กระแสแห่งกาลเวลา

อย่างนั้นเรียกกระแทกหรือ ^^
พิมพ์ผิดก็ออกมายอมรับ ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

ในปรัชญาหมากล้อม ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามได้พื้นที่เล็ก
เพื่อให้แสดงออกถึงความรู้สึกภายใน และผ่อนคลายทางจิต ทางวาจาออกมา
ตรงนี้จักอ่านฝ่ายตรงข้ามได้หมด
แล้วกินรวบ ยืมมือปิดกระทู้ทันที (ไม่มีไร พูดให้เท่เฉยๆ)

 

สรุปตามที่เข้าใจนั่นแหละ ^^
ช่วงนี้สายตาไม่ค่อยดี อ่านมากปวดตา

 

เอาๆ ช่วงนี้ขี้เกียจพิมพ์ เช่นกัน

หาฟังธรรมภายนอกก่อน

 

วันนี้ได้เป็นลุงคน ขอตัวไปดูหน้าหลายชายหน่อย ^^

 

ไม่รู้จักเบญจขันธ์ชื่อว่ามีอวิชชา พระวจนะ "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ คนกล่าวว่า อวิชชา อวิชชา ดังนี้ ก็อวิชชานั้นเป็นอย่างไร และบุคคลชื่อว่า มีอวิชชาด้วยเหตุเพียงไรเล่า? พระเจ้าข้า............ภิกษุทั้งหลาย ในโลกนี้ปุถุชน ผู้ไม่ได้ยินได้ฟังย่อมไม่รู้จักรูป ไม่รู้จักเหตุให้เกิดของรูป ไม่รู้จักความดับไม่เหลือของรูป ไม่รู้จักทางดับไม่เหลือของรูป เขาย่อมไม่รู้จักเวทนา ไม่รู้จักเหตุให้เกิดของเวทนา ไม่รู้จักความดับไม่เหลือของเวทนา ไม่รู้จักทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของเวทนา เขาย่อมไม่รู้จักสัญญา ไม่รู้จักเหตุให้เกิดขึ้นของสัญญา ไม่รู้จักความดับไม่เหลือของสัญญา ไม่รู็จักทางดับไม่เหลือของสัญญา เขาย่อมไม่รู้จักสังขารทั้งหลาย ไม่รู้จักเหตุให้เกิดของสังขารทั้งหลาย ไม่รู้จักความดับไม่เหลือของสังขารทั้งหลาย ไม่รู้จักทางดำเนินให้ถึงทางดับไม่เหลือของสังขาร และเขาย่อมไม่รู้จักวิญญานไม่รู้จักเหตุให้เกิดวิญญาน ไม่รู้จักความดับไม่เหลือของวิญญาน ไม่รู้จักทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือ ของวิญญาน ภิกษุทั้งหลายความไม่รู้นี้เรียกว่า อวิชชา และบุคคลชื่อว่ามีอวิชชา ด้วยเหตุประมาณเท่านี้แล....................(อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส)

 

ต้องละฉันทะราคะในเบญจขันธ์ "ภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เทั่ยง พวกเธอพึงละฉันทะราคะ(ความกำหนัดพอใจในสิ่งนั้น) ภิกษุทั้งหลายสิ่งใดเล่าไม่เที่ยง? ภิกษุ รูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง และวิญญานไม่เที่ยง คือ สิ่งใดไม่เที่ยง พวกเธอพึงละฉันทะราคะในสิ่งนั้น..............................ภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ พวกเธอพึงละฉันทะราคะในสิ่งนั้น ภิกษุทั้งหลายก็สิ่งใดเล่าเป็นทุกข์ ภิกษุทั้งหลายก็ รูปเป็นทุกข์ เวทนาเป็นทุกข์ สัญญาเป็นทุกข์ สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์ และ วิญญานเป็นทุกข์ พวกเธอพึงละฉันทะราคะในสิ่งนั้น ภิกษุคือสิ่งใด ที่เป็นทุกข์ พวกเธอพึงละฉันทะราคะในสิ่งนั้น............................ภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา พวกเธอพึงฉันทะราคะในสิ่งนั้น ภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเล่าเป็นอนัตตา ภิกษุทั้งหลาย รูป เป็นอนัตตา เวทนาเป็นอนัตตา สัญญาเป็นอนัตตา สังขารทั้งหลายเป็นอนัตตา และ วิญญานเป็นอนัตตา พวกเธอพึงละฉันทะราคะในสิ่งนั้น ภิกษุทั้งหลายคือสิ่งใดเป็นอนัตตา พวกเธอพึงละฉันทะราคะในสิ่งนั้นแล..............(อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส)

 

[QUOTE.....^-^ QUOTE]

 

ขอบคุณมากครับ แต่จะทันไหมครับตอนนี้

 

พี่ ไมยราพ ครับมีให้ฟังแบบสดไหมครับ ที่ไม่ต้องโหลดมาฟังน่ะครับ

 

พี่ ไมยราพ ครับ ผมหาเจอแล้วครับ ขอบคุณครับ

 

ยินดีครับ พี่ oatthidet คือจะมีคลิ๊กให้ฟังในนั้นได้เลย หรือจะโหลด แล้วแต่

ไว้ศึกษาครับ

อานิสงส์ของการฟังธรรม 5 ประการ โดยหลวงปู่สาม อกิญฺจโน

 

จขกท.นี่ ขอชมเชยบทความที่ให้ความคิด สรุปได้ดี เป็น สัมมาทิฏฐิ..สาธุ
..พี่ไมยราพ กับ ซัว เจ๋งนี่ไม่ธรรมดา พี่ไมยราพนี่ผมพอเดาออกเป็นผู้ใด
แต่พี่ซัวเจ๋ง นี่พี่ชาติรึไม่ครับ..ผมว่าผมคุ้นๆสำนวนมาก..บอกใบ้หน่อยซีครับ พี่ซัวเจ๋ง..!

 

อนุโมทนาครับ ยินดีที่กล่าวคำชมเชยครับ

 

...........