ขอถามท่านผู้รู้ดังนี้ครับ
1. อยากทราบว่านักธุรกิจที่รวยๆ ที่ทำธุรกิจผลิตเหล้า แล้วนำรายได้ที่ได้มาทำบุญ กับวัดต่างๆ เขาจะได้บุญไหมครับ เพราะเงินที่ได้มานั้นมาจากการทำธุรกิจที่ผิดศีล5 ทั้งนั้นเลย
2. ทำไมคนที่ทำธุรกิจที่ผิดศีล5 มักจะทำธุรกิจแล้วรวยยิ่งขึ้นๆ ครับ
3. ผมเห็นบางคนทำธุรกิจที่บริสุทธิ์ ไม่ผิดศีล5 แต่ทำเท่าไรไม่รวบครับ
การทำทาน
ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย palpats, 8 กันยายน 2010.
-
ข้อหนึ่ง ได้บุญครับ แต่อาจได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะอาชีพขายสุรา เป็นอาชีพที่ขัดกับอริยมรรคแปด คือ ขัดกับสัมมาอาชีโวหรือการเลี้ยงชีพชอบ ครับ
ข้อสอง ตอบเพราะว่าเรื่องแต่ในหนหลังของเรา มิมีใครทราบว่าเราเคยทำอะไรมาบ้าง ถ้าทำกรรมดีมาก แต่ก็เคยทำกรรมชั่วมาด้วย การให้ผลของกรรมจะต่างกันตามน้ำหนักของกรรมที่เคยทำ อาทิ ผลของกรรมดีมีน้ำหนักกว่าจึงส่งผลให้มีความสุขสบายในระยะหนึ่ง แต่เมื่อผลของกรรมดีหมด กรรมชั่วที่เคยกระทำมาจะให้ผลต่อทันทีอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ จากที่เคยร่ำรวยอาจจะต้องมีเหตุให้ต้องล้มละลายก็เป็นได้ กรรมเป็นเรื่องที่ยากแก่การคาดเดาเป็นอจิณไตย แต่สิ่งที่เป็นกฏกติกาสากลก็คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แม้กระทั่งพระอริยสงฆ์ท่านก็ไม่สามารถหลีกหนีพ้นเช่นกัน เช่น พระองคุลิมาร พระโมขคลานะ เป็นต้น
ข้อสาม คำตอบออกมาในแนวเดียวกับข้อสองครับ อย่าลืมว่าคนเราตายแล้วไม่สูญ เราเกิดมาแล้วกี่อสงขัย กี่ภพ กี่ชาติ มิมีใครทราบได้ ยกเว้นพระอริยสงฆ์ผู้พ้นแล้วจากโลกียะ นั่นเองเราจึงไม่ทราบว่าในแต่ละชาติที่ผ่านมาเราได้กระทำกรรมดี กรรมชั่ว มากน้อยต่างกันเท่าไร แต่ด้วยกฏแห่งกรรมนั่นเอง จึงแสดงออกมาด้วยสิ่งที่คุณสงสัยและตั้งคำถามมา กุศลกรรมมักจะให้วิบากในแง่ของความสุขความเจริญ ส่วนอกุศลกรรมมักจะให้ผลทางความเสื่อม ความอัตคัตขัดสน ความไม่สมบูรณ์ในทางกายหรือใจเป็นต้น ( อันนี้มีตัวอย่างให้ดูได้ในรายการแบบวงเวียนชีวิต นั่นแหละผลของอกุศลกรรมทั้งสิ้น )
อย่าลืมนะครับว่าเราทุกคนล้วนแต่เกิดมาพร้อมกับความไม่รู้หรืออวิชชาด้วยกันทั้งสิ้น นี่นับเป็นความฉลาดของธรรมชาติ เราจึงต้องมาศึกษาเพื่อสร้าง ตัวรู้ ให้เกิด ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสั่งสอน คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อเลือกในการที่จะละความชั่ว แล้วสั่งสมคุณงามความดีครับ -
ขอขอบพระคุณมากครับที่ให้ความรู้
ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ -
คนเราสมัยนี้เห็นเงินเป็นพระเจ้า รู้ว่าธุรกิจใดที่นำมาซึ่งความเสื่อมก็ยังอยากจะทำเพื่อให้ได้เงินตรา น่าละอายอย่างยิ่ง
-
ทำทุกอย่างที่จะได้มา ได้มาแล้วเอาไปด้วยกะบ่อได้
-
เมื่อวานเย็น ผมเจอเงินตกแต่ไม่มีใครเก็บ แล้วผมก็เก็บเอาไปหย่อนตู้รับบริจาค
ของวัดพระบาทน้ำพุของวันรุ่งขึ้นไม่รู้ว่าจะเป็นกรรมเกี่ยวกับการหยิบเอาของที่
เจ้าของไม่ได้อนุญาติเหรือเปล่าครับ เพราะเงินนั้นต้องมีเจ้าของทำตกไว้แน่
มานึกได้ที่หลัง ใจไม่ดีเลยกลัวว่าเจ้าของเค้าคงจะร้อนใจถ้ารู้ว่าเงินหาย
ไม่มากเท่าไหร่ครับ 20 บาท เจอตกทางเดินตรงข้ามทางเดินคิงเพาเวอร์
ซอยรางน้ำ (สงสัยงานนี้คงทำกรรมหนักแล้วหละมังครับ) ได้ยินว่าบาปบุญ
ทำตอนไหนได้ตอนนั้น แต่ตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยดีเลยครับ -
บาปไหมหรอบาปครับ เพระฉะนั้นเขาถึง หมั่นทำบุญเพื่อไม่ให้ดวงโดนกด ไงครบ
เพราะ อาชีพเช่นนี้ เป็นของร้อน ถ้าไม่หมั่น สร้างเพิ่มเพื่อทดแทน ก็คง จบไม่ดีครับ
อาจจะตายห่า ได้เพราะของพวกนี้ไม่ดีต่อสุขภาพทำให้ คนหลายๆคนตายมาแล้ว คนขายก็ รับกรรม ที่สะสมไป ในไม่ช้า แต่เขาก็พยายามหมั่นเสริมดวงด้วยการ ทำทานเพื่อลดความหนักหน่วงของ บาปนั้นเอง จากความคิดเห็นของผมนะ -
ข้อ 1 การนำเงินจากมิจฉาอาชีวะมาทำบุญ ก็เหมือนเอาข้าวลีบมาปลูกในท้องนา หว่านลงไปก็มีแต่เป็นอาหารแมลงไปหมด ไม่มีโอกาสงอกงามเป็นต้นข้าวได้เลย แม้จะหว่านในนาที่อุดมก็หาประโยชน์มิได้
ข้อ 2 การที่บางคนทำธุรกิจมืดแล้วรวยเอารวยเอา เป็นเพราะว่าในอดีตทำบุญมาไม่รอบคอบ คืออธิษฐานขอให้รวยอย่างเดียว เวลาบุญส่งผลก็ต้องรวยแต่มาประจวบเหมาะักับวิบากกรรมคบคนพาลมาส่งผลพอดีจึงหลงไปประกอบมิจฉาอาชีวะตามคำชักชวน ถ้าผู้นั้นไม่ไปทำธุรกิจที่ผิดศีลธรรมตามคำยุของคนพาลก็จะต้องรวยอยู่ดีในทางอื่น
ข้อ 3 ก็เพราะว่าในอดีตสั่งสมทานบารมีมาน้อย มีกรรมตระหนี่มาก จึงประกอบธุรกิจแล้วไม่ประสบความสำเร็จ แต่กรรมใกล้หมดแล้วจึงถือศีล 5 ถ้าอดทนต่อไปชีวิตต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน