กรุแตกพบพระพุทธรูปอายุกว่า 500 ปี ขนลุก!มีน้ำไหลคล้ายน้ำตา

กรุแตกพบพระพุทธรูปอายุกว่า 500 ปี ขนลุก! มีน้ำไหลคล้ายน้ำตา


<IFRAME height=315 src="http://www.youtube.com/embed/cgpWKtQ66UQ" frameBorder=0 width=420 allowfullscreen></IFRAME>






วันที่ 18 เม.ย.55 เวลา 18.00 น.นายบรรพต ยาฟอง นายอำเภอด่านซ้าย จ.เลย ได้รับแจ้งจากนายบุญเพ็ง เสนานุช ผู้ใหญ่บ้านนาหอ ต.นาหอ ว่าช่างก่อสร้างได้ทำการบูรณะธาตุหลวงพ่อขันที่วัดศรีภูมิ พบกรุพระอยู่ใต้ฐานเป็นจำนวนมากอายุกว่า 500 ปี หลังรับรายงานได้สั่งการให้นายอาคม ภูละคร ปลัดอำเภอด่านซ้าย พร้อมด้วยนายอนันย์ มงคลเดช วัฒนธรรม อ.ด่านซ้าย เดินทางไปตรวจสอบ

ที่วัดศรีภูมิ พบชาวบ้านเป็นจำนวนมากวิพากษ์วิจารณ์เรื่องธาตุหลวงพ่อขันกรุแตก จึงได้เข้าตรวจสอบพบว่า ธาตุหลวงพ่อขัน สร้างในสมัยอยุธยา กว่า 500 ปี มีความสูงประมาณ 12 เมตร สร้างด้วยหินปูน ลักษณะคล้ายพระธาตุพนม ฐานองค์ธาตุกว้างประมาณ 4 เมตร อยู่ระหว่างการบูรณะใหม่ทั้งองค์ ตรงบริเวณฐานพบว่าช่างก่อสร้างได้รื้อฐาน เพื่อก่อฐานใหม่ที่ชำรุด เจาะรูขนาด 1 เมตร พบองค์พระพุทธรูปปรางค์ประทานพร เป็นจำนวนมากฝังอยู่ใต้ฐาน และพระพุทธรูปปรางค์ประทานพร ท่ายืน เนื้อทองสัมฤทธิ์ สูง 50 ซ.ม. น้ำหนักประมาณ 10 กก.อยู่ในสภาพที่เก่า แตกหักบางส่วน พร้อมด้วยฐานพระที่หักอีก 1 ชิ้น จึงได้นำขึ้นมาตรวจสอบ และประสานไปยังวัฒนธรรมจังหวัดเลย และกรมศิลปกร ให้มาร่วมตรวจสอบ

นายสัมฤทธิ์ สุภามา ผอ.วัฒนธรรมจังหวัดเลย ได้เดินทางมายังวัดศรีภูมิ เพื่อทำการตรวจ เบื้องต้นทราบว่าพระพุทธรูปปรางค์ประทานพร คาดว่าน่าจะสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา ประมาณกว่า 500 ปี เป็นเนื้อทองสัมฤทธิ์ ดูจากองค์พระที่พบน่า จะเป็นฝีมือช่างหลวงทำ เพราะงานดูสวยมาก คาดว่าเป็นช่างของหลวงพระบาง สปป.ลาว และช่างสมัยอยุธยา ผสมผสานกัน จากนั้นได้เดินลงดูที่ฐานองค์ธาตุ พบว่า มีพระพุทธรูป ที่โผล่เศียรออกมา 2-3 องค์ และที่ฝั่งดินอีกจำนวนมากอยู่ใต้ฐาน แต่อย่างไรต้องรอกรมศิลปกรมาตรวจสอบและขุดขึ้นมา

จากการสอบถามนายประยูร นาร่อง อายุ 51 ปี ช่างรับเหมาองค์ธาตุ กล่าวว่า ตนเองได้มาทำการซ่อมแซมบูรณะอยู่หลายวันแล้ว เนื่องจากองค์ฐานเอนเอียงไปข้างหนึ่ง ขณะที่กำลังขุดรูที่ฐาน ลึกเข้าไปประมาณ 1 เมตร พบพระพุทธรูป 1 องค์ และที่ฝั่งดินอีก จึงรีบแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ แต่ระหว่างที่ตนเอง ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน กำลังเอาพระพุทธรูปออกมา พบว่าที่ตาข้างขวามีน้ำไหลคล้ายน้ำตาออกมาอยู่ตลอดเวลา จนทำให้พวกตนและชาวบ้านที่ยืนดูอยู่ต่างขนลุก เพราะไม่เคยเจอแบบนี้ จึงได้นำองค์พระมาวางที่พาน และจุดธูปเทียนขอขมา น้ำตาองค์พระหยุดไหลทันที

นายประยูร เล่าว่า องค์ฐานนี้เท่าที่ได้ยินมาจากปู่ย่าตายายว่าสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2035 ประมาณ 520 ปี ก่อนองค์พระธาตุศรีสองรัก อีก ที่สร้างปี พ.ศ.2103 สร้างด้วยหินปูน ตัวองค์ธาตุเป็นศิลปะช่างหลวงพระบาง สปป.ลาว หรือช่างนวล จ.น่าน สมัยกรุงศรีอยุธยา ปัจจุบันมีหลวงตาพลอย อมรธัมโม อายุ 84 ปี รักษาการเจ้าอาวาสดูแลอยู่



------
มติชนออนไลน์

 

กรุแตก!พบพระพุทธรูปอายุกว่า500ปี

ธาตุหลวงพ่อขัน จ.เลย กรุแตกพบพระพุทธรูปอายุกว่า 500 ปี ตาข้างขวามีน้ำไหลคล้ายน้ำตาอยู่ตลอดเวลา ขณะช่างกำลังบูรณะ


วันที่ 19 เม.ย.55 นายบรรพต ยาฟอง นายอำเภอด่านซ้าย จ.เลย กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากนายบุญเพ็ง เสนานุช ผู้ใหญ่บ้านนาหอ ต.นาหอ อ.ด่านซ้าย เมื่อช่วงค่ำวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ช่างก่อสร้างได้ทำการสร้างบูรณะธาตุหลวงพ่อขัน ที่วัดศรีภูมิ ได้พบกรุพระอยู่ใต้ฐานเป็นจำนวนมาก อายุกว่า 500 ปี หลังรับรายงานได้สั่งการให้นายอาคม ภูละคร ปลัดอำเภอด่านซ้าย พร้อมด้วย อส.อำเภอ จำนวนหนึ่งเดินทางไปตรวจสอบทันที

เมื่อไปถึงที่วัดศรีภูมิ พบชาวบ้านเป็นจำนวนมากยืนคุยวิพากษ์วิจารณ์เรื่องธาตุหลวงพ่อขันกรุแตก จึงได้เข้าตรวจสอบพบว่า ธาตุหลวงพ่อขัน สร้างในสมัยอยุธยา กว่า 500 ปี มีความสูงประมาณ 12 เมตร สร้างด้วยหินปูน ลักษณะคล้ายพระธาตุพนม ฐานองค์ธาตุกว้างประมาณ 4 เมตร อยู่ระหว่างการบูรณะใหม่ทั้งองค์ ตรงบริเวณฐานพบว่าช่างก่อสร้างได้รื้อฐานเพื่อก่อฐานใหม่ที่ชำรุด เจาะรูขนาด 1 เมตร พบองค์พระพุทธรูปปรางค์ประทานพรเป็นจำนวนมากฝังอยู่ในดินใต้ฐาน และพระพุทธรูปปรางค์ประทานพร ในท่ายืน เนื้อทองสัมฤทธิ์ สูง 50 ซม. น้ำหนักประมาณ 10 ก.ก. อยู่ในสภาพที่เก่า แตกหักบางส่วน พร้อมด้วยฐานพระที่หักอีก 1 ชิ้น จึงได้นำขึ้นมาตรวจสอบและประสานไปยังวัฒนธรรมจังหวัดเลย และกรมศิลปากร ให้มาร่วมตรวจสอบ

นายสัมฤทธิ์ สุภามา ผอ.วัฒนธรรมจังหวัดเลย ได้เดินทางมายังวัดศรีภูมิ เพื่อทำการตรวจเบื้องต้นทราบว่าพระพุทธรูปปรางค์ประทานพร คาดว่าน่าจะสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นเนื้อทองสัมฤทธิ์ อายุประมาณกว่า 500 ปี องค์พระมีลักษณะสวยงามละเอียด เป็นฝีมือช่างหลวงทำ คาดว่าเป็นช่างของหลวงพระบาง สปป.ลาว และช่างสมัยอยุธยาผสมผสานกัน และจากที่ได้ดูที่ฐานองค์ธาตุ พบว่ามีพระพุทธรูปที่เห็นเศียร 2-3 องค์ และที่ฝังดินอีกจำนวนมาก ซึ่งต้องรอกรมศิลปกรตรวจสอบ จากนี้จะต้องจัดเวรยามดูแลอย่างเข้มงวด

สอบถามนายประยูร นาร่อง อายุ 51 ปี ช่างรับเหมาองค์ธาตุ กล่าวว่า ได้มาทำการซ่อมแซมบูรณะอยู่หลายวันแล้ว เนื่องจากองค์ฐานเอนเอียงไปข้างหนึ่ง ขณะที่กำลังขุดรูที่ฐานลึกเข้าไปประมาณ 1 เมตร พบว่าพระพุทธรูป 1 องค์ และที่ฝังดิน จึงรีบแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ แต่ระหว่างที่ตนเอง ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านกำลังเอาพระพุทธรูปออกมา พบว่าที่ตาข้างขวามีน้ำไหลคล้ายน้ำตาอยู่ตลอดเวลา ทำให้พวกตนและชาวบ้านที่ยืนดูอยู่ต่างขนลุก จึงได้นำองค์พระมาวางที่พาน และจุดธูปเทียนขอขมา น้ำตาองค์พระหยุดไหลทันที

ส่วนองค์พระธาตุองค์นี้ ผู้ใหญ่บ้านกล่าวว่า องค์ฐานนี้เท่าที่ได้ยินมาจากปู่ย่าตายาย ว่าสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2035 ประมาณ 520 ปี ก่อนองค์พระธาตุศรีสองรัก ที่สร้างปี พ.ศ.2103 สร้างด้วยหินปูน ตัวองค์ฐานเป็นศิลปะช่างหลวงพระบาง สปป.ลาว หรือช่างนวล จ.น่าน สมัยกรุงศรีอยุธยา ปัจจุบันมีหลวงตาพลอย อมรธัมโม อายุ 84 ปี รักษาการเจ้าอาวาสดูแลอยู่



----------
komchadluek.net

 

ขอบคุณข่าวสารข้อมูลครับ

 

ให้องค์ท่านอยูเหมือนเดิมดีกว่า กรมศิลป์อย่านำขึ้นมาเลย เพราะขึ้นมาแล้วผมเกรงว่าจะหาย และ หรือ สภาพอากาศทำให้องค์ท่านยิ่งผุกร่อนเร็วขึ้น

 

เป็นผมคงไม่กล้านำไปไหน เพราะก็อย่างที่รู้ๆกัน สมัยก่อนนั้นนิยมถวายพระพุทธรูปให้กับวัด.....ซึ่งก็หมายถึงว่า ของเหล่านี้เป็นของสงฆ์นั้นเอง

 

ขอเรียนถามครับ... ถ้าสมมุติว่า ผมขุดเจอวัตถุโบราณอยู่ในเขตที่ดินของผม แล้วผมสามารถครอบครองวัตถุนั้นได้ไหมครับ? หรือว่าต้องส่งให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเดียว

 

เห็นว่าเขามีหลักในการให้ และไม่ให้ครอบครองอยู่นะครับ ไม่แน่ใจเหมือนกัน
ทำนองว่าถ้าที่ดินใกล้กับโบราณสถาน จะถูกให้ถือว่าวัตถุที่พบในที่ดินนั้นเป็นของโบราณสถาน คนทั่วไปครอบครองไม่ได้ ประมาณนั้น

 

คือบ้านผมอยู่ไกล..ล..ล จากโบราณสถานมากครับ เป็นที่ดินของผมเอง ที่ผมขุดเจอคือ เอกสารเก่าเป็นคล้ายๆบันทึกประจำวัน หรือบันทึกการเดินทาง จดด้วยลายมือ เขียนใส่กระดาษ (มีรูโดนปลวกแทะเป็นหย่อมๆ บางแผ่นก็แหว่งไปเลย) มีทั้งหมด 28 แผ่น แต่มีแค่ 16 แผ่นที่สภาพค่อนข้างสมบูรณ์ บรรจุในกล่องไม้ ห่อด้วยผ้า เพื่อนผมมาดูก็บอกว่า "ไม่น่าจะถึง 100 ปี เพราะบางคำที่ใช้ เป็นคำในสมัยปัจจุบัน" (ถ้าสมัยก่อนจริงๆ จะเขียนคำว่า เป็น ว่า เปน แต่ในฉบับนี้ ใช้คำว่า เป็น) แต่ด้วยความที่กลัว (ผี) เลยเอาไปมอบให้ทางวัด แต่ใจผมอยากจะได้มาครอบครอง เพราะจะได้เอาไว้อวดลูกอวดหลาน และนั่นก็เป็นที่ดินของผม เลยสงสัยน่ะครับ

 

ควรทำอย่างไรกับพระกรุ พระเก่า จะเก็บไว้ต้องทำอย่างไรถึงถูกวิธี ถ้าทำผิดมีโทษมาก
ถึง นรก !

วัตถุมงคล หรือของเก่าทุกชนิด ที่เป็นของกรุ หรือไม่ใช่กรุก็ตาม มีอาถรรพ์ ควรทำให้ถูกก่อนใช้

วัตถุ มงคล หรือของเก่าทุกชนิด ที่เป็นของกรุ เช่น พระเครื่อง วัตถุมงคลต่างๆ พระพุทธรูป เทวรูป ต่างๆ ที่เขาได้จากการแตกกรุ จะเป็นของที่มีอาถรรพ์ เพราะว่า คนที่เขาสร้างนั้นมุ่งหมายในการสร้าง คือนำบรรจุกรุ ก็คือการถวายเป็นสมบัติในเขตพระศาสนา หากเราไปลักเอามาตามใจชอบ หรือเราไปบูชามาโดยไม่รู้

เราได้ความผิด 2 กระทง 1.มีโทษลักของสงฆ์ 2.ได้อาถรรพ์จากวัตถุ

เพราะวัตถุเหล่านั้น ส่วนใหญ่มีวิญญาน ครอง จะทำให้เกิดความ ไม่เป็นมงคล แก่ผู้ใช้ ผู้ครอบครอง

หากเราต้องการครอบครองหรือมีไว้ใช้ควรทำให้ถูก

เช่น เราไปเช่าบูชาพระมาจากแผงพระ เขาบอกว่าพระกรุ พระเก่า เราควรนำไปถวายเป็นของสงฆ์ก่อนคือกล่าวคำถวายเป็นสมบัติสงฆ์ จากนั้นจึงนำ ของที่มีค่า ไปทำการผาติกรรม เอามา จึงจะไม่มีโทษ

เพื่ออะไร เพื่อที่คนที่เขาครองครอง (เทวดาที่รักษา หรือเหล่าวิญญาณที่ตามรักษา) ผู้สร้างก็ดี วิญญาณในวัตถุก็ดี เขาจะได้อานิสงส์ ด้วย จึงจะไม่มีโทษ จึงจะแก้ไขอาถรรพ์

หรือวัตถุโบราณเช่นกัน ก็ควรทำแบบนี้

แต่ ทางที่ดีที่สุด ของเหล่านี้ ไม่ควรครอบครองเป็นของส่วนตน เพราะถือว่าสมบัติในแผ่นดิน ควรเก็บไว้ที่ส่วนรวม ถวายเข้าวัด หรือพิพิธภัณท์ จะดีที่สุด เอาไว้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม

แต่บางที่ หาก กรุแตกเช่น เจดีย์ แตก มีพระเครื่อง หาก หมู่สงฆ์ ในวัดท่าน ประชุมแล้ว เห็นสมควร ให้คน เช่าบูชา เพื่อนำเงิน มาบูรณะ ซ่อมแซมก็ไม่เป็นไร เราบูชาได้ ไม่เป็นโทษ


แต่ที่เป็นโทษกัน ทุกวันนี้ ก็เพราะ มันมีคนไปขโมยมาขายบ้าง หรือได้มาไม่รู้ต้นสายปลายเหตุบ้าง ทำไม่ถูกบ้าง จึงได้อาถรรพ์ สุดท้ายผลที่เกิดคือ ครอบครัวเกิดความเดือดร้อน ที่บ้านมีเรื่องมีราว ป่วยไม่รู้สาเหตุ อุบัติเหตุบ้าง บ้าวิปลาสไปบ้าง ทำมาค้าขายขาดทุน

บางอย่างมีคนเขาไปขโมยของวัดวา ไปขุด พังเจดีย์บ้าง ไปลักตัดเศียรพระขายในตลาดมืดบ้าง

หาก เราไปเช่าบูชามา หารู้ไม่ว่า ท่านกำลังได้กรรมโดยไม่รู้ตัว เพราะไปรับซื้อของโจร ได้โทษลักของสงฆ์ตามเขาเหล่านั้นไปด้วย โทษลักของสงฆ์ นี่ตายแล้วยังไม่ต้องเกิด ลงอเวจีมหานรกอย่างเดียว

 

อยากได้มาอวดลูกหลาน ได้ครับ นำไปถวายเป็นของสงฆ์ก่อนครับคือ สวดคำถวายเป็นของสงฆ์ แล้วผาติกรรม(ก็คือนำมาบูชาด้ครับ)เป็นอันจบครับ ถึงที่ดินตรงนั้นจะเป็นของเรา แต่ของที่เขาเอามาฝังไว้นั่นไม่ได้รวมนะครับ ทำอย่างที่ผมว่า เพื่อคนที่เขาเคยครอบครอง(อาจมีทั้งวิญญาณ เทวดา เขาคอยรักษาพระเครื่อง เขาจะได้อานิสงค์ครับ)

 

แต่ที่ผมเจอมันเป็นเอกสารเก่านะครับ ไม่ใช่พระเครื่อง...

 

รวมถึงของเก่าก็ได้เหมือนกันครับ เราจะได้สบายใจครับ

 

อยากทราบว่าเอกสารเก่าเขาเขียนว่าอะไรมั่งค่ะ

 

อยากทราบด้วยคนว่าเขียนว่าอะไร

 

อนุโมทนาสาธุครับนำไปไว้ที่วัดก็ได้(บริจาควัดทำบุญ)นิครับพระพุทธรูป

 

ขอให้นำพระพุทธรูปที่เจอ ถวายวัดเถอะครับ...สมบัติสงฆ์ครับ