การจุติคือการตายแล้วเกิดทันที...แล้วผีจะมีได้อย่างไร?

เอาเป็นว่าจบดีกว่าครับ สับสนกันเหลือประมาณกับคำว่าจุติ กลายเป็นกระทู้จับผิดคำ
ไปเลยน๊ะ จุติ จะแปลว่าตายแล้วเกิด หรือแปลว่าเกิด หรือว่าอะไรก็ช่างมันเถอะครับ
ผมสรุปให้ว่า คนที่ตายจากภพมนุษย์ต้องเกิดทันที แต่จะเป็นภพภูมิไหนก็แล้วแต่จิต
ขณะดับครับ ไม่ว่าจะอุบัติเหตุหมดอายุขัยหรือไม่ก็ไม่เกี่ยว ถ้าตายลงก็ต้องไปเกิดทันที
ถ้าเป็นผีก็จัดอยู่ในภพเปรต อสูรกายครับ..แคนี้น๊ะครับ !

 

คนบางคน ยังต้องศึกษา

 

คนนี้ดี....

 

คนนี้ไม่ต้องอธิบาย...

 

({)คนนี้สุดยอด



คนที่ตายไปแล้ว ไปเกิดเป็นสัตว์นรกก็มีร่างกายเป็นสัตว์นรก หัวเป็นควาย ตัวเป็นคนไฟลุกท่วมนี่ก็สัตว์นรกจำพวกหนึ่ง

คนที่ตายไปแล้วไปเกิดเป็นเปรต ก็มีร่างกายเป็นเปรต ที่คนเคยเห็น มือเท่าใบลาน ตัวสูงปี๊ด ปากเท่ารูเข็ม นี่ก็ร่างของเปรตจำพวกหนึ่ง

คนที่ไปเกิดเป็นอสุรกาย ตัวดำๆอ้วน หน้าตาน่าเกียจ

นี่ก็ร่างของอสุรกาย

คนที่ตายไปแล้วไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ก็เห็นๆกันอยู่ จะเอาอะไรล่ะ งู วัว ช้าง ม้า ฯลฯ

คนที่ตาย แล้วไปเกิดเป็นเทวดานี่ ร่างกายสวยงามมาก มีรัศมี สว่างไสวเรืองรอง มีวิมานทิพย์อันเป็นที่อยู่

แต่คนที่ยังไม่ถึงที่ตาย ตายก่อนหมดอายุ จะด้วยเหตุอันใดก็แล้วแต่ ยังไปไหนไม่ได้ จะไปได้ไงล่ะท่าน ยังไม่ถึงเวลา ยังไม่ถึงกำหนด จะไปเข้าสำนักไหนก็เข้าไม่ได้ นรกยังไม่ต้องการ สวรรค์ก็ยังไปไม่ได้ มีความรู้สึกเป็นคนทุกอย่าง แต่คุยกะญาติพี่น้องไม่ได้ ไอ้เจ้าเครื่องคุย เคื่องติดต่อ มันหมดลมเสียแล้ว โดนเอาไปเผาเสียแล้ว
มันน่าเวทนาไหม ก็ต้องร่อนเร่พเนจร เป็นสัมภเวสี หน้าตา ผิวพรรณก่อนตายเช่นไร ตายไปแล้วก็ไม่เปลี่ยน เหมือนเดิม
ไม่ไช่มีหัวเป็นอีกา แต่ตัวเป็นคน อย่างกากะเปรตที่
ไปแอบโขมยกินข้าวก่อนพระฉันที่มีมาในพระไตรปิฏก ที่ก่อนตายเป็นอีกา เป็นสัตว์เดรัจฉาน พอตายแล้วมีร่างกายเป็นปรต

สรุปแว้!! สรุปว่า (ใจดวงเดิม จิตดวงเก่า แต่ร่างกายเปลี่ยนไปตามบุญและกรรมที่ทำกันมา เปลี่ยนไปตามภพภูมินั้นๆ)

สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน มีภพภูมิแตกต่างกันไป

มีหน้าตา แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความชั่วที่ทำกันมา


สวรรค์ มีเทวดา มีพรหม มีภพภูมิกัน(kiss)

มีร่างกายสวยงาม แตกต่างกันไปก็ขึ้นอยู่กับบุญทานที่ทำกันมา

ร่างสัตว์เดรัจฉาน ก็ที่เห็นกันอยู่ดาษดื่น งู ตะขาบ แมว นก หนู ไก่

ช้าง ม้า วัว ควายฯลฯ นี่ก็ร่างกายของสัตว์เดรัจฉาน

มนุษย์โลก ก็ที่เห็นกันอยู่ อย่างที่เราเป็นกันอยู่ หัวดำ หัวแดง หัวหงอก หัวเทา รวยบ้าง จนบ้าง

เต็มไปหมด นี่ก็บุญกรรม ทำกันมา ภพภูมิของคนเป็นแบบนี้

ส่วน สัมภเวสี ก็บอกอยู่แล้ว ว่าเป็นสัมภเวสี ไม่ได้บอกเลย ว่าเป็นเปรต เป็นอสุรกาย (ยกตัวอย่าง นายดำก็คือนายดำ ไม่ไช่นายแดง OK ไหม Yeah!!)ก่อนตายกับหลังตายรูปร่างหน้าตาเหมือนเดิมทุกอย่าง นิสัยก็เดิมๆ

สัมภเวสี แปลว่า วิญญาณ เร่ร่อน ร่อนเร่ ซัดเซพะเนจร หาที่อยู่ หาที่ไปยังไม่ได้

ยังไม่ไปเกิดณ.ที่ใด หรือไปเกิดในแดนไหนทั้งนั้น รอเวลาอยู่ เขาเรียกว่าผีไม่มีศาล วนเวียนอยู่กับโลก แต่คนละมิติกัน

ไปล่ะ รักนะ จุ๊บๆๆ(kiss)

 

ไปจำมาจากไหนก็ไม่รู้ ตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้ว ว่า
จุติ คือ ตาย
อุบัติ คือ เกิด

 

ผมเองก็ได้ยิน ได้ฟัง มาเช่นนั้นครับ

ผม Mr. Warning ครับ

 

เข้าใจผิดแล้วครับ ที่ว่าเกิดแปลว่าจุติ

ตายเป็นวิญญาณเร่ร่อน เป็นเปรต เป็นอสุรกาย

สมาส่วนนี่ก็คนละภพภูมิกันนิครับ

 

จุติ ก. ตาย (มักใช้แก่เทวดา). (ป.; ส. จฺยุติ).

(จากพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕)


อย่างไรก็ดี หากพูดถึงความหมายบาลีจริงๆ แล้ว คำว่า "จุติ" นี้ แปลว่า "เคลื่อน" และพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ให้คำจำกัดความของ "จุติ" ใหม่ ว่า:
จุติ ก. เคลื่อน, เปลี่ยนสภาพจากกำเนิดหนึ่ง ไปเป็นอีกกำเนิดหนึ่ง, (มักใช้แก่เทวดา). (ป.; ส. จฺยุติ).

กล่าวคือ ย้อนกลับไปหารากศัพท์ โดยมาเน้นที่ความเปลี่ยนแปลง ซึ่งแม้จะในความหมายว่า "ตาย" หรือ "เคลื่อน" ก็เป็นมโนทัศน์ของสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนขั้นที่เรียกว่า "เกิด" แน่ๆ

 

คำว่าจุติ ถ้าท่านใด อยากรู้จริงๆ เอาง่ายๆเลย

เข้าไปที่หน้า Google

พิมพ์คำว่า ภาษาบาลี

พอเจอคำว่าศัพท์บาลี แล้วคลิกเข้าไปดู

ไปดูที่หมวด จ นะครับท่านผู้ชม

ก็เจอความหมายชัดเจน จุติ แปลว่าอาการตาย

สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน

ได้ไห้ความหมายว่า..

ปฏิสนธิ คือการเกิด

จุติ ก็คือ การ ดับ,เคลื่อน (ตาย)

หรือพวกคุณจะเถียงพระสังฆราชา

ง่ายๆตรงๆชัดเจนนะครับท่านผู้ชม

ไม่ต้องมากความกัน จบแล้วนะครับผม

 

ไช่พวกรู้ดีเกินพระสังฆราช นรกกินกระบาล ยังไม่รู้ตัวอีก

เห็นด้วยกับคุณ ผู้เตือน Warn ครับ..

 

ที่กล่าวไว้ข้างต้น ผมนำมาจาก ราชบัณฑิตยสถาน ไม่ได้มาจากความคิดของผมนะครับ และผมก็มิได้เก่งไปกว่าพระท่านเลย แต่ที่นำมาลงเพราะต้องการให้เห็นความหมายอันหลากหลายของภาษา และ การตีความ จากบาลีเป็นภาษาไทยเท่านั้น จึงได้นำ ข้อมูลจากหลายแหล่งมาโพสต์ให้ได้อ่านเป็นความรู้ ดังข้างต้น

แต่สิ่งที่ได้เห็นคือ มีกลุ่มคนบ้างกลุ่มที่ไม่เข้าใจ ไม่พิจารณาให้ถ่องแท้เสียก่อน จนเกิดการมองผู้อื่นในแง่ที่ไม่ดี ผมไม่ได้โกรธนะครับ ขออภัยที่ต้องมาสั่งสอนกัน เพราะเห็นเป็น เพื่อน เป็นลูกเป็นหลาน นักปฏิบัติที่ดี เค้าไม่มามัวแต่ตำหนิผู้อื่นหรอกครับ เสียเวลา ดูใจตัวเองนี่แหละ รู้สึกสงสารบางท่านนะครับ ที่ยังมีมิจฉาทิฐิยังไม่วางอารมณ์ให้เป็นกลาง พระพุทธเจ้าท่านว่าอย่าเพ่งโทษผู้อื่น ถึงแม้เค้าจะทำผิด ก็ลองมองดูตัวเองสักนิดว่า ท่านเหล่านั้นทำตามที่พระพุทธเจ้าท่านสองหรือไม่ ถ้ายังก็อย่าไปว่าใครเลยครับเป็นบาปแก่ตัวเองเสียเปล่า ที่เขียนมานี่ ก็อย่าโกรธกันนะครับ ขอแนะนำเท่าทำได้

อนุโมทนา

 

อธิบาย ทำไห้ผม มองเห็นภาพชัด นึกภาพออกเลย

เยี่ยมครับ หมอ.......

 

จุติแปลว่า เคลื่อนย้าย
ปฏิสนธิจิต คือ เกิด ธรรมะที่พระศาสดาทรงแสดงไว้ สังขารเมื่อหมดเหตุหมดปัจจัยตามอำนาจกรรมที่ให้ผลในบุคคลคนนั้น ในชาตินี้ จิตจะเข้าสู่ภวังคจิตและสืบต่อเป็นจุติจิต และเตรียมเข้าสู่ปฏิสนธิจิต นั่นคือการเกิดนั่นเอง การเกิดดับของจิตถ้าศึกษา จะเข้าใจว่าจิตเกิดดับไวและ...จะไปเกิดเป็นบุคลใด อยู่ที่การสั่งสม (๓๑ ภูมิ)
ธรรมมะที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ..ไม่มีชื่อ แต่มีอยู่จริง>>>พระสัฆราช หรือ พระภิกษุ เป็นเพียงเครื่องหมายบ่งบอกเพศ คือ สมมุติบัญญัติขันต์ ขึ้นมาเพื่อให้เข้าใจในสภาพธรรม
คุณค่าที่สำคัญ ไม่ใช่บุคคล หรือสีของจีวร แต่เป็น พระธรรมคำสอน ครับ...ถ้าเข้าใจในสภาพธรรม สัตว์ คน ย่อมไม่มี...ความตายย่อมไม่มี

 

ผมอ่านแล้วซึ้งในพระพุทธพจน์มากเลยครับ

 

เหะๆเอาไปเอามาเถียงกันสะแล้ว จุติ เกิด ตาย อุบัติ ปฎิสนธิ คนเราก้อสมมุติขึ้นมาให้เข้าใจกันเองไม่ใช่เหรอครับ บางคนก้อสุดโตงเกิน บางคนก้อตามที่ได้รู้มา เหะๆต่างคนต่างความคิดครับ แต่ จุติ,ตาย อุบัติ,เกิด น่าคิด อุบัติเหตุ,เกิดเหตุ แน่(เสียงสูง) สรุปก้อตามความคิดเห็นในแต่ละท่านที่โพสละกัน ว่าจะถูกจริตกันไหม สำหรับผมถือว่า เป็นความรู้ ขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ ขอบคุณครับ

 

น้ำเชี่ยว คงไหลช้าลงแล้ว
เคยได้ยินนายหัวภูเก็ตไหม ชื่อท่าน จุติ บุญสูง
น่าจะหมายถึงว่า เคลื่อนจากความตาย จุติจากภพภูมิเทวดามา อุบัติ เกิดเป็นมนุษย์นั่นเอง
ภพภูมิมี31 ภพภูมิ
เมื่อคลื่อนจากภพหนึ่ง ย่อมเคลื่อนไปอีกภพ หรือ เคลื่อนกลับสู่ภพเดิม...แล้วระลึกชาติได้ในบางราย
บางรายเคลื่อนไปอุบัติภพภูมิ ผี แล้วเคลื่อนมาสู่ภพภูมนุษย์อีกก็มี บางรายจากมนุษย์ก็เคลื่อนไปอุบัติยังท้องหมูหมากาไก่ก็มี..
...สรุปคือวิญญาน ตามความเข้าใจทั่วไปนั้น พอออกจากร่างถ้าทำบุญมากก็ไปเป็นเทวดาทันที ทำบุญน้อย พอวิญญานออกจากร่าง ก็กลายเป็นผีทันที...
..คำว่าทันทีนี้ต้องเข้าใจความหมาย...
...เช่นในกรณีที่อาจารย์มหาบัวเขียน
ผ้าขาวมีจิตห่วงหลาน แต่ตัวเองใกล้ตาย หลานท้องทันที....(กับผัว)
...เลยไปถามพระอาจารย์มั่น ภูริทัติโต
พระอาจารย์มั่นถามว่า เวลาภาวนาเห็นอะไร
ผ้าขาวตอบว่าเห็นสายใยเหมือนหมอก ตามหลานไปทุกๆที่..
พระอาจารย์มั่นฯบอก นั่นคือจิตคุณยายกำลังเคลื่อนไปเกิดในท้องหลาน..
..ให้ภาวนาตัดความห่วงออกเสีย
ผ้าขาวคุณยายก็มาภาวนาตัดขาดจิตห่วง และหลานก็แท้งทันที....
นี่คือการเคลื่อนของจิต ที่พิศดารมากๆ

 

เวลาเที่ยงคืนคือเวลาหลังจากที่พระอาทิตย์ตกไปแล้ว 6 ชั่วโมง
เวลาเที่ยงคืนคือเวลาก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นอีก 6 ชั่วโมง
คุณว่าประโยคไหนถูกกว่ากัน คำว่าจุติก็ทำนองเดียวกัน

 

ภาษาช่วยให้เข้าใจ ภาษาก็เป็นอุปสรรคในการเข้าใจ