"กายในกาย" (ประสบการณ์ภพภูมิ กายทิพย์)

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย mobilelizard, 15 สิงหาคม 2013.

  1. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    นำมาเพิ่มเติมให้ศึกษา คุณธรรมชาติอธิบายเรื่อง กายต่างๆ เพิ่มเติม เผื่อใครอยากจะศึกษา




    http://palungjit.org/threads/ขอคำแนะนำจากผู้รู้ค่ะ-เหมือนจิตออกจากร่างตอนนอน.505574/
     
  2. buddy0

    buddy0 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +142
    อยากเรียนถามคุณธรรมชาติค่ะ เมื่อก่อนตอนเสมัยเรียนหนังสือ มีอาการจิตที่แยกออกมาค่ะ. ครั้งแรกเลยจะเป็นตอนนอนแต่ยังไม่ทันจะหลับ เหมือนอยู่ดีๆทุกอย่างก็มาควบแน่นกันอยู่ที่หัว หูดับไป แล้วก็ค่อยๆเคลือนออกไปในท่านลอย แบบเหมือนหมดความรู้สึกที่ตัวเลยค่ะ แล้วก็หมุนไปมาแบบคุมไม่ได้แล้วก็รู้สึกว่ามีคนที่หัวเรา หันไปมองเห็นพระพุทธรูปสีทองก็สบายใจ หมุนไปมาสักพัก ทีนี้ลองหันไปดูใหม่อีกที เห๋นเหมือนคนนั่งขัดสมาธิที่หัว แบบว่าเห็นแต่ขาน่ะค่ะ กับพานเหมือนใส่หมากใส่พลูทีนี้กลัวก็เลยกลับไปที่กาย เร็วเลยค่ะ แต่ตอนแรกที่ออกมาลอยขึ้นพอมองกลับไม่ชัดค่ะอยากจะดูกายตัวเองที่นอนอยู่มันเบลอๆ. ต่อมาอาการนี้เป็นอีกเรื่อยๆเวลานอนดึก อดนอน มันจะแน่นรวมขึ้นมาจนรู้ตัวว่าเอาอีกแล้ว บางทีก็บังคับ
    ให้มันไม่ออกได้ ถ้าสถานที่ไม่อำนวย แต่ไม่เคยออกได้ร้อยเปอเซ็นเหมือนทีแรกอีกเลย แล้วก็ไม่เคยเห็นกายเนื้อตัวเองเลยไม่ว่าจะพยายามมองยังไงจะเบลอๆเสมอ ตอนแรกกายทิพย์เป็นคนนี่แหละค่ะ คือบางทีบังคับให้มันออกไม่หมด จะเห็นมือใสๆ แยกจากมือจริงๆของตัวเอง เวลาออกมาก็จะเล่นๆสักพักนึง วิ่งทะลุฝาบ้าน พุ่งขึ้นข้างบน ไปในอวกาศแบ้วดิ่งลงมาแบบบันจี้จั๊ม แต่ออกได้ไม่นานก็เข้ากาย ช่วงหลังนี้แปลกๆค่ะ คือมันไม่ต้องควบแน่นแบบเดิมแล้วค่ะ เหมือนเวลานอนมันจะวูบออกเลย เร็วมากบางทีเหมือนมีลูกปิงปองเด้งขึ้นเด้งลงในตัวแล้วมันดึ๊งออกมาเลย แถมรู้สึกว่ามันเป็นดวงๆ ไม่ได้เป็นรูปคนน่ะค่ะ พออกปุ๊บมันเคลื่อนที่เร็วมาก พุ่งเหมือนหยุดไม่ได้หยุดแล้วจะต้องกลับร่าง สถานที่ก็เปลี่ยนไปที่แปลกๆคือมันพุ่งนานมากแถมเลี้ยวไปมา. แล้วก็ไปหยุดในที่ๆนึง ตอนนอนตอนนั้นตั้งใจไปฟังเทศน์ที่สวรรค์มีคนแนะนำให้ตั้งจิตเวลานอน แต่ที่ๆไปน่าจะไม่ใช่ค่ะ แต่เหมือนมีการแสดงอะไรบางอย่างเหมือนกันคนก็เยอะ เราไม่เคยไปโผล่ที่อื่นเลย นอกจากบ้านตัวเอง ก็ถามเขาว่าเขาใข่เทวดารึเปล่าเพราะไม่เคยเห็นเลย เขาตอบว่าเป็นกึ่งๆ งงไปเลยค่ะ สงสัยว่าที่เป็นดวงๆนี้คือกายเวทนารึเปล่าคะ งงว่าช่วงหลังกายทิพย์เปลี่ยนไป.
     
  3. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    ขำที่สุด! อาที่ตายไปบอกไม่ชอบฟังนกคุยกัน!!!

    มีอยู่วันหนึ่งผมคุยกับอาที่ตายไป ทางจิตผ่านช่วงขยับตัวไม่ได้ เวลาคุยกันคุยด้วยจิต ไม่ได้ขยับปาก แต่เวลาพูดจะมีเสียง เวลาได้ยินก็เป็นเสียง แต่ทั้งหมดคนอื่นไม่ไดยินด้วยเพราะสื่อกันทางจิต เสียงนี้ถ้าจูนไปเน้นๆ นี่จะดังมากขนาดเหมือนเอาลำโพงมานาบหูแบบนั้นเลย

    วันนั้นคุยกันเรื่องโทรทัศน์ อาบอกว่าสามารถดูโทรทัศน์ได้ทุกช่องที่อยากจะดู ผมถามว่ามีละครอะไรอย่างนี้ดูไหม อาบอกดูได้หมด อาบอกว่าแต่พอเปิดมามีนกคุยกันจะไม่อยากดู ผมถามว่าทำไม อาบอกว่านกมันชอบด่ากัน! ผมถามว่าฟังรู้เรื่องด้วยเหรอ อาบอกว่าฟังนกรู้เรื่อง แต่อาบอกว่าเวลาไปคุยกับมันมันพูดสุภาพนะ

    ฤา เวลาเราได้ยินนกร้องเช้าๆ ที่แท้มันมักจะด่ากัน...
     
  4. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    กาย และ กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ

    อยากเรียนถามคุณธรรมชาติค่ะ เมื่อก่อนตอนเสมัยเรียนหนังสือ มีอาการจิตที่แยกออกมาค่ะ. ครั้งแรกเลยจะเป็นตอนนอนแต่ยังไม่ทันจะหลับ เหมือนอยู่ดีๆทุกอย่างก็มาควบแน่นกันอยู่ที่หัว หูดับไป

    +++ ตรงนั้นเป็น "ส่วนของความรู้สึก" หรือเรียกว่า "ส่วนของเวทนา" ก็ได้ การที่มันรวมตัวกันอยู่ในบริเวณ "หัว" แต่ไม่ได้ทั้ง "ตัว" โดยปกติ หากมันจะออก ก็มักออกในรูปของ Teleportation (ล่องหน) การควบคุม หรือ สัมปชัญญะในการควบคุม จะไม่เต็มที่ เหมือนกับการ "ถอดทั้งตัว" เหตุทั้งหมดอยู่ที่ "ฐาน" หาก "ฐานสมบูรณ์ คือ ได้ทั้งตัว" การถอดย่อม "สมบูรณ์" และ ควบคุมได้ง่าย และจะไม่มีลักษณะ "แปลก ๆ หรือ พิกลพิการ" แต่อย่างใดทั้งสิ้น

    +++ เรื่องนี้เกี่ยวพันกับ "กฏแห่งกรรม" หรือเรียกในอีกภาษาหนึ่งได้ว่า "กฏเกณฑ์ในการทำงานของจิต" หากจิต "ได้นิสัยอย่างไร หรือ ก่อนจุติ มีสภาพเช่นไร" จิตย่อม "สร้างรูป กาย" ให้เป็นไปอย่างนั้นด้วย อย่าลืมว่า "กาย คือ สิ่งที่จิตอาศัยอยู่" ดังนั้น "จิตเป็นอย่างไร ก็ย่อม ได้กายอย่างนั้น" "กาย เหมาะสมกับ ภพ ใด ย่อม จุติไปยังภพนั้น" "ภพนั้น ๆ อยู่ในภูมิใด ภูมินั้น ๆ ย่อมกำหนดภพไปในตัว"

    +++ มหาสติปัฏฐาน ควรพยายามทำให้ได้ทั้ง ฐาน ผลลัพธ์ ย่อมงามพร้อมเองในตัว แม้ว่าจะจบกิจหรือไม่ก็ตาม ตรงนี้คุณ mobilelizard เคยมีประสพการณ์ ในการ "ถอดแบบไม่เต็มฐาน มาแล้ว" และได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ว่าเป็นอย่างไร ภายภาคหน้า จะรู้อย่างเด่นชัดอีกด้วยว่า "บุคคลที่เกิดมาไม่สมประกอบนั้น เหตุเกิดมาจาก การทำงานของจิตบกพร่องตรงไหน ก่อนเกิดการ จุติ"

    แล้วก็ค่อยๆเคลือนออกไปในท่านลอย แบบเหมือนหมดความรู้สึกที่ตัวเลยค่ะ

    +++ ตรงนี้ "ใช้ภาษาไม่ตรงกับอาการ" ภาษาที่ถูกต้องคือ "ในขณะนั้น ตนเองคือ ความรู้สึก ที่เคลื่อนออกไปจากตนเอง ในท่าลอย" นั่นคือ "กายแห่งความรู้สึก" หรือเรียกสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า "กายเวทนา" นั่นเอง แล้ว ตนเอง "อยู่" กับกายเวทนานั้น "ไม่ได้อยู่ กับ กายเนื้อ หรือ กายมนุษย์" ทั้งหมดมีความ "เป็น" กายเวทนา

    +++ ตรงนี้พิสูจน์ชัดได้ว่า "การดำรงค์อยู่จริง ๆ นั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นมนุษย์ ก็ได้" "ทั้งหมด อยู่ที่ กาย นั่นเอง" และ กาย นี้นี่แหละที่เป็น Species ต่าง ๆ ในภพและภูมิทั้งหลาย เช่นการจุติใน ภูมิ จาตุมหาราช มี Species เป็น ครุฑ นาค ยักษ์ คนธรรพ์ เทพ กินนร กินนรี และอื่น ๆ เป็นต้น

    แล้วก็หมุนไปมาแบบคุมไม่ได้แล้วก็รู้สึกว่ามีคนที่หัวเรา หันไปมองเห็นพระพุทธรูปสีทองก็สบายใจ หมุนไปมาสักพัก ทีนี้ลองหันไปดูใหม่อีกที เห๋นเหมือนคนนั่งขัดสมาธิที่หัว แบบว่าเห็นแต่ขาน่ะค่ะ กับพานเหมือนใส่หมากใส่พลูทีนี้กลัวก็เลยกลับไปที่กาย เร็วเลยค่ะ

    +++ ทั้งหมดนี้ เกิดจากการทำความรู้สึก ยังไม่ได้ทั้งตัว หากได้ทั้งตัวแล้ว ทุกอย่างจะสมบูรณ์กว่านี้ ส่วนการเห็น พระพุทธรูปสีทอง นั้นเป็นการดี เพราะในศาสนาพุทธแล้ว สภาวะของทองคำ หมายถึง สภาวะของนิพพาน

    แต่ตอนแรกที่ออกมาลอยขึ้นพอมองกลับไม่ชัดค่ะอยากจะดูกายตัวเองที่นอนอยู่มันเบลอๆ. ต่อมาอาการนี้เป็นอีกเรื่อยๆเวลานอนดึก อดนอน มันจะแน่นรวมขึ้นมาจนรู้ตัวว่าเอาอีกแล้ว บางทีก็บังคับให้มันไม่ออกได้ ถ้าสถานที่ไม่อำนวย

    +++ ไม่ควรบังคับการออกของกาย แต่ควร "อยู่" กับกายที่ออก จะทำให้การเรียนรู้พัฒนาไปได้อย่างเร็วขึ้น

    แต่ไม่เคยออกได้ร้อยเปอเซ็นเหมือนทีแรกอีกเลย แล้วก็ไม่เคยเห็นกายเนื้อตัวเองเลยไม่ว่าจะพยายามมองยังไงจะเบลอๆเสมอ ตอนแรกกายทิพย์เป็นคนนี่แหละค่ะ คือบางทีบังคับให้มันออกไม่หมด จะเห็นมือใสๆ แยกจากมือจริงๆของตัวเอง เวลาออกมาก็จะเล่นๆสักพักนึง วิ่งทะลุฝาบ้าน พุ่งขึ้นข้างบน ไปในอวกาศแบ้วดิ่งลงมาแบบบันจี้จั๊ม แต่ออกได้ไม่นานก็เข้ากาย

    +++ เหตุเพราะ ทำความรู้สึกไม่ได้ทั้งตัว และอีกประการหนึ่งคือ การเห็นมือใสๆ นั้น เป็นการเริ่ม รอยต่อจาก กายเวทนา สู่ กายจิต แล้ว โดยที่ฐานกายเวทนายังไม่สมบูรณ์ดีเพียงพอ ข้อแนะนำในขณะนี้คือ "ควรฝึกความรู้สึกให้ได้ทั้งตัว" ก่อนที่จะข้ามไปสู่ขั้นอื่น เพราะมิฉะนั้น อาจต้องหวลกลับมาฝึกกันใหม่ ก็ได้

    ช่วงหลังนี้แปลกๆค่ะ คือมันไม่ต้องควบแน่นแบบเดิมแล้วค่ะ เหมือนเวลานอนมันจะวูบออกเลย เร็วมากบางทีเหมือนมีลูกปิงปองเด้งขึ้นเด้งลงในตัวแล้วมันดึ๊งออกมาเลย แถมรู้สึกว่ามันเป็นดวงๆ ไม่ได้เป็นรูปคนน่ะค่ะ

    +++ นั่นแล คือการออกแบบ Teleportation (ล่องหน คือ จู่ ๆ ก็ไปปรากฏอีกที่หนึ่ง) โดยที่ฐานยังไม่สมบูรณ์ (มันเป็นการออกของ "ตัวดู" หรือจะเรียกว่า "อัตตาจิต" ก็ได้) หากไม่เร่งความเพียรในฐาน กายเวทนา ที่หนักแน่นเพียงพอแล้ว ต่อไปจะถึงทางตัน แล้วต้องหาทางกลับมาฝึกใหม่ และจะเป็นเรื่องน่าเบื่ออย่างยิ่ง จนอาจทำให้ท้อ และเลิกฝึกไปเลยก็มี และหากต้องไปฝึกกันใหม่ในช่วงที่ไม่มีพระพุทธศาาสนาในขณะนั้น แล้วไปตกยังอสัญญีภูมิเข้าละก็ คงจะต้องนับกันเป็น กัป หรือ มหากัป กันเลยทีเดียว

    พออกปุ๊บมันเคลื่อนที่เร็วมาก พุ่งเหมือนหยุดไม่ได้หยุดแล้วจะต้องกลับร่าง สถานที่ก็เปลี่ยนไปที่แปลกๆคือมันพุ่งนานมากแถมเลี้ยวไปมา.

    +++ ให้ทราบไว้ก่อนว่า "การพุ่งของอัตตาจิต "ตัวดู" คือ อาการของ การจุติ ชนิดหนึ่ง" หากยังไม่หมด บุญ หรือ เวรกรรม กับกายเก่า การพุ่งไปนั้นจะเป็นเรื่องของการ Teleportation แต่ถ้าหาก หมดบุญหรือหมดกรรม กับกายเก่า อาการนี้ "เป็นอาการจุติ"

    แล้วก็ไปหยุดในที่ๆนึง ตอนนอนตอนนั้นตั้งใจไปฟังเทศน์ที่สวรรค์มีคนแนะนำให้ตั้งจิตเวลานอน แต่ที่ๆไปน่าจะไม่ใช่ค่ะ แต่เหมือนมีการแสดงอะไรบางอย่างเหมือนกันคนก็เยอะ เราไม่เคยไปโผล่ที่อื่นเลย นอกจากบ้านตัวเอง ก็ถามเขาว่าเขาใข่เทวดารึเปล่าเพราะไม่เคยเห็นเลย เขาตอบว่าเป็นกึ่งๆ งงไปเลยค่ะ สงสัยว่าที่เป็นดวงๆนี้คือกายเวทนารึเปล่าคะ งงว่าช่วงหลังกายทิพย์เปลี่ยนไป.

    +++ คงทราบแล้วนะครับว่า "ดวง ๆ" ที่ว่านั้นเป็น อัตตาจิต หรือ ตัวดู อันเป็น "กายธรรมารมณ์" ไม่ใช่ "กายเวทนา" และถ้าหาก "ฐานจากกายเวมนา" ไม่เข้มแข็งพอแล้ว การจุติอาจเป็นไปตาม "ยถากรรม" ก็ได้

    +++ ข้อแนะนำสำหรับคุณ buddy0 ในปัจจุบันขณะคือ ฝึกให้ "อยู่" กับความรู้สึกทั้งตัวจนกลายเป็น "นิสัย" เพราะถ้า "เหตุถูก ผล ย่อมถูกไปเอง" และวิวัฒนาการทาง "กาย" ของคุณจาก เวทนา เข้าสู่ จิตตา และ ธรรมารมณ์ ค่อนข้างเร็ว ดังนั้น โอกาสที่ "สติ เข้าแทนที่ จิต" ในกายต่าง ๆ จึงเป็นไปได้สูง และมีโอกาสที่จะเปลี่ยนจาก สักกายะทิฐิ (จิตครองกายต่าง ๆ) มาเป็น มหาสติปัฏฐาน (สติครองกายต่าง ๆ) ได้ในชาตินี้ นะครับ

    +++ โพสท์นี้ เป็นเรื่องของ กาย ตามกระทู้ และ กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ รวมทั้ง การจุติ ตามหมวด นะครับ
     
  5. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    ตรงนี้ผมยังสยองไม่หายเลยครับ ต้องระวังให้มากเสียแล้ว แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่หายากครับ
     
  6. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    ยิ่งเราฝึกสติเราก็จะยิ่งได้เรียนรู้ ได้ประสบการณ์ใหม่นะครับ เห็นอะไรที่คนทั่วๆ ไปเขาไม่ค่อยเห็น รู้สิ่งที่คนทั่วๆ ไปเขาไม่ค่อยรู้

    ผมจึงมึความคิดว่ากายเราแท้จริงก็คือโรงเรียนนี่แหละครับ คือโรงเรียนที่ผมยังเรียนไม่จบครับ
     
  7. torelax9

    torelax9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +527
    เจริญสติ เพื่อเข้าถึง กายในกาย

    _/\_ _/\_ _/\_ กราบขอบพระคุณ อาจารย์ ธรรมชาติ ที่เมตตาตอบครับ
    และสวัสดี พี่ๆ ผู้ทรงคุณทุกท่านครับ. O _^~
    ผมใช้ ipad จิ้มๆ พิมพ์ลำบาก ประเด็นนี้ก่อนนะครับ

    =========

    คราก่อนค้น Google เจอ ที่ต่อท้าย ขุททกนิกาย ไม่เหมือนวันนี้ค้น ไม่แน่ใจว่ามีอธิบาย
    หลายแห่ง หรือ เป็นเล่มนี้ แต่เนื้อหาประมาณนี้ครับ อุปมา องค์ณาน. ปิติ 5 ตัวไหนจัดอยู่ใน
    อุปจาร ตัวไหนจัดอยู่ในอัปปนา ครับ แต่ให้เดินจิตอย่างไรก่อนหน้านี้ หรือให้ใช้กรรมฐานกองไหน ดูหน้าก่อนนี้จากการค้น ยังดูไม่เป็นใช้เว็บนี้ไม่คล่อง ไม่ค่อยได้อ่านพระไตรปิฎก หรือตำรา ช่วงหลังผมชอบเน้นทำให้มาก เจริญให้มาก ลองสุดโต่ง 2 ด้าน เปรียบเทียบหาคำตอบ คิดว่าการลงมือปฏิบัติเลยน่าจะหาคำตอบให้ตัวเองได้ แนวทางเดินเข้าสู่ สัมมา อริยมรรค มีองค์ 8. ของผมประมาณนี้ครับ

    เนื้อความดังนี้ครับ

    ***********

    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ 302
    อีกอย่างหนึ่ง เมื่อบุคคลใช้มือข้างหนึ่งจับภาชนะที่มีสนิมจับอย่าง
    มั่น ใช้มืออีกข้างหนึ่งขัดถูด้วยแปรงทำด้วยหางม้าที่จุ่มน้ำมัน ผสมผงละ-
    เอียด. วิตกเหมือนมือที่จับมั่น วิจารเหมือนมือที่ขัดถู. เหมือนเมื่อช่าง
    หม้อใช้ท่อนไม้หมุนแป้นทำภาชนะอยู่ วิตกดุจมือที่กด วิจารดุจมือที่ตก
    แต่งข้างโน้นข้างนี้. และเหมือนบุคคลที่ทำวงเวียน วิตกติดไปกับจิต ดุจ
    ขาที่ปักกั้นอยู่ตรงกลาง, วิจารตามเคล้า ดุจขาที่หมุนรอบนอก. ฌานนี้
    ท่านกล่าวว่า สวิตกฺก สวิจาร เพราะอรรถว่า ย่อมเป็นไปกับด้วย
    วิตกนี้ด้วย ด้วยวิจารนี้ด้วย ดุจต้นไม้มีทั้งดอกและผล ด้วยประการฉะนี้.
    ในบทว่า วิเวกช นี้ ความสงัดชื่อว่า วิเวก ความว่า ปราศจาก
    นิวรณ์. อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่าวิเวก เพราะอรรถว่า สงัด. อธิบายว่า
    กองธรรมที่สัมปยุตด้วยฌาน ซึ่งสงัดจากนิวรณ์. ชื่อว่า วิเวกชะ เพราะ
    อรรถว่า เกิดแต่วิเวกนั้น หรือในวิเวกนั้น.
    ในบทว่า ปีติสุข นี้ ชื่อว่า ปีติ เพราะอรรถว่า อิ่มใจ. ปีติ
    นั้นมีลักษณะดื่มด่ำ. ก็ปีตินี้นั้นมี ๕ อย่างคือ ขุททกาปีติ ปีติเล็กน้อย ๑,
    ขณิกาปีติ ปีติชั่วขณะ ๑, โอกกันติกาปีติ ปีติเป็นระลอก ๑, อุพเพง-
    คาปีติ ปีติโลดลอย ๑. ผรณาปีติ ปีติซาบซ่าน ๑.
    บรรดาปีติ ๕ อย่างนั้น ขุททกาปีติ อาจทำพอให้ขนชูชันใน
    สรีระทีเดียว, ขณิกาปีติ ย่อมเป็นเช่นกับฟ้าแลบ เป็นขณะ ๆ โอก-
    กันติกาปีติ ให้รู้สึกซู่ลงมา ๆ ในกาย ดุจคลื่นซัดฝั่งทะเล, อุพเพง-
    คาปีติ เป็นมีปีติมีกำลัง ทำกายให้ลอยขึ้นโลดไปในอากาศหาประมาณไม่
    ได้. ผรณาปีติ เป็นปีติมีกำลังยิ่ง ก็เมื่อผรณาปีตินั้นเกิดขึ้นแล้ว สรีระ.

    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ 303
    ทั้งสิ้นจะรู้สึกเย็นซาบซ่าน ดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝน . และดุจเวิ้งเขาที่ห้วงน้ำ
    ใหญ่ไหลบ่ามาฉะนั้น.
    ก็ปีติทั้ง ๕ อย่างนี้เมื่อถือเอาห้องถึงความแก่กล้า ย่อมยังปัสสัทธิ
    ทั้งสองคือกายปัสสัทธิและจิตตปัสสัทธิให้บริบูรณ์.
    ปัสสัทธิเมื่อถือเอาห้องถึงความแก่กล้า ย่อมยังสุขทั้ง ๒ คือสุขทั้ง
    ทางกายและสุขทางใจให้บริบูรณ์.
    สุขเมื่อถือเอาห้องถึงความแก่กล้า ย่อมยังสมาธิ ๓ อย่างคือ ขณิก-
    สมาธิ อุปจารสมาธิ และอัปปนาสมาธิให้บริบูรณ์.
    บรรดาปีติเหล่านั้น ผรณาปีติที่เป็นมูลแห่งอัปปนาสมาธิ เมื่อเจริญ
    ถึงความประกอบด้วยสมาธิ นี้ท่านประสงค์เอาว่า ปีติ ในอรรถนี้.
    ก็อีกบทหนึ่ง ชื่อว่า สุข เพราะอรรถว่า สบาย อธิบายว่า เกิด
    ขึ้นแก่คนใด ย่อมทำคนนั้นให้ถึงความสบาย. อีกอย่างหนึ่ง ความสบาย
    ชื่อว่าสุขธรรมชาติใดย่อมกลืนกินและขุดออกเสียได้โดยง่าย ซึ่งอาพาธทาง
    กายทางใจ ฉะนั้นธรรมชาตินั้นชื่อว่า สุข. คำนี้เป็นชื่อของโสมนัสส
    เวทนา สุขนั้นมีลักษณะสำราญ. ปีติและสุขเหล่านั้นเมื่อไม่แยกกันใน
    อารมณ์อะไร ๆ ความยินดีด้วยการได้เฉพาะอารมณ์ที่น่าปรารถนา ชื่อว่า
    ปีติ ความเสวยรสแห่งอารมณ์ที่ได้เฉพาะแล้ว ชื่อว่า สุข. ที่ใดมีปีติ
    ที่นั้นมีสุข ที่ใดมีสุขที่นั้นมีปีติใด ไม่แน่นอน.
    ปีติสงเคราะห์เข้าในสังขารขันธ์ สุขสงเคราะห์เข้าในเวทนาขันธ์.
    คนที่ลำบากในทางกันดาร ปีติเหมือนเมื่อเห็น หรือได้ฟังป่าไม้และน้ำ,

    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ 304
    สุขเหมือนเมื่อเข้าไปสู่ร่มเงาของป่าไม้และบริโภคน้ำ
    ที่มา :
    http://www.tripitaka91.com/91book/book65/301_350.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  8. buddy0

    buddy0 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +142
    ขอบพระคุณคุณธรรมชาติมากๆค่ะ ละเอียดดีมากจริง อ่านตั้งหลายรอบแล้วยังเข้าใจได้ไม่หมดค่ะ ตอนนี้กำลังตามอ่านโพสเก่่าๆของคุณธรรมชาติด้วยค่ะ พื้นฐานยังอ่อนอยู่มาก เพราะที่ผ่านมามันถอดโดยไม่ได้ตั้งใจตลอดเลยค่ะ จะเป็นตอนหลับ ส่วนที่ที่ไปมั๊ยจริงๆมีคำตอบในใจแล้วค่ะแต่ไม่รู้ใช่หรือเปล่า แต่รู้สึกว่าน่าจะไปเมืองบาดาล. มีทีนึงหล่นวูบลงข้างล่างด้วยตอนนั้นรู้สึกกลัวมากกลัวว่าเราจะไปโผล่ที่นรกแน่เลย เพราะหล่นเหมือนหล่นลงเหวที่ลึกมากไม่ถึงก้นซะทีนึกถึงพระตลอดก๋เห็นพระชัดเจนแต่ยังกลัวไม่หาย เลยดื้อพยายามดึงตัวเองกลับซะเลย. วันนี้ก็ลองนั่งสมาธิแล้วลองกำหนดเรื่องความรู้สึกทั้งตัวดู นั่งแรกๆก็ธรรมดา แต่พอนั่งไปสักครึ่งชั่วโมงมันมีความรู้สึกเหมือนมีแสงนสว่างวาบขึ้นมาแล้วมีอารมณ์สุขสบาย ละเอียดๆรอบๆตัวรู้สึกถึงความหยุ่นๆ อุ่นๆที่อยู่นอกตัว เป็นอยู่พักนึง ไม่แน่ใจว่านี้เกิดจากการกำหนดความรู้สึกทั้งตัวรึเปล่า แต่กว่าจะ
    มานั่งซะครึงชั่วโมงเลย 555 ตอนนี้ก็พยายามฝึกสติในชีวิตประจำวันไปด้วยเช่นเวลากายเคลื่อนไหวก็
    รู้ตัว มีสัมผัสทางกายก็พยายามกำหนดรู้เท่าที่ได้ เวลาใจคิดอะไรก็พยายามเอาสติกำกับค่ะ ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ และขอรบกวนขคำแนะนำในภายหน้าด้วยนะคะ ขอบคุณคุณmobile lizard จขกทด้วยค่ะสำหรับประสบการณ์มากมายที่น่าสนใจมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  9. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ผมจะเทียบ การเดินจิตในกายเวทนาด้วย วสี 5 กับ พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ 302 - 303 ดูนะครับ

    อีกอย่างหนึ่ง เมื่อบุคคลใช้มือข้างหนึ่งจับภาชนะที่มีสนิมจับอย่างมั่น ใช้มืออีกข้างหนึ่งขัดถูด้วยแปรงทำด้วยหางม้าที่จุ่มน้ำมัน ผสมผงละเอียด.

    +++ เมื่อบุคคล กำหนดและ "อยู่" กับความรู้สึกแห่งกายมั่น ใช้เจตนารมณ์ในการ "ปรับวสี" ไปตามความละเอียดของ เปอร์เซนต์

    วิตกเหมือนมือที่จับมั่น วิจารเหมือนมือที่ขัดถู.

    +++ วิตกเหมือนการ "อยู่" วิจารณ์เหมือนการ "ปรับ เร่ง-ผ่อน"

    เหมือนเมื่อช่างหม้อใช้ท่อนไม้หมุนแป้นทำภาชนะอยู่ วิตกดุจมือที่กด วิจารดุจมือที่ตกแต่งข้างโน้นข้างนี้.

    +++ เหมือน "กายเวทนา" ที่ยังทรงอยู่ วิตกคือ "การอยู่กับกายเวทนา" วิจารณ์ดุจ การปรับแต่ง วสี เปอร์เซนต์

    และเหมือนบุคคลที่ทำวงเวียน วิตกติดไปกับจิต ดุจขาที่ปักกั้นอยู่ตรงกลาง, วิจารตามเคล้า ดุจขาที่หมุนรอบนอก.

    +++ เหมือนกางวงเวียน วาดวงกลม วิตก "อยู่" กับจิต ดุจกายเวทนาที่เป็น "ฐาน" อยู่ตรงกลาง วิจารตามปรับวสี ดุจขาที่หมุนรอบนอก

    +++ สรุปดั่งที่ผมเคยกล่าวไว้ว่า วิตก-วิจาร ยังมี object กับ subject อยู่ คือเป็นการใช้ วสี ในการปรับ ฐาน

    ฌานนี้ท่านกล่าวว่า สวิตกฺก สวิจาร เพราะอรรถว่า ย่อมเป็นไปกับด้วยวิตกนี้ด้วย ด้วยวิจารนี้ด้วย ดุจต้นไม้มีทั้งดอกและผล ด้วยประการฉะนี้.

    ในบทว่า วิเวกช นี้ ความสงัดชื่อว่า วิเวก ความว่า ปราศจากนิวรณ์. อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่าวิเวก เพราะอรรถว่า สงัด. อธิบายว่า กองธรรมที่สัมปยุตด้วยฌาน ซึ่งสงัดจากนิวรณ์. ชื่อว่า วิเวกชะ เพราะอรรถว่า เกิดแต่วิเวกนั้น หรือในวิเวกนั้น.

    +++ จุดสังเกตุ ความสงัด = วิเวก = ปราศจากนิวรณ์ = กองธรรมที่สัมปยุตด้วยฌาน
    +++ ดังนั้นเพียงแค่ "ตั้งฐานแห่งกายเวทนาขึ้นได้" ก็เป็น "กองธรรมที่สัมปยุตด้วยฌาน" (มีฌานเป็นองค์ประกอบ) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยที่ยังไม่ต้องเดิน วสี แต่ประการใด

    ในบทว่า ปีติสุข นี้ ชื่อว่า ปีติ เพราะอรรถว่า อิ่มใจ. ปีติ นั้นมีลักษณะดื่มด่ำ. ก็ปีตินี้นั้นมี ๕ อย่างคือ ขุททกาปีติ ปีติเล็กน้อย ๑, ขณิกาปีติ ปีติชั่วขณะ ๑, โอกกันติกาปีติ ปีติเป็นระลอก ๑, อุพเพงคาปีติ ปีติโลดลอย ๑. ผรณาปีติ ปีติซาบซ่าน ๑.

    บรรดาปีติ ๕ อย่างนั้น ขุททกาปีติ อาจทำพอให้ขนชูชันในสรีระทีเดียว,

    +++ ทดสอบการเดินจิตใน วสี 5 ด้วยการ "เร่ง" แบบ ช้า บ้าง เร็วบ้าง จะมีอัตราเร่งบางช่วงที่ทำให้เกิด "ขนลุก" ได้

    ขณิกาปีติ ย่อมเป็นเช่นกับฟ้าแลบ เป็นขณะ ๆ โอกกันติกาปีติ ให้รู้สึกซู่ลงมา ๆ ในกาย ดุจคลื่นซัดฝั่งทะเล,

    +++ ตรงนี้เป็นลักษณะ "Scan" จาก บนลงล่าง หรือ กลับไปกลับมา จะเกิดอาการ เคลื่อนไหว "วูป ๆ" แบบคลื่นได้ ปรับความละเอียดของ สติ จนมีความ รู้สึกซู่ลงมา ในกาย ประกอบไปพร้อม ๆ กันก็ได้

    อุพเพงคาปีติ เป็นมีปีติมีกำลัง ทำกายให้ลอยขึ้นโลดไปในอากาศหาประมาณไม่ได้.

    +++ หากอยู่ในระดับ 60-70 % แล้วแช่อยู่ อาการแบบลอยของ กายเวทนา มีขึ้นได้ แต่การที่กายเนื้อลอยขึ้นโลดไปในอากาศ ยังไม่เคยปรากฏ เสียดายที่ผมไม่ทัน หลวงปู่เสาร์ มิฉะนั้นแล้ว ผมคงต้องหาทางปรึกษา เรื่องการเดินจิตตรงนี้กับท่านเป็นแน่

    ผรณาปีติ เป็นปีติมีกำลังยิ่ง ก็เมื่อผรณาปีตินั้นเกิดขึ้นแล้ว สรีระ.ทั้งสิ้นจะรู้สึกเย็นซาบซ่าน ดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝน . และดุจเวิ้งเขาที่ห้วงน้ำใหญ่ไหลบ่ามาฉะนั้น.

    +++ ตรงนี้เกิดจากการ เร่ง ให้เข้าสู่ระดับ 80-100 % แล้วปรับระดับอย่างละเอียดในบริเวณนี้ จะเจออาการ เย็นซาบซ่าน เป็นองค์ประกอบ จากนั้นกำหนดกายเวทนา คล้ายกับการ ผลักไปข้างหน้า หรือข้างหลัง (โยกกายเวทนาเล่น) จะเกิดอาการคล้าย ฝ่ากระแสน้ำที่ปะทะมาทางด้านหน้า หรือ ด้านหลัง

    ก็ปีติทั้ง ๕ อย่างนี้เมื่อถือเอาห้องถึงความแก่กล้า ย่อมยังปัสสัทธิทั้งสองคือกายปัสสัทธิและจิตตปัสสัทธิให้บริบูรณ์.ปัสสัทธิเมื่อถือเอาห้องถึงความแก่กล้า ย่อมยังสุขทั้ง ๒ คือสุขทั้งทางกายและสุขทางใจให้บริบูรณ์.สุขเมื่อถือเอาห้องถึงความแก่กล้า ย่อมยังสมาธิ ๓ อย่างคือ ขณิก-สมาธิ อุปจารสมาธิ และอัปปนาสมาธิให้บริบูรณ์.

    บรรดาปีติเหล่านั้น ผรณาปีติที่เป็นมูลแห่งอัปปนาสมาธิ เมื่อเจริญถึงความประกอบด้วยสมาธิ นี้ท่านประสงค์เอาว่า ปีติ ในอรรถนี้.ก็อีกบทหนึ่ง ชื่อว่า สุข เพราะอรรถว่า สบาย อธิบายว่า เกิด ขึ้นแก่คนใด ย่อมทำคนนั้นให้ถึงความสบาย.

    อีกอย่างหนึ่ง ความสบายชื่อว่าสุขธรรมชาติใดย่อมกลืนกินและขุดออกเสียได้โดยง่าย ซึ่งอาพาธทางกายทางใจ

    ฉะนั้นธรรมชาตินั้นชื่อว่า สุข. คำนี้เป็นชื่อของโสมนัสสเวทนา สุขนั้นมีลักษณะสำราญ. ปีติและสุขเหล่านั้นเมื่อไม่แยกกันในอารมณ์อะไร ๆ ความยินดีด้วยการได้เฉพาะอารมณ์ที่น่าปรารถนา ชื่อว่าปีติ ความเสวยรสแห่งอารมณ์ที่ได้เฉพาะแล้ว ชื่อว่า สุข. ที่ใดมีปีติที่นั้นมีสุข ที่ใดมีสุขที่นั้นมีปีติใด ไม่แน่นอน.ปีติสงเคราะห์เข้าในสังขารขันธ์ สุขสงเคราะห์เข้าในเวทนาขันธ์.คนที่ลำบากในทางกันดาร ปีติเหมือนเมื่อเห็น หรือได้ฟังป่าไม้และน้ำ,

    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ 304
    สุขเหมือนเมื่อเข้าไปสู่ร่มเงาของป่าไม้และบริโภคน้ำ
    ที่มา :

    +++ จากการเทียบ การเดินจิตใน กายเวทนา ด้วย วสี 5 นี้คงเป็นประโยชน์อยู่บ้าง พอสมควร นะครับ
     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    ขอบพระคุณคุณธรรมชาติมากๆค่ะ ละเอียดดีมากจริง อ่านตั้งหลายรอบแล้วยังเข้าใจได้ไม่หมดค่ะ ตอนนี้กำลังตามอ่านโพสเก่่าๆของคุณธรรมชาติด้วยค่ะ พื้นฐานยังอ่อนอยู่มาก เพราะที่ผ่านมามันถอดโดยไม่ได้ตั้งใจตลอดเลยค่ะ จะเป็นตอนหลับ ส่วนที่ที่ไปมั๊ยจริงๆมีคำตอบในใจแล้วค่ะแต่ไม่รู้ใช่หรือเปล่า แต่รู้สึกว่าน่าจะไปเมืองบาดาล. มีทีนึงหล่นวูบลงข้างล่างด้วยตอนนั้นรู้สึกกลัวมากกลัวว่าเราจะไปโผล่ที่นรกแน่เลย

    +++ ตรงนี้ต้องระวังมาก ๆ นะครับ อ่านทวนเรื่องการ จุติ ด้วย

    เพราะหล่นเหมือนหล่นลงเหวที่ลึกมากไม่ถึงก้นซะทีนึกถึงพระตลอดก๋เห็นพระชัดเจนแต่ยังกลัวไม่หาย เลยดื้อพยายามดึงตัวเองกลับซะเลย. วันนี้ก็ลองนั่งสมาธิแล้วลองกำหนดเรื่องความรู้สึกทั้งตัวดู นั่งแรกๆก็ธรรมดา แต่พอนั่งไปสักครึ่งชั่วโมงมันมีความรู้สึกเหมือนมีแสงนสว่างวาบขึ้นมาแล้วมีอารมณ์สุขสบาย ละเอียดๆรอบๆตัวรู้สึกถึงความหยุ่นๆ อุ่นๆที่อยู่นอกตัว เป็นอยู่พักนึง ไม่แน่ใจว่านี้เกิดจากการกำหนดความรู้สึกทั้งตัวรึเปล่า

    +++ ใช่ครับ เหมือนกับ "ห่มผ้าห่มไฟฟ้า" นั่นแหละครับ หากสติละเอียดเพียงพอ ความอุ่นนี้จะออกไปอยู่นอกตัว ประมาณตั้งแต่ 1 นิ้วถึง 1 คืบ แม้ว่าจะมีลมพัดผ่าน ความอุ่นนี้ก็ไม่กระจายไปกับสายลม เหมือนกับเป็น ออร่า ของคลื่นชั้นความร้อนชนิดหนึ่ง ที่แผ่รังสีออกไปนอกกาย (Force Field) และปกป้องความหนาวเย็นจากภายนอกได้

    แต่กว่าจะมานั่งซะครึงชั่วโมงเลย 555 ตอนนี้ก็พยายามฝึกสติในชีวิตประจำวันไปด้วยเช่นเวลากายเคลื่อนไหวก็รู้ตัว มีสัมผัสทางกายก็พยายามกำหนดรู้เท่าที่ได้ เวลาใจคิดอะไรก็พยายามเอาสติกำกับค่ะ ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ และขอรบกวนขคำแนะนำในภายหน้าด้วยนะคะ ขอบคุณคุณmobile lizard จขกทด้วยค่ะสำหรับประสบการณ์มากมายที่น่าสนใจมาก

    +++ ช่วย ๆ กันเผยแพร่ ธรรมะจากประสพการณ์ เพื่อหยั่งรากแห่งพระพุทธศาสนาให้มั่นคง นับเป็นการสร้างบารมีชนิดหนึ่ง ที่ตรงต่อความเป็นจริง (สัจจธรรม เพราะเป็นประสพการณ์ ที่ผ่านมาด้วยตนเองอย่างแท้จริง และเป็น พยานในพระธรรมของพระพุทธเจ้า) อันจะเป็น มหากุศลบารมี ให้แก่ผู้กระทำในภายภาคหน้า แม้ว่าจะละโลกนี้ไปแล้ว หลักฐานยังคงมียืนยันต่อภพภูมิใด ๆ ที่ต้องการยืนยันว่า "เคยสร้างกรรมดี มาบ้างหรือไม่" ก็บอกเขาไปได้เลยว่า ให้เข้ามาดูในเวปพลังจิตได้เลย นะครับ
     
  11. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    เมื่อข้าพเจ้าเข้าถึง..."พรหมโลก"

    สวัสดีพี่น้อง เพื่อนๆ พี่น้องๆ

    วันนี้จะมาเล่าเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเพิ่งตื่นเพราะเมื่อคืนที่แล้วไม่ค่อยได้นอนเลย การปฏิบัติสติของข้าพเจ้าเมื่อวานนั้น ข้าพเจ้าได้เร่งปฏิบัติ กำหนดรู้ทั้งตัว แช่อยู่ตลอดๆ เน้นไปที่วสี ปรับเปอร์เซ็นต็ต่างๆ

    ตกช่วงเช้ามืดถูกอาที่ตายเชิญไป แต่ข้าพเจ้าคุยกับอาแป๊บเดียว แล้วจากนั้นข้าพเจ้ากำหนดรู้ไปทั้งกายทิพย์ สั่นสะเทือนไปทั้งกายทิพย์ แล้วเกิดเสียงคล้ายๆ ไฟฟ้าช็อต หรือคลื่นสักอย่าง อธิบายไม่ค่อยถูกสัก 6-7 ครั้งๆ ไม่นานไปโผล่ที่อื่น เจอผู้ชายสามคน ข้าพเจ้าถามว่าที่นี่ที่ไหน เขาบอกว่าที่นี่เรียกว่าพรหม แล้วข้าพเจ้าก็บอกว่าผมมาจากโลกช่วยพาผมดูรอบๆ หน่อยๆ ผมอาจจะมีเวลาไม่มาก ถามเขาว่าดูออกไหมว่ามาจากโลก เขาบอก ว่าดูไม่ออก พบสถานที่เป็นโลกสวยงาม เป็นพี้ที่กว้าง มีก้อนหิน ต้นไม้ทะเล สว่างไปหมด แต่แปลกบางจุดบางที่เขาพาไปดูบอกตรงนี้กลมๆ มันก็ดูกลมๆ ไปหมด ต้นไม้ ก้อนหินต่างๆ มาอีกที่เขาบอกว่าตรงนี้แหลม ข้าพเจ้าดูไปรอบมันก็แหลมไปหมด คือพื้นดินต้นไม้ก้อนหิน มันออกแหลมๆ เขาบอกตรงนี้ 6 เหลี่ยม พื้นดิน ก้อนหินมันก็ดูเหลี่ยมๆ ไปหมด

    ได้สอบถามไปทางคุณ ธรรมชาติ จึงขออนุญาตนำคำตอบส่วนนึ้มาเพื่อเป็นกรณีศึกษา คุณธรรมชาติ กล่าวว่าที่เกิดขึ้นนั้นถูกแล้ว นั่นคือ "การเปลี่ยนภพแปลงภูมิ จนถึง รูปพรหม" หาก สติ ละเอียดเพียงพอ จะเห็นการแปรร่างจาก กามาวจร สู่ รูปาวจร และจากการที่ มีจิตในชั้นเดียวกัน จึงเห็นว่าเป็นคนเหมือนกัน คราวหน้าให้ลองให้เขาแสดง กายพรหม ให้ดู และให้เขาสอนวิธีเดินจิตให้เป็น กายพรหม ด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2013
  12. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    ตอนที่พบอานั้น เห็นอ่านหนังสืออยู่จึงสอบถามว่าอ่านหนังสืออะไร อาตอบว่า "ตายแล้วไปไหน" ตอนมาเล่าให้ครอบครัวฟัง ท่านแม่เล่าว่า ช่วงก่อนอาตายอาเล่าว่าอ่านหนังสือเล่มนี้ และเป็นเจ้าของหนังสือเล่มนี้ เห็นได้ว่าแม้หลังความตายอายังอ่านหนังสือเล่มนี้ต่อ ขออนุญาติคุณอานำมาเล่าสิ่งที่ได้พบเจอมา เพื่อยืนยันถึงการมีอยู่ของวิญญาณหลังความตาย
     
  13. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    วันนี้การปฏิบัติเป็นไปด้วยความลำบาก จริงๆ ก็แทบไม่ได้ทำเลย เพราะเจ็บขาอย่างมากจนเดินแทบไม่ได้นั่งยังเจ็บ นอนก็ยังเจ็บอย่างมาก เกิดจากการออกกำลังกาย แต่ได้ไปหาหมอแล้วทานยา ฉีดยาแล้วรู้สึกดีขึ้นมาก นี่แหละครับ อยู่ดีๆ เดินไม่ได้ซะง้าน จะเจ็บไข้ได้ป่วยมันเกิดขึ้นได้ จะตายวันตายพรุ่ง ใครจะไปรู้ ถึงบอกว่าเวลามีไม่มากจริงๆ ทุกๆ วันผ่านไปปล่อยผ่านเลยไปน่าเสียดาย หากพรุ่งนี้ "ตายแล้วไปไหน"
     
  14. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    ใช้ "กายเวทนา" เป็นเครื่องมือในการฝึก "ญาณทัศนะวิสุธิ"

    +++ ตอนนี้ได้เครื่องมือในการฝึก คือ ใช้ "เวทนา ความเจ็บ" ให้เป็นประโยชน์ ให้เดินจิตดังนี้

    1. ให้เข้าความรู้สึกทั้งตัว ที่ระดับความเข้มข้น 80-100% แล้วแช่อยู่
    2. ในขณะที่แช่ ให้ "รู้" ขอบเขตของร่างกายที่มีอยู่ จนอาการ "เหลื่อม หรือ ซ้อน" ของกายเวทนาเกิดขึ้น
    3. เมื่อการ "เหลื่อม หรือ ซ้อน" ของกายเวทนาเกิดขึ้นแล้ว "ให้อยู่กับ รู้" ประดุจ รู้ คือ subject ส่วนกายเวทนา คือ object

    ทดสอบเรื่อง "การยึดมั่นถือมั่น กับผลกระทบของมัน" โดยใช้ "การดู" และการ "ย้ายฐาน"

    4. ให้ทดสอบการ "ดู" ที่ความเจ็บ จะพบว่า "อิทธิพล" ของมันเพิ่มชึ้้น แล้วถอนการ "ดู" ช้า ๆ กลับสู่ "รู้"
    5. ทดสอบซ้ำ ๆ 2-3 ครั้ง จะพบว่าในขณะที่ "ดู-ยึด" เมื่อไร "อิทธิพลของความเจ็บ" ย่อมเพิ่มขึ้นเมื่อนั้น
    6. เช่นเดียวกันกับการ "ย้ายฐาน" ด้วยการค่อย ๆ ถอน "การดู" ก็จะตระหนักชัดได้ว่า "อิทธิพลของความเจ็บ" ก็ลดลงเมื่อนั้น
    7. ตรงนี้เขียนเป็นสมการได้ว่า "อัตราความเจ็บ = ค่าความแปรผันของ อัตราการดู"

    การแยก "เวทนาขันธ์"

    8. ในขณะที่อาการ "เหลื่อม หรือ ซ้อน" ของกายเวทนายังอยู่โดย "กายเวทนา" เป็นสิ่งถูกรู้ (object) ตามข้อ 3
    9. ให้สังเกตุ "บริเวณของความเจ็บ" ว่า "มีขอบเขตจำกัด อยู่ที่ตรงไหน" เมื่อเทียบกับ "กายเวทนา"
    10. จะพบได้ว่า "มีความเข้มข้น" ต่างกันระหว่าง กายเวทนา กับ บริเวณที่เจ็บ
    11. ให้อยู่กับ "รู้" รวมทั้ง กายเวทนา และ "ขอบเขต" ของความเข้มข้นที่ต่างกัน
    12. ก็จะ "เห็น" การแตกชั้นออกจากกันเป็น "กายเวทนาเป็นส่วนหนึ่ง" และ "ตัวเจ็บ" เป็นอีกส่วนหนึ่ง

    จากการ "แยกเวทนาขันธ์" สู่การเห็น "สัพเพธัมมา อนัตตาติ"

    13. จากการเห็น การแตกชั้นออกจากกันของ "กายเวทนา" และ "ตัวเจ็บ" ให้ "กลับสู่ สภาวะรู้"
    14. ผ่อน กายเวทนา ให้เหลือความเข้มข้นที่ประมาณ 10-15% ภาษาทาง สมถะ เรียกว่าา "ถอยฌาน"
    15. แช่อยู่ในระดับนี้ จะพบได้ว่า "ไม่ว่าอะไรที่ ตกกระทบเข้ามา จะถูกแยกออกไปเป็น ส่วนใครส่วนมัน" เช่น เสียงต่าง ๆ เป็นต้น
    16. แม้กระทั่ง "ความแตกต่าง ของอุณหภูมิ หรือ ลมพัดผ่าน" ก็จะถูกแยกออกไปหมดเหมือนกัน ไม่มีข้อยกเว้น
    17. แล้วจะ "เห็น" เองอย่างชัดเจนว่า "เรา ไม่ใช่มัน" "ความเป็นเรา ไม่มีอยู่ใน ความเป็นสรรพสิ่งทั้งปวง"
    18. แล้วจะ "เห็น" เองอย่างชัดเจนว่า "ความเป็นสรรพสิ่งทั้งปวง" มีวงจรของการ "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป" ด้วยตัวมันเอง
    19. ทั้งหมดนี้ "เราเพียงแต่ เดินจิต จนเห็นสภาวะเท่านั้น" โดยที่ "เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับมันเลย"
    20. สังเกตุอีกอย่างหนึ่งได้ว่า "สภาวะแห่ง ความคิด" ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ "ปรากฏการณ์" ตรงนี้เลย

    นี่คือ การใช้ "กายเวทนา" เป็นเครื่องมือในการฝึกจนถึง "ญาณทัศนะวิสุธิ" หรือเรียกว่า "ตาสติ ตาปัญญา ในการ เห็นขันธ์" หรือ "อายตนะนิพพาน" นั่นเอง
     
  15. torelax9

    torelax9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +527
    ช่วงรอ พี่ mobilelizard ผมขอเล่าประสพการณ์ผมนิดนึง ขอให้หายไวๆนะครับ
    เมื่อเดือนก่อนนั้นผมเคยนั่งกำนดรู้สึกลม จนสักพัก รู้สกกายเวทนารู้สึกชัด ส่วนหัว คอ แล้วก็ท่อนล่าง ส่วนกลางลำตัวหาย เหมือนโหว่ๆ แล้วก้นที่นั่งส่วนที่สัมผัสพื้น รู้สึกนุ่มๆเหมือนนุ่น ไม่เจ็บเหมือนครั้งก่อนๆ อยู่ นุ่มๆอย่างนั้นอยู่ได้เป็นชั่วโมง แต่หากขยับก้นนิดเดียว ที่นุ่มๆจะกลายเป็นเจ็บก้นเลย แบบนี้ผใใช้วิธีทดสอบความยึดมั่นถือมั่นได้ยังครับ (จริงๆก็ยัม่น่าถาม เพราะต้องไปฝึก กายเวทนาให้เต็มใบ วสี5 กับปรับ % ก่อน แบบนี้ไปหลบไว้เอาแน่เอานอนไม่ได้ *.* )

    ปล.ใช้ android จิ้มๆ แก้ยากจังเพี้ยนๆ ตกๆ ไม่ให้แก้บางจุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2013
  16. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ยังทดสอบไม่ได้ครับ เพราะดูที่ไหนจะยึดที่นั้น แล้วความปวดจี๊ดจะวิ่งเข้ามา ที่เรียกว่า ปวดแบบจับขั้วหัวใจอะไรทำนองนั้น แล้วฐานที่ตั้งไว้จะล้ม รวมทั้งจะเกิดอาการ เกร็งทั้งกายเกร็งทั้งจิต ตามมา ดังนั้นหาก วสี 5 กับกายเวทนา ยังไม่ชำนาญ ก็ให้อดใจรอไว้ก่อน หากชำนาญแล้วจึงทดลอง จะมั่นคงกว่า นะครับ
     
  17. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    เมื่อคืนผมใช้โอกาศทองในความเจ็บปวดทำแบบคุณธรรมชาติแนะนำแล้วครับ เห็นว่าเป็นอย่างว่าจริง เดี๋ยวว่าอีกหน่อยจะทำอีกครับโดยเฉพาะ 13-20
     
  18. torelax9

    torelax9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +527
    เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ตื่นเต้นๆ ส่วนผมยังอนุบาล รออ่าน. ^^ หากได้กายในกายเต็มร่าง และมีประสพการณ์ภายในก็นับว่าเป็นบุญอย่างยิ่งแล้วสำหรับผม
     
  19. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    ผมว่าคล้ายๆ โลกเขาๆ จะออกแบบเองได้นะครับ ตรงนี้เหลียมๆ ตรงนี้กลมๆ เหมือนเขาอยากให้เป็นอย่างไรมันก็เป็นอย่างนั้น ตรงนี้ผมต้องไปลองทำมั่ง นอกจากที่กล่าวยังเห็นมีปราสาทใหญ่โตสวยงามด้วยครับ แต่มีความรู้สึกว่าเขาาจจะเนรมิตของเขาเองต้องไปดูอีกที
     
  20. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    โทษทีนะครับ พอดีเข้าใจผิด คุณธรรมชาติบอกว่ากายที่ว่าคือยังเป็นกายจิต ไม่ใช่กายพลังจิตนะครับ แต่เป็นกายจิตที่ละเอียดขึ้นถึงขั้นรูปพรหมเฉย ...

     

แชร์หน้านี้

Loading...