อ้อ..ลืมบอกไปอีกข้อ "ผมไล่อารมณ์เป็นครับ" ตอนไหนต้องรับอารมณ์สด สด เวลาใดต้องเบี่ยงอารณ์ เวลาใดต้องทำให้อารมณ์เป็นศูนย์ในใจ หากทำไม่เป็นตัวเองก็ทุกข์เอง ฯลฯ
...คุณทำไม่ได้หรอก เพราะยังดูจิตไม่ถูกใช่ไหมครับ..? (หลอกคุย)
การดูจิตโดยปฏิบัติสัมมาสมาธิ ย่อมไม่คิดไปเองว่าจิตเป็นอนัตตา
ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 12 มิถุนายน 2010.
หน้า 10 ของ 24
-
ขออนุญาตนะครับทุกท่าน
ผมไม่ขออะไรมากหรอกครับ
ถ้าหากท่านเคยเข้าถึงอัปปนาสมาธิจริงๆแล้วล่ะก็น่าจะตอบคำถามนี้ได้
ขณะถอยออกจากอัปปนาเข้าสู่อุปปจาระระหว่างคำบริกรรมกับลมหายใจอันไหนมาก่อน
ไม่ได้คิดจะอวดอ้าง หรือ ยกตนข่มท่าน
แต่อยากให้พิจารณา ไม่ต้องบอกใครว่าตอบได้มั้ย
ท่านรู้ตัวของท่านเองดี
ผมตามอ่านเวบนี้มานานพอสมควร พอจะเข้าใจอยู่บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ขอให้เบาๆหน่อย ท่านอื่นๆก็เฝ้าดูอยู่ ผู้มาใหม่ที่มาหาคำแนะนำก็มีมากมาย
เขาจะสับสน เพราะ พวกท่านก็ไปตอบ ไปแนะนำเขา แล้วทีนี้พวกท่านก็มาแย้งกันเอง
แล้วเขาจะคิดยังไง
ท้ายนี้ขอฝากข้อความเล็กๆให้พิจารณานะครับ ถ้าจะไม่สนใจก็ไม่ว่ากัน
สาเหตุของการไม่ลงกันมี2
ไม่รู้ถกกับไม่รู้ 1 แต่ต่างก็คิดว่าตนรู้
รู้ถกกับไม่รู้ 1 ไม่รู้ก็คิดว่าตนรู้
ส่วนรู้กับรู้นั้นลงกันเสมอ
อริยะย่อมเข้าใจในสิ่งเดียวกัน
รึท่านจะบอกว่าอรหันต์เถียงกันเพราะปฏิบัติต่างกัน
พระธรรม84000พระธรรมขันธ์นั้นท่านแสดงในกาละและโอกาสต่างๆกัน
ท่านแนะนำสาวกของท่านด้วยอุบายต่างกัน
แต่ไม่เห็นมีเลยว่าท่านทั้งหลายไม่ลงกัน
ขออนุโมทนาในจิตอันเป็นกุศลและขออนุโมทนาหากท่านไม่ถือโทษ
สาธุ -
คุณพูดว่า "บางคนที่เขาสมาทานและพยายามรักษา นี่ห้ามพูดว่ามีศีลห้านะ เพราะยังไม่บริสุทธิ์หรือ ?
ใช่ครับ เราก็บอกได้นิครับว่าเรากำลังรักษาศีล๕อยู่ แต่คุณกลับพูดว่าเรามีศีล๕
ถ้าคิดว่าไม่ใช่ ก็บอกว่าไม่ใช่
ก็เป็นการบอกกลายๆแล้วนิครับว่าศีลห้าคุณครับถ้วนไม่ด่างพลอย ประมาณนั้นครับ
ถ้ายังต้องรักษาอยู่ ก็เป็นคนละเรื่องแล้วครับ เพราะต้องพยายามรักษาไว้ใช่มั้ยครับ???
ส่วนเรื่องกล่าวร้ายนั้น คุณก็พูดเกินเลยไปนะครับ หรือคุณไม่เคยกดไม่เห็นด้วยกับคคห.ผม
ผมเคยกดไม่เห็นด้วยกับคคห.ของคุณมั้ยล่ะครับ???
เพราะผมเห็นว่าการกดไม่เห็นด้วยนั้น เป็นสิ่งที่หยาบคายมากสำหรับนักปฏิบัติธรรมที่แท้จริง
เมื่อเราจะไม่เห็นด้วย เราก็ต้องเปิดใจให้กว้างว่า ไม่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วยเรื่องอะไร ที่ไม่เห็นด้วยเพราะเหตุผลอะไร
การถกธรรมที่แท้จริงนั้น คือการเอาเหตุและเอาผลมาหักล้างกันเท่านั้น จึงจะถูกต้องครับ
แต่ที่ผมเห็นมาไม่ใช่อย่างนั้นนิครับ คิดจะไม่เห็นด้วย ก็กดไปตามอารมณ์ความรู้สึกเท่านั้น โดยขาดเหตุผลที่จะชี้แจง
;aa24 -
"แต่ผม อ่านใจคนไม่เคยพลาดเลยครับ สนทนากับใครผมรู้ลึกไปถึงน้ำเสียง อารมณ์ คาดเดาอะไรแม่นยำจริงๆ ฯลฯ
ท่าน ขันธ์ชี้ไว้ถูกใจ ถูกต้องตัวผมนัก สาธุ สาธุ ปัจจุบันผมมาหาความรู้ทางปริยัติ ว่าเขาเรียกอาการแบบนี้ว่าอย่างไร เหลือเชื่อจริงๆครับ เคยนึกว่าตนเอง "สำเร็จโสดาบัน" เหมือนกันนะครับ เกือบไปแล้ว เกือบไปแล้วจริงๆหวาดเสียวไม่หายเลยผม (คู่แข่ง ดังตฤณ นะนี่) -
ข้อที่๓ ผมขอยกให้ก็แล้วกันครับ
ข้อ๒ คุณถามหรือปรารภกับตนเองเท่านั้นครับ แต่ไม่เป็นไiผมตอบให้ก็ได้ครับ "รู้อยู่ทีรู้" ครับ
ข้อ๓ แสดงว่าคุณไม่เคยวางอารมณ์ความรู้สึกนึกลงได้เลยใช่มั้ยครับ ถึงได้มีคำถามเช่นนี้
จิตที่เป็นทุกข์ใช่เพราะยึดมั่นถือมั่นในอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดต่างๆเข้ามาเป็นของๆตนใช่มั้ยครับ???
อารมณ์เกิดขึ้นที่จิต แล้วอารมณ์จะไม่ดับไปจากจิตบ้างเลยหรือครับ(อารมณ์ค้างอยู่อย่างนั้น)
อารมณ์เกิดขึ้นที่ไหน ก็วางมันลงตรงนั้นใช่มั้ยครับ???
;aa24 -
อิอิ -
ห้ามพูดว่ามีศีลห้า เพราะนั่นหมายถึง ศีลปริสุทธิ์ ศีลไม่ด่างพร้อย
คุณกำหนดพจนานุกรมขึ้นมาให้พวกของคุณใช้เถอะ เราไม่นิยมด้วยหรอก
ไม่ต้องมาสรุปเราด้วยความคิดของคุณ
เมื่อเรากล่าวว่าเรามีศีลห้า เราทราบว่าเรามีศีลห้า ระวังความคิด คำพูดและการกระทำ ซื่อตรงกับสิ่งที่เรากล่าว และทำ ไม่มีเจตนาจะโชว์อะไร และไม่จำเป็นต้องตอบใคร
การกล่าวร้ายที่เราพูดถึง ไม่เกินไป..
(และไม่เกี่ยวถึงการกดเห็นด้วยไม่เห็นด้วย)
แต่เป็นพฤติกรรมโดยนิสัยของคุณเลยทีเดียว ที่ชอบสรุปคน กล่าวหาคน
ส่วนคุณมีปัญหาอะไรกับการกดไม่เห็นด้วย
การกดไม่เห็นด้วย ก็คือไม่เห็นด้วยกับข้อความนั้น
ขนาดคนเขากดอย่างเดียว คุณยังไล่ด่า เขาหยาบคาย (โดยเฉพาะในกรณีของคุณจินนี่ วาจาคุณน่ะ ขนาดไหนกลับไปทบทวนดู แล้วถ้าเขาอธิบายในสิ่งที่เขาไม่เห็นด้วย คุณจะมิยิ่ง ไม่สรุปและกล่าวร้ายเข้าไปอีกหรือ อย่างคุณเคยถถธรรมด้วยเหตุผลอะไรมิทราบ? ใครไม่ใช่พวกคุณ เขาระอาจะคุยด้วย เขาหยุดตัวเองได้ ส่วนคุณเคยหยุดอะไรได้บ้าง.. ) ถ้าคุณคิดว่าการกดไม่เห็นด้วย เป็นการกระทำที่หยาบคาย ผิดศีลห้า แล้ววาจาคุณ การกระทำของคุณมันเป็นอย่างไรล่ะ..
:boo: -
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เต้าเจี้ยว
โดยเฉพาะข้อ 3 เก่งจริง ไปยกมาเถอะ
ขอให้ตรงกับเรื่องที่กล่าวหาด้วยนะ.. ที่ว่าคุณเคยถามเรื่องนี้กับเรามาก่อน แล้วเราเลี่ยงไม่ตอบ
ในข้อ 1 เราเห็นว่าเราแจกแจงไว้ในส่วนของเราดีอยู่แล้ว
เอาคำพูดคุณมาถามคุณดีกว่า
ที่ว่าปัจจุบันธรรมหรือจิตที่เป็นกลางนั้น
วางจิตไว้ที่ไหนครับ???
แล้วคุณวางจิตที่เป็นกลาง หรือปัจจุบันธรรมของคุณที่ไหน
ในข้อ 2 จิตที่เป็นกลาง ก็บอกชัดอยู่แล้วว่า ไม่ใช่อดีต ไม่ใช่อนาคต ใช่ปัจจุบันธรรมมั้ยครับ
ปัจจุบันธรรมไม่ใช่อารมณ์เกิดขึ้นที่จิตนะครับ เกิดจากจิตปล่อยวางอารมณ์ได้หมดสิ้นครับ
ปัจจุบันธรรม ไม่ใช่อารมณ์ที่เกิดที่จิต เกิดจากจิตปล่อยวางอารมณ์ได้หมดสิ้น
จิตปล่อยวางอารมณ์ได้หมดสิ้น ถ้าอารมณไม่เกิดที่จิต แล้วเขาไปวางอารมณ์กันที่ไหนหรือ
ก็ไว้โชว์..
:boo: -
แบบที่คุณพูดอยู่นี้ ใช่การกล่าวร้ายอยู่มั้ยครับ???
อย่าผูกขาดความถูกต้องไว้แค่กับคนที่เป็นพวกคุณหรือเห็นด้วยกับคุณสิครับ
ส่วนเรื่องคุณจินนี่นั้น ก็อีหรอบเดียวกันครับ "กล่าวร้ายคนอื่นไว้ก่อน"
คุณจินนี่ไม่เคยคิดที่จะตอบคำถามที่ถามไปเลย คุณต้องเดือดร้อนไปกับคุณจินนี่ด้วยหรือครับ???
หรือเค้าต้องเอาคุณผู้หญิงบังหน้าบังตาไว้ก่อนครับ คุณกลับไปอ่านข้อความเก่าดูดีๆสิครับ
ผมหนะไม่เคยใช้วาจาหยาบคายกับใครก่อนเลยครับ ถ้าไม่มีผู้ให้มาก่อน เมื่อตอบไม่ได้
แต่มีคติธรรมประจำใจอยู่ว่า ถ้าใครให้อะไรมา เมื่อไม่รับก็ควรคืนกลับให้ผู้นั้นพร้อมหีบห่อแถมให้
ผมไม่ถึงกับต้องสาบานนะครับ แต่ผมเชื่อในการกระของผมเองครับ เพราะไม่ใช่พวกชอบสร้างภาพ
กล้าพูดกล้ารับ ผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก ไม่ต้องเสแสร้งหรือรักษาหน้าตาใดๆทั้งสิ้น
หรือพยายามพูดเพื่อให้คนอื่นเข้าใจผิดไป ในสิ่งที่ตนเองไม่มี รู้คือรู้ ไม่รู้คือไม่รู้
ไม่เหมือนบางคนที่ยังดื่มสุรา แต่ยังกล้ายกตัวเองว่าข้ามโคตรได้แล้ว
ของแบบนี้หลอกคนอื่นได้ แต่หลอกตนเองไม่ได้หรอกครับ
ถ้าคุณจินนี่ติดใจอะไร ก็ให้มาเคลียร์เองสิครับ เพราะมีนิสัยชอบกดไม่เห็นด้วยอยู่เป็นนิจ เป็นปรกติอยู่แล้วนิครับ
วาจาผมและคำพูดผมนั้น เป็นแบบตรงไปตรงมา ไม่ต้องอ้อมค้อม หรือเอาใจใครๆทั้งสิ้น อันนี้คุณต้องถามคุณขันธ์ดู
เอาความถูกต้องเข้าว่าเท่านั้น ผมมักชี้เหตุผลเสมอ ถ้าผมจะไม่เห็นด้วยอะไรกับใคร
;aa24 -
อิเหนา จริงๆ
:boo: -
แสดงคำหยาบในใจตนออกมาแล้วสิ
ก็ดีโลกจะได้เห็นว่าจิตใจสัตว์นรก
ที่มุ่งหวังจะคอยทำร้ายทำลายคนอื่นอย่างคุณ
น่ะ มันเป็นยังไง -
สติขั้นเริ่มแรกก็เหมือนหัดเดินแหละ
ต้องหาที่ยึดที่เกาะที่แน่นอน ไม่โยกไม่คลอน เปลี่ยนไปมา
อย่างเช่น พุทโธ หรือ อานาปานสติเป็นต้น
เมื่อฝึกหัดเกาะพุทโธ หรือ อานาปานสติ ไปเรื่อย
สติก็จะเริ่มตั้งไข่ได้ และ ค่อยเดินได้ทีละนิด
อาจจะเดินได้ซักก้าว สองก้าว ในช่วงแรก
ก็เหมือนกันการมีสติสืบเนื่องได้ซัก นาที สองนาที
เมื่อชำนาญขึ้น สติก็ก็สืบเนื่อง
ได้นานเป็น 5 นาที 10 นาที
สุดท้ายเป็นชั่วโมง ชั่วโมง หรือ เป็นวัน ๆ จนไม่เผลอเลย
นี่สติเป็นอย่างนี้ไม่ต้องบังคับ ครับ
เพราะสติไม่ดิ้นไปไหน มีแต่ช่วยพยุงให้สติตั้งให้ได้
และตั้งอยู่ได้อย่างต่อเนื่อง
คราวนี้เมื่อมีสติแล้ว สติจะทำหน้าที่รักษาใจ
หรือควบคุมใจ ไม่ให้หลงไปในอำนาจของกิเลส
หรือหลงไปในอารมณ์ต่าง ๆ ครับ
สติมีหน้าที่ควบคุมใจครับ
ไม่ต้องไปควบคุมสติ
สิ่งที่ต้องทำคือทำให้สติมีกำลังมากขึ้น
ด้วยการทำสติพละ ให้เป็น สตินทรีย์ ครับ
คุณควรจะกล่าวว่า
-
แทนที่จะได้ความ กลับจะต้องมีความมาแทน ท่านเตชครับ ภาษาลิเกแบบนี้
ผมว่าเลิกเถอะ ผมเข้าใจนะครับว่าท่าน กำลังให้คำตอบผม แต่ท่านต้อง
เข้าใจนะว่า เรากำลังสนทนากันแบบชาวบ้านปุถุชน ภาษาที่ใช้ก็ควรเป็น
ภาษาที่เราเข้าใจตรงกัน อย่าต้องให้เอาคำตอบที่ได้มาตีความกันอีก
......สรุปว่ามันไม่เท่ห์ มันจะทำให้คนอื่นคิดว่า มันไปลอกคำของคนอื่นมาทั้งดุ้น
ไปลอกมาไม่ว่า กลับไม่ใช้สมองหรือปัญญาขัดเกลาคำพูดนั้นๆเลย ...เฮ่อ!
.......เอาเริ่มเรื่อง ท่านเตชพโลครับ ผมไม่เข้าใจนะว่าท่าน ความคำว่าปัจจุบัน
ท่านตีความไปอย่างไร เพราะเห็นท่านสาธยายเรื่อง อาณาปานสติ
การทำพุทโธ ท่านทำความเข้าใจใหม่ ปัจจุบันที่ผมถามหมายถึง ช่วงเวลา
ที่เกิดขึ้นกับนามภายในของปุถุชน ตั้งแต่เกิดจนตายครับ
.....ท่านว่า จิตผู้รู้ครอบโลกธาตุ มันเลยทำให้ผมไม่เคลียร์ แล้วมันอะไรกันแน่
ระหว่าง จิตผู้รู้กับสติ อย่างไหนเป็นตัวชี้ว่าเป็นปัจจุบันธรรม รบกวนให้
ท่านช่วยอธิบาย เอาชนิดไม่ต้องตีความอีก ผมขอสารภาพว่า ผมมีธงอยู่
ในใจแล้ว มันเลยดูเหมือนเป็นการลองภูมิ แต่ถ้าท่านอธิบายได้ดี ผมอาจ
เปลี่ยนใจก็ได้
....รบกวนอีกครั้ง เอาภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวันธรรมดานะครับ
ไม่งั้นจะเถียงกันไม่รู้จบ -
"นามภายในของปุถุชน ตั้งแต่เกิดจนตาย" หมายความว่ายังไงครับ???
-
ก่อนจะส่งพิม ... นำมาฝากสหายนิ้วไฟทุกท่าน -
ท่าน เตชพโล...นี่ผมสงสัยมีดีอะไร คน "อิจฉา"จองกฐิน...เยอะจัง ทั้งขาประจำ ขาจรขาโจร ขาไพร่ ?
ผมมีบี 12..มาให้ชูกำลัง 1 ขวดเดี่ยวๆมีรุม ศัตรูคือยากำลังครับ -
ขี้เกียจเถียงหลายๆเรื่อง ความหมายมันก็เป็นภาษาชาวบ้านธรรมดา
มันหมายถึง นามที่อาศัยรูปอยู่ภายในกายของเรา
...ผมพยายามดึงให้คู่สนทนา มาใช้ภาษาง่ายๆกับกลัวเอาคำของเราไปตั้งประเด็นย้อนถามกลับ แล้วก็ยังมาเจอจนได้ ....เฮ้อ -
ผมว่าการได้คุยกับท่านเตช มันไม่เครียดครับ ท่านเตชเป็นคนน่ารักน่าเอ็นดู
การพูดการจาหรือให้ความเห็นต่างๆ ดูเหมือนเด็กไร้เดียงสา แถมแกมี
จริตจะก้านขี้อ้อนขี้น้อยใจ ใครๆก็อยากคุย อยากแหย่
บางครั้งเห็นแกพูดจาแรงๆใส่คน คำพูดว่ากล่าวนั้นๆ ผมว่าแกยังไปจำเอาคำด่าคำว่าของคนอื่นมาเลย
ท่านเตชแกเป็นคนอย่างนี้นี่เอง สาวๆถึงชอบคุยกับแก
สำหรับตัวท่านสับสน ใจจริงผมไม่อยากตอแยด้วย
แต่อยากอธิบายความในส่วนที่โดนกระทบบ้างนิดหน่อย
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าอ่านแล้วคงจะผ่านเลยไป เพราะผม
ไม่ชอบใช้คำพูดที่ส่อให้เห็นถึง...อารมณ์ที่ไม่พึงประสงค์ -
ยกแต่เรื่องที่เค้าอธิบายกันไปแล้วออกมาพูดซ้ำซาก ทำลายพระ ทำลายพุทธศาสนา
หน้า 10 ของ 24