จะใช้คาถาให้ขลังต้องมีฌานด้วยหร่าคับยังมีปัจจัยอืนอีกไม่ แล้วถ้ายังไม่ได้ครอบครู คาถาจะไม่ขลังจิงไม ผมยังไม่ครอบครู แต่ผมก็ใช้คาถาบูชาครู สรรเสริญครู ชุมนุมครู แล้วก็ ผูกมนต์ เข้าตัวแล้วแบบนี้ถือว่ามีครูหร่ายังคับ แล้วก็ขอคาถาขอขมาครู ด้วยครับ พอดีโมโหจัด พรั่งปาก ด่าแม่คนอื่น ไป อะครับ ขอความกรุณาด้วยนะครับ อนุโมทนา สาธุ
การจะใช้คาถาให้ขลังขึ้นอยู่กับ..........
ในห้อง 'รวมบทสวดมนต์และคาถา' ตั้งกระทู้โดย กาฝากรัก, 2 มกราคม 2012.
หน้า 1 ของ 3
-
ทำไมคุณไม่ลองละ.....
-
-
ต้องจัดเครื่องบวงสรวงครูบาอาจารย์ ตามหลักคณาจารย์นั้นๆตามประเพณีไสยศาสตร์เขาถือว่าสำคัญเป็นอย่างมากต้องมีครูบาอาจารย์ประสิทธิ์ให้ไม่ใช่นั้น เขาเรียกว่าเรียนไม่ติด คือใช้ไม่ได้ผลนั่นเองเรียนคาถาอาคมอย่าทำเป็นเล่นโดนอาถรรพ์วิชาเล่นงานชีวิตตกลงย่ำแย่อย่าทำเป็นเล่นไปเลยครับทางที่ดีเข้าหาพระที่มีวิชาไปขอกราบเป็นศิษย์ท่านจะดีกว่าครับว่ากันตามหลักที่ถูกต้องอย่าไปคิดเองมั่วซั่ว -
หลักสำคัญของไสยศาสตร์คือ วิชา ครูบาอาจารย์ สมาธิกระแสจิตของตัวเรา
ใครที่มันบอกไม่ต้องมีครู นั่งเอง ปฏิบัติเองจนได้ณาน แสดงว่าผู้นั้นไม่ได้มีความรู้ทางไสยศาสตร์หรอกครับ
เป็นประเภทอ่านมาพูดซะมากกว่า เพราะแค่ประเพณีพิธีกรรมยังไม่รู้เรื่องโบราณจารย์เขาสืบทอดกันอย่างมีแบบแผนเหมือนกันหมดไม่ว่าหลวงพ่อเกจิองค์ใด ก็ต้องยึดถือหลักปฏิบัติเดียวกันทั้งสิ้น -
-
จิงๆผมก็สักยันต์ สักยันต์ครู พ่อแก่ หนุมารนำทัพ แล้วก็นิลพัท อะครับ ท่านอาจารณ์เคยสอนผมว่า( อย่าหาว่าตัวเองฟันแทงไม่เข้าแล้วอย่าไปอวดเก่ง ของก็ไม่ต้องไปปลุกถึงเวลาเขา จะช่วยเราเอง) คำสอนของท่านทุกคำผมจำได้เสมอ
-
ความเชื่อแบบเก่า วิทยาการคาถาถึงได้ ตกต่ำลงทุกวันๆ ของจริงต้องทดสอบทดลองได้จึงจะพัฒนา หลักไสย์ศาสตร์เวทย์มนต์คาถา ก็ไม่ต่างจากหลักวิทยาศาสตร์ตรงที่มีหลักการเหตุผลทดสอบทดลองพิสูตร์ได้ เพราะ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วเกิดมาอย่างมีเหตุผลและหลักการในตัวเอง เมื่อใดที่ทดสอบทดลอง ไม่ได้ หรือ ห้ามทดสอบทดลอง เมื่อนั้นวิทยาการคาถา ก็มีแต่ถอยหลังล้าหลังลงทุกวันๆ จนแทบจะหายสาปสูญจนถึงทุกวันนี้เพราะความเชื่อ เก่าๆ ของดีห้ามทดสอบทดลอง มีแต่ความเชื่ออย่างเดียว ขาดซึ่งการทำความเข้าใจอันถ่องแท้ เพื่อพัฒนาเหมือนดังวิทยาการวิทย์ศาสตร์ ที่ทดสอบทดลอง พัฒนาเพียงไม่กี่10ปีก็สามารถ แซง หน้า โลกไสย์ศาสตร์ได้อยางสบายๆ
-
ไม่ได้จะเถียงความคิดพี่นะ แต่เรื่องของอย่างนี้นะมีจิงแน่นอนคับพี่ ผมเห็นมากับตาเลยตอนอาจาร์ยผเอามีดเฉียดบนร่างของเพื่อนผมแต่ไม่มีแม้แต่ถลอกทั่งที่มีดของอาจาร์ยคมกริบเลยนะพี่ การที่คนธรรดาอยางเราๆจะแสดงอิทริฤปฎิหารได้นั่นต้องมีฌานอยางน้อยที่สุดก็ต้องฌาน2ถึงจะกระทำได้แต่ก็ห้ามมิให้ใช้เพื่อโอ๋อวดโดยเด็ดขาดมีไว้เพื่อป้องกันตัวเท่านั่นนี่เป็นวิชาพุทธคุณ ถ้าพี่อยากเห็นผลก็ต้องใช้มนต์ดำแล้วละหรือที่เรียกอวิชาอะละวิชาจำพวกนี้ผู้ใช้จะต้องรับกำของตนเองในนรกเช่นวิชาทำเสน่ห์ วิชาเสกตะปูเข้าท้องใช้ผีไปทำร้อยคนหาคนใช้ยาก
-
-
แต่ถ้าคุณหรือใครๆเถียงว่า แค่นี้ทำให้ได้ซะก่อนเหอะ แค่นี้ยังไม่มีปัญญาทำได้ ยังจะมีหน้ามาเพอเจอ อีกหรือ ถ้าพวกท่านคิดแบบนี้ วิทยาการแวดวงไสย์เวทย์คาถา ก็จะ ล้าหลังยิ่งๆขึ้นไป ส่วนวิทยาศาสตร์ก็จะก้าวไกลไม่หยุดยัง
ส่วนการที่เราจะใช้คาถาได้ต้องให้ได้ฌาณขั้นนั้นขั้นนี้ ก่อน ผมไม่สนใจ เพราะ การฝึกฝนเทคนิควิธี แม้ไม่มีชื่อเรียกขั้นตามศาสนา แต่ก็สามารถเทียบเท่ากันได้ โดยที่คนใช้เองไม่ทราบว่าได้ฌาณชั้นสูงโดยไม่รู้ตัวด้วยซำ และการฌาณ ขั้นนั้น ขั้นนี้ แล้วจะสามารถใช้คาถาระดับนี้ระดับนั้นได้ จริง ป่านี้ก็ต้องมีข่าวขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์กันแล้ว รับรองนักข่าวไม่ปล่อย อย่างเด็กชายปลาบู่อย่างแน่นอน แต่นี่ไม่ใช่ไม่มีเพราะ พระอาจารย์เกจิแต่ละท่านไม่อยากแสดง หรือ ว่าไม่มีเกจิท่านใดทำได้กันแน่ มีทั้งท่านที่กลัวหน้าแตก ลูกศิทย์เสื่อมศัจธาซะมากกว่า
สิ่งเหล่านี้ แสดง ถึง ความล้มเหลว ล้าหลังถดถอย ของ วิทยาการเวทย์มนต์คาถา ของวงการ นักเวทย์ ขนาดไหนแล้ว
แล้วแบบนี้......
เราท่านทั้งหลายควรจะคิดได้แล้วว่า ควรจะทำความเข้าใจพัฒนาให้ดียิ่งๆขึ้นไปหรือ ปล่อยให้ คงสภาพ ล้าหลัง ล้มเหลวยิ่งๆขึ้น ยิ่งกว่านี้ต่อไป -
อย่าจองเวรจองกรรม ต่อ ผู้มีพระคุณ เลย
เปิดหูเปิดตาได้แล้ว -
เอาหละผมจะให้ความกระจ่างทางความคิดคุณ สี่คนหาม<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5526008", true); </SCRIPT> เผื่อท่านจะคิดในสิ่งที่ถูกที่ควรจะเป็นไปในทางที่ จะเป็น เพื่อพัฒนาต่อไป เป็นข้อๆไป
ถ้าพูดถึงเรื่องมอบประสิทธิ์ ให้ศิทย์ แล้วจึงจะทำได้ตามอย่างอาจารย์ จิงหรือต้องการแค่นั้นเองหรือไม่หวังความก้าวหน้ามากกว่านี้หรือไร สิ่งที่คุณกล่าวมา ซึ่งผู้ที่เรียนส่วนใหญ่ ใครๆก็ต้องได้รับมอบทั้งสิ้น แต่มอบแล้วเป็นอย่างไร ทำได้เท่าที่อาจารย์ทำได้หรือด่อยกว่า ทำได้แค่นี้เองหรือ ท่านสังเกตให้ดีและทำความเข้าใจ เมือ 100 ปีก่อน ก็ทำได้แค่นี้ แถมน้อยคนด้วยซำ แล้วท่านคิดได้จะเอาแค่นี้หรือ
ส่วนเรื่อง การโดนอาถรรพ์วิชาเล่นงานชีวิตตกลงย่ำแย่ นั้นขึ้นอยู่กับการกระทำ ด้วยจิตที่คิดคดการกระทำของตนซะมากกว่าจึงจะทำให้ตนเข้าสู่วิบัติ วิชาใดๆ ไม่อาจทำให้คนตกตำได้ ถ้าตนไม่กระทำซะเอง เขาเรียกว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว คิดดีย่อมได้ดี การจะมาโทษวิชาทำให้ตน วิบัติ จึงไม่ถูกต้องถ่องแท้ควรทำความเข้าใจซะใหม่ อย่าเอาแต่เเช่งตนเองอีกเลย -
ส่วนเรื่องหลักไสย์ศาสตร์
-
มันขึ้นอยู่กับความเพียร ทำจริง ก็ได้จริงครับที่สำคัญ พอทำได้แล้วก็อย่าทะนงตัว อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง ครูบาอาจารย์ท่านเก่ง เราไม่ได้เพียงเศษขี้ตีนของท่าน ทำอะไรให้นึกถึงครูบาอาจารย์สำเร็จได้เพราะคุณครูบาอาจารย์ -
ผมทำให้สิ่งที่ผมได้รับสืบทอดมาจากครูบาอาจารย์ ถึงแม้คุณคิดว่ามันจะผิดมันจะล้าหลังไม่ทันสมัยผมก็จะขอทำตามนี้ขอเดินตามทางที่ครูอาจารย์ได้ชี้นำ
ผมไม่ต้องการมาเถียงคุณเอาโล่กับคุณ แต่ผมมาชี้แนะคนที่เขาสนใจให้รู้จักพิธีกรรม รู้จักขั้นตอนประเพณีขั้นตอนทางไสยศาสตร์ -
ความเชื่อพิธีกรรมดังว่า พระเกจิดังๆสืบต่อกันมา ต้องผ่านมาหมด ซึ่งแต่ละท่านทำได้แค่ไหนไม่ทราบ แต่ที่ดังๆ ระดับประเทศ ครั้งเมื่อ จตุคราม พระเกจิกระทำการปลุกเสก โชว์ปฏิหารเก่งแค่ไหน ล้วนแล้วแต่ล้มเหลวไม่เป็นท่า ซึ่งแต่ละท่านก็ตั้งพิธีเหนือกว่าที่ท่านว่าด้วยซำ เป็นความเชื่อที่ คุณว่าทั้งสิ้น แล้วก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะมัวแต่หวังพลังเทพ พลังครูใดๆมา ช่วยแต่ไม่รู้จักพัฒนาพลังตน เรียนรู้ทำความเข้าใจอย่างจริงจัง
ท่าน สี่คนหาม ท่านก็เห็นและรับรู้ข่าวมามากพอแล้ว ทำไมท่านยังมีความเชื่อเหมือนชาวบ้านผู้โง่เขลา เช่นนั้นอีกหรือ -
ผมได้บอกไปแล้วว่าผู้เรียนวิชาอาคม ต้องมีพื้นฐานจิต วิชา และ ครูบาอาจารย์ มัวแต่นั่งเป่าเป็นหมื่นจบ ลมหมดตูดกันพอดีนะท่านสมเพียร -
ไอ้พวกที่ชอบอ้างบารมีอาจารย์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกไม่เอาถ่าน ตั้งใจจะมาหากินมากกว่า
ไอ้เราก็บอกย้ำแล้วย้ำอีกว่า ให้ทำความเข้าใจ มันก็ยังยำว่าท่องเป็นหมื่นรอบ
ถ้าสมองเสือมนักจะเอามาให้อ่านอีกทีแล้วกัน
แค้นเขามากแล้วมาลงที่ผม แบบนี้เข้าขั้นโรคจิตแล้วนะครับ
หน้า 1 ของ 3