยครับ
คุณ pm :- อ.ฉวาง กับ ต.ช้างกลาง อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช ตามที่สูง เช่น ตามเนินเขาก็พอจะอาศัยอยู่ได้ครับ แต่พื้นที่ส่วนใหญ่จะจมน้ำเพราะแผ่นดินจะทรุดลงในน้ำครับ
คุณ bluecrescent :- ส่วนใหญ่ที่ปลอดภัยใน จ. นครศรีธรรมราช จะอยู่แถวภูเขาครับ เช่น แถวเขาหลวง เขาเหมน เป็นต้น ส่วนในเมืองนครฯนั้น เท่าที่รู้เห็นนั้น พระธาตุนครฯนั้นถูกล้อมรอบด้วยน้ำแทบไม่มีสิ่งก่อสร้างอื่นเหลืออยู่เลยครับ
คุณ shela :- สิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้วนเมตตา มหาเมตตาทั้งนั้นครับ ที่จริงหลายๆพระองค์ท่านก็มาเตือนเรื่องภัยพิบัติครับ แต่ทุกๆพระองค์ก็จะไม่ก้าวล่วงในสิ่งที่ปู่อชิตะท่านเมตตาบอกไว้ แต่ทุกพระองค์ก็บอกให้เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมสำหรับภัยพิบัติ ทั้งปู่ขาวมหาราช(พระพุทธเจ้าวิปัสสี) พระกกุสันโธ พระโกนาคม พระศรีอริยเมตตรัย และปู่ทวด ท่านก็มาเตือนเรื่องภัยพิบัติทั้งสิ้น โดยเฉพาะคำสอนอันลึกซึ้งที่แต่ละพระองค์เมตตาสอนตามวาระต่างๆ รวมทั้งเกร็ดต่างๆเกี่ยวกับการสร้างบารมีในพระพุทธศาสนาล้วนเป็นสิ่งสูงค่า ส่วนเรื่องอื่นๆที่ท่านเมตตาบอกกล่าวถือว่าเป็นเรื่องเฉพาะตนและเป็นเรื่อง ที่เกี่ยวข้องกับท่านผู้ทรงบารมีท่านอื่นๆ ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านบอก ถือว่าท่านเมตตาสอนเฉพาะตน ผมจะเปิดเผยเท่าที่จำเป็นเท่านั้นครับ
คุณ boon04 :-กรุงเทพและปริมณฑล รวมทั้งอยุธยา จมมิดไม่มีเหลือครับ
คุณ june_cl :- อ.ป่าซาง จ.ลำพูน จะมีสภาพคล้ายกันกับ อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน ที่ผมตอบไปก่อนหน้านี้แล้วครับ
คุณ อุดมสุข :- ต.ผานกเค้า อ.ภูกระดึง จ.เลย ปลอดภัยครับ ส่วน บางนา-กม4.5 อยู่ในเขตอันตรายครับ คลื่นจะมาทางนั้นด้วยครับและรวมไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิด้วย ถ้าถึงเวลานั้นจะไม่สามารถใช้สนามบินได้ครับ วันที่ฟ้ามืดเครื่องบินทุกชนิดไม่สามารถบินได้ครับ
คุณ kratium :- อ. วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ไม่ปลอดภัยเพราะเป็นทางผ่านของมหาพายุครับ
คุณ ยาล้างตา :- นับจากฟ้ามืด อย่างช้าไม่เกิน 8 ชม.จะต้องออกจาก กทม. ถ้าเกินนั้นความปลอดภัยจากภัยพิบัติจะน้อยลงเรื่อยๆครับ สำหรับเส้นทางที่จะไปทางภาคอีสานนั้นก็ไปได้ทุกทางครับ แต่ยิ่งนานไปการเดินทางก็จะยิ่งโกลาหลมากขึ้น บางคนจะขับรถมาด้วยความกลัวหรือขาดสติ การเดินทางบนท้องถนนก็จะไม่ปลอดภัยและไม่ราบรื่นครับ
สภาพบ้านเมืองหลังจากภัยพิบัติจะอยู่กันแบบไร้การปกครองจากส่วนราชการ(เพราะ ระบบราชการก็จะหายไปกับภัยพิบัติ) จึงต้องเริ่มต้นกันใหม่ ทุกคนต้องช่วยเหลือตัวเองไปอีกเป็นปีครับ การเป็นอยู่จะอยู่กันเป็นกลุ่มๆอย่างเกื้อกูล เอื้ออาทรและแบ่งปันกัน ซึ่งคนดี มีศีลธรรมก็จะสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ครับ
คุณ wachirawich :- อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ตามที่ดอนและที่สูงค่อนข้างปลอดภัยครับ แต่ในส่วนของที่ราบ น้ำจะท่วมขังเป็นเวลานานเป็นเดือนๆครับ
คุณ toplus99 :- รูปแบบขององค์พระพุทธรูป ที่จัดสร้างในยุคภัยพิบัติมีรูปแบบพุทธลักษณะ..เป็น พระแก้วมรกต เพราะ พระแก้วมรกตเป็นองค์แทนของพระศรีอริยเมตรัย หากท่านใดสามารถสื่อสารกับพระแก้วมรกตได้ จะเข้าใจได้ว่าญาณธรรมภายในของพระแก้วมรกตนั้นเป็นญาณธรรมของพระศรีฯ หลังจากภัยพิบัติก็จะเป็นยุคของผู้ที่บำเพ็ญเพื่อไปสู่ศาสนายุคของพระศรี อริยเมตตรัย ในยุคศาสนาของพระศรีฯท่านจะทรงจีวรเป็นสีเขียว ดังนั้นการที่พระพุทธเจ้าห้าพระองค์มีรูปแบบสีเขียวแบบพระแก้วมรกตนั้นคือ การให้เกียรติ์แก่พระศรีฯในการรับหน้าที่สืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไปจากพระ พุทธองค์อีก 4 พระองค์ในภัทรกัปป์และพระแก้วมรกตนั้นเป็นสัญญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรือง ท่านประดิษฐานอยู่ ณ ที่ใด สถานที่แห่งนั้นจะเจริญรุ่งเรือง ครับ
ทำนองเดียวกันกับการสร้างพระพุทธชินราช(องค์ปฐมในสุริยจักรวาล) ซึ่งญาณธรรมภายในของท่านคือพระพุทธเจ้าวิปัสสีหรือปู่ขาวมหาราช ยุคศาสนาของท่านในอดีต ท่านจะทรงจีวรเป็นสีขาว และที่สร้างพระพุทธชินราชเป็นสีทองนั้นก็เป็นการให้เกียรติ์แก่ศาสนาของพระโคดม(ทรงจีวรเป็นสีเหลือง)ครับ แต่ที่ปู่ขาวมหาราชท่านอนุญาตให้ผมสร้างรูปพระชินราชในยุคปัจจุบัน(ปู่ขาวมหาราช)นั้นท่านให้ผมทำเป็นสีขาว ตามสีจีวรในยุคศาสนาของท่าน ครับ
พระแก้วมรกตและพระอินทร์ เกี่ยวข้องกันที่ว่า พระอินทร์เป็นผู้นำในการสร้างพระแก้วมรกต จากการปรารภของพระนาคเสน(พระเถระในสมัยก่อน)จึงร้อนถึงพระอินทร์ พระอินทร์เป็นผู้จัดแจงนำพาพระเถระไปขอแก้วมรกต ซึ่งเป็นแก้วบริวารของแก้วมณีโชติ บนสววรค์ และบังเอิญว่าพระอินทร์มีเครื่องทรงเป็นสีเขียวและแก้วมรกตก็มีสีเขียวเช่น กัน(แต่สีเขียวมรกตแตกต่างจากสีเขียวเข้มซึ่งเป็นสีเครื่องทรงของพระอินทร์)
</td></tr></tbody></table> -
<table id="post6000975" class="tborder" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center" border="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">Aunyasit
สมาชิก
วันที่สมัคร: Aug 2005
ข้อความ: 1,387
Groans: 0
Groaned at 128 Times in 29 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 9,558 ครั้ง ใน 1,072 โพส
พลังการให้คะแนน: 880
</td> <td class="alt1" id="td_post_6000975" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> คุณ wachirawich :- อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ แรกๆจะมีน้ำท่วมบ้างแต่จะท่วม ไม่นานแต่โดยรวมค่อนข้างจะปลอดภัยครับ
คุณ TonWazza :- อ.ขลุง จ.จันทบุรี โดยรวมไม่ปลอดภัยเลยครับ มหาพายุจะพาดผ่าน จ.จันทบุรีด้วยครับ
คุณ punnapa :- อ.ชุมแสง, อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ไม่ค่อยปลอดภัยเลยครับ เพราะพื้นที่ใน จ. นครสวรรค์ต่อไปจะเป็นพื้นที่รับน้ำจากเขื่อนครับ ยกเว้นที่สูงตามไหล่เขาก็พออยู่ได้ครับ ส่วน อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ค่อนข้างปลอดภัยครับ ยกเว้นบริเวณบึงโขงหลงและพื้นที่ราบลุ่มน้ำจะท่วมหมดครับ
คุณ lagunaram :- เรื่องของพระพุทธเจ้าห้าพระองค์นั้น ผมจะมีความเกี่ยวข้องอยู่พอสมควร จึงรับทราบเรื่องสีจีวรของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์และก็สอดคล้องกับสีของ แก้วพระรัตนตรัยที่ปรากฏขึ้นในแต่ละยุคสมัยของพระพุทธเจ้า เท่าที่ศึกษามาสีนั้นจะเกี่ยวเนื่องกันมากับสีของจีวรในแต่ละยุคสมัยของพระ พุทธเจ้าครับ อย่างพระแก้วมรกตนั้นเป็นสีเขียวซึ่งแก้วมรกตนั้นเป็นสมบัติของพระศรีฯ(พระ ศรีฯเป็นผู้ครอบครองแก้วมณีโชติ(สีชมพู)และแก้วบริวาร รวมทั้งแก้วมรกต บนสวรรค์) ส่วนภายในของพระแก้วมรกตนั้นบรรจุพระบรมสาริกธาตุของพระพุทธเจ้าโคดม แต่สื่อญาณที่เป็นญาณธรรมภายในของพระแก้วมรกตนั้นเป็นญาณธรรมของพระศรีฯ ครับ ส่วนเรื่องสีของพระแก้วประจำพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์นั้น ผมมีข้อสงสัยว่าทำไมจึงแตกต่างจากสีของจีวรท่านเพราะสัญญลักษณ์สีนั้นก็มี ความสำคัญกับแต่ละพระองค์ และทุกครั้งที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านให้ผมขึ้นสัญญลักษณ์สีของพระพุทธเจ้า พระองค์ต่างๆสีก็จะตรงกันกับสีจีวรของแต่ละพระองค์ อย่างเช่น ลูกแก้ว จีวร ธงสี เป็นต้น เอาไว้ผมมีโอกาสแล้วจะถามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านครับ
คุณ Nongnoni :- แต่ละบุคคลก็มีหน้าที่แตกต่างกันไปตามบุญญาบารมีที่สั่งสมมาครับ ผมเองไม่ได้ใช้รูปลักษณ์เป็นสื่อในการรู้ในตอนแรกครับ ท่านให้ใช้สื่อจิตต่อจิต เมื่อจิตต่อจิตเชื่อมกันแล้ว ท่านจึงจะให้เห็นเป็นภาพครับ บางทีเรื่องของพระโพธิสัตว์กับเรื่องของพระสาวก อาจจะมีรายละเอียดแตกต่างกันครับ
คุณ Chinoros :-ตำบลบ้านงิ้วงาม อ.เมือง จังหวัดพิษณุโลก พื้นที่ส่วนใหญ่ต่อไปน้ำจะท่วมถึงครับ ให้หาที่สูงอย่างเนินเขาที่อยู่ในตำบลใกล้เคียงเอาไว้หลบภัยครับ อีกอย่างเขตเมืองส่วนมากต่อไปจะประสบกับโรคระบาดด้วยครับ
คุณ neywin :- อนุโมทนาในกุศลจิตครับ
คุณ colour :- Seattle รัฐ Washington ที่สูงจะเป็นเกาะ เป็นแก่ง ที่ราบส่วนใหญ่จะจมน้ำครับ ให้หาที่สูงที่เป็นภูเขาที่ใกล้ที่สุดเป็นที่พักพิงครับ ส่วน จ. สุรินทร์โดยรวมก็จะกระทบจากมหาภัยพิบัติโดยเฉพาะลมพายุและน้ำท่วม เมื่อผ่านมหาพายุไปได้แล้วที่สูงๆจะสามารถเป็นที่อยู่อาศัยได้ครับ
คุณ ดินน้ำลม :- อ.โคกเจริญ จ.ลพบุรี ที่ราบน้ำจะท่วมหมดครับ จะเหลือที่สูงเพียงไม่กี่ที่ และปัญหาใหญ่ของที่นี่อีกอย่างนึงคือโรคระบาดจะรุนแรงมากครับ
คุณ sun78 :- อ.ปาดังเบซา จ.สงขลา และ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ที่ปลอดภัยมีเฉพาะที่เป็นภูเขาสูง พื้นที่ที่เหลือจะจมน้ำหมดครับ
คุณ M78 :- อ.เต่างอย จ.สกลนคร ค่อนข้างปลอดภัยครับ แต่ตามที่ราบน้ำจะท่วมขังครับ
คุณ MagicCarpet :- อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ผมตอบไว้แล้วในหน้า 40 ครับ
ส่วน จ. จันทบุรี ที่ปลอดภัยส่วนใหญ่จะอยู่ตามภูเขาสูง ซอกเขา และ ถ้ำ เป็นต้น
คุณ Naraporn_N :- อ.บ้านไร้ จ.อุทัยธานี ตามที่สูงหรือเนินเขาค่อนข้างปลอดภัย แต่ตามที่ราบน้ำจะท่วมสูงมากครับ ญาติพี่น้องผมบางคนก็เตรียมไปอยู่แถว อ.บ้านไร่ แต่ผมไม่ได้ไปอยู่ด้วยครับ
คุณ kobkobs :- ประเทศเยอรมัน โดยภาพรวมจะเสียหายมากครับ ทุกเมืองจะเสียหายเหลือเพียงส่วนน้อยที่จะรอดพ้น ถ้าให้ผมแนะนำกลับเมืองไทยดีกว่าครับ เมืองไทยมีที่ปลอดภัยเยอะกว่าหลายๆประเทศรวมกันครับ
คุณ Kiddee_p :- มีภาคตะวันออกเฉียงเหนือเท่านั้นครับที่ค่อนข้างปลอดภัยกว่าภาคอื่นๆ ส่วนภาคตะวันตกแผ่นดินจะไหวรุนแรง รวมทั้งแผ่นดินแยกด้วยครับ และภัยอื่นๆก็จะค่อยๆตามมาครับ
คุณ ฟ้าทะเล :- South FLorida เเละ Orlando Florida ไม่ปลอดภัยเลยครับ
คุณ ดินน้ำลม :- ถ้ากายสังขารเราไม่อาจรอดพ้นภัยพิบัติ ได้ แค่จะให้พ้นจากอบายภูมิสี่ยังยากเลยครับ อย่าลืมว่าคนที่เสียชีวิตในระหว่างภัยพิบัตินั้นส่วนใหญ่คือผู้ที่ยังมีบุญ บารมีไม่เพียงพอที่จะรองรับศีลธรรมที่จะเกิดขึ้นบนโลกได้ครับและจะมีส่วน น้อยมากๆที่จะไปสู่สุคติภูมิได้
ส่วน เรื่องเข้านิพพานนั้นไม่ต้องพูดถึงครับ (กิเลสนิพพาน ธาตุนิพพานและอมตมหานิพพาน ตามลำดับ)ถ้าผู้ที่ถึงกิเลสนิพพานก็ควรจะทำได้ตั้งแต่ตอนนี้แล้วครับ ซึ่งก็แทบจะหาไม่เจอครับ พระ พุทธเจ้าท่านสอนผมว่านิพพานนั้นเป็นของยากสำหรับสรรพสัตว์เพราะการสั่งสมอา สวะกิเลสมาอย่างยาวนาน จึงไม่สามารถขจัดอาสวะกิเลสให้หมดไปในระยะเวลาอันสั้นได้ ต้องอาศัยการสั่งสมบารมีขัดเกลาอาสวะกิเลสไปในภพชาติครับ เรื่องพวกนี้ถ้าพูดมากไปก็จะขัดแย้งกับผู้ที่เขาสอนในแนวทางที่ว่านิพพานเป็นของง่าย ส่วนผมนั้นขอเชื่อพระพุทธองค์ไว้ก่อนครับ
คุณ TimNoonJo :- อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี จะประสบโรคระบาดรุนแรงแต่น้ำท่วมนั้นจะไม่ใช่ปัญหาหลักสำหรับพื้นที่นี้ครับ แต่โรคระบาดจะป้องกันได้ยากครับ แต่ถ้าเป็นชุมชนเล็กๆ อยู่ได้ด้วยตัวเองความเสี่ยงจากโรคระบาดก็จะน้อยลงครับ
คุณ srisu :- ตำบลเมืองพะไล อำเภอบัวลาย จังหวัดนครราชสีมา โดยรวมค่อนข้างปลอดภัยครับ จะมีน้ำท่วมบ้างแต่ไม่มาก
คุณ A&p :- จ. เชียงราย ให้หาพื้นที่เนินเขาที่มีความชันไม่มากนะครับ แม้จะมีแผ่นดินไหวก็สามารถอาศัยอยู่ได้ในหลายพื้นที่ อ. เมืองเชียงรายไม่แนะนำครับ โดยรวม จ.เชียงราย ปลอดภัยกว่า จ. เชียงใหม่ครับ
คุณ A&p :- ผมเองคาดว่ามีเวลาประมาณ 1 เดือน(บวก/ลบ) จากวันนี้ไปครับ ถ้าหาบ้านยังไม่ได้ หาเต็นท์ขนาดที่อยู่ได้ 3-4 คน พร้อมเสบียงและอุปกรณ์ ไปบำเพ็ญภาวนาตามวัดป่าเพิ่มบุญบารมีและกำลังใจให้กับตนเองครับ
คุณ goldsilve :- อ.พนมสารคาม, อ.สนามชัยเขต, อ.ท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่หลบภัยให้หาภูเขาสูง ที่มีหลืบ มีถ้ำ สามารถกันน้ำกันลมได้ดีครับ
คุณ farmfew :- จ.ยโสธร อ.เมือง จะกระทบจากโรคระบาดเป็นหลัก ส่วนจากน้ำจะกระทบไม่มากครับ แต่อำเภออื่นๆจะปลอดภัยและมีผลกระทบน้อยกว่าครับ
คุณ TimNoonJo :- เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาแผนปัจจุบัน คือเป็นแล้วจะรอดยาก ผมไม่รู้ว่าจะเรียกว่าโรคอะไร ครับ
คุณ มะลิดำ :- หากเกิดเหตุ ฟ้าดับแล้ว คาดว่าจะสามารถใช้โทรศัพท์มือถือแจ้งญาติๆ เพื่อนัดหมายได้ในช่วงแรกๆ (1 ชม.แรก)เท่านั้นครับ
คุณแรงลม 55 :- อ.เคียนซา และ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ที่ปลอดภัยจะอยู่ตามภูเขาสูงและตามถ้ำครับ ที่ราบจะจมน้ำหมดครับ
คุณ ต๋อง ลำพูน :- อ.ลี้ จ.ลำพูน ค่อนข้างปลอดภัยครับ แม้จะมีแผ่นดินไหวแต่ก็ไม่กระทบมาก ใน จ. ลำพูนหลายพื้นที่ที่เป็นแถบที่สูงตามภูเขาจะสามารถอยู่อาศัยได้ ยกเว้นใน อ. เมือง ไม่ค่อยปลอดภัยเมื่อโรคระบาดมาครับ
คุณ pm :- Minneapolis กับ St Pual รัฐ Minnesota USA ไม่น่าอยู่ครับ ต่อไปจะอยู่อาศัยลำบากครับ เข้าใจว่าต่อไปที่นี่อากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันครับ เช่น ร้อนจัดกับเย็นจัด สุดขั้วเลยครับ
คุณUaychai :- อ.คง จ.นครราชสีมา นอกจากน้ำจะท่วมในช่วงแรกๆแล้วค่อนข้างปลอดภัยครับ แต่ให้เลี่ยงชุมชนใหญ่ๆเพราะจะมีปัญหากับโรคระบาดครับ
</td></tr></tbody></table> -
<table id="post6008239" class="tborder" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center" border="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">Aunyasit
สมาชิก
วันที่สมัคร: Aug 2005
ข้อความ: 1,387
Groans: 0
Groaned at 129 Times in 29 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 9,558 ครั้ง ใน 1,072 โพส
พลังการให้คะแนน: 880
</td> <td class="alt1" id="td_post_6008239" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> คุณPaguy :- ต.โนนสูง อ.เมืองอุดรธานี ตอนแรกๆน้ำจะท่วมสูงประมาณคอ ครับ พอน้ำลดจะมีโรคระบาดแต่ไม่รุนแรงมาก แต่ก็สามารถอยู่อาศัยได้หากเตรียมตัวพร้อมและไม่อยู่ในชุมชนใหญ่ครับ
คุณ suthipongnuy :- จ.หนองบัวลำภู พื้นที่ส่วนใหญ่ปลอดภัยครับ
คุณ center-in-center :- พระปทุมุตระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านครองจีวรสีน้ำเงิน-ฟ้าหรือเปล่า อันนี้ผมไม่ทราบครับ ผมจะทราบเฉพาะพระพุทธองค์ ที่ท่านสื่อญาณมาถึงผมเท่านั้นครับ
คุณ แก้วตระการ :- เมื่อถึงเวลาเกิดภัยพิบัติ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านให้ผมเดินทางไปทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเท่านั้นครับ ส่วนการเดินทางไปภาคเหนือนั้นจะไปได้ในช่วงแรกๆเท่านั้น เมื่อแรงสะเทือนจากแผ่นดินไหวมาถึง เขื่อนจะแตก ถนนบางที่ก็จะกลายเป็นทางน้ำสวนทางกับรถที่จะขึ้นไปภาคเหนือครับ แถวเขาค้อ กับหนองไผ่ จ. เพชรบูรณ์ ปลอดภัยกว่าภาคเหนือครับ
คุณ omenasa :- อยู่ภูเก็ตให้เล็งที่ปลอดภัยแถวยอดเขานาคเกิดกับเขาโต๊ะแซะ ไว้ครับ
คุณ บัวขม :- ใกล้ๆแม่น้ำมูล ในอ.เมือง จ.อุบล น่าจะเตรียมหาที่สูงๆให้ห่างจากแม่น้ำมูลไว้ครับ ที่ใกล้แม่น้ำ เมื่อถึงเวลาอันตรายแทบทุกที่ครับ
คุณ Kiddee_p :-อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบล นอกเหนือจากน้ำท่วมในช่วงแรกๆของภัยพิบัติแล้ว โดยรวมค่อนข้างปลอดภัยสามารถอยู่อาศัยได้ครับ
คุณ imttmi :-1. ประเทศเยอรมนี จะเสียหายมากนั้นเกิดจากภัยพิบัติ ครับ
2. อ. หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยรวมไม่ปลอดภัย เพราะอยู่ใกล้ศูนย์กลางของมหาพายุ ครับ
3. อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี โดยรวมจะเป็นแบบเดียวกันกับ อ. ม่วงสามสิบ
4. มันเป็นการยากครับที่จะบอกว่าหากไม่มีทางหลีกเลี่ยงจะให้เตรียมใจรับภัยพิบัติอย่างไรเพราะว่าพื้นฐานทางจิตวิญญาณของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันถ้าไม่มีสิ่งที่ยึดเหนี่ยว ก็ให้ระลึกถึงคุณของพ่อแม่ที่ท่านเลี้ยงดูเกื้อกูลเรามาในวาระต่างๆเพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวและจิตจะระลึกถึงได้ง่ายครับคุณของพ่อแม่นั้นมีกำลังมหาศาล เช่นกันครับ
คุณ นางเบญจมาศ :- ในช่วงภัยพิบัติ ต.หนองสาหร่าย อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา แถบด้านนั้นจะมีน้ำท่วมไหลบ่ามากครับ แต่ถ้าไม่อยู่ใกล้ทางน้ำก็สามารถอาศัยได้ในช่วงแรก และหากเป็นชุมชนเล็กๆก็ลดความเสี่ยงจากโรคระบาดได้เยอะครับ
คุณ Ta_worraseth :- ที่อเมริกา HollywoodเมืองLA ก็จะเจอภัยพิบัติเช่นกันครับ แต่มีเขตที่เป็นเนินสูงก็ยังสามารถอาศัยอยู่ได้ ก็ยังมีหวังอยู่ครับ
คุณ worakit yim :-
1.ที่ อ.คลองหาด จ.สระแก้ว น้ำจะท่วมหรือจะมีมหาพายุพัดผ่านครับ ถ้ามีถ้ำในวัดอยู่ใกล้ๆบ้านก็ถือว่าโชคดี สามารถอาศัยได้ครับ
2.พี่ชายทำงานที่เกาหลีใต้ จะกลับประมาณ ต้นเดือน มิ.ย.55 คงจะไม่ทันกับภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นครับ เกาหลีใต้ก็จะโดนภัยพิบัติมากเช่นกันครับ
3.ที่นิคมอุตสาหกรรม 304 อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ไม่ค่อยปลอดภัยครับเพราะยังอยู่ในรัศมีของมหาพายุครับ
4.ที่วัดป่าผูผาชัน บ้านหนองป้อง ต.ตะขบ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา วัดจะอยู่บนภูเขา ปลอดภัยครับ
คุณ buddhpunjat :- อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี เวลามีภัยพิบัติจะอยู่อาศัยได้ยากครับ จะมีทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วมและดินถล่ม แผ่นดินแยกครับ
คุณ Shadat :- ถ้าอยู่เหนือเขื่อนวชิราลงกรณ์ จะปลอดภัยจากน้ำ แต่จะต้องต่อสู้กับแผ่นดินไหว ดินถล่มและแผ่นดินแยก ขึ้นอยู่กับพื้นที่ตรงที่เราอยู่ บางที่จะกระทบรุนแรงมาก บางที่ก็จะกระทบไม่รุนแรงมากครับ
คุณ imttmi :- สำหรับเด็กนั้นหัดให้เขาทำจิตให้สงบ สอนให้เขานั่งสมาธิแล้วค่อยๆอธิบายให้เขาฟังว่าถ้าสมมติว่าเกิดเหตุแบบนั้น แบบนี้เขาต้องทำอย่างไร
คุณ rainbowflower :- ถ้าอยู่กรุงเทพจะไปเขาใหญ่ ไปทางปราจีนได้ครับ สะดวกเส้นทางไหน ไปเส้นทางนั้นเลยครับ
คุณ Noface :- อ. นาน้อย จ.น่าน ที่สูงตามภูเขา สามารถอยู่อาศัยได้ครับ แต่ต้องรับสภาพจากผลกระทบของแผ่นดินไหวครับ
คุณ ญา-ติ-กา :- เมื่อภัยพิบัติเกิดและกรุงเทพจะจมน้ำ ระบบราชการต่างๆส่วนกลางก็จะล่มสลายไปหมดครับ ถึงตอนนั้นคนที่เหลือก็สามารถอยู่กันได้โดยอาศัยความเกื้อกูล เอื้ออาทรต่อกัน ไม่มีใครอยากจะปกครองใครหรอกครับ ต้องใช้เวลาระยะนึงจึงจะสามารถตั้งระบบการปกครองขึ้นมาใหม่ โดยใช้หลักทางคุณธรรมและศีลธรรม ครับ
คุณ Jil :- ๑.พื้นที่รอบวัดพระธาตุหนองบัว จ.อุบล น้ำจะท่วมสูงประมาณเสาบ้านที่เขาทำบ้านแบบมีเสายกขึ้นไปประมาณ 1 เมตรครับและจะท่วมนานประมาณ 1-2 เดือน แต่โรคระบาดที่จะตามมานั้นต้องหลีกเลี่ยงเลยครับ เพราะเป็นโรคแบบ ติดง่าย ตายเร็ว ครับ
๒.จ.อุบล จะไม่กระทบมากจากภัยพิบัติอื่นๆนอกเหนือจากภัยพิบัติที่ได้กล่าวไว้แล้วครับ
๓.หลังภัยพิบัติ พระพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองที่ จ.หนองคาย เลย บึงกาฬ ขอนแก่น อุบล ครับ ส่วนใหญ่จะอยู่ในจังหวัดทางภาคอีสานครับ รวมทั้งความเจริญทางพุทธศาสนาจะเกิดขึ้นทางฝั่งประเทศลาวด้วยครับ
คุณ สติในธรรมะ :- อ.แม่สอด จ.ตาก ที่สูงตามเนินเขาก็สามารถอยู่อาศัยได้ครับให้เลือกพื้นที่ตามเนินเขาที่มี ความสูงแต่ยอดเขาไม่ชันมากก็จะปลอดภัยครับ แม้แผ่นดินจะไหวรุนแรงหากเราอยู่ในเต็นท์หรือกลางแจ้ง ก็จะไม่เป็นอันตรายครับ
คุณ dang_sa :- ถ้าเกิดภัยพิบัติตามที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านบอกผมไว้ ปลายปีนี้จะไม่มีประเทศฮ่องกงให้ไปแล้วครับ ฮ่องกงก็เป็นอีกพื้นที่นึงที่จะจมหายไปในทะเลเมื่อเกิดภัยพิบัติ
คุณ Kiddee_p :- อ.ม่วงสามสิบ อุบลในตอนแรกที่เกิดภัยพิบัติมีน้ำท่วมจะสูงประมาณ เมตรเศษๆครับ
</td></tr></tbody></table> -
<table id="post6013174" class="tborder" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center" border="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">Aunyasit
สมาชิก
วันที่สมัคร: Aug 2005
ข้อความ: 1,387
Groans: 0
Groaned at 129 Times in 29 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 9,558 ครั้ง ใน 1,072 โพส
พลังการให้คะแนน: 880
</td> <td class="alt1" id="td_post_6013174" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> มีภาพแปลกๆมาฝากครับ
ตอนงานสมโภชน์ปู่ขาวมหาราช(พระพุทธเจ้าวิปัสสี) ในขณะที่นำสวดมนต์ เมื่อญาณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านลงมาร่วมสวดมนต์ด้วย ภาพถ่ายก็ออกมาแบบนี้ครับ คนถ่ายภาพลองถ่ายภาพนี้ซ้ำถึง 3 ครั้งครับ
<fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend>
</fieldset>
</td></tr></tbody></table> -
<table id="post6014253" class="tborder" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center" border="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">Aunyasit
สมาชิก
วันที่สมัคร: Aug 2005
ข้อความ: 1,387
Groans: 0
Groaned at 129 Times in 29 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 9,558 ครั้ง ใน 1,072 โพส
พลังการให้คะแนน: 880
</td> <td class="alt1" id="td_post_6014253" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> คุณ kratium :- อนุโมทนาในกุศลจิตครับ
คุณ apichan :- จ. อุดรธานี จะเจอน้ำท่วมเยอะครับ และคาดว่าเมื่อถึงเวลานั้น ทั้งพระสงฆ์ทั้งฆราวาสผู้ปฏิบัติธรรม จะมีการอพยพไปอยู่จังหวัดใกล้เคียงกันเยอะ ความเจริญทางศาสนาที่ควรจะเป็นที่จังหวัดอุดรก็จะไปอยู่ในจังหวัดที่พระสงฆ์ และฆราวาสอพยพไปอยู่ครับ แต่หลายๆที่ก็สามารถอยู่ได้และยังปฏิบัติอยู่เช่นเดิมแต่การสื่อสารกับโลก ภายนอกจะน้อยลงครับ
ผมยังติดค้างเรื่องพระนิพพาน 3 แบบไว้นะครับ เอาไว้เจอกันแล้วค่อยอธิบายนะครับ
คุณ Kiddee_p :- จ. อุบล ก็มีที่ปลอดภัยเยอะครับ ตามที่สูงส่วนใหญ่ก็ยังอาศัยได้ แต่ถ้าเป็นชุมชนใหญ่ก็จะเสี่ยงกับโรคระบาดครับ
คุณ A&p :- ถ้าให้ผมแนะนำก็คือ เก็บเงินค่าซ่อมบ้านไปซื้อทองคำเก็บไว้จะดีกว่าครับ เมื่อถึงเวลานั้นทองคำจะมีมูลค่าในการแลกเปลี่ยนและสามารถนำติดตัวไปได้หาก ต้องอพยพ ส่วนอย่างอื่นๆนั้นจะไม่มีค่า แม้แต่เงินตราต่างๆก็จะใช้ไม่ได้ ระบบจะล่มไปหมดครับ
คืนนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านลงมาเตือนคณะผมอีกวาระนึง ว่าภัยพิบัติใกล้เข้ามามากแล้ว ให้เตรียมตัวเตรียมใจ มิฉะนั้นจะวิปลาส และปู่ทวดก็ลงมาบอกเช่นกันว่า ที่แผ่นดินสั่นไหวอยู่ทางภาคใต้ ณ เวลานี้นั้น ต่อไปแผ่นดินแถบนั้นจะทรุดจมลงไปในทะเล จุดเริ่มต้นที่แผ่นดินจะทรุดลงไปในทะเลคือเกาะที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านเคย บอกผมไว้ คือ เกาะใต้หวัน แล้วแผ่นดินหรือเกาะต่างๆจะค่อยๆทรุดจมหายไปในทะเลต่อๆกันไป ซึ่งรวมทั้งภาคใต้ของประเทศไทยด้วย ครับ
ลอง จินตนาการดูว่าถ้าเกาะใต้หวันจมลงไปในทะเล จะทำให้เกิดคลื่นยักษ์ขนาดไหน และเหตุการณ์นั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของหลายๆภัยพิบัติ รวมทั้งการที่ลาวาเหลวจะไหลบ่าขึ้นมาบนพื้นโลกด้วยครับ
สำหรับเรื่องทองคำนั้น จะเป็นสิ่งที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนกับสิ่งของอื่นๆหลังจากภัยพิบัติ เนื่องจากระบบการเงินการธนาคารจะล่มสลายไปในช่วงภัยพิบัติ ครับ
ปัจจัยสี่และสิ่งอื่นๆย่อมสำคัญในการดำรงชีวิตประจำวัน แต่ในช่วงภัยพิบัติ เราไม่สามารถขนสิ่งของทุกอย่างที่เราต้องการไปได้ทั้งหมด ดังนั้นก็ให้หาสิ่งที่จะมีค่าในอนาคตที่สามารถเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แทนเงินตราไว้แลกเปลี่ยนกับสิ่งที่เราต้องการครับ ทั้งนี้แน่นอนว่าเราต้องเตรียมปัจจัยสี่ให้พอเพียงกับความต้องการเสียก่อน เมื่อปัจจัยสี่เพียงพอแล้วก็แปลเงินตราที่เหลือเป็นทองคำเอาไว้แลกเปลี่ยนใน อนาคตครับ
</td></tr></tbody></table> -
<table id="post6025149" class="tborder" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center" border="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">ZZ
ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด
วันที่สมัคร: Apr 2005
ข้อความ: 4,982
Groans: 11
Groaned at 12 Times in 10 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 20,510
ได้รับอนุโมทนา 42,574 ครั้ง ใน 2,990 โพส
พลังการให้คะแนน: 3541
</td> <td class="alt1" id="td_post_6025149" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> อ้างอิง:
<table cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" border="0"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ผอม
เล่าสู่กันฟัง.....ต่อ (แผนอพพยพ)
- ออกเดินทางจาก กทม. ไปยังพื้นที่ปลอดภัย โดยรถส่วนตัว รถสาธารณะ หากไม่มีรถส่วนตัวควรวางแผนเดินทางล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ เพราะรถสาธารณะสามารถหยุดการให้บริการได้ทุกเมื่อ การเหมาแท๊กซี่ก็เป็นวิธีการที่ดี ควรทำความคุ้นเคยกับคนขับแท๊กซี่ไว้บ้าง
หากเดินทางโดยมอเตอร์ไซค์ ควรเตรียมน้ำมันสำรองไว้ หรือรีบเดินทางแต่เนิ่นๆ เพราะน้ำมัน 4 ลิตรของมอเตอร์ไซด์ไปได้แค่ 150-200 กิโลเมตร การเดินทางเสียแต่เนิ่นๆ ยังพอหาน้ำมันเติมรถได้ มอเตอร์ไซค์ไม่มีปัญหาเรื่องรถติด แต่มีปัญหาเรื่องความเหนื่อยล้า
เดินทางด้วยรถส่วนตัว จะมีปัญหาเรื่องรถแย่งกันออกนอกเมือง เช่น เดียวกับช่วงเทศกาล และจะน้ำมันหมดในที่สุด การออกเดินทางเสียแต่เนิ่นๆแก้ปัญหานี้ได้
แต่โดยส่วนตัวของผมเองคิดว่า ในกรณีจำเป็นต้องเดินทางนาทีสุดท้ายจริงๆ มีข้อควรระวังคือ
1. หากมีแผ่นดินไหว ห้ามใช้ทางด่วนเด็ดขาด
2. หากมีน้ำท่วม ห้ามมุ่งหน้าไปทางที่ลุ่ม เพราะรถอาจดับกลางทาง
3. ศึกษาเส้นทางหลัก+รอง เผื่อไว้กรณีฉุกเฉิน ลองคิดไว้หลายๆเส้นทาง (คิดไว้ก่อนล่วงหน้า) ไปสำรวจเส้นทางบ้างตอนที่ยังไม่เกิดอะไร
4. ส่วนใหญ่เมื่อเกิดภัยพิบัติ เรามักมองไม่เห็นป้ายบอกทาง ป้ายจราจร (ไม่รู้ทำไม คงเพราะกำลังลน) หรือมีผู้แหกกฎจราจร ด้วยนั้นไม่ควรใช้ความเร็ว และแน่ใจในเส้นทางที่กำลังไป
- หลีกเลี่ยงเส้นทางที่เคยมีน้ำท่วม (กรณีน้ำหลากจากที่สูง+พายุฝนตกหนัก) กทม-สุพรรรณบุรี , อยุธยา วังน้อย , โคราช ลำตะคอง เขาใหญ่ , พื้นที่ป่า
โห....แทบจะออกจาก กทม. ไม่ได้เลย เพราะแต่ละเส้นทาง น้ำเคยท่วมแล้วทั้งนั้น แต่ไม่ต้องตกใจ ให้ประเมินสถานะการณ์ว่า จุดใดที่เสี่ยงน้อยที่สุด ให้ไปทางนั้น
ดูแผนที่ความสูงประกอบ
รูปขยาย http://palungjit.org/attachmen...3&d=1295331518
ลองประเมินเส้นทาง (กรณีน้ำทะเลท่วมเข้ามา) คือ
1. ไปอีสาน
1.1 สระบุรี - โคราช (รถติด)
1.2 สระบุรี - ชัยบาดาล (ไปทางเพชรบูรณ์) - ชัยภูมิ
1.3 สระบุรี - เพชรบูรณ์ - เลย/ขอนแก่น
1.4 นครนายก - ปราจีบุรี - วังน้ำเขียว - ปักธงชัย (เสี่ยงน้ำป่า)
2. ไปเหนือ
2.1 สิงห์บุรี - นครสวรรค์ - กำแพงเพชร - ตาก (รถติด)
2.2 สิงห์บุรี - นครสวรรค์ - พิษณุโลก (รถติด)
แต่เส้นทางไปภาคเหนือมีถนนสายเก่าอยู่หลายเส้นทาง ไม่จำเป็นต้องใช้ถนนสายเอเซียเสมอไป
3. ไปตะวันออก (เขาคิชฌกูฏ) ชลบุรี - ระยอง - จันทบุรี
4. ไปใต้ (แก่งกระจาน) เพชรบุรี (ติดแน่ๆ)
5. ไปตะวันตก เข้าห้วยขาแข้งทางอุทัยธานี , ไปเมืองกาญ์ ติดรถลงใต้ เสี่ยงน้ำจากเขื่อน
ต้องลองประเมินดูว่า....ท่านมีเป้าหมายทิศทางใด ส่วนใหญ่แนะนำให้ไปอีสาน แต่ต้องเลือกเส้นทางให้ดี
เช่น ท่านจะไปอีสาน แต่รถติดมาก น้ำท่วมทางขาด ท่านอาจเปลี่ยนมาทางตะวันออกก่อน จากนั้นจึงเลาะตะเข็บชายแดนขึ้นไปอีสาน สระแก้ว - ตาพระยา - นางรอง ทางหลวงหมายเลข 348
.
</td></tr></tbody></table>
</td></tr></tbody></table> -
<table id="post6025293" class="tborder" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center" border="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">Aunyasit
สมาชิก
วันที่สมัคร: Aug 2005
ข้อความ: 1,387
Groans: 0
Groaned at 129 Times in 29 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 9,558 ครั้ง ใน 1,072 โพส
พลังการให้คะแนน: 880
</td> <td class="alt1" id="td_post_6025293" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> ผมจะเรียงลำดับการเกิดมหาภัยพิบัติแบบคร่าวๆให้นะครับ เหตุการณ์บางอย่างจะเกิดขึ้นแทบจะพร้อมๆกันครับ
อันดับแรก เกิดระเบิดใต้น้ำ จากลาวาร้อนจัดใต้พื้นโลกขึ้นมากระทบกับความเย็นจัดใต้มหาสมุทร ใกล้ประเทศใต้หวัน
ต่อมาจะ เกิดแผ่นดินไหวแรงมากๆ จะกระทบและทำลายหลายๆประเทศ พร้อมทั้งเกิดคลื่นยักษ์ตามมาติดๆพร้อมกับน้ำมหาศาลยกตัวมีระดับสูงขึ้นแล้ว ก่อตัวเป็นมหาพายุ ประเทศที่เป็นเกาะหลายประเทศจะทะยอยทรุดตัว จมลงใต้มหาสมุทรเป็นโดมิโน่ จากแถวใต้หวัน ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น จีน(ชายทะเล) ฮ่องกง ไล่ลงมาถึงเวียดนาม กัมพูชา ลาว ไทย ฯลฯ พื้นที่ ที่คลื่นยักษ์ผ่านและแผ่นดินทรุด ล้วนจะวายวอดหมดครับ
และ การทรุดตัวจมลงของเกาะใหญ่ๆกระแทกกับพื้นด้านล่างจะทำให้เกิดคลื่นยักษ์ตาม มาถล่มแถบชายฝั่งของประเทศต่างๆเป็นระลอกๆ ครับ คลื่นขนาดใหญ่ยักษ์และมีจำนวนถี่ๆ สามารถเข้าไปทำลายลึกเข้าไปในแผ่นดินร่วมร้อยกิโลเมตร ครับ
ผมเองทีแรกตัดสินใจว่าจะไปก่อนวันฟ้ามืด แต่ก็ต้องรอญาติส่วนนึงที่เป็นประเภทไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา เมื่อฟ้ามืดมาพวกนี้ก็จะยอมหนีไปด้วยแต่โดยดีครับ
</td></tr></tbody></table> -
<table id="post6028448" class="tborder" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center" border="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">Aunyasit
สมาชิก
วันที่สมัคร: Aug 2005
ข้อความ: 1,387
Groans: 0
Groaned at 129 Times in 29 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 9,558 ครั้ง ใน 1,072 โพส
พลังการให้คะแนน: 880
</td> <td class="alt1" id="td_post_6028448" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> คุณkannamat :- ช่วงฟ้ามืดในวันเกิดภัยพิบัติ เครื่องบินจะไม่สามารถทำการบินได้ครับ อากาศแปรปรวนมากๆประกอบกับมีการเปลี่ยนแปลงของประจุไฟฟ้าในอากาศจะทำให้การ สื่อสารไม่สามารถทำได้ครับ
คุณ FKN9 :- อำเภอลำปลายมาศ แรกๆน้ำจะท่วมครับ ต่อมาจะกระทบกับแผ่นดินไหว และโรคระบาดครับ แต่หลายพื้นที่ใน อ.ลำปลายมาศ สามารถอยู่อาศัยได้ครับ สำหรับประเทศเนเธอร์แลนด์นั้นคงจะต้านน้ำไม่อยู่ครับ ยังไงก็ขอให้เดินทางโดยปลอดภัยครับ
คุณ bamrung :- เมื่อแผ่นดินในประเทศเวียดนามทรุดตัว น้ำก็จะเข้ามาถึงลาวบางส่วนครับ
คุณyokkry :- อ. ดอยสะเก็ต จ.เชียงใหม่ จะมีปัญหากับน้ำท่วมและแผ่นดินไหวค่อนข้างมากครับ ถ้ามีที่อยู่ที่สูงและสามารถรองรับแผ่นดินไหวได้ ก็สามารถอาศัยอยู่ได้ ครับ
มีบางท่านโทรฯมาถามผมว่าประเทศไทยมีพระพุทธรูปเยอะมาก จะมีพุทธานุภาพคุ้มครองทั้งประเทศไม่ได้เหรอ อันนี้ขอตอบว่าพระพุทธรูปที่มีพุทธานุภาพสามารถป้องกันภัยพิบัติได้นั้นมี น้อยมากๆครับ และโดยเฉพาะพระพุทธรูปที่สร้างในยุคปัจจุบันมีน้อยมากๆที่จะมีพุทธานุภาพดัง กล่าว และพระพุทธรูปบางพระองค์ท่านจะไม่แสดงพุทธานุภาพในยุคภัยพิบัติ และพุทธรูปเมื่อไม่มีญาณภายในก็เป็นเพียงสัญญลักษณ์ขององค์พุทธะเท่านั้น ครับ
และบางท่านบอกว่ามีพระธาตุกระจายอยู่ทั่วประเทศสามารถป้องกันภัยพิบัติได้ไม๊ อันนี้ขอเรียนว่าพระธาตุที่จะสามารถป้องกันภัยพิบัติได้นั้น ต้องเป็นพระบรมสาริริกธาตุของแท้เท่านั้น ส่วนพระธาตุประเภทเทวดาเนรมิตนั้นไม่มีคุณสมบัติในการป้องกันภัยพิบัติครับ
และในช่วงภัยพิบัติ จะมีสมณะ ชีพราหมณ์ ล้มตาย รวมทั้งวัดวาอารามต่างๆถูกทำลายไปเป็นจำนวนมากครับ ผู้ที่ปฏิบัติตามแนวทางของพระพุทธองค์อย่างแท้จริงจะอยู่รอดครับ ส่วนที่อยู่นอกเส้นทางของพระพุทธองค์ จะไม่หลงเหลืออยู่เลยครับ
และหลายท่านถามผมมาถึงเรื่องวัตถุมงคลที่สามารถป้องกันภัยพิบัติได้ เท่าที่ผมทราบ(ปู่ขาวมหาราชท่านบอก) ก็มีแก้วพระรัตนตรัย ที่มีพุทธานุภาพสามารถป้องกันภัยพิบัติในยุคนี้ให้กับบุคคลได้ แต่การที่จะแจกแก้วพระรัตนตรัยให้ใครนั้น ปู่ขาวท่านจะเป็นผู้บอกเองว่าจะแจกให้กับใครบ้าง
ส่วนที่ว่าศีลธรรมระดับไหนถึงจะอยู่รอดได้ อันนี้เป็นสิ่งที่ตอบยาก เพราะเมื่อถึงเวลามวลบุญและมวลบาปจะเป็นตัวคัดกรองผู้คน ซึ่งแต่ละบุคคลก็มีศีลธรรมที่แตกต่างกันอีกด้วยครับ
คุณ Folkman :- พระองค์ท่านมีปัญญาธรรมอันลึกซึ้งครับ ท่านบอกเป็นภาษาสัญญลักษณ์ไว้ ผู้ที่มีปัญญาสามารถเข้าใจได้ เอาเป็นว่าเรื่องที่พวกเราคุยกันน่ะ ผมคาดเดาเอาว่าพระองค์ท่านทรงรอบรู้อย่างละเอียดครับ พิจารณาง่ายๆว่าพระองค์ทรงให้สัญญลักษณ์ ระเบิดเกิดในทะเล จะมีสาเหตุจากอะไรได้บ้าง ใกล้เคียงกับสิ่งที่เรากำลังสนใจกันไม๊ครับ
คุณ Noface :- เป็นเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ครับ ครั้งล่าสุดที่เห็นแสงนั้นเมื่อไหร่ครับ เพราะเท่าที่ศึกษามาพบว่า ในช่วงที่ผ่านมานี้ญาณศีลธรรมมีการโยกย้ายเปลี่ยนสถานที่กันมากมายในยุคนี้ ถ้าแสงที่เคยเห็นนั้นยังอยู่จนวันนี้ก็ถือว่าเป็นความโชคดีของผู้ที่ได้พบ เห็นครับ
คุณ พ้นเกิด :- หลังภัยพิบัติก็จะได้เห็นอัญญาสิทธิ์และอัญญาธรรมว่าเขาเป็นกันอย่างไร หลังจากเกิดภัยพิบัติขึ้นแล้ว พระจักรพรรดิ์จะเป็นผู้ทำหน้าที่(ตามพุทธบัญชา)ในการควบคุมธาตุทั้งสี่ให้ กลับสู่ความสมดุล ครับ จากนั้นก็จะมีการสถาปนาระบบการปกครองในยุคพระจักรพรรดิ์ อัญญาสิทธิ์ อัญญาธรรมก็จะปรากฏตัวออกมาทำหน้าที่ ผู้ที่ทำหน้าที่ในนามพระจักรพรรดิ์นั้นจะเกี่ยวข้องกับดวงจิตดวงสุดท้ายของ พระศรีอริยเมตตรัย ครับ
ที่จริงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านเปิดให้รู้เห็นเรื่องพระจักรพรรดิ์มานานแล้ว แต่ไม่ใช่กาลเวลาที่จะเปิดเรื่องพวกนี้ กาลนี้เป็นกาลของพระพุทธศาสนา ส่วนระบบของพระจักรพรรดิ์นั้นจะปรากฏซ้อนขึ้นมาหลังจากเรื่องของพระพุทธ ศาสนาสมบูรณ์ตามพุทธบัญชาแล้ว ครับ
</td></tr></tbody></table> -
<table id="post6039817" class="tborder" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center" border="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">Aunyasit
สมาชิก
วันที่สมัคร: Aug 2005
ข้อความ: 1,387
Groans: 0
Groaned at 129 Times in 29 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 9,558 ครั้ง ใน 1,072 โพส
พลังการให้คะแนน: 880
</td> <td class="alt1" id="td_post_6039817" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> หวัดดีครับ
ก่อนอื่นขออนุโมทนากับทุกท่าน
ผมเพิ่งกลับมาจากติดตามความก้าวหน้าของงานที่พุทธสถานฯ ครับ มีภาพความก้าวหน้าของงานก่อสร้างต่างๆ มาฝากครับ
สำหรับ เรื่องฟ้ามืดนั้น เอาประเทศไทยเป็นที่อ้างอิง ฟ้าจะมืดมาทางทิศตะวันออกก่อนประเทศไทยจะมืดครับ และเมื่อโลกหมุนไปส่วนอื่นๆ(ทางตะวันตก)ก็จะค่อยมืดตาม จากนั้นโลกก็อยู่ในท่ามกลางความมืดครับ
คุณ csukasem :- ในช่วงฟ้ามืด แถวหมูสี โคราช จะมีไฟฟ้าใช้ในช่วงแรกของฟ้ามืดเท่านั้น เมื่อมหาพายุมาถึงระบบไฟฟ้าทุกอย่างจะถูกทำลายครับ
คุณ buddhpunjat :- อย่าไปรับรู้เรื่องต่อหลังจากภัยพิบัติเลยครับ ผมไม่ต้องการที่จะต้องมาเคลียร์จิตตนเองในสิ่งที่ไปรู้เห็นหลังจากภัยพิบัติ ครับ เอาเป็นว่าอเนจอนาถครับ
<fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend>
</fieldset>
</td></tr></tbody></table> -
<table id="post6043286" class="tborder" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center" border="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">Aunyasit
สมาชิก
วันที่สมัคร: Aug 2005
ข้อความ: 1,387
Groans: 0
Groaned at 129 Times in 29 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 9,558 ครั้ง ใน 1,072 โพส
พลังการให้คะแนน: 880
</td> <td class="alt1" id="td_post_6043286" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
คุณ Kiddee_p :- เส้นทาง อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ไปด่านช้าง ในช่วง 3-4 ชม. แรกก็สามารถใช้ได้ครับ แต่ถ้าถึง ชม.ที่ 5 จากที่ฟ้าเริ่มมืด จะค่อนข้างเสี่ยงครับ
คุณ ZincOxide :- โรคระบาดในเวียดนาม ดีกรีการระบาดยังไม่รุนแรงเท่ากับโรคที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ครับ โรคที่จะเกิดขึ้นน่ากลัวกว่านี้มากครับ
คุณ yui_61 :- อ.โพทะเล จ.พิจิตร ต่อไปน้ำจะท่วมค่อนข้างมากครับ ที่ปลอดภัยต้องเป็นที่สูงๆครับ ที่ไหนน้ำท่วมมากต่อไปจะมีคนตายลอยตามน้ำมาและเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคครับ ดังนั้นอยู่ให้ห่างทางน้ำไหลไว้ครับ
คุณ Pa-Ing :- อ.เลิงนกทา อ.กุดชุม อ. ทรายมูล โดยรวมสามารถอาศัยอยู่ได้ครับ น้ำจะท่วมไม่สูงนัก แต่ อ. เขื่อนคำแก้ว จะมีน้ำท่วมมากกว่าหลายๆอำเภอใน จ.ยโสธร ครับ
คุณ natatik :- 1. การดำรงชีวิตประจำวันนั้น เงินจะไม่มีคุณค่า จึงซื้อขายแลกเปลี่ยนกันไม่ได้
2. ระบบการเงิน การธนาคาร ล่มสลายไปเลย ต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ครับ จะผลิตอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น ของที่มีอยู่ให้หมดไปแล้ว ปลูกผักกินใช้วิถีชีวิตแบบโบราณ
คุณ panya 18 :- แก้วพระรัตนตรัยกับเพชรพญานาค เป็นคนละอย่างกันครับ แก้วพระรัตนตรัยนั้นเป็นแก้วที่พระพุทธองค์ประสิทธิ์โดยแบพรรณรังสี ส่วนเพชรพญานาคนั้นเป็นแก้วที่พญานาคเขารักษาดูแลครับ
คุณ Wake up :- อ. หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ที่สูงก็สามารถอาศัยอยู่ได้ครับ สำหรับที่ราบและใกล้เหล่งน้ำจะท่วมมิดเลยครับ สำหรับ จ.กาฬสินธุ์นั้นพายุก็จะพาดผ่านเช่นเดียวกัน หากไม่ใช่ชุมชนใหญ่โรคระบาดก็จะไม่รุนแรงมากครับ
คุณฐนา :- ถ้าไปทันในช่วงงานบวงสรวงในช่วงเช้า ให้คุณแม่ของคุณไปนั่งตรงด้านหน้า ใกล้ๆเครื่องบวงสรวงนะครับ เมื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านสื่อญาณมา ผมจะร้องขอให้ท่านสงเคราะห์คุณแม่ให้ครับ
คุณ ลูกเทพ :- สมุทรสาครไม่ปลอดภัยครับ ที่ปลอดภัยใกล้ๆหายากครับ ส่วนใหญ่จะจมน้ำหมดครับ
คุณ acomonline :- ภูเรือ เป็นที่สูงค่อนข้างปลอดภัยครับหาที่ราบบนภูเขาที่กว้างๆหน่อยจะปลอดภัยครับ ส่วน อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีษะเกษ น้ำจะท่วมครับ และจะตามมาด้วยโรคระบาดครับ
คุณ น้ำนิ่ง :- Christchurch ต่อไปแผ่นดินไหวจะหนักกว่าเดิมครับ
คุณ raininthemoon :- จ.ตรัง ที่ค่อนข้างปลอดภัยจะอยู่ตามภูเขาสูงครับ
คุณ nicklc2 :- Houston Texas จะเจอภัยพิบัติหนัก ยับเยินเช่นกันครับ
คุณ nickio :- เขาพระบาทหลวง อ. คิชกูฏ และ เขาสอยดาว อ. สอยดาว จะเจอมหาพายุหนักทั้งสองที่ครับ หากอยู่ทางทิศตะวันตกของภูเขา ตามหลืบตามถ้ำก็สามารถอาศัยหลบภัยได้ครับ
คุณ poon-pan :- การเสด็จไปวัดพระแก้วนั้น พระองค์ท่านคงจะไปเยี่ยมเยียนทอดพระเนตรสถานที่ ที่ในอนาคตก็จะไม่มีวัดที่มีรูปวาดเรื่องราวรามเกียรติ์รอบวัดให้ดูอีกแล้ว ครับ
คุณ Bamrung :- องค์พระเฉลิมฉลองไปแล้วครับ วันที่ 5 พ.ค. จะเฉลิมฉลองสมโภชน์องค์ยันต์เป็นการสรุปกองบุญพระพุทธเจ้า อีกวาระนึงครับ
คุณ csukasem :- ในช่วงภัยพิบัติ น้ำบาดาลสามารถใช้ได้ครับ แต่ต้องเตรียมหาวิธีนำน้ำขึ้นจากบ่อ เพราะจะไม่มีไฟฟ้าใช้ จึงควรเตรียมเครื่องปั่นไฟไว้ครับ
คุณ Dearaker :- 1.ถึงเวลานั้นสนามบินสุวรรณภูมิจะไม่มีที่ปลอดภัยครับ ถ้าไม่หนีออกจากสนามบินก็ต้องไปอยู่ในน้ำครับ
2. หากอยู่แปดริ้ว ควรหาที่สูงๆอยู่ เช่นตามภูเขาที่ใกล้ที่สุดครับ
3.หากให้มหาพายุมาก่อนแล้วจะไปโคราช คงจะหาทางไปไม่ได้แล้วครับ ว่าแต่ผู้ที่ประสบกับเหตุการณ์โดยตรง จะมีน้อยคนมากที่มีชีวิตรอดโดยไม่สติวิปลาสครับ
คุณ Jaynarol :- หากมาเครื่องบิน ถึง จ. อุดรธานีในตอนค่ำๆ รถตู้จากสนามบิน ไป จ. หนองคาย คงจะหมดระยะเวลาเดินรถแล้ว ทางเลือกที่มีก็คือ เช่ารถจากสนามบินขับไป จ. หนองคาย หรือหาคนมารับ หากเช่ารถจากสนามบินขับไป จ. หนองคาย เมื่อขับรถออกจากสนามบินแล้วให้เลี้ยวซ้าย ไปหน่อยนึงเจอไฟเขียวไฟแดงให้เลี้ยวขวา จากนั้นขับตรงไปเรื่อยๆ ผ่านประมาณ 4 สี่แยกไฟแดงแล้วจะเจอแยกที่มีป้ายเขียนไป จ. หนองคาย เลี้ยวตามป้ายไปแล้วขับตรงอย่างเดียวจนถึงสี่แยกเมืองหนองคาย(ที่มีพญานาค คู่อยู่ตรงซุ้มสี่แยก) ให้เลี้ยวขวาไปอีกประมาณ 20 กม. ก็จะถึงถนนทางเข้าพุทธสถานฯ (จะมีป้ายบอกทาง ตามแผนที่ครับ) ขับตรงไปอีกประมาณ 1 กม. ก็ถึงพุทธสถานครับ
คุณ dang sa :- ผมจะหาแนวทางในการแก้ปัญหา สำหรับญาติธรรมที่ไม่สามารถจะมารับลูกแก้วได้ด้วยตนเองว่าจะทำอย่างไร หากส่งทางไปรษณีย์จะสมควรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะอนุญาตหรือไม่ แล้วจะแจ้งให้ทราบครับ
คุณ Sonk :- ทั้งสองที่ไม่น่าอยู่ครับ น้ำจะทะลักจากเขื่อนมาท่วมทั้งสองที่แล้วก็กวาดเอา บ้านเรือน ทรัพย์สิน สัตว์เลี้ยง ไปกับน้ำครับหากจำเป็นต้องอยู่ให้ไปอยู่ที่ระดับความสูงจากระดับพื้นดินปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 5 เมตร ครับ และก็จะโดนผลกระทบจากแผ่นดินไหวด้วยครับ
คุณ ปารามิตราราชาวดี :- บริเวณ สาริกา นางรอง(เขื่อนท่าด่าน) ติดเขาใหญ่ที่อยู่ในเขต จ.นครนายก ไม่แนะนำครับ ยิ่งใกล้เขื่อนยิ่งอันตรายและบริเวณติดเขาใหญ่ จ.ปราจีน จะปลอดภัยกว่าครับ
คุณ Brand :- หลังจาก 28 เม.ย. จะจัดการเรื่องแจกลูกแก้วให้กับญาติธรรมครับ
คุณ nicklc2 :- ลองดูแถวเนินเขา ที่ใกล้ที่สุดในย่านนั้นนะครับ
คุณ access :- ครูบาอาจารย์ท่านเล่าว่า ในอดีตกาล ในยุคนึงสามโพธิสัตว์จุติลงมาใช้ชาติ ทั้งสามคนหมั่นทำบุญกุศล ทำทาน รักษาศีล ภาวนา เมื่อถึงวาระนึง สามพี่น้องได้ไปรวมกันที่ริมฝั่งแม่น้ำ ก็ปรึกษากันว่าควรจะทำบุญอะไรกันดี เลยตกลงกันว่าจะสร้างพระกันคนละหนึ่งองค์ แต่จะสร้างด้วยอะไรดี เมื่อปรึกษาหารือกันแล้ว ก็ตกลงว่าช่วยกันหารังผึ้งตามราวป่าใกล้แม่น้ำ เมื่อได้ขี้ผึ้งมาแล้ว แต่ละคนก็ปั้นพระกันคนละองค์ พี่คนโตได้ปั้นเป็นพระนั่งปางมารวิชัย(แบบหลวงพ่อโต) คนกลางได้ปั้นเป็นพระอุ้มบาตร(แบบหลวงพ่อบ้านแหลม) ส่วนคนน้องสุดได้ปั้นเป็นพระปางนั่งสมาธิ(แบบหลวงพ่อโสธร) เมื่อได้พระมาแล้วทั้งสามคนจึงชวนกันไปที่ริมน้ำ พี่ชายคนโตได้อธิษฐานว่า ถ้าบุญกุศลมีจริงก็ขอให้พระที่ปั้นด้วยขี้ผึ้งนี้กลายเป็นพระสัมฤทธิ์ ว่าแล้วก็อธิษฐานทิ้งพระที่ทำด้วยขี้ผึ้งลงไปในน้ำฝากแม่คงคาไป ในระหว่างนั้นพระอินทร์ได้เล็งเห็นและรับรู้มาโดยตลอด จึงได้บันดาลให้พระขี้ผึ้งกลายเป็นพระสัมฤทธิ์สมปรารถนา ส่วนคนกลางและคนน้องสุดท้อง ก็ได้ทำแบบเดียวกันแล้วก็ทิ้งพระขี้ผึ้งลงไปในน้ำ พระขี้ผึ้งก็กลายเป็นพระสัมฤทธิ์สมปรารถนาทั้งองค์ และสามโพธิสัตว์นี้ก็จะเกิดมาใช้ชาติในปัจจุบัน องค์นึงจะเป็นสังฆราชของโลก องค์นึงจะได้เป็นพระจักรพรรดิ์ และอีกองค์นึงจะได้เป็นนายกปกครองโลก ซึ่งทั้งสามพระองค์นี้ได้รับพุทธบัญชา มาทำหน้าที่ทำนุบำรุงพระศาสนาในกึ่งพุทธกาล ผมเองมีส่วนไปเกี่ยวข้องกับหลวงพ่อโสธร ท่านจึงให้ไปวัดหลวงพ่อโสธร เพื่อไปแบ่งญาณจากหลวงพ่อโสธร ไปที่พุทธสถานฯ ครับ ซึ่งจะสังเกตได้ว่าพระศักดิ์สิทธิ์ส่วนมากในประเทศไทยจะสร้างโดยพระ โพธิสัตว์และเป็นเนื้อโลหะ รวมทั้งจะมีขนาดไม่ใหญ่ ปัจจุบันเราสร้างพระกันมากมายแต่ความศักดิ์สิทธิ์สู้คนโบราณสร้างไม่ได้ เนื่องด้วยบุญฤทธิ์ที่แตกต่างกันนั่นเองครับ
คุณ roma171 :- จ.นครสวรรค์ อยู่ห่างจาก อ.เมือง 16 กม.ไปทางเหนือ ไม่ปลอดภัยครับ เมื่อถึงเวลาเขตนี้น้ำจะท่วมและไหลแรงมากครับ
คุณ ยาล้างตา :- อ. เมืองปราจีน ไม่ปลอดภัยจากมหาพายุครับ ให้หาที่สูงๆบริเวณเขาใหญ่ เอาไว้หลบภัยครับ ตามซอกเขา ตามถ้ำ ก็ใช้ได้ครับ
คุณ Cyrix : - สามารถเข้าไปสักการะองค์พระ ที่พุทธสถานฯ ได้ทุกวันครับ เปิดตั้งแต่ 0600 ถึง 1800 ครับ(เปิดตอนเช้ามืดเพราะพระสงฆ์ท่านต้องออกบิณทบาตแต่เช้า) วันอาทิตย์ ผมยังอยู่ที่พุทธสถานฯ จะกลับ กทม. คืนวันอาทิตย์ครับ
คุณ พ้นเกิด :- การสื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นท่านให้ใช้วิธี จิตต่อจิต เมื่อจิตเข้าถึงกระแสธรรม แล้วมันจะเป็นไปเอง การโทรจิตก็ใช้วิธีแบบนี้ได้
คุณ loveday :- อีกไม่นานจะได้เห็นอะไรที่เราไม่เคยพบเห็นอีกมากครับ เตรียมตั้งสติเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน ต่อไปเมื่อเกิดแผ่นดินแยกเราจะได้เห็นไฟลุกจากใต้ดินขึ้นมาเผาไหม้บ้านเรือน และผู้คน ที่เราเห็นกันอยู่ตอนนี้ล้วนเป็นการแจ้งเตือนของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นใน อนาคตครับ
คุณ roma171 :- อุทยานแม่วงศ์ และเขากะลา ที่สูงๆสามารถอยู่ได้ครับ ส่วน แถวเขาแผงม้า วังน้ำเขียว ปราจีน ถ้าจำเป็นจริงๆก็พอจะอาศัยได้แต่ต้องเลือกทำเล หลบน้ำหลาก หลบพายุให้ดีครับ
คุณแก้วตระการ :- อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร น้ำจะท่วมมากครับ หากเทียบกับ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ หนองไผ่จะปลอดภัยกว่าครับ
คุณ ก้อง :- 1. อ.ยางตลาด จ. กาฬสินธุ์ ช่วงแรกน้ำจะท่วมครับ แต่โดยรวมสามารถอยู่อาศัยได้ครับ
2. อ.อินทร์บุรี อ. เมืองสิงห์บุรี น้ำจะท่วมสูงครับ จะอยู่อาศัยลำบากครับ
คุณ akichi :- ผมจะขออนุญาตสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านแจกลูกแก้วให้คณะบายศรี ด้วยครับ
คุณ nilma :- ยินดีด้วยที่จะได้มาร่วมงานบุญในครั้งนี้ครับ
คุณ prapang :- เสร็จงานบุญวันที่ 28 เม.ย.แล้ว ให้ติดต่อมาขอรับแก้วพระรัตนตรัย ส่งไปให้ลูกๆ ที่อยู่ต่างประเทศครับ
คุณ MagicCarpet :- วัดป่าไม้แดง ไชยปราการ เชียงใหม่ จะมีผลกระทบจากแผ่นดินไหว แผ่นดินแยกและ ที่ดอยผาตั้งก็เช่นเดียวกันครับ ถ้าจะอยู่อาศัยให้เตรียมสถานที่เพื่อรองรับแผ่นดินไหวไว้ด้วยครับ
คุณ csukasem :- ช่วงภัยพิบัติช่วงแรกๆยังสามารถรองน้ำฝน มาดื่มกินได้ยังปลอดภัยอยู่ครับ
คุณ กาลชิน :- ยืนยันตามที่เคยบอกไว้แหละครับ อย่าลืมว่าหลวงพ่อโสธรท่านนั้นสามารถอยู่ในน้ำได้ครับ ท่านลอยน้ำมานี่ครับ แต่คนอย่างเราๆคงจะอยู่ยากครับ และรัศมีวงในของมหาพายุประมาณ 600 กม. รัศมีวงนอกอีกหลายร้อย กม. สรุปว่าจะโดนรัศมีของมหาพายุทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครับ และที่ภูมิภาคอื่นๆก็เช่นเดียวกันครับ
คุณ Soul Collector :- ถ้ามีพระเครื่องพิมพ์พระแก้วมรกตที่ปลุกเสกโดยพระสายวัดป่าฯหรือพระอรหันต์ ปลุกเสกนั้นจะป้องกันภัยพิบัติได้หรือไม่ อันนี้ตอบยากครับ ถ้าพระสงห์ที่คุณกล่าวถึงท่านอาราธนาพุทธองค์มาประสิทธิ์วัตถุมงคลเพื่อใช้ ในการป้องกันภัยพิบัติ วัตถุมงคลนั้นก็สามารถอธิษฐานใช้ตามวัตถุประสงค์นี้ได้ แต่ถ้าไม่ได้อธิษฐานเพื่อวัตถุประสงค์นี้ก็ไม่สามารถใช้ได้ครับ ภัยพิบัติในคราวนี้ระดับพระอรหันต์ ไม่สามารถแผ่บารมีป้องกันได้ อาจจะเพราะไม่ใช่หน้าที่ของพระอรหันต์ก็เป็นได้ครับ ภัยพิบัติครั้งนี้ต้องพึ่งบารมีพระพุทธองค์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นครับ ปู่ทวดเองท่านก็บอกผมว่า ท่านน่ะเป็นเด็กเลย ถ้าเทียบกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผมกล่าวถึง ปู่ทวดท่านบอกว่าปู่ปฏิบัติตามแนวทางที่พระมหากัสสปะท่านปฏิบัติเป็นแนวทาง ไว้เป็นแบบอย่าง ท่านบอกว่าพระมหากัสสปะนั้นมีบารมีมากครับ
คุณ Jaynarol :- ปู่ท่านเมตตา มหาเมตตาอยู่แล้วครับ ไม่ต้องกังวลเรื่องเหล่านั้นครับ ปัญหาจะแก้ได้ไม่ยากตามเหตุตามปัจจัยครับ หากนำลูกแก้วมาเยอะปู่ท่านก็อาจจะนำลูกแก้วเหล่านั้นไปแจกให้คนอื่นด้วย ก็จะเป็นการเพิ่มพูนบารมีของเราอีกทางนึงครับ
คุณ ฐนา :- เทียนและธูปสีถูกต้องตามนั้นครับ ส่วนพลอยเขาพระงามค่อยมาคิดกันว่าจะติดตรงส่วนไหนขององค์พระได้ครับ ขอดูขนาดพลอยก่อแล้วค่อยตัดสินใจครับ
คุณ goldsilver :- แล้วเจอกันที่พุทธสถานในวันพรุ่งนี้ครับ ผมจะถึงประมาณตี 2 คืนนี้ครับ
คุณ saps :- เขาค้อ เพชรบูรณ์ ที่สูงๆสามารถอยู่อาศัยได้ครับ
คุณwee2010 :- ภัยพิบัติมา ปัญหาภาคใต้ก็จะจบครับ เรื่องกรรมนี่ซับซ้อนครับ
คุณ Paguy :- แถวภูพานทอง อ.เมือง จ.หนองบัวลําภู ที่สูงค่อนข้างปลอดภัยครับ
คุณ Aunyathum :- พุทธสถานพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับการสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ ครูบาอาจารย์ของผมท่านให้สร้างพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ เพื่อหวังพึ่งพระบารมี พึ่งพุทธธานุภาพของพระพุทธองค์ ให้บุคคลผู้มีส่วนร่วมในการจัดสร้างองค์พระฯรวมทั้งสิ่งอื่นๆในพุทธสถาน ได้เพิ่มพูนบุญบารมีและหวังผลาอานิสงส์จากบุญกุศล ที่ได้ทำสำเร็จไปแล้วนั้นปกป้องคุ้มครองตนให้ปลอดภัยจากภัยพิบัติครับ
คุณ Topmast :- จ.เพชรบุรี โดยรวมใกล้ทะเลเกินไปครับ อ. หนองหญ้าปล้อง ก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกันครับ กทม. ส่วนที่ท่วมนั้นประมาณตึก 4 ชั้นครับ และค่อยๆทะยอยท่วมจนเต็มพื้นที่ครับ
สำหรับเรื่องเกลือนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญในยุคภัยพิบัติครับ สามารถใช้ได้หลายอย่างและเกลือก็เป็นตัวยาที่สำคัญอย่างนึงเช่นกัน ต่อไปนอกจากจะใช้เกลือทำอาหารแล้ว จะสามารถใช้เกลือเป็นส่วนผสมเป็นยาได้หลายอย่าง รวมทั้งเกลือเป็นสารที่ใช้ดับพิษร้อนได้อีกด้วยครับ
อีกอย่างนึงที่ต้องสะสมคู่กันคือน้ำผึ้งเดือนห้าซึ่งใช้เป็นยาชั้นเลิศและเป็นของชั้นสูงที่ใช้บูชาถวายพระอริยะครับ
คุณ slughorn :- อำเภอศรีสงคราม ที่ใกล้แม่น้ำสงครามถ้าเป็นที่ราบปกติ จะไม่ปลอดภัย แต่ถ้าเป็นที่ดอนก็สามารถอยู่ได้ครับ
เมือ่ภัยพิบัติผ่านไป แต่ละชุมชนจะสร้างบ้านแปงเมืองกันใหม่ครับ หากเราใช้ชีวิตแบบติดดินได้ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ท่านที่เตรียมการอพยพอย่าลืมอุปกรณ์ทำอาหารแบบพื้นฐาน เช่น หม้อแกง หม้อหุงข้าวแบบใช้ฟืน/ถ่าน เตาอังโล่ ก็จำเป็นครับ เท่าที่เห็นคนจำนวนมากมารวมกัน เป็นกลุ่มๆและก็ทำกินกันแบบนี้ ครับ
หลายๆคนมีปัญหาคล้ายๆกันในเรื่องของญาติพี่น้องหรือคนใกล้ตัวที่ไม่ค่อยสนใจ เรื่องภัยพิบัติเพราะเขาคิดว่าเกิดขึ้นได้ยาก แต่เมื่อถึงเวลาจริงพวกเขาเหล่านั้นอาจจะจะรีบเร่งให้หนีออกจากพื้นที่ เสี่ยงโดยเร็วเนื่องจากความกลัวนั่นเอง เมื่อตอนที่น้ำท่วม บริเวณ กทม.และใกล้เคียงปลายปีที่แล้ว ผมพบเจอมาหลายๆครอบครัวก็เป็นแบบนี้ ปรากฏว่าเมื่อน้ำมาถึงพวกที่ไม่ค่อยสนใจคำเตือนเรื่องน้ำท่วม หนีออกจากเขตน้ำท่วมก่อนใครๆ สุดท้ายคนที่อยู่เฝ้าบ้านจนวินาทีสุดท้ายคือคนที่คอยเตือนคนอื่นๆนั่นเอง ครับ ดังนั้นหากเราเตรียมตัวอพยพเพื่อหนีภัยพิบัติก็อย่าได้กังวลกับความเชื่อของ คนรอบข้างมากนัก เมื่อถึงเวลาความกลัวตายจะผลักดันให้เขาไปกับเรา หรือบางทีความที่เขารักและเป็นห่วงเราก็สามารถทำให้เขาไปกับเราได้ทั้งๆที่ ไม่เคยเชื่อในเรื่องของภัยพิบัติเลยครับ
คุณ buddhpunjat :- วันฟ้ามืดที่ต้องเดินทางออกจาก กทม. เป็นวันเริ่มต้นของวันฟ้าดับ 7 วัน 7 คืน ครับ เป็นเหตุการณืเดียวกันครับ
คุณ PONG111 :- อ.ลอง จ.แพร่ จะปลอดภัยเฉพาะที่สูง และห่างจากทางน้ำไหล แต่จะได้รับผลกระทบจากแผ่นไหวและดินถล่มครับ
ช่วงระยะเวลาไม่กี่วันนี้ ให้ญาติธรรมมองดูท้องฟ้าในยามบ่ายกันครับ หากตอนบ่ายวันใดฟ้ามืดแบบตอนกลางคืน ให้หาทางไปตั้งหลักอยู่ในที่ปลอดภัยกันก่อนครับ
</td></tr></tbody></table> -
<table id="post6254577" class="tborder" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center" border="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">Aunyasit
สมาชิก
วันที่สมัคร: Aug 2005
ข้อความ: 1,387
Groans: 0
Groaned at 129 Times in 29 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 9,558 ครั้ง ใน 1,072 โพส
พลังการให้คะแนน: 880
</td> <td class="alt1" id="td_post_6254577" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> คุณเกษม :- ภาพรวมของภัยพิบัติทั้งหมด ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านบอกว่าก็จะเกิดขึ้น เป็นไปตามเดิมที่เคยบอกไว้แล้ว ในโลกของท่านเวลาเปลี่ยนแปลงไปแค่ไม่กี่เสี้ยววินาที่ แต่เวลาในโลกมนุษย์นั้นจะเป็นเดือนๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายท่านเมตตาให้คนที่เขากำลังเร่งปฏิบัติทาน ศีล ภาวนา ที่มีบุญบารมีปริ่มๆที่อยู่ใกล้เส้นคั่นระหว่างจะได้อยู่หรือจะต้องล้มหาย ตายจากไป เขาได้มีโอกาสสั่งสมบุญบารมีให้ผ่านจุดนั้นไป ส่วนผู้ที่กำลังเตรียมการหาที่หลบภัยก็สามารถมีเวลาเตรียมการได้เพิ่มขึ้น อีกหน่อยนึง และผลกระทบของภัยพิบัติที่จะมีผลกับประเทศไทยนั้นท่านบอกว่า ก็เป็นแบบเดิมตามที่บอกไว้แล้ว ส่วนในระดับโลกก็มีผลกระทบตามที่เคยบอกไว้ มากบ้างน้อยบ้างตามแต่บุญบารมีของบุคคลที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นๆครับ
ส่วนเรื่องพระจักรพรรดิ์นั้น การทำงานของท่านเหล่านั้นค่อนข้างลึกลับ ไม่ค่อยเปิดเผยยกเว้นเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องบางคนและกาลนึงท่านก็จะบอกเรื่อง นึง กาลต่อมาก็จะบอกเรื่องต่อๆมา แต่การปรากฏตัวของพระจักรพรรดิ์นั้นท่านกล่าวเพียงกว้างๆว่า หลังจากภัยพิบัติไปแล้ว จะได้พบกับท่าน แต่ท่านไม่ได้บอกว่าหลังจากภัยพิบัติไปแล้วยาวนานเท่าใดท่านจึงจะปรากฏตัว แต่ก็มีคนเราพวกนึงที่จะมีหน้าที่รองรับบารมีพระจักรพรรดิ์แต่จะเป็นใครบ้าง ผมไม่ทราบ ในช่วงระยะนี้ผู้ที่เขาทราบและเข้าถึงพระจักรพรรดิ์จะเป็นการรู้เฉพาะตนและ มักจะไม่เปิดเผยตัว เท่าที่ผมทราบส่วนใหญ่เป็นสายพระโพธิสัตว์ที่สร้างบารมีมาแก่กล้าแต่ยังปก ปิดตนเองอยู่เพื่อรอกาลเวลาทำหน้าที่ของตนเองครับ
สำหรับเรื่องของมนุษย์ต่างดาวนั้นผมเองก็มีความเชื่อว่ามีและหลายปีก่อนก็ เคยสัมผัสในสมาธิ บังเอิญว่าปฏิบัติแล้วจิตหลุดเข้าไปในมิติของเขา ก็เห็นเขาทำสงครามกัน พวกเขามาหลบภัยในที่ที่เราไปหลบภัยก็เลยเจอกัน เขาบอกว่าอย่าออกไปจากที่หลบภัยเพราะอันตราย เท่าที่เห็นเขาแต่งตัวแปลกๆดูน่าเกรงกลัวและไปเห็นเขาใช้อาวุธปืนที่ยิงออก มาเป็นแสงเหมือนแสงเลเซอร์ ครับ แต่โดยส่วนตัวคิดว่าพวกมนุษย์ต่างดาวพวกนี้คงไม่ได้มาทำอันตรายอะไรโลก มนุษย์ โลกนี้มนุษย์ทำลายเองโดยอาศัย โลภ โกรธ หลงของตนเองป็นที่ตั้ง เพราะเท่าที่ทราบจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จักรวาลแต่ละจักรวาลนี้จะมีผู้ทำหน้าที่ดูแลอยู่ แม้จะมีพวกเกเรนอกจักรวาลมาเกเรในโลกมนุษย์บ้างก็ไม่สามารถสู้ความบริสุทธิ์ ของพระพุทธองค์ผู้เป็นต้นธาตุต้นธรรมในจักรวาลได้ ส่วนที่คนเขาเห็นกันว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวในรูปของยานต่างๆ ผมเข้าใจว่าเป็นกลุ่มต่างๆของพวกบังบดที่มีมิติซ้อนกันกับโลกมนุษย์ซะ มากกว่า หลายครั้งหลายคราเท่าที่ผมติดตามดูจะเป็นพวกนี้ซึ่งมีอยู่หลายพวกและบังบด พวกนี้แหละที่จะคอยช่วยมนุษย์เราเพราะเทคโนโลยีเขาดีกว่ามนุษย์เรามาก การแปรเปลี่ยนของธาตุบนโลกจะมีผลกระทบกับทั้งมนุษย์และภพภูมิบังบดพวกนี้ ด้วย เราจึงเห็นเขาขับยานเข้าๆออกจากมิติภพภูมิ ระดับจิตเขาสูงกว่ามนุษย์เราเขามาหาเราได้แต่เราไปหาเขาไม่ได้ยกเว้นไปทาง จิตครับ ที่ด้านหลังพุทธสถานฯห้าพระองค์ก็เป็นบังบดพวกนึงที่ครูบาอาจารย์ท่านเคยมา บำเพ็ญบารมีเพื่อขอใช้พื้นที่ตรงนี้ ทางเข้า-ออกเขาเป็นเนิน จอมปลวกขนาดใหญ่สูงๆ ครับ มีตอนที่จะไถเนินนี้ทิ้ง ก็ลองเดินไปส่องดูปรากฏว่าเห็นคนถืออาวุธยืนล้อมรอบเนินนั้นเต็มไปหมด เขาบอกว่าตรงนี้ขอไว้ ผมก็เลยให้รถไถเขาเว้นเอาไว้จนถึงปัจจุบัน ใครอยากรู้เห็นก็ลองไปสื่อสารดูครับ ผมชอบไปคุยกับเขาเวลาดึกๆเพราะเงียบดีและช่วงเวลานั้นญาณรู้เห็นแจ่มใสดี พวกช่างก่อสร้างมักเจอกันบ่อยครับ เขามาบอกว่าผีหลอกที่ตรงเนินนั้น มีเสียงตะโกนออกมาบ้าง เห็นเป็นคนเดินมาบ้าง ที่จริงไม่ใช่ผีหรอกครับแต่เป็นพวกบังบดพวกนี้ อาวุธยุทโธปกรณ์เขาดูล้ำสมัยมาก เห็นแล้วก็น่ากลัวครับ แต่ว่าเขาก็ไม่ทำร้ายใครหากไม่ไปทำผิดอะไรต่อเขาในที่นั้น
ส่วน ในเรื่องกาลเวลาของภัยพิบัตินั้น ให้แต่ละท่านที่จะใช้ข้อมูลต่างๆในการตัดสินใจ ใช้วิจารณญาณและดุลยพินิจ ของตนเองให้ดี ไม่ต้องมาเชื่อข้อมูลจากผมเป็นหลัก แต่ให้ใช้ข้อมูลจากผมเป็นเพียงข้อมูลประกอบในการตัดสินใจของท่าน เท่านั้น
</td></tr></tbody></table> -
<table id="post6256088" class="tborder" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center" border="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">เกษม
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิตพิเศษ
วันที่สมัคร: Nov 2004
ข้อความ: 7,920
Groans: 41
Groaned at 243 Times in 157 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 20,576
ได้รับอนุโมทนา 96,197 ครั้ง ใน 6,429 โพส
พลังการให้คะแนน: 5028
</td> <td class="alt1" id="td_post_6256088" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> อ้างอิง:
<table cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" border="0"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Aunyasit
คุณ เกษม :- ภาพรวมของภัยพิบัติทั้งหมด ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านบอกว่าก็จะเกิดขึ้น เป็นไปตามเดิมที่เคยบอกไว้แล้ว ในโลกของท่านเวลาเปลี่ยนแปลงไปแค่ไม่กี่เสี้ยววินาที่ แต่เวลาในโลกมนุษย์นั้นจะเป็นเดือนๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายท่านเมตตาให้คนที่เขากำลังเร่งปฏิบัติทาน ศีล ภาวนา ที่มีบุญบารมีปริ่มๆที่อยู่ใกล้เส้นคั่นระหว่างจะได้อยู่หรือจะต้องล้มหาย ตายจากไป เขาได้มีโอกาสสั่งสมบุญบารมีให้ผ่านจุดนั้นไป ส่วนผู้ที่กำลังเตรียมการหาที่หลบภัยก็สามารถมีเวลาเตรียมการได้เพิ่มขึ้น อีกหน่อยนึง และผลกระทบของภัยพิบัติที่จะมีผลกับประเทศไทยนั้นท่านบอกว่า ก็เป็นแบบเดิมตามที่บอกไว้แล้ว ส่วนในระดับโลกก็มีผลกระทบตามที่เคยบอกไว้ มากบ้างน้อยบ้างตามแต่บุญบารมีของบุคคลที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นๆครับ
ส่วนเรื่องพระจักรพรรดิ์นั้น การทำงานของท่านเหล่านั้นค่อนข้างลึกลับ ไม่ค่อยเปิดเผยยกเว้นเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องบางคนและกาลนึงท่านก็จะบอกเรื่อง นึง กาลต่อมาก็จะบอกเรื่องต่อๆมา แต่การปรากฏตัวของพระจักรพรรดิ์นั้นท่านกล่าวเพียงกว้างๆว่า หลังจากภัยพิบัติไปแล้ว จะได้พบกับท่าน แต่ท่านไม่ได้บอกว่าหลังจากภัยพิบัติไปแล้วยาวนานเท่าใดท่านจึงจะปรากฏตัว แต่ก็มีคนเราพวกนึงที่จะมีหน้าที่รองรับบารมีพระจักรพรรดิ์แต่จะเป็นใครบ้าง ผมไม่ทราบ ในช่วงระยะนี้ผู้ที่เขาทราบและเข้าถึงพระจักรพรรดิ์จะเป็นการรู้เฉพาะตนและ มักจะไม่เปิดเผยตัว เท่าที่ผมทราบส่วนใหญ่เป็นสายพระโพธิสัตว์ที่สร้างบารมีมาแก่กล้าแต่ยังปก ปิดตนเองอยู่เพื่อรอกาลเวลาทำหน้าที่ของตนเองครับ
สำหรับเรื่องของมนุษย์ต่างดาวนั้นผมเองก็มีความเชื่อว่ามีและหลายปีก่อนก็ เคยสัมผัสในสมาธิ บังเอิญว่าปฏิบัติแล้วจิตหลุดเข้าไปในมิติของเขา ก็เห็นเขาทำสงครามกัน พวกเขามาหลบภัยในที่ที่เราไปหลบภัยก็เลยเจอกัน เขาบอกว่าอย่าออกไปจากที่หลบภัยเพราะอันตราย เท่าที่เห็นเขาแต่งตัวแปลกๆดูน่าเกรงกลัวและไปเห็นเขาใช้อาวุธปืนที่ยิงออก มาเป็นแสงเหมือนแสงเลเซอร์ ครับ แต่โดยส่วนตัวคิดว่าพวกมนุษย์ต่างดาวพวกนี้คงไม่ได้มาทำอันตรายอะไรโลก มนุษย์ โลกนี้มนุษย์ทำลายเองโดยอาศัย โลภ โกรธ หลงของตนเองป็นที่ตั้ง เพราะเท่าที่ทราบจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จักรวาลแต่ละจักรวาลนี้จะมีผู้ทำหน้าที่ดูแลอยู่ แม้จะมีพวกเกเรนอกจักรวาลมาเกเรในโลกมนุษย์บ้างก็ไม่สามารถสู้ความบริสุทธิ์ ของพระพุทธองค์ผู้เป็นต้นธาตุต้นธรรมในจักรวาลได้ ส่วนที่คนเขาเห็นกันว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวในรูปของยานต่างๆ ผมเข้าใจว่าเป็นกลุ่มต่างๆของพวกบังบดที่มีมิติซ้อนกันกับโลกมนุษย์ซะ มากกว่า หลายครั้งหลายคราเท่าที่ผมติดตามดูจะเป็นพวกนี้ซึ่งมีอยู่หลายพวกและบังบด พวกนี้แหละที่จะคอยช่วยมนุษย์เราเพราะเทคโนโลยีเขาดีกว่ามนุษย์เรามาก การแปรเปลี่ยนของธาตุบนโลกจะมีผลกระทบกับทั้งมนุษย์และภพภูมิบังบดพวกนี้ ด้วย เราจึงเห็นเขาขับยานเข้าๆออกจากมิติภพภูมิ ระดับจิตเขาสูงกว่ามนุษย์เราเขามาหาเราได้แต่เราไปหาเขาไม่ได้ยกเว้นไปทาง จิตครับ ที่ด้านหลังพุทธสถานฯห้าพระองค์ก็เป็นบังบดพวกนึงที่ครูบาอาจารย์ท่านเคยมา บำเพ็ญบารมีเพื่อขอใช้พื้นที่ตรงนี้ ทางเข้า-ออกเขาเป็นเนิน จอมปลวกขนาดใหญ่สูงๆ ครับ มีตอนที่จะไถเนินนี้ทิ้ง ก็ลองเดินไปส่องดูปรากฏว่าเห็นคนถืออาวุธยืนล้อมรอบเนินนั้นเต็มไปหมด เขาบอกว่าตรงนี้ขอไว้ ผมก็เลยให้รถไถเขาเว้นเอาไว้จนถึงปัจจุบัน ใครอยากรู้เห็นก็ลองไปสื่อสารดูครับ ผมชอบไปคุยกับเขาเวลาดึกๆเพราะเงียบดีและช่วงเวลานั้นญาณรู้เห็นแจ่มใสดี พวกช่างก่อสร้างมักเจอกันบ่อยครับ เขามาบอกว่าผีหลอกที่ตรงเนินนั้น มีเสียงตะโกนออกมาบ้าง เห็นเป็นคนเดินมาบ้าง ที่จริงไม่ใช่ผีหรอกครับแต่เป็นพวกบังบดพวกนี้ อาวุธยุทโธปกรณ์เขาดูล้ำสมัยมาก เห็นแล้วก็น่ากลัวครับ แต่ว่าเขาก็ไม่ทำร้ายใครหากไม่ไปทำผิดอะไรต่อเขาในที่นั้น
ส่วน ในเรื่องกาลเวลาของภัยพิบัตินั้น ให้แต่ละท่านที่จะใช้ข้อมูลต่างๆในการตัดสินใจ ใช้วิจารณญาณและดุลยพินิจ ของตนเองให้ดี ไม่ต้องมาเชื่อข้อมูลจากผมเป็นหลัก แต่ให้ใช้ข้อมูลจากผมเป็นเพียงข้อมูลประกอบในการตัดสินใจของท่าน เท่านั้น
</td> </tr> </tbody></table>
ขอขอบคุณ คุณอัญญาสิทธิ์มากครับ ที่เสียสละเวลามาตอบคำถามให้ผมครับ
และเพื่อให้เพื่อนๆสมาชิก ได้เข้าใจว่าเรื่องภัยพิบัติ ที่ว่าเป็นไปตามเดิมที่คุณอัญญาสิทธิ์ได้เคยบอกผมไว้แล้วนั้นเป็นอย่างไร ผมก็ขออนุญาตนำบทความเก่าๆของคุณอัญญาสิทธิ์ มาลงให้เพื่อนๆสมาชิกได้ทราบดังนี้ครับ
********************************************************
ถึงคุณ เกษม เรื่อง "สามร่มโพธิ์ศรี" นั้นที่จริงคือเรื่องของพระจักรพรรดิ์ ที่พระศรีฯ จะลงมายกยอพระศาสนา ที่พระศรีฯท่านมาเป็นพระยาธรรมิกราช ปกครองโลก พระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่งทำหน้าที่เป็นคล้ายพระสังฆราชของโลก และพระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่งทำหน้าที่คล้ายนายกของโลก โดยมีเหล่า อัญญาสิทธิ์ และ อัญญาธรรม ซึ่งเป็นผู้ที่ลงมาทำหน้าที่ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ปฎิบัติรอพระจักรพรรดิ์ กันทั้งนั้นและมักอยู่ในที่ลี้ลับ แต่ถ้าปฏิบัติจิตถึงก็สื่อกันได้
รายละเอียดเรื่องสามร่มโพธิ์ศรี ผมกำลังรวบรวมจากคนในคณะหลายๆคน เพราะฟังมา ต่างวาระกัน แล้วจะนำมาเล่าสู่กันฟังทีหลังครับ ที่สำคัญก็คือกาลของยุคพระจักรพรรดิ์ ใกล้เข้ามามากแล้ว ครูบาอาจารย์ ท่านมาบอกบ่อยๆให้เร่งปฏิบัติกัน พระศรีฯใกล้จะลงมาทำหน้าที่พระจักรพรรดิ์ แล้ว คำว่า "ใกล้" นี้ ในโลกภายในนั้นหากเป็น 5-10 ปีมนุษย์นั้น ถือว่าน้อยมาก
ที่ผมกำลังกังวลก็คือ กาลของพระจักรพรรดิ์ จะมาเร็วกว่าที่คิดมาก ครูบาอาจารย์ท่านสั่งให้ทำหลายสิ่งหลายอย่าง ผมยังทำไม่เสร็จอีกมาก ครูบาอาจารย์ท่านบอกไว้ว่าเมื่อกาลของพระจักรพรรดิ์ใกล้เข้ามา หายนะจะเกิดขึ้นกับโลก เทวดาเขาจะทำฤทธิ์ โลกจะปั่นป่วนเท่าที่จำได้ ท่านบอกว่า "ประเทศอเมริกาจะเป็นเกาะเป็นแก่ง" ยุโรปต่อไปก็จะหายนะอยู่ไม่ได้ ต้องมาพึ่งแผ่นดินไทย (ต่อไป ไทยกับลาวจะกลับมารวมกัน) ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น หายไป ฯลฯ และ ประเทศไทยจะดีได้ ก็ต่อเมื่อ "เกิดเหตุใหญ่" เสียก่อน การเมืองไทยคนจะฆ่ากันตายเป็นเบือ แต่ที่เป็นอยู่ทางภาคใต้ตอนนี้คิดว่ายังไม่ใช่เหตุการณ์ที่ครูบาอาจารย์ ท่านกล่าวไว้ เคยถามท่านว่า "ไม่ให้เกิดไม่ได้หรือ" ท่านว่า "ปู่ยีเว่าไว้แล้ว ปานพระเจ้าเว่า เปลี่ยนแปลงไม่ได้"
หากใครสังเกตดีๆ ลมพายุนั้นคล้ายจักรหมุน หากใครเคยขี่จักรภายในจะเข้าใจว่าเป็นยังไง เท่าที่เห็นตอนนี้คือภายใน ปราบภายใน ก็ล้นออกมาภายนอก ใครมีกรรม เป็นเชื้อสายของพวกที่เขาปราบภายในก็จะได้รับผลกระทบ ถ้าจะไล่ลำดับ ก็ต้องไปตั้งต้นศึกษาระบบจิตวิญญาณที่หมุนเวียนอยู่บนโลกตั้งแต่ ยุครามเกียรติ์แหละ
เอาเป็นว่าพวกอิสลามคือเชื้อยักษ์พวกนึง ฝรั่งก็เชื้อยักษ์อีกพวกนึง ทางเอเชียก็เป็นพวกเทวดา นาค ฯลฯ รวมทั้งลูกผสมเชื้อยักษ์ก็มีเช่นกัน ศาสตร์วิชาการที่มนุษย์ใช้อยู่บนโลกปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นวิชาของพวกเชื้อ ยักษ์เป็นคนคิด (ยิวกับยักษ์ เป็นภาษาลัญญลักษณ์) สุดท้ายศาสตร์วิชาการที่มนุษย์เอามาใช้ก็จะทำลายเบียดเบียนมนุษย์กันเอง
********************************************************
ส่วนเรื่องพวกบังบดนั้น คุณชยุตเคยนำมาโพสต์ ในห้องวิทยาศาสตร์ทางจิต แล้ว ว่าพวกเขาอยู่ใต้ดินของโลกเรานี้แหละ และอยู่มานานหลายแสนปีแล้ว มีวิทยาการและเทคโนโลยี่ ที่ล้ำหน้ากว่ามนุษย์เรา ที่อยู่บนพื้นโลกนี้หลายเท่านัก มียานอวกาศที่ใช้เดินทางไปดวงดาวต่างๆ ได้ จะเรียกพวกเขาว่าเป็นมนุษย์โลกอีกจำพวกหนึ่งก็ได้ครับ ท่านที่สนใจก็ลองไปหาบทความเก่าๆ ที่คุณชยุตได้แปลเอาไว้ในห้องวิทยาศาสตร์ทางจิตดูได้ครับ
ส่วนเรื่องมนุษย์ต่างดาวนั้น ตามความเห็นส่วนตัวของผม คิดว่าเป็นพวกเดียวกับที่เคยมาโลกมนุษย์เมื่อหลายพันปีก่อนคริสตกาล มาเผยแพร่ความเชื่อเรื่องของ"พระเจ้า"ให้กับมนุษย์ในยุคนั้น และเป็นต้นกำเนิดของศาสนาคริสต์และอิสลาม ที่คนในปัจจุบันนี้ยังนับถือกันอยู่นี้ด้วย จะเห็นได้จากคำทำนายในศาสนาคริสต์ ได้ระบุเอาไว้ว่า พระคริสต์จะเสด็จกลับมายังโลกมนุษย์นี้อีกครั้ง ในช่วงเวลาที่มีการชำระโลก ตามพันธะสัญญาเดิมที่เคยให้ไว้กับมนุษย์โลกนี้เมื่อหลายพันปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับเรื่องของดาวเนบิรุ ที่กำลังจะมาเยือนโลกในไม่ช้านี้ ลองอ่านบทความข้างล่างนี้ดูนะครับ ผมคิดว่ามันมีเงื่อนงำที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ
ตำนานเรื่องดาวเนบิรุของชาวสุเมเรียน
เมื่อกาลครั้งหนึ่งในอดีตประมาณ 500,000 ปีล่วงมาแล้ว โลกของเราหรืออีกนามหนึ่งเทียมัตเป็นสถานที่ที่ต่างจากปัจจุบันอย่างสิ้น เชิง ชื่อเทียมัตนี้เป็นชื่อดั้งเดิม ส่วนคำว่าโลกหรือไกอาเป็นชื่อที่เพิ่งใช้เมื่อเร็วๆ นี้
เมื่อ 500,000 ปีก่อนเทียมัตไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่อยู่ในปัจจุบันนี้ วงโคจรของมันอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์คือ ณ ตำแหน่งระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี ส่วนดาวอังคารนั้นจะโคจรรอบดวงอาทิตย์ในระยะที่ใกล้กว่าปัจจุบันนี้ซึ่งทำ ให้ดาวอังคารเหมาะที่จะใช้อยู่อาศัยได้เพราะมีอุณหภูมิพอเหมาะและมีน้ำในรูป ของของเหลว ข้อมูลเหล่านี้ได้รับการยืนยันจากทางนาซาและนักวิทยาศาสตร์ ยกเว้นก็แต่เรื่องวงโคจรที่แตกต่างจากปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะกลุ่มนักวิทยาศาสตร์โดยทั่วไปไม่ยอมรับเรื่องการวิวัฒนาการโดย สิ่งกระตุ้น
ในช่วงนั้นเทียมัตอยู่ใกล้กับดาวซิริอุส (หรือโซทิสตามที่ชาวอียิปต์โบราณเรียกขาน) ระบบสุริยะและระบบดาวซิริอุสนั้นมีความเกี่ยวโยงกันทางด้านแรงโน้มถ่วงซึ่ง ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เริ่มได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในแวดวงวิทยาศาสตร์ ระบบซิริแอนนี้จะโคจรรอบดาวฤกษ์อคลีออนในกระจุกดาวลูกไก่ (พีลอาดีส) หรือที่จะเรียกขานว่าเขตพีลอาดีส พื้นที่อันกว้างใหญ่นี้จะโคจรรอบศูนย์กลางกาแลกซี่ในทิศทางของกลุ่มดาวคนยิง ธนู (Sagittarius) ในรอบระยะประมาณ 200 ล้านปี และรอบการโคจรของระบบซิริแอนและเขตพีลอาดีสจะมาบรจจบอยู่ในแนวเดียวกับศูนย์ กลางกาแลกซี่ในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555 (ค.ศ.2012) โปรดเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งเหนือความคาดหมาย!!!
วกกลับมาคุยถึงเรื่องประวัติของนิบิรุ และ เทียมัต โลกของเราในช่วงนั้นมีสภาวะอากาศที่หนาวเย็นกว่าปัจจุบันมาก ประชากรมนุษย์ในยุคนั้นตามที่นักโบราณคดีเรียกคือมนุษย์นีแอนเดอทัลจะมีขนดก หนาและสันทัด ล่ำสันกว่าพวกเราในปัจจุบัน พวกเขาล้วนอาศัยอยู่ในโพรงถ้ำเพื่ออาศัยประโยชน์จากความอบอุ่นจากพื้นพิภพ เหล่าชาวพิภพแห่งเทียมัตนี้สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษจากพีลอาดีสซึ่งข้อ เท็จจริงนี้สามารถยืนยันได้จากตำนานและนิทานปรัมปราของหลายชนชาติ เช่นชาวมายาและชาวโพลีนิเชีย แต่ในที่นี้จะขอเว้นที่กล่าวถึงจุดกำเนิดของชาวพีลอาดีสบนเทียมัตไว้ก่อน
เมื่อ 500,000 ปีก่อนระบบสุริยะนั้นมีเสถียรภาพแต่เนื่องด้วยเหตุเหนือความคาดหมาย ดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ดวงหนึ่งในระบบดาวซิริแอนได้เกิดพลัดออกนอกแนวทางโคจรและ มุ่งเข้าสู่ระบบสุริยะ ซึ่งดาวเคราะห์นี้ได้ถูกจับไว้เป็นบริวารของระบบสุริยะโดยที่มีวงโคจรที่รี คล้ายวงโคจรของดาวหางซึ่งมีคาบการโคจรหนึ่งรอบในเวลา 3,600 ปี และมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์ที่สุดในบริเวณกลุ่มเฆมออร์ด โดยที่คาดกันว่าดาวเคราะห์ดวงนี้มีขนาดประมาณดาวเนปจูน ประชากรบนดาวนี้จะมีลักษณะคล้ายสัตว์เลื้อยคลานที่ปกครองโดยชนชั้นปกครองที่ เรียกว่า “เนฟิลิม” (ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถหาอ่านได้จากพระคริสต์ธรรมคำภีร์) ประชาชนทั่วไปจะเป็นที่รู้จักกันในนาม “อนูนากิ” (Anunaki ตามที่เรียกขานโดยชาวสุเมเรียน) หรือ”อนาคิม” (ในพระคัมภีร์เก่า) ในช่วงนั้นผู้ปกครองสูงสุดคือจักรพรรดิ์ อลาลู และจักรพรรดินี ลิลิตู
ภายหลังที่ถูกจับเป็นบริวารโดยดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์นิบิรุได้เริ่มประสบกับภาวะสภาพอากาศที่ไม่เหมาะกับการอยู่อาศัย สภาผู้ปกครองทั้งสิบสองนำโดยจักรพรรดิ์อลาลูได้มีการประชุมฉุกเฉินและได้ สรุปถึงวิธีป้องกันเพื่อความอยู่รอดของดาวเคราะห์โดยการสร้างโล่ห์ความร้อน ที่ทำขึ้นมาจากทองเพื่อปกป้องชั้นบรรยากาศจากการสูญเสียความร้อนซึ่งจะเป็น ผลร้ายต่อสิ่งมีชีวิตแบบสัตว์เลื้อยคลานที่ต้องขึ้นกับแหล่งความร้อนภายนอก เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย พวกเขาได้เริ่มทำการสำรวจระบบสุริยะใหม่นี้ทันที กองยานอวกาศได้ถูกส่งไปยังดาวเคราะห์ต่างๆ รวมทั้งเทียมัตเพื่อค้นหาทอง
ผู้บังคับการมกุฏราชกุมาร อนู พร้อมทั้งราชโอรสทั้งสอง เอนกิ และ เอนลิล และราชธิดา นินคูซัคได้ร่อนลงในบริเวณที่ปัจจุบันคืออ่าวเปอร์เซียและย่างเท้าบนฝั่งใน ดินแดนที่ปัจจุบันคือประเทศคูเวต ในที่สุดก็ได้ก่อตั้งท่าจอดยานอวกาศในบริเวณเมโสโปเตเมียในตำแหน่งที่มี ตำนานว่าเป็นสวนอีเดน โดยความช่วยเหลือชาวพื้นเมืองเทียมัตพวกเขาได้พบกับขุมทองบนเทียมัตและ สามารถนำทองนี้เป็นสร้างเป็นโลห์กักความร้อนได้สำเร็จ อย่างไรก็ดีโลห์นี้มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ นี้จึงเป็นเหตุที่ต้องมีชาวอนูนากิประจำอยู่บนเทียมัตเพื่อทำหน้าที่ขุดทอง และส่งทองกลับไปยังนิบิรุอย่างสม่ำเสมอ
ครั้งนึงอันแสนเนิ่นนานมาแล้วในช่วงที่นิบิรุโคจรรอบบดวงอาทิตย์มีอยู่ครั้ง หนึ่งประมาณราวๆ 26,000 ปีของเทียมัตนิบิรุได้โคจรเฉียดเข้าใกล้เทียมัตมากจนก่ออันตรายร้ายแรง หนึ่งในดวงจันทร์บริวารได้พุ่งชนเข้ากับเทียมัตทำให้เกิดมหาสมุทรแปซิฟิค และได้ทำให้ทวีปเลอมูเกิดการเปลี่ยนแปลง
ลักษณะของประชากรนิริบุจะมีความสูงในราว 10 – 20 ฟุต (3 – 6 เมตร) มีผมดกหลายสี แต่ขนตามตัวจะมีน้อยมากเพศผู้จะมีหนวดเคราบ้าง และส่วนมากจะมีเขาคล้ายเขาแพะบนศีรษะ ส่วนเพศหญิงส่วนมากจะมีปีก พวกเขาจะไม่มีเหงื่อและไม่มีกลิ่นตัวซึ่งนี่เองเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่ได้ ให้ชาวพื้นเมืองเทียมัตทำหน้าที่ขุดทองหรืออยู่ใกล้กับพวกเขาเพราะพวกเขา รู้สึกว่าพวกชนพื้นเมืองนี้มีกลิ่นตัวแรง ชาวนิริบุมีนิ้วมือนิ้วเท้าข้างละเจ็ดนิ้ว อาหารของพวกเขามักจะเป็นอาหารเหลว และนิยมแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งตัวที่ทำมาจากแผ่นทอง เมื่อเวลาผ่านไปคนงานชาวเหมืองเริ่มกระด้างกระเดื่องจนในที่สุดได้นำไปสู่ การปฏิวัติและปฏิเสธการทำเหมือง องค์จักรพรรดิ์อนู จึงได้ปรึกษากับราชินีนันคูซัคซึ่งราชินีนี้ได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเจ้า หน้าที่การแพทย์และพันธุศาสตร์ จักรพรรดิ์ได้ขอร้องให้ราชินีสร้างสิ่งมีมีชีวิตลูกผสมระหว่างชาวนิริบุกับ ชาวเทียมัตเพื่อทำหน้าที่เป็นแรงงานในเหมืองทอง องค์ราชินีได้ทรงรับหน้าที่ด้วยความรู้สึกท้าท้ายและในที่สุดก็ได้เป็นสิ่ง มีชีวิตลูกผสมเพศชายจากไข่ของหญิงเทียมัติกับเชื้ออสุจิของเจ้าชายเอนกิ ราชินีเรียกลูกผสมนี้ว่า “อดามู/ อดัม” ในเบื้องต้นลูกผสมนี้มีแต่เพศชายทั้งสิ้น โดยที่ชาวนิริบุเพศหญิงจำนวนหนึ่งทำหน้าที่อุ้มท้อง และเป็นที่เรียกขานผู้ที่ทำหน้าที่เหล่านี้ว่า “เทพีแห่งการเกิด”
และทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยดี นิริบุมีทอง ชาวอนูนากิเป็นอิสระจากการทำเหมือง ส่วนลูกผสมจำลองก็ได้รับการผลิตเพื่อให้เป็นแรงงานเหมืองที่ดีเลิศ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ดังที่เคยเกิดในอดีต บรรดาเทพีแห่งการเกิดเริ่มรู้สึกเหลือทนกับการต้องมาอุ้มท้องพวกอดามู ดังนั้นชาวนิบิรุจึงได้ประท้วงและปฏิเสธที่จะอุ้มท้องอีกต่อไป ครั้งนี้จักรพรรดิ์อนูรับสั่งให้ราชินีเข้าเฝ้าและหลังจากนั้นก็ได้ข้อสรุป ว่าให้สร้างลูกผสมที่เป็นเพศหญิง (อีวา/อีฟ) เพื่อให้ทั้งสองเพศได้ผสมพันธุ์กันเองในธรรมชาติ ซึ่งแน่นอนว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ง่ายดาย
แต่ปรากฏว่าเพศทั้งสองนั้นเป็นหมันเนื่องจากว่าทั้งสองเพศเป็นลูกผสม ดังนั้นจักรพรรดิ์จึงได้มีกระแสรับสั่งให้เลิกกระบวนการที่ทำให้สิ่งมีชีวิต นี้เป็นลูกผสม ครั้งนี้ราชนีนินคูซัคได้ขอให้เจ้าชายเอนกิดำเนินการแทน เจ้าชายจึงให้ทั้งอดัมและอีฟกินสารบางอย่างเพื่อกลับกระบวนการที่ทำกับสิ่ง มีชีวิต โดยหวังให้สิ่งมีชีวิตนี้มีลักษณะลูกผสมน้อยลง สิ่งมีชีวิตทั้งคู่ได้ลอกคราบผิวหนังชั้นนอกที่มีลักษณะของสัตว์เลื้อยคลาน และเริ่มต้นจับคู่ผสมพันธุ์ แต่แล้วพระองค์ก็ได้ทรงทราบว่าสิ่งที่ทำไปเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงเพราะ กระบวนการนี้ทำให้ไม่สามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตนี้ได้ จักรพรรดิ์อนูจึงได้สั่งห้ามอดัมและอีฟเข้าไปในสวนอีเดนตั้งแต่นั้นเป็นต้น มา
ด้วยเหตุนี้มนุษย์โครมันยองได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อประมาณ 20,000 ปีก่อน ส่วนมนุษย์นีแอนเดอทัลก็ได้ค่อยๆ ล้มตายลงไปโดยที่ไม่อาจหยุดยั้งได้อันเนื่องมาจากอากาศที่อบอุ่นขึ้นเนื่อง จากโลกอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้น และในที่สุดเมื่อประมาณ 10,000 ปีมนุษย์นีแอนเดอทัลก็ได้สูญพันธุ์จนหมดสิ้นเหลือแต่เพียงมนุษย์โคมันยองที่ ครอบครองเทียมัต
ในหนังสือเรื่องแผนร้ายสายรุ้ง (The Rainbow Conspiracy) แบรด สไตเกอร์ได้เขียนถึงโครงการทดลองฟิลาเดเฟียที่ซึ่งประธานาธิบดี แฟรงกลิน ดีลาโน รูสเวลล์ ได้พบกับมนุษย์ต่างดาวที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ในปีช่วงประมาณปี พ.ศ. 2473 – พ.ศ. 2483 พวกมนุษย์ต่างดาวนี้จะมีผิวกายสีเขียว และเพื่อที่จะให้ไม่เป็นที่สังเกตพวกเขาใช้สารฟอกสีเพื่อทำให้สีกายของพวก เขามีสีอ่อนลง อย่างไรก็ดีดูเหมือนจะมีความสอดคล้องกันของรูปวาดเก่าแก่ถึงพระเจ้าใน อินเดียที่พระเจ้าที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ มีผิวกายในสีโทนน้ำเงิน ซึ่งหากสังเกตให้ดีพวกกิ่งก่า ตะกวด และจิ้งเหลนจะมีสีผิวในทำนองนี้ ที่มีผิวอ่อนนุ่ม ละเอียดเหมือนไหม นอกจากนี้ข่าวที่มีการรายงานทางโทรทัศน์ยังชี้ว่าคณะแพทย์ที่พยายามจะรักษา ผู้ป่วยโดยการหาทางรักษาบาดแผลทางผิวหนังของผู้ป่วยพบว่าผิวหนังของงูนี้ คล้ายคลึงกับของมนุษย์มาก ที่จริงแล้วผิวหนังที่ใช้ในการรักษาบาดแผลวิธีนี้เป็นหนังงูเลยทีเดียว ซึ่งนี่แสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องกันของมนุษย์และสัตว์เลื้อยคลาน และกระบวนการย้อนกลับของการทำพันธุวิศวกรรมมนุษย์ ซึ่งกระบวนการย้อนกลับของอดัมและอีฟทำให้สิ่งที่สละทิ้งกลับรวมเป็นรูปใหม่ กลายเป็นงู และอาจจะอนุมานได้ว่าชาวนิริบุก็อาจจะมีความสามารถในการเปลี่ยนสีผิวให้เข้า กับสภาพแวดล้อมได้เช่นเดียวกับสัตว์เลื้อยคลานจำพวกกิ้งก่า หรือจิ้งเหลน โปรดศึกษางานเขียนของ อาร์ เอ บัวเลย์ (R.A. Boulay) ในหนังสือเรื่องเล่าของงูและมังกรบิน (Flying Serpents and Dragons)
เรื่องที่ต่อจากนั้นเป็นเรื่องที่มีบันทึกในประวัติศาสตร์ของเราเอง คือครั้งหนึ่งนิริบุได้เฉียดเข้าใกล้เทียมัตและทำให้เกิดภัยภิบัติทั้งน้ำ ท่วมและแผ่นดินไหวไปทั่วโลก ซึ่งในครั้งนี้สวนอีเดนและท่าจอดยานอวกาศได้จมไปในน้ำและถูกทำลายไปจนสิ้น เจ้าชายอูตูแห่งเนฟิลิมจึงได้รับบัญชาให้สร้างสถานีจอดยานอวกาศขึ้นใหม่ใน บริเวณแหลมไซนาย และวิถีชีวิตบนเทียมัตก็ดำเนินไปตามปกติอีกครั้ง แต่ในไม่นานก็ได้เกิดสงครามปิรามิดขึ้น
พระราชกุมารีเจ้าฟ้าหญิงอินันนาซึ่งเป็นหนึ่งในที่รักยิ่งของจักรพรรดิ์อนู ได้รับพระบัญชาให้เป็นผู้ปกครองดูแลบริเวณที่เป็นอินเดียและเนปาลในปัจจุบัน พระองค์มีพระนามอีกพระนามคือพระลักษมี ซึ่งเป็นพระนามที่ได้รับการสักการะนับถืออยู่จนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุที่พระสวามีคือดยุคดูมูซิ (พระวิษณุหรือเปล่า)ได้มีเรื่องทะเลาะกับบารอนมาดุคจนในที่สุดได้นำไปสู่สง ครามปิรามิด ในสงครามชิงอำนาจระหว่างพระราชกุมารีอินันนาและดยุคดูมูซิกับบารอนมาดุคและ บารอนเนสศาพานิต ดยุคดูมูซิได้ถูกสังหาร ทำให้เจ้าชายอูตู และพระราชกุมารีอินันนาตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่บังควรโดยการทำลายท่าเทียบยาน อวกาศที่แหลมไซนายพร้อมทั้งศูนย์วิจัยและผักผ่อนคือเมืองบริวารโซดอมและโกโม ราซด้วย (The satellite R&R cities ไม่ทราบว่า R&R แทนอะไรอาจจะเป็น Research and Development หรือ Research and Recreation) ทำให้เหมืองทองในเขตแอฟาริกาใต้เข้าสู่ความวุ่นวายด้วยเมื่อดยุคเนกอลและดัส เชสอีเรสกิกอลเข้าเป็นพันธมิตรกับบารอนมาดุค และทำให้เกิดความวุ่นวายในคณะผู้ปกครองแห่งเนฟิลิม
จักรพรรดิ์อนูจึงจำต้องโปรดให้สร้างสถานีจอดยานอวกาศขึ้นใหม่โดยครั้งนี้ พระองค์มีพระบัญชาให้เจ้าชายเอนกิและเจ้าหญิงนินกิเป็นผู้ดูแล ทั้งสองพระองค์จึงได้ย้ายสถานที่ไปเป็นบริเวณทะเลสาบติติคาคา (Titicaca Lake) ในเปรู และที่ตรงนี้ก็คือบริเวณที่ราบนาซคาซึ่งมีทองคำจำนวนมหาศาลอยู่ในเทือกเขาแอ นดีส ดังนั้นศูนย์การผลิตทองที่แอฟริกาใต้จึงถูกย้ายไปที่ทะเลสาบติติคาคาด้วย
และนี่ก็เป็นเรื่องในอดีตหลายพันหลายหมื่นปีก่อน ซึ่งก็ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไมชาวนิริบุจึงดูเหมือนจะทิ้งเทียมัตไว้ อาจจะเป็นไปได้ว่าโลห์กักความร้อนนั้นสามารถคงรูปได้อย่างถาวรแล้วทำให้พวก เขาไม่มีความจำเป็นต้องใช้ทองจากเทียมัตอีกต่อไป ครั้งสุดท้ายที่ดาวเคราะห์พวกเขาเฉียดใกล้เทียมัตคือในปี 687 ก่อนคริสต์กาล แต่แน่นนอนถึงแม้ดาวเคราะห์ของพวกเขาจะมุ่งหน้าไปสู่การหลับไหลที่ยาวนานใน กลุ่มเฆมออร์ดพวกเขาจะยังคงการติดต่อกับเทียมัตไว้บ้างบางส่วน อาทิเช่นสิ่งก่อสร้างใต้ดินในเทือกเขาแกรนด์เททอน หรือสิ่งอำนวยความสะดวกใต้ภิภพที่อเมริกาใต้ ในห้องเปล่าที่ซาอุดิอาระเบีย ในภูเขาหิมาลัย หรือแม้แต่ห้องโถงใต้ดินทางตะวันตกเฉียงใต้ของมหาปิรามิดแห่งอียิปต์ที่ชาว เนฟีลิมสร้างไว้เพื่อเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศที่แหลมไซนาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปริศนาให้ถกเถียงกันว่ามีไว้เพื่อให้มนุษย์ต่างดาว ได้ใช้หรือไม่ ซึ่งเชื่อได้ว่าคำตอบสำหรับทุกปริศนาจะได้รับการเฉลยในอนาคตอันใกล้นี้
ในขณะนี้คงจะมีคนจำนวนมากถามว่าแล้วดาวเคราะห์นิริบุอยู่ที่ใด แน่นอนมันต้องอยู่ในที่ใดที่หนึ่งในระบบสุริยะเป็นแน่ บางครั้งนักดาราศาสตร์จะบังเอิญไปพบมันแต่อาจะไม่รู้และเรียกมันว่าวัตถุลึก ลับ อย่างเช่นกาแลกซี่ขนาดเล็ก บางทีรัฐบาลเองก็สงสัยว่าเจ้าสิ่งนั้นคือนิริบุเองแต่มีความเห็นว่าจำเป็น ต้องปิดบังข้อมูลนี้จากการรับรู้ของสาธารณชน ผู้ที่เฝ้าสังเกตท้องฟ้าในสมัยโบราณทั้งในตะวันออกกลาง หรือชาวมายาในเมกซิโกต่างก็ได้พูดถึงการมาของนิริบุในกลุ่มดาวคนยิงธนู ซึ่งมันจะมาปรากฏให้เห็นเป็นระยะๆ โดยที่ดูเหมือนว่ามันจะจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมา อีกทั้งจะมีสีทองเหมือนดวงอาทิตย์ขนาดจิ๋ว มีหางยาวคล้ายดาวหาง และมีบริวารโคจรอยู่รอบๆ และจะลอยให้เห็นดังอัญมณีที่ขั้วโลกเหนือของเทียมัตคล้ายกับการมาถึงของยุค แห่งพระเจ้า
</td></tr></tbody></table> -
<table id="post6256532" class="tborder" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center" border="0"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-right: 0px"> 13-06-2012, 01:21 AM </td> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px" align="right"> #2084 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> Aunyasit
สมาชิก
วันที่สมัคร: Aug 2005
ข้อความ: 1,387
Groans: 0
Groaned at 129 Times in 29 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 9,558 ครั้ง ใน 1,072 โพส
พลังการให้คะแนน: 880
</td> <td class="alt1" id="td_post_6256532" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> คุณ PARISCIN :อนุโมทนาในกุศลจิตครับ
คุณเกษม : ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ เท่าที่ผมทราบปัจจุบันนี้ มีหลายจักรวาลที่กำลังอยู่ในช่วงของยุคของพระจักรพรรดิ์ครับ และประธานสูงสุดขององค์พระบรมจักรพรรดิ์จากนานาจักรวาลก็ได้มารับบัญชาจาก องค์อชิตะสัมมาพระพุทธเจ้า ให้องค์พระจักรพรรดิ์ทำหน้าที่ปรับสมดุลธาตุของโลกมนุษย์ ที่มีแม่ธรณี แม่คงคา พระเพลิง พระพาย จะเป็นผู้รับบัญชาจากองค์พระบรมจักรพรรดิ์ ในการปรับสมดุลธาตุต่างๆ ในการสถาปนาพระจักรพรรดิ์นั้นองค์พระบรมจักรพรรดิ์ผู้เป็นประธาน จะเป็นผู้กล่าวโองการต่อหน้าพระพุทธองค์ ว่าจะให้ใครบนโลกมนุษย์รองรับบารมีและสามารถใช้อำนาจขององค์พระบรมจักรพร รดิ์ได้ หรือเป็นผู้รองรับบารมีของพระจักรพรรดิ์นั้นเอง
ดูๆไปก็คล้ายกับว่า ถ้าเป็นเรื่องของธรรมะหรือเรื่องของพระธรรมคำสอนต่างๆหรือเรื่องศาสนา จะเป็นหน้าที่ของพระพุทธองค์ที่จะสงเคราะห์หรือชี้ทาง แต่ถ้าเป็นเรื่องของวิสัยโลกเรื่องต่างๆ จะเป็นหน้าที่ของพระบรมจักรพรรดิ์ ครับ
คุณ Tan_Kun :- แต่ละที่ น้ำจะท่วมสูงแตกต่างกันครับ ขึ้นอยู่กับสถานที่นั้นๆ เพราะหากเกิดภัยพิบัติ พื้นที่บางแห่งแผ่นดินจะทรุดลง แต่บางที่แผ่นดินจะโก่งตัวขึ้นครับ หากเป็นชายทะเล ในช่วงภัยพิบัติ คลื่นทะเลจะสูงหลายสิบเมตรและน้ำจะเข้าท่วมจังหวัดชายทะเลแทบทั้งหมดและน้ำ ท่วมลึกเข้าไปบนผืนดินหลายสิบกิโลเมตรด้วยครับ
มาตอบคำถามกันต่อครับ
น้อง Sonk :- อันนี้เป็นข้อมูลเชิงวิชาการล่ะ หลังจากวันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมาก่อนสิ้นเดือน พ.ค.มีญาติธรรมคนนึง โทรมาบอกว่า เขาได้ดูข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศผ่านดาวเทียม ในข่าวได้นำข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์มาวิเคราะห์เรื่องของผลกระทบจากพายุสุริยะ เข้าใจว่าข้อมูลอ้างอิงจากองค์การนาซ่า ที่บอกตอนประมาณเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาว่า พายุสุริยะไม่ส่งผลกระทบต่อโลกหรือส่งผลน้อยมาก
แต่ว่าเนื้อหาในข่าวเมื่อปลายเดือน พ.ค.บอกว่า ประมาณปลายปีนี้โลกเราจะได้รับผลกระทบจากพายุสุริยะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้เตรียมอาหารแห้งและสิ่งของต่างๆในการดำรงชีพไว้ เพราะผลจากพายุสุริยะที่มากระทบต่อโลกนั้นจะทำให้โลกถูกปกคลุมด้วยความมืด อยู่ประมาณ 50 วัน (ถ้าเทียบกับข้อมูลที่ปู่อชิตะที่บอกว่าฟ้าจะมืด 7 ราตรี (คือ 49 วัน) ก็จะใกล้เคียงกันมาก)และผลจากพายุสุริยะนั้นจะทำให้แมกม่าและลาวา เสียสมดุล จะส่งผลให้เกิดภูเขาไฟระเบิดอย่างรุนแรง รวมทั้งเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงในแนวระนาบและแนวตั้งพร้อมๆกัน พี่ได้ขอให้แหล่งข่าวเขาติดตามหาคลิปข่าวให้อยู่ครับ
ที่นี้มาพิจารณาในมุมมองของวิทยาศาสตร์ทางจิตบ้าง(อาจเรียกว่าเป็นวิชาเกิน) สิ่งหนึ่งที่เคยพบมาด้วยตนเองก็คือว่าในขณะที่ธาตุทั้งสี่กำลังมีความแปร ปรวนก่อนที่จะกลับเข้าสู่จุดสมดุลนั้นนั้น ฟ้าจะมืดมาก จะมีฝนตกหนัก ฟ้าแลบ ฟ้าร้องและฟ้าผ่าอย่างสนั่นหวั่นไหว ที่พบเจอมานั้นเป็นเหตุการณ์ความแปรปรวนของธาตุในพื้นที่เล็กๆ ในรัศมีไม่กี่กิโลเมตร ตอนนั้นเป็นการทดสอบศาสน์วิชาเดิมๆในการแปรธาตุสี่เพื่อให้สิ่งของบางอย่าง ในมิติเร้นลับ ปรากฏขึ้นมาให้เห็นได้ด้วยตาเนื้อ เพื่อนำเอาทรัพยากรบางอย่างข้ามมิติภพภูมิ แต่ทำไม่สำเร็จ ท่านบอกว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะเอาของนั้นขึ้นมา ต้องให้เทพเจ้าทั้ง 9 พระองค์ท่านอนุมัติให้ก่อนจึงจะสามารถนำสิ่งที่เราต้องการออกมาได้ ทั้งๆที่สิ่งของนั้นก็เป็นสมบัติของเราในอดีต และในยุคนั้นได้ใช้รหัสของธาตุสี่ทำเป็นกลไกไว้ หรือทำกุญแจด้วยรหัสธาตุต่างๆ พอมาไขกุญแจธาตุสี่ในชาติปัจจุบันศาสน์วิชานั้นก็เลือนหายไปกับกาลเวลา ต้องมารื้อฟื้นกันใหม่โดยมีครูบาอาจารย์บางพระองค์ท่านคอยชี้แนะให้ครับ การที่จะทำดั่งนี้ได้สำเร็จต้องใช้กำลังสมาธิและความบริสุทธิ์แห่งจิตสูงมาก ส่วนการแปรธาตุให้สิ่งของที่อยู่ในโลกเร้นลับเคลื่อนจากที่นึงไปอยู่อีกที่ นึงนั้นทำได้ไม่ยากนักครับ หากไปพบเจอของเก่าที่เคยเป็นสมบัติของตนเองที่ไหนก็จะเคลื่อนมาทาง ทิพย์(เน้นว่าต้องเป็นสมบัติของเรามาก่อนถ้าเป็นของคนอื่นล่ะผู้รักษาเขาจะ เล่นงานเราอย่างหนัก) บางครั้งแม้ว่าของนั้นเคยเป็นของเราให้เขาเฝ้านานๆ จิตเขาก็ยึดติดในของนั้นไม่ยอมนำมาให้เราก็มีครับ บางวาระก็มีกิจที่จะต้องไปทำพวกนี้บ้างเหมือนกัน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะคอยชี้แนะให้ทำเพราะผู้ที่เฝ้ารักษาสิ่งของนั้นให้ เรา เขาก็อยากไปจุติแล้วเช่นกันเบื่อที่จะเฝ้าให้แล้ว เดือนหน้าไปนครวัด จะลองไปส่องดูว่ามีอะไรที่เคยเป็นของเราบ้าง หากมีก็จะเคลื่อนติดไม้ติดมือกลับมา อันนี้เป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตแบบนึง ถ้าเทพเจ้าเขาให้สิทธิ์ก็ทำได้สารพัดอย่างครับ
ทีนี้ลองมาพิจารณาดูว่าหากการแปรปรวน ปรับสมดุลของธาตุสี่ทั้งโลกนั้นความแปรปรวนจะรุนแรงขนาดไหน ไม่อยากคิดเลยครับ แต่ผลดีของภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นนี้ก็คือ ทรัพย์สมบัติและทรัพยากรต่างๆจะปรากฏขึ้นมาให้เราสามารถนำมาใช้สอยได้โดย ง่าย แต่นั่นล่ะ สมบัตินั้นของใครของมันครับ เมื่อถึงเวลานั้นคนที่เหลืออยู่ไม่มีใครอยากได้ของคนอื่นหรอกครับ
คุณ เทวาธิราช : ในช่วงที่ฟ้ามืด พระสงฆ์ท่านจะอยู่ได้แบบปกติ โดยสามารถฉันอาหารได้ตามเวลาก่อนเที่ยงตามนาฬิกา ส่วนท่านที่อยู่ตามป่าตามเขา ก็ต้องใช้วิธีกะเวลาเอาครับเนื่องจากไม่สามารถใช้แสงตะวันเป็นตัวกำหนดเวลา ได้ หากจะเตรียมการสำหรับพระสงฆ์ ก็จัดเตรียม สิ่งที่จำเป็นสำหรับพระสงฆ์ไว้ครับ
ที่พุทธสถานฯก็มีพระสงฆ์ เช่นเดียวกัน หากเราเตรียมอะไร ก็เตรียมสิ่งเหล่านั้นเผื่อพระสงฆ์ท่านด้วยเมื่อพิจารณาว่าสิ่งนั้นเหมาะสม และจำเป็นแก่สมณเพศ ครับ
ส่วนเครื่องกันหนาว ตามที่คุณอภิเดชแนะนำก็จำเป็นเช่นกันครับ ผมเตรียมเครื่องกันหนาวไว้ ตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว เช่นเสื้อจั๊มเปอร์ขนแกะ เสื้อโคทขนเป็ด ผ้าห่ม เป็นต้น
นอกจากนั้นถุงมือหนัง รองเท้าสำหรับอากาศหนาว เช่น รองเท้าขนแกะ หมวกที่มีฮูดคลุมหัว หากมีโอกาสก็น่าจะเตรียมไว้บ้างครับ โดยเฉพาะคนที่ตัดสินใจไปอยู่อาศัยตามภูเขาสูง หากอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่เคยชินกับอากาศหนาวมากๆ มีโอกาสที่จะเป็นโรค Hypothermia สูงครับ ถ้าไม่สามารถแก้ไขได้ทันเวลาก็มีโอกาสเสียชีวิตครับ
</td></tr></tbody></table> -
ปิดท้ายที่นำมาจากกระทู้เก่าด้วยภาพสวยงามของคุณเกษม
Two suns
-
หากตกหล่นหน้าไหนที่อยากจะให้ย้ายมาเพิ่มเติม ช่วยบอกมาได้นะคะ
และรบกวนบอกหน้าและหมายเลขกระทู้ด้วย ก็จะเป็นพระคุณยิ่งค่ะ pm มาก็ได้ค่ะ
-
บางส่วนจากห้อง "เฉพาะสำหรับผู้ที่ได้รับเลือกให้สามารถใช้พุทธสถานฯ"
Aunyasit สมาชิก
วันที่สมัคร: Aug 2005
ข้อความ: 1,387
Groans: 0
Groaned at 129 Times in 29 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 9,559 ครั้ง ใน 1,072 โพส
พลังการให้คะแนน: 880
สำหรับเรื่องวันฟ้าดับนั้น ผมไม่ได้กล่าวอ้างขึ้นมาแต่อย่างใด มีแหล่งที่มาของข้อมูลที่ผมไปรับรู้มาโดยตรง(มีไฟล์เสียง)และเรื่องนี้เป็น ความเชื่อส่วนบุคคลและผมตัดสินใจนำมาบอกกล่าวเพื่อเตือนให้ญาติธรรมได้ ตระหนักและเตรียมตัวไว้เพื่อความไม่ประมาท (มีบางท่านในที่นี้อาจจะได้ฟังเสียงจากไฟล์เสียงดังกล่าวบ้างแล้ว) ดังนั้น จุดประสงค์ในการนำข้อมูลดังกล่าวมาเปิดเผยนั้นจึงไม่ใช่เป็นการแสวงหาปัจจัย ในการทำบุญจากในเวปนี้อย่างแน่นอนครับ และคนที่เขามาทำบุญกับผมเป็นเรื่องเป็นราวนั้นไม่ใช่คนมาจากเวป ธรรมะเขาจัดสรรมาให้เองครับ
ส่วนเรื่องวันฟ้าดับ ที่ยังไม่เกิดขึ้นนั้น ท่านบอกว่าวันเวลาของโลกแห่งความเป็นทิพย์กับโลกมนุษย์นั้นมันละเอียดอ่อน และที่กาลเวลาเคลื่อนไปอีกนิดนึง เพราะมีผู้มีบารมีร้องขอไปได้อีก ระยะ.......และจะมีกรรมเกี่ยวกับบ้านเมืองมาสลับแทนที่ (จากนั้นก็ตัวใครตัวมันครับ) แต่คราวนี้ผมจะไม่เอ่ยเรื่องกาลเวลาให้ใครรับทราบอีกแล้ว แต่ผมเองได้ให้ทีมงานเร่งเตรียมทุกอย่างให้พร้อมในสปีดที่แข่งกับเวลาเท่า เดิม หากกาลเวลาที่ท่านบอกมานั้นคราวนี้ตรงหรือไม่ตรง ผมจะรอคอยดูว่าจะเป็นไปตามที่ท่านบอกหรือไม่
วันฟ้าดับจะเกิดหรือไม่เกิดก็ไม่มีความหมายกับการสร้างบุญบารมี การสร้างเจดีย์และพุทธสถานก็จะดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนเสร็จภารกิจครับ และการสร้างพุทธสถานก็ทำต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ปี 50 จนถึงปัจจุบัน ก็ค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเป็นลำดับเพราะเป็นหน้าที่ ที่เขาให้เรามาเกิดเพื่อทำสิ่งนี้ครับ
เดือนนี้ก็จะเททองหล่อพระนเรศศวร์ เดือนหน้าปู่ขาวท่านแนะนำให้เททองหล่อท้าวเวสสุวรรณ ก็น่าจะเป็นอันสิ้นสุดสำหรับงานเททองหล่อที่รับบัญชามา จากนั้นท่านให้ไปโปรดสัตว์ที่นครวัด อันเป็นวัดพระแก้วในยุคต้นๆ ครับ
การสร้างบุญบารมีก็เป็นเช่นนี้แหละครับ -
<table id="post6268529" class="tborder" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center" border="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">Aunyasit
สมาชิก
วันที่สมัคร: Aug 2005
ข้อความ: 1,387
Groans: 0
Groaned at 129 Times in 29 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 9,559 ครั้ง ใน 1,072 โพส
พลังการให้คะแนน: 880
</td> <td class="alt1" id="td_post_6268529" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> การทำการสร้างสิ่งหนึ่งสิ่งใดนั้น บางครั้งมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง รวมถึงมีบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกมาก ทั้งผู้ที่อยู่ในที่แจ้งและในที่ลับ แต่ขอรับรองว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อทุกคน
อย่างการสร้างพระพุทธเจ้าห้าพระองค์และพุทธสถานฯนั้น ผู้ใหญ่ท่านมีตัวแทนของท่านมาดำเนินการบางอย่างให้เพื่อเป็นกำลังใจและศิริ มงคลต่อคณะผู้สร้างและผู้มีส่วนร่วมครับ
ไม่อยากอธิบายด้วยคำพูด แต่ขอให้ภาพข้างล่างอธิบายสิ่งที่ผมจะบอกกล่าวก็แล้วกัน เพราะภาพเหล่านี้มีนัยยะความหมายในตัวอยู่แล้วครับ
<fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend>
</fieldset>
</td></tr></tbody></table>
หน้า 2 ของ 32