กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

เคารพนับถือซึ่งกันและกัน
แต่อย่ายึดมั่นถือมั่น
ปกติภูมินี้มักจะช่วยคนในเรื่อง
ค้าขาย โชคลาภเป็นปกติ
หากมีดวงหรือชอบทางนี้
แต่ก็ไม่ใช่จะเข้าถึงได้ง่ายเท่าไร
ภูมินี้ก็นับถือพระพุทธฯองค์เดียวกับเรา
ถึงขนาดมีสำดำและขาวเฝ้าพระสรีระ
บางอย่างเลย
ปล บางวัดทาง จ. ล ภาคอีสาน อยู่เป็นเมือง
ตาดีหน่อย อาจจะเจอเหมือนเราไปตลาดสด

ดอนผีดุ ๕ เศียรหรือ( ๗) ลืมอยู่กันเพียบ
จบนิทาน ทหารสีดำลำตัวประมานรถ ๖ ล้อครับ

 

ตามที่ท่านนพเขียนไว้(น่าสนใจมาก)

;););)ปกติภูมินี้มักจะช่วยคนในเรื่อง
ค้าขาย โชคลาภเป็นปกติ
หากมีดวงหรือชอบทางนี้
แต่ก็ไม่ใช่จะเข้าถึงได้ง่ายเท่าไร
ภูมินี้ก็นับถือพระพุทธฯองค์เดียวกับเรา
ถึงขนาดมีสำดำและขาวเฝ้าพระสรีระ
บางอย่างเลย
ปล บางวัดทาง จ. ล ภาคอีสาน อยู่เป็นเมือง
ตาดีหน่อย อาจจะเจอเหมือนเราไปตลาดสด:eek::eek::eek:

(มิน่าป้าวรรณโชคดีจัง)

 

เรื่องแบบนี้ ต้องถือว่าคุณป้า
ค่อนข้างโชคดีครับ
ต่อมาคือ นิทานนะ
ที่พูดคือแบบตาเปล่านะ
เมื่อก่อนน่าจะ ๓ หรือ ๔ ปี
เคยไปกับเณรรุ่นน้อง
พวกมีความสารถทางจิตภายในสูงคนหนึ่ง
ไปเดินบริเวนที่เป็นเมืองของเค้า
ณ วัดแห่งหนึ่งตอนตี ๒ ตี ๓
มากันเพียบตั้งแต่ยังไม่เดินเข้าไป ๕๕
คล้ายๆมาดูว่า ไอ้นี่ใครวะ หน้าไม่คุ้น ๕๕
ไหนๆมาแล้ว อาศัยหน้าด้าน
ก็เดินเล่นแบบเงียบๆหน่อย
(เค้าไม่ชอบเสียงดัง เพราะกำลังนั่งสมาธิกัน
นั่งจนมีลูกแก้วที่ห้อยคอนั่นแหละ)
กำลังจะให้เณรถ่ายรูปให้
เจอท่านสีแดงมาพันรอบตัวตั้งแต่ขา
แล้วไปแผ่เศียรอยู่บนศรีษะ ๕๕๕
รับรู้ได้ถึงฤทธิ์ที่ท่านมี ยืนตัวเกร๊งเลย
(ในใจหนาวๆเสียวๆ ตายแน่ตรู ๕๕)
แต่ท้ายสุด ไม่มีอะไร เป็นการเข้ามาทักทาย
วิธีการหนึ่ง ไม่ยอมให้ถ่ายรูป
ถ่ายได้เฉพาะเป็น วงกลมเหนือศรีษะ
ตามจำนวนเศียรท่าน
ปล รูปมีแต่ไม่เอามาลงหรอก ๕๕๕
จบนิทาน
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าเปรี้ยว หรือหลงตนเอง
การฝึกแล้วเกิดมีนั้น
ยังไงก็สู้ที่เค้ามีเป็นธรรมชาติ
ตั้งแต่เกิดไม่ได้หรอก( แพ้กันที่ความเร็ว
ยิ่งกว่าเสี้ยววิของเสี้ยววิ)
หน้าที่เราทำได้แค่ ทำตัวอย่างไร
ให้เค้าเห็นเราเป็นมิตรและ
มีความเคารพ เกรงใจ ซึ่งกันและกัน
เพราะถ้าเค้าจะทำอะไรเรามันแค่
เรื่องสิวๆ ทำไม่เค้าไม่ทำ
และเค้าขนาดนี้ ยังเครารพ
ศาสดาเรา ถึงขั้น เฝ้าพระสรีระ
ดังนั้น จึงไม่แปลก กลับ
ที่มาของคำว่า
“ผู้เป็นเลิศทั้งสามภพนั่นแล”
ดังนั้นแม้เราชอบ แม้เราผูกพันธ์
ก็เอาพอประมาน แต่ลึกๆในใจ
ก็อย่าลืมธรรมมะ ที่ศาสดา
ท่านทิ้งให้เราก็พอครับ

ที่เหลือเน้นฮา ๕๕๕
ขอบคุณคร๊าบบบบบบ

 

นิทานสนุกครับ คุณนพ ใว้มาเล่านิทานบ่อยๆนะครับ...

 

"......แม้เราผูกพันธ์
ก็เอาพอประมาน แต่ลึกๆในใจ
ก็อย่าลืมธรรมมะ ที่ศาสดา
ท่านทิ้งให้เราก็พอครับ

ที่เหลือเน้นฮา ๕๕๕"
.................................

...ถูกใจเลย
ชอบฟังนิทานแนวทางนี้ครับ
อย่างนี้อยากให้ท่านนพเข้ามาเล่านิทาน
อาทิตย์ละครั้งสองครั้ง

(จากใจจริงของผมครับ)

 

แหมพี่นพอย่ากั้กซิ อยากเห็นรูปมั่ง กริกริ ว่าแล้วอยากไปเยี่ยมเมืองเค้ามั่งจัง แต่สมาธิยังหางอึ่ง เดินไปดูแล้วด้วยคนซิ 555

เห็นททท ไปจัดงานอะไรวุ่นวายริมน้ำช่วงบั้งไฟแล้วเพลียจิต คิดว่าเค้าคงชอบมั้ง เค้าคงปลงว่า มนุษย์หนอ ยังวุ่นวายอยู่ ขอโน่นขอนี่ไม่ค่อยจะลงมือทำไร ไปนั่งสมาธิต่อดีก่า ว่าแล้วก็ส่งบั้งไฟมาซักลูก สองลูก ... 55555

 

วัดที่มีกระต่ายใช่มั้ยฮะ ว่าจะไปๆๆ ไม่ได้ไปซักที ^^

 

วัดที่มีกระต่ายเป็นที่ๆหนึ่งที่มี
แต่ที่เล่าเป็นคนละวัดแต่ จังหวัดเดียวกัน
บางที่เป็นเกาะเรียกดอนผีดุ
ปล เล่าเท่าที่เล่าได้
การไปไม่ใช่เรื่องยาก
แต่การจะเข้าไปได้มากกว่า
ที่ควรพิจารณา ๕๕๕

 

พี่นพก็เดินนำหน้าเข้าไปก่อนสิครับ เดี๋ยวผมเดินตามหลังเข้าไปด้วย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น พี่นพก็ต้านเอาไว้ก่อน เดี๋ยวผมวิ่งหนีไปตามคนอื่นมาช่วยในภายหลังครับ ฮ่าๆๆ

 

ปริศนาล้ำลึก
"บางทีเป็นเกาะเรียกดอนผีดุ"
วัดไหนครับท่าน ???

 

ถ้าขนาดนั้นคงตามปอเต๊กติ๊งหละนะ ๕๕๕

ชื่อทางการเค้าเรียก ดอนสวรรค์ ครับ
ที่หนองหาร สกลครับ ที่เคย
มีกรณีพิพาทย์ ประมานว่า
วัดชื่อดัง แถวๆคลอง ที่อดีตเจ้าอาวาส
ไม่ปรากฎว่าอยู่ที่ไหน จะถือเป็นกรรมสิทธิ์
แต่อีกฝ่ายที่พิพาทย์บอกเป็นของส่วนรวม
ตอนนี้เหลือแต่อาคารร้าง

เค้าลือ ว่าผีดุ
เคยไปนอนค้าง
ฝึกเรื่องความกลัว
คนเรือไม่ยอมขึ้นมานอนบอกกลัวผี ๕๕
เคยมีห่มเหลือง วัดที่มีข้อพิพาทมาอาศัย
แต่ถูกต้นไม้ที่ฟ้าฝ่าทับเสียชีวิต
(ฟ้าฝ่าต้นไม้แล้วทับท่านตาย)
เดินขึ้นไปก็เจออยู่ซ้ายมือ ต้นไม้ยังอยู่
ไปนอนพิงเล่นด้วยความปกติ
เส้นฝ่าศูนย์กลางเมตรกว่าๆ

และไปทางซ้ายซัก สองสามร้อยเมตร
มีห่มเหลืองอีกท่านผูกคอตาย
เชือกบางส่วนยังมีอยู่
วิญญานก็ยังอยู่ ๕๕๕
ไปยืนเล่นมาเพื่อความบันเทิง

ปัจจุบันไม่มีคนอาศัย
มีแต่ฝูงควายป่า ตัวใหญ่มากกกก
เคยเจอเหมือนกัน แต่เค้ามาเห็นเรา
เค้าก็ไปของเค้า
มีต้นตะเคียนด้วย เค้าว่ามี
นางตะเคียน(แต่ไม่ทราบเพราะไม่
ได้เดินไปดู)

ปล ๗ เศียรเพียบ เห็นได้ด้วยตาเปล่า
แสงนัยย์ตาสีขาว
นิทานเล่าสู่กันฟัง พอขำๆ

 

...อ่านนิทานแล้วสนุกดี
ผมจึงไปค้นข้อมูลเพิ่มเติม
(เพื่อยืนยันว่าผมสนใจจิงๆ)
**เกาะดอนสวรรค์**

ดูจากรูปกลางวันแท้ๆยังวังเวง......(ลบออก)
กลางคืนน่าจะเป็นที่.............(ลบออก)
(ขออนุญาตลบตัวหนังสือจุดจุดๆๆออกไป)

เหตุเพราะเมื่อวานเย็นขณะพิมพ์และจะส่งเนื้อเรื่องนี้
ได้เกิดเรื่องไม่คาดคิดและไม่น่าเกิดขึ้น
เพราะจู่ๆหลานชายอายุ 3 ขวบ(สุดที่รักของผม)
ซึ่งกำลังยืนเล่นกับพี่ๆอีก 2 คน
ได้วูบล้มลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
ช่วงแรกที่เห็น....ผมตกใจสุดๆ
เพราะใบหน้าแกคว่ำแนบกับพื้น "นิ่งเงียบเลย"
พอผมอุ้มขึ้นมาเขย่าเบาๆ
แกจึงร้องไห้เสียงดังออกมา
...เห็นเลือดเต็มปากและไหลออกมา
ผมตกใจมาก...จึงให้พ่อแกรีบพาไปรพ.

...พอกลับมาเห็นเป็นแผลเล็กน้อยที่จมูกและปาก
และหมอบอกว่า"ฟันไม่โยกเลย"
ผมอุทานเบาๆ "เออ...แปลกมากๆ"
...จากที่ผมเครียคมากตอนนั่น
...จึงค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย)

วันเดียวกัน...เวลาประมาณ 3 ทุ่มกว่า
ขณะที่ผมนั่งหาข้อมูลอยู่ชั้นล่างคนเดียว
จู่ๆได้ยินเสียงประตูห้องน้ำดัง"เก๊กๆๆๆๆๆ"
เปิด-ปิดเองถึง 3-4ครั้ง(ดังด้วย)
ทั้งที่ไม่มีลมแม้แต่นิดเดียว
...และไม่เคยเกิดขึ้นเลย
เหอะๆ แปลกใจจริงๆงานนี้

...เช้านี้คิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
...จึงตัดสินใจลบข้อความ(.....)บางคำออกไป
เพราะเมื่อพิจารณาโดยรอบคอบแล้ว
*อาจจะลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์บนเกาะนั่น*
...และจึงขอขมาไว้ ณ ที่นี่

*โดยยึดหลักเชื่อไม่เชื่อ แต่อย่าลบหลู่ดีกว่า*




...สงสัยท่านนพอยู่ค้างคืนได้ไง
ผมเชื่อว่า "ท่านต้องไม่ธรรมดาแล้ว"
...ขอคารวะท่านผู้อาวุโสครับ


--------------------------------
(วันนี้ได้ค้นหา Tips วรรคทอง)
จึงถือโอกาส"เติมเต็ม"เรื่องหลานล้มคว่ำ
(ข้อความที่ไม่อยากเล่าตอนนั่น)
...มาเล่าต่อเพื่อให้ท่านที่เข้ามาอ่าน
จะได้ไม่งงว่า...เกิดอะไรขึ้น

 

พอตะวันเริ่มตกดิน
ความมืดคืบคลานเข้ามา
.......(ขอลบออก)

กลางวัน *ดอนสวรรค์*
ตกดึก...........(ขอลบออก)

 

กลางวันสมญานาม*ดอนสวรรค์*จริงๆ
...ผืนป่าเล็กๆในพท.ร้อยไร่...ดูร่มรื่น
ต้นยางขนาดใหญ่กระจายอยู่ทั่วบริเวณ

 

ควายป่าตามที่ท่านบอกมา
ปัจจุบันไม่มีคนอาศัย
มีแต่ฝูงควายป่า ตัวใหญ่มากกกก

 

ท่านนพเล่าให้ฟังว่า...
"7 เศียรเพียบ เห็นได้ด้วยตาเปล่า"

**ไฮไลท์ของเรื่องอยู่ตรงนี่แหละ**




เพราะชาวบ้านลือกันถึงพญานาคที่นี่
**ไม่เบาเหมือนกัน**
ดูจากพื้นที่มีบางอย่างคล้าย*คำชะโนด

ต่างกันตรงที่*ผืนน้ำหนองหารกว้างใหญ่*
เป็นอันดับสองของภาคอีสาน



“พญานาคถล่มเมืองหนองหาร”
ผมสงสัยว่าเรื่องราวเหล่านี้เคยเกิดขึ้นจริงหรือไม่?


**และวานท่านนพช่วยเล่านิทานต่อ**
เรื่อง "7 เศียรเพียบ เห็นได้ด้วยตาเปล่า"
ให้ผู้อ่านที่สนใจ
ได้คลายข้อสงสัย(รวมทั้งตัวผมด้วย)
...จักรขอบคุณยิ่งๆครับ

 

อ่อ คือ ไปกันเป็นกลุ่มนะ ไม่ใช่ว่า นั่งเรือไปคนเดียว...
ไม่ได้เก่งกาจอะไรหรอก คนปกตินี่หละ
และก็นอนในเต๊นท์คนเดียวนี่หละ
เพียง แต่ว่า ตอนที่ฝึกเค้าจะแยกเดี่ยว
ให้ไปนั่งใครนั่งมัน เป้าหมายก็เพื่อ
ที่จะฝึกแก้เรื่องความกลัว เรื่องการปรุงแต่งจิต
เป็นประเด็นหลักนั่นหละ ไม่ได้ฝึกอะไรพิเศษ
แต่มันได้ผลดีนะ มันวิเวกวังเวงดีมาก ยิ่งมืดๆ
ยิ่งสนุก ยิ่งมันในอารมย์การปรุงแต่ง ๕๕

บังเอิญจัง ภาพศาลาในภาพแรก ใน # Rep 51 นั่นหละ เป็นบริเวณ
ที่ส่วนตัวไปนั่ง ง๋องแง๋ง อยู่คนเดียวซักพักใหญ่ๆ ก่อนที่จะเดินเล่น
แล้วมาพักพิงอยู่ตรงบริเวณต้นไม้ใหญ่ที่ฟ้าฝ่าลงมาทับห่มเหลืองท่านหนึ่งเสียชีวิต
(อยู่ข้างขวา ของภาพที่ ๒ ใน #Rep 55)
ซึ่งจะเป็นบริเวณที่อยู่ด้านบนต่อจากภาพสุดท้ายใน #Rep 55
ซึ่งคนขับเรือก็นอนในเรือตรงนั้นหละ ไม่ยอมขึ้นมานอนบนฝั่ง
ให้เหตุผลว่า กลัวและไม่กล้า
พอดีบริเวณนั้น เป็นจุดที่กางเต้นท์พักกัน ของกลุ่มคนที่ไปด้วยกัน
ก็ปกติไม่มีอะไร นอกจากความมืด และก็เสียงใบ้ไม้ เสียงโน้นนี่นั่นว่าไป..
ส่วนสถานที่อื่นๆก็เดินไปดูมา แต่จำไม่ค่อยได้ เพราะหลายปีแล้วหละ
เอ่อ ตอนไป จำไม่ได้ว่า ตอนค้างที่นั้น ได้อาบน้ำหรือเปล่านะ จำไม่ได้ ๕๕๕

ใน#Rep 52 ภาพที่ ๒ และ ๓ คือ ต้นตะเคียนคู่ ส่วนตัวไม่ได้เดินไปดู เลยไม่รู้ว่าเป็นไง
ส่วนภาพที่ ๒ #Rep 53 น่าจะเป็นศาลาที่มีห่มเหลืองท่านหนึ่งผูกคอเสียชีวิต
ที่ส่วนตัวไปยืนดูนั่นหละ

ส่วนเรื่องที่พยานาคถล่มหนองหารไม่ทราบ
คิดว่าเป็นตำนานนะ...เพราะส่วนตัวไม่ได้เห็นแบบนั้น
คือเห็นแต่ว่า มีพยานาคสีเขียวนั่นหละเหมือนเอาตัวล้อม
อะไรบางอย่างไว้อยู่ ซึ่งล้อมอะไรที่ใหญ่มากเหมือนกัน
ประมาณดูแล้วเหมือนป้องกันน้ำมาท่วมมากกว่านะ
แต่น้ำท่วมจากเหตุอะไร ถ้าอ่านตามตำนานคงปะติดปะต่อได้
แต่ฝูงควายที่ว่ายน้ำมาที่เกาะ คงเป็นกลุ่มเดียวกันนั่นหละ


ส่วนพยานาค หลายเศียรนั้นเป็นเหล่าผู้ปกป้อง ของท่านที่คอยดูแล
กลุ่มคนที่ไปด้วย ที่เค้าเรียกตนเองว่าเป็นครูฝึกนั่นหละ
แต่ก็แปลกตรงที่ จะเห็นได้ตรงบุคคลที่เป็นครูฝึกทุกคนนะ
(ก็ถามคนอื่นๆเหมือนกันนะว่าเห็นไหม แต่เห็นทำหน้าแปลกๆงงๆตอนที่ถาม)
เรียกว่าเดินมาเห็นแต่ไกลเห็นเลยว่าใช่ คือเห็นเป็นปกติ เลยเฉยๆ
ตอนแรกไม่รู้หรอก นึกว่าเป็นหมวกไฟฉาย เท่ห์ดี ๕๕๕
ยังแอบไปถามว่า ไปซื้อหมวกนี้ที่ไหน ๕๕๕๕
ครูฝึกก็ยิ้มๆ แต่ไม่พูดอะไร..

ช่วงนั้นไปศึกษาความรู้ เกี่ยวกับวิชาเดินธาตุโบราณ ถึงหลักในการตั้งธาตุ
คืออยากไปดูเฉยๆ ว่าเค้าฝึกอะไรกัน ทำอย่างไร ทำอะไรกัน
ถ้าลองไปทำดู จะพอทำได้บ้างไหม...
เอาไว้ เพื่อมีคนมาถาม จะได้โม้ได้ไง

เชื่อกันว่า วิชานี้ผู้เป็นเลิศที่ได้รับการยอมรับทั้ง ๓ ภพ
คือ ท่านปู่พยานาคท่านหนึ่ง สีขาวปนทอง
ชื่อท่านปู่อะไร จำไม่ได้แล้วครับ


ซึ่งวิชาเดินธาตุนั้น มี ๓ แบบเท่าที่มีประสบการณ์
คือ ๑.แบบในดง ๒.แบบอดีตสมเด็ดพระสังฆราช และ๓.แบบเดินธาตุโบราณ
ซึ่งแตกต่างกันตรง จำนวนของ กสิณที่ใช้ตั้งธาตุเบื้องต้น
และตำแหน่งในร่างกายที่ใช้ในการบังคับรวมธาตุเบื้องต้น
ซึ่งจำเป็นจะต้องใช้จำนวนธาตุให้ถูก และเรียงลำดับให้ถูกด้วย
เพราะถ้าไม่ทำตาม ลักษณะเอกลักษณ์พลังงานการหมุนของธาตุต่างๆนั้น
จะไม่หมุนรวมกัน(คือจะแตกและชนกัน)
และต่ำแหน่งบนร่างกายที่ใช้บังคับก็จะแตกต่างกัน
เพราะไม่งั้นจะไม่สามารถปั่นรวมกันได้(ใช้ต่ำแหน่งบังคับผิด
ธาตุจะแตกขยายใหญ่ขึ้น)

หลักคือ ตั้งธาตุด้วยกสิณภายนอก แล้วปั่นรวมกันให้เล็กลงให้ได้
แล้วใช้ต่ำแหน่งบนร่างกายบังคับ เพื่อดึงธาตุเหล่านั้นเข้ามาในกาย
และก็ฝึกกันต่อไป แล้วแต่ใครจะชอบ

เดินธาตุในดง ตั้งด้วยธาตุเดียวได้ แต่ไม่ใช่ธาตุกลางนะที่ตั้ง
ส่วนเดินธาตุโบราณ ตั้ง ๔ ธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม ตามลำดับและทิศทาง
เดินทางสายอดีตสมเด็จพระสังราชฯ จะตั้งด้วยกสิณ ๑๐ ธาตุ
(จริงๆตั้งแค่ ๘ ธาตุก็พอ เพราะอีก ๒ ธาตุคือแสงสว่างกับสีขาว
จะมาของมันเองเป็นปกติ )

แต่ไม่ได้ไปต่อนานหลายปีแล้ว พอดีช่วงหนึ่ง
จิตมันดันไปทางปรอทธาตุ แต่ถูกท่านผู้ไร้ร่องรอย
ท่านหนึ่ง ใช้คำว่า ห้าม ถึง ๓ ครั้ง
บอกว่า ไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยว
แต่ก็ยังแอบแสดงกล้าม ไปใช้เรียก พระธาตุแทน(เพื่อมี
คนถามจะได้โม้ได้อีกไง ว่าทำอย่างไร) มีหลักฐานยืนยันนะ
แต่ไม่อยากเอามาลงหรอก เด่วมีบางคนมาพูดไม่ดี..

เด่วนี้ ตอนนี้ ก็ยังเป็น คนปกติ ธรรมดาเหมือนคน
ทั่วไปเหมือนเดิมไม่มีอะไรครับ
ปล.จบนิทาน เรื่องเล่า...

 

**อ่านสนุกมากๆครับท่าน**
พญานาคถล่มหนองหารแค่เป็นตำนาน

...แต่เท่าที่ผมค้นหามาเช้านี้
พญานาคได้ถล่มหนองหารจริง
เกิดขึ้นจริงเมื่อเดือนกรกฏาคม 2560
ทำให้ดอนสวรรค์เกือบมิดไปทั้งเกาะ
(มีร่องรอยภาพประกอบด้วยนะ 555)

ผมว่า...
...น่าจะเป็นพญานาคตามที่ท่านนพเห็น
ด้วยยุคนี้มนุษย์บางกลุ่มจิตโลภ
อยากได้แม้แต่ที่อยู่ของพญานาค
7 เศียรจึงสำแดงอิทธิฤทธิ์
ให้เกิดน้ำท่วมที่ดอนสวรรค์
เพื่อให้กลุ่มคนที่จะรุกล้ำได้เห็นเป็นบุญตา
เพื่อปกป้องเกาะสวรรค์ของพวกตนไว้

(ดูภาพร่องรอยคราบน้ำตรงเสา)
...น้ำท่วมหนักสูงเป็นเมตร
แล้วใครยังจะสนใจเกาะสวรรค์นี้อีก

...โฉนด พ่วงห่วงยางด้วยนะ
555...55




"พญานาคถล่มหนองหารตามตำนาน
กลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในยุคนี้"

 

ครูฝึกเห็น ท่านนพเห็น

ผมขอคารวะท่านด้วยใจ

 

ส่วนตัวเห็นอยู่บนเหนือศีรษะครูฝึกทุกคน
แต่ครูฝึกเห็นซึ่งกันและกันไหม
ตรงนี้ไม่ทราบ บอกตรงๆที่ไป
เน้นฮามากกว่าสิ่งใด