-
กลับบ้านเรา
คอลัมน์ ขนหัวลุก
ใบหนาด
"ลูกปลา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากคอนโดฯ กลางกรุง
ดิฉันเพิ่งแต่งงานได้ปีเศษ สามีเป็นวิศวกรชาวญี่ปุ่นที่มาทำงานในเมืองไทย เราย้ายจากบ้านเดิมแถวรามอินทรามาอยู่คอนโดฯ ย่านสุขุมวิท เพราะใกล้ที่ทำงานของสามี...สะดวก ประหยัดทั้งเวลาและค่าน้ำมัน
ห้องชุดในคอนโดฯ นี้เห็นปุ๊บดิฉันก็รักปั๊บ มันน่าอยู่มากค่ะ สวยเหมือนวิมานน้อยๆ ที่ลอยอยู่เหนือเมืองใหญ่ ตอนตัดสินใจซื้อน่ะใครจะไปรู้ว่าที่นี่มีผี
โอย...ผีเป็นโขยงเลยละคุณขา!
พวกเขาไม่ได้ตายที่นี่หรอก แต่ไปตายที่อื่นพร้อมกันทั้งครอบครัว
เรื่องนี้ดิฉันเพิ่งทราบภายหลัง พวกเขาประสบอุบัติเหตุขณะเดินทางกลับจากต่างจังหวัด รถยนต์ส่วนตัวถูกสิบล้อเบรกแตกชนจนพังยับ...ตายทั้งพ่อ แม่ และลูกสาววัยกำลังน่ารัก 2 คน
เดือนกุมภาพันธ์ปีก่อน เราย้ายเข้าคอนโดฯ วันวาเลนไทน์พอดี พ่อแม่และพี่ชายมาส่งด้วยค่ะ แม่ชอบที่นี่มาก ห้องเราอยู่ชั้น 16 หันหน้ามาทางตะวันออก เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเป็นโถงที่กว้างขวาง โล่งสบาย ถัดเข้าไปเป็นห้องนอน 2 ห้อง ห้องครัวเล็กๆ และห้องน้ำ
วันนั้นเราจัดของเข้าที่เข้าทางกันอย่างมีความสุข และกินมื้ค่ำกันอย่างอบอุ่น ตอนพ่อแม่กับพี่ชายจะกลับบ้านนั้น ดิฉันใจหายบอกไม่ถูก...ก็น่าอยู่หรอกค่ะ เพราะเป็นลูกสาวคนเดียว เพิ่งจะจากอกพ่อแม่ก็ตอนอายุ 28 นี่แหละ
เมื่อก่อนดิฉันทำงาน แต่ออกมาเป็นแม่บ้านแม่เรือนเต็มตัว...ดูๆ ก็เหมือนสไตล์สาวญี่ปุ่นที่ตามสามีมาอยู่เมืองไทย พวกหล่อนอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนจริงๆ ทำงานบ้านจ่ายกับข้าว ทำอาหาร ยามว่างมักจะไปเรียนการฝีมือ พวกทำดอกไม้ ปั้นตุ๊กตา วาดรูป....ดิฉันก็ไปกับเขาด้วยค่ะ สนุกดี หักทำดอกไม้ขนมปังเพลินมากทีเดียว
หลังจากมาอยู่ห้องชุดได้ 3-4 วัน ดิฉันก็มีเวลาว่าง ยามเช้าจะนั่งทำดอกไม้ที่ห้องโถง เปิดเพลงฟัง มีความสุข
วันหนึ่ง ดิฉันเดินเข้าไปในห้องนอนเล็กซึ่งว่างอยู่ ใช้เป็นที่เก็บของ พอเปิดลิ้นชักที่โต๊ะเครื่องแป้งก็มีรูปแผ่นหนึ่งปลิวตกลงมา...
รูปนั้นเป็นภาพถ่าย พ่อ แม่ และเด็กผู้หญิงอายุราว 10 กว่าขวบ 2 คน ถ่ายริมทะเล!
ตอนที่ดูรูป ดิฉันคิดว่าคงเป็นของเจ้าของห้องคนก่อนที่ลืมทิ้งไว้ หรือหลงอยู่ในซอกลิ้นชัก ไม่เป็นไร...ดิฉันจะเก็บไว้ และเอาไปให้ประชาสัมพันธ์ของคอนโดฯ เผื่อว่าจะติดต่อกับเจ้าของได้
ตอนนั้นดิฉันยังไม่รู้นะคะว่าพวกเขาเสียชีวิตไปแล้วทุกคนที่อยู่ในภาพ!
ตั้งแต่เห็นหน้าพวกเขาในภาพถ่าย บรรยากาศของคอนโด ก็เปลี่ยนไป...ดิฉันรู้สึกว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง แต่มีใคร เดิน นั่ง และทำกิจวัตรประจำวันไปด้วยกันในห้องนี้...พวกเขาอยู่ แต่ดิฉันมองไม่เห็น
ทีแรกก็นึกว่าตัวเองนึกไปเอง และได้ยินเสียงจากห้องข้างๆ ก็เลยไม่ได้สนใจอะไร
บางวัน...บ่อยด้วยซิ...ดิฉันมักจะเกิดอาการขนลุกซ่าๆ คุณเคยเป็นไหมคะ? บางทีก็ขนหัวลุกบริเวณท้ายทอยบ้าง กลางกระหม่อมบ้าง แปลกจริงๆ
ดิฉันเริ่มเอะใจตอนที่ วันหนึ่ง เปิดลิ้นชักเก่าแล้วเจอโบผูกผมสีน้ำเงินอยู่ในนั้น มันมาได้อย่างไรก็สุดจะรู้ เป็นโบที่สวยมาก มีกลิ่นคล้ายแชมพูเด็กหอมอ่อนๆ กรุ่นมาด้วย
เรื่องกลิ่นนี่ก็เหมือนกัน บางทีดิฉันได้กลิ่นน้ำหอมโชยมา เหมือนมีใครเพิ่งเดินเฉียดตัวไป
เดือนต่อมา ไม่ใช่แค่กลิ่นแล้วค่ะ แต่ดิฉันได้ยินเสียง...สามีก็ได้ยิน!
ในห้องมีเด็กผู้หญิงคุยกัน เล่นกัน มีเสียงจัดโต๊ะ เสียงแม่เรียกลูกให้กินข้าว! เชื่อไหมคะ...ตอนเช้ามืดราวๆ ตี 5 เรามักได้ยินเสียงแม่ปลุกลูกไปโรงเรียน! แล้วพวกเขาก็เข้าห้องน้ำ แต่งตัว มันเป็นเสียงแว่วๆ ที่เราไม่รู้ว่ามันแว่วมาจากไหน?
เหมือนมันมาจากกลางอากาศ หรือมิติอื่น...
สามีดิฉันไม่กลัว เขาเพียงสงัยว่ามันมีอะไรแปลกๆ แล้วก็เริ่มถามชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในคอนโดฯ นี้...นั่นแหละค่ะเราถึงได้ทราบเรื่องราว
รูปถ่ายครอบครัวนี้อยู่ในกระเป๋าดิฉัน วันที่ทราบเรื่อง ดิฉันลงไปที่ประชาสัมพันธ์ ส่งรูปนี้ให้เธอ พอเห็นเข้าเธอก็หน้าซีดเผือดเลยละค่ะ พูดไม่ออกตั้งนาน...กว่าจะตั้งสติได้ ถามว่าดิฉันได้มายังไง?
พอเล่าให้ฟังว่ามันตกลงมาตอนดิฉันเปิดลิ้นชัก เธอก็อึ้งไปอีกพัก แล้วถามเสียงเครือนิดๆ ว่า...พี่กลัวไหมคะ?
ดิฉันไม่กลัวค่ะ ปกติกลัวผีออกจะตาย แต่รายนี้ทำไมไม่กลัวก็ไม่รู้
เมื่อคุยเรื่องนี้กับสามีเขาก็บอกว่าเขาอยู่ได้สบายมากๆ นั่นซินะ พวกเขาเป็นวิญญาณที่ดี...ดิฉันรู้สึกเช่นนั้นนะคะ มีความสุข ความรักและอบอุ่นลอยอยู่ในบรรยากาศ
เอ...ถึงจะมาให้เห็นเป็นตัวตนก็คงไม่ตกใจหรอกค่ะ โธ่! พวกเขาเสียชีวิตกะทันหันขณะกำลังกลับบ้าน อาจจะแทบไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ...พวกเขากลับบ้านแต่วิญญาณ
ทุกวันนี้ดิฉันก็ยังอยู่ที่นี่ ดูพระอาทิตย์ลอยพ้นยอดตึกในตอนเช้า...ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองอยู่กับผีได้ ทั้งๆ ที่เป็นคนกลัวผีขึ้นสมองน่ะค่ะ!
ref.http://www.matichon.co.th/khaosod/k...g=03col19010250&day=2007/02/01§ionid=0303
-