การนั่งสมาธิ วิปัสนา กรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย พันตา, 4 มิถุนายน 2009.

  1. Peace in mind

    Peace in mind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +370
    เห็นด้วยอย่างแรง

    ความเหมือน ความต่าง ความถูก ความผิด ล้วนเป็นสมมติทั้งสิ้น การปฏิบัติจริงปฏิบัติได้ ปฏิบัติชอบ และพาตัวเองให้ล่วงทุกข์ได้นั้นต่างหากคือแก่นแท้ที่เรารับมา ท่านว่าคนตาบอดทั้งหลายคลำช้างตัวเดียวกันก็ยังมองไม่เห็นแบบเดียวกัน รับรู้ความเป็นช้างได้ไม่เหมือนกันจนกว่าจะพากันคลำได้ทั่วทั้งตัว หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเพื่อสร้างจินตนาการภาพช้างขึ้นให้เหมือนกันได้ เพราะไม่อาจมองเห็นช้างทั้งตัวด้วยตาตัวเองจึงจำเป็นต้องอ้างอิงข้อมูลเพื่อเกื้อกูลกัน ให้คิดเห็นช้างเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน นั่นคือเห็นความเป็็นจริงในที่สุด การไม่เบียดเบียนกันทางวาจาย่อมเป็นสิ่งเกื้อกูลให้เกิดการสนทนาที่เป็นคุณ มากกว่าเป็นโทษ เพราะอย่างไร "ตัวโกรธ" ย่อมมีอยู่ในบุคคลผู้ยังไม่สามารถละ "ตัวกู" หรือ ยึดติดกับ "ตัวถูก" ออกได้ ต้องมีสติตามรู้ให้ชัด อย่าได้ตีความผิดเพี้ยน อย่าได้มุ่งจะแก้กันในเรื่องความถูกผิดแต่อย่างเดียว เมื่อได้ปฏิับัติกันดีและปฏิบัติชอบอย่างจริงจัง ย่อมรู้ได้เองว่า ความถูก ความผิด นั้นไม่สำคัญ "ความจริง" นั้นสำคัญกว่าสิ่งใด ธรรมะก็คือความจริง ไม่ตาย ไม่เปลี่ยน และเราควรได้รู้ได้เห็นในแบบเดียวกัน เป็นการทำความจริงให้ปรากฏเพียงเท่านั้น พิจารณาให้ดีต่างคนต่างพูดเรื่องที่เป็นจริง ดังนั้นก็เท่ากับพูดเรื่องเดียวกัน แนวทางการปฏิบัติ หรือทางเดินไปสู่จุดหมายเดียวกันก็อาจไม่ต้องใช้่ถนนสายเดียวกันเท่านั้น ต่างคนต่างเดินมาในทางที่สะดวก เพื่อพบจุดหมายเดียวกัน ไม่มีใครรู้ว่า ใครเดินผ่านอะไรกันมาบ้าง จึงกล่าวถึงอุปสรรคระหว่างทางแตกต่างกันไป เมื่อถึงจุดหมายเดียวกันแล้ว การเล่าเรื่องการเดินทางที่ผ่านมาจึงกลายเป็นเรื่องสนุกน่าแลกเปลี่ยนกันเพื่อรู้ตามนั้น แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับเราได้พบหนทางสู่จุดหมายเดียวกันเพราะเรามีศรัทธา มีความรู้ มีความเพียรในระดับเดียวกัน ผู้เดินหลงทางก็ย่อมเดินหลงทาง ต่อให้มีเสียงสวรรค์บอกให้เลี้ยวซ้าย ใจคนเดินก็ยังจะอยากเลี้ยวขวาเดินต่อไปด้วยศรัทธาและความรู้สึกว่าเราจะเดินทางไปจนพบจุดหมายได้เอง เมื่อไปจนสุดทางแล้วไม่พบทางที่จะไปได้ ย่อมต้องกลับมาอีกทางหนึ่งเป็นธรรมดา แต่ระหว่างทางจะมีชีวิตรอดกลับมาหรือไม่ก็แล้วแต่จังหวะชีวิต หนทางมันแสนยาวไกล อุปสรรคมันมากมายเกินบรรยาย ต้องใช้ชีวิตสังเวยไปไม่ รู้เท่าไหร่ เวียนว่ายตายเกิดมาตั้งต้นใหม่ ลืมทางเก่าไปแล้ว หาทางกันใหม่ ช่วย ๆ กันดีกว่า เราต่างเกิดมาหลงทางกันจนกระดูกกองท่วมโลกแล้ว
     
  2. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ขออนุญาต
    ปมปัญหาคือ ฝ่ายหนึ่ง เน้นว่าต้องปฏิบัติสมาธิภาวนา จึงจะเกิดปัญญาตามมา
    อีกฝ่าย เห็นว่า การปฏิบัติสมาธิ เป็นสมถะยานิก ไม่ต้องทำมาก เน้นทำวิปัสสนาเลย (ดูจิต)
    ยังมีรายละเอียดอื่นๆอีกมากมาย
    ถ้าติดตามมา ๓-๔ เดือน ก็น่าจะรู้ถึงข้อธรรมที่มีการขัดแย้งกัน

    ทั้งสองฝ่ายก็เป็นสายพระพุทธเจ้าทั้งคู่นั่นแหละ
    ฝ่ายหนึ่งชอบยกคำพระมานำเสนอ
    อีกฝ่าย ก็วิจารณ์ว่าท่านอาจารย์พูดไม่ถูกอย่างไร

    ความเห็นไม่ลงรอยกัน...ไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกัน
    ต่างฝ่ายต่างเสนอ คคห ใครมีเหตุผลอะไรก็แสดงออกมาคัดง้างกันไป
    แต่ก็อะนะ มีการดิสเครดิตกันเกิดขึ้นด้วยวิธี...ฯลฯ...

    ฝ่ายปฏิบัติ ไม่ค่อยอยู่หน้าเครื่อง ไม่ทันเกมพวกอยู่หน้าเครื่องมานาน
    ก็ทยอยกันเดินออกจากบอร์ดคนแล้วคนเล่า (ที่สดๆร้อนๆ คือ คุณวิสุทโธ)
    ต่อไป ก็คงเหลือแต่พวกดูจิต เป็นอริยะติดบอร์ด อยู่ ก็เท่านั้น

    มีการใช้ระบบ MLM หาพรรคพวก ถ้าเป็นพวกเดียวกัน ก็คุยกันกระหนุงกระหนิง
    แล้วพร้อมใจกัน กดไม่เห็นด้วยกับ คคห ของคนที่เสนอไม่เหมือนพวกตน
    อาฆาตมาดร้ายยิ่งกว่าแม่นาคพระโขนงเสียอีก…55+ขออภัย


    (smile)
     
  3. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    จะจบได้อย่างไร

    ฝ่ายหนึ่งบอก ของมันต้องควบคู่กันไป
    อีกฝ่ายบอก สมถะยานิกอย่าทำมาก ทำวิปัสสนาเลยดีกว่า
    ถ้านั่งสมาธิแล้วจิตสงบไม่ได้ ก็ไม่ต้องทำหรอก ก็ให้หัดระลึกรู้จิต หรือระลึกรู้ธรรมไปเลย

    อันนี้ชัดเจนเลยว่า ไม่เห็นความสำคัญของการปฏิบัติสมาธิ


    (smile)
     
  4. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    การปฏิบัตินั้น ได้ทุกที่เวลา จิตดี ๆ มีไว้แบ่งปัน สร้างสรรให้เป็น
     
  5. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    <table id="post2163847" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="border-style: none solid solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px 1px;">[​IMG] [​IMG] <script type="text/javascript"> vbrep_register("2163847")</script> [​IMG] </td> <td class="alt1" style="border-style: none solid solid none; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 0px 1px 1px 0px;" align="right"> [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] </td> </tr> </tbody></table> <table class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr> <td background="images/gradients/bg_p.gif"> สมาชิก 1 คน ได้กล่าว "ไม่เห็นด้วย" กับข้อความของ คุณ ธรรมะสวนัง ที่เขียนไว้ทางด้านบน</td> </tr> <tr> <td class="alt2" height="29"> jinny95 (วันนี้)</td></tr></tbody></table>
    พูดยังไม่ขาดคำ ก็มีคนกดไม่เห็นด้วยแล้ว ...55+ขอบคุณ ขอบคุณ...
    ชัดเจนดีมั๊ยล่ะ


     
  6. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ทุกวันนี้ต่างฝ่ายต่างก็ช่วยงานศาสนาอยู่แล้ว

    นั่นคือ ฝ่ายหนึ่ง เผยแพร่การดูจิตไปทุกหย่อมหญ้า
    อีกฝ่าย แสดงให้เห็นข้อปฏิบัติที่ไม่ถูกตรงของฝ่ายดูจิต


    (smile)
     
  7. Peace in mind

    Peace in mind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +370
    เห็นจริงตามนี้

    จิตมันไม่เคยว่างงาน ไม่ว่างจากการรับรู้สภาวะอารมณ์ เราต้องคอยตามให้ทันว่ามันเสวยอารมณ์ใดอยู่ เพื่อให้รู้ตามนั้นแล้วมันก็จะเปลี่ยน ไปรับอารมณ์อื่นแทน มันเกิด มันดับ อยู่นับไม่ถ้วน อารมณ์สุข อารมณ์ทุกข์ แม้กระทั่งเฉย ๆ แต่คิดเอาว่าว่างเปล่า จริง ๆ มันก็คือสภาวะทั้งนั้น มันไม่เคยว่างจากการรับรู้ และการถูกกระทบเลยจริง ๆ ตราบเท่าที่เรายังมี รูปและนาม ให้พิจารณา จึงต้องรู้เห็นตามจริงเท่านั้น อย่าคิดตาม อย่าติดตาม อย่าสงสัย อย่าถาม สำคัญแค่สติจับตามรู้ว่าจิตไปไหน ที่เคยปฏิับัติมาเมื่อนิ่งอยู่กับการตามรู้ว่าจิตรับอารมณ์อะไร แล้วก็รู้หนอ เห็นหนอ มันก็จะไปรับอารมณ์อื่นต่อ ก็รู้หนอต่อไป แรก ๆ ก็เหนื่อย เมื่อไหร่จะจบ เมื่อไหร่จะหยุด เกิดปัญญาตอบเองว่า ก็เพราะยังมีรูปมีนามนั่นไงจึงยังไม่จบ ต้องเห็นไตรลักษณ์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือความจริงที่รองรับสิ่งซึ่งเกิดขึ้นให้เห็นตำตาตำใจ แม้กระนั้นเราก็ยังพยายามฝืนมันให้มันเป็นไปตามนั้น อย่างช้าที่สุด เพราะเรายึดติดใน รูปนามที่เป็น "เรา" อยู่นั่นเอง อันนี้เกิดปัญญาขึ้นระหว่างการนั่งวิปัสนา ก็เห็นตามนี้ เข้าใจเองตามนี้ พอนั่งนิ่งมาก ๆ กำหนดสติได้ดีในการตามรู้จิตกับการรับอารมณ์ก็เกิดอาการเหมือนไร้สภาวะรู้สิ่งภายนอก ขนาดระฆังดังใกล้ ๆ หูก็ยังไม่ได้ยิน จากที่เคยเมื่อย ร้อน ปวด ก็ไม่มีอาการเหล่านั้นให้รู้เลย เหมือนว่าหูจะดับไป นั่งไปเรื่อยก็ตามไปเรื่อย รู้หนอเห็นหนอ จนสมาธิเริ่มอ่อนกำลังจึงถอนสมาธิ ลืมตามขึ้นมา อ้าวผ่านไป 3 ชม.กว่า อยู่ได้อย่างไรนี่ ไม่อยากเชื่อตัวเอง เคยนั่งนิ่ง ๆ ในสมาธิ ไม่หลับเต็มที่ก็ 1 ชม.เกินนิดหน่อย นั่งนานไปไม่ดี เริ่มติดในอารมณ์นิ่ง ต้องลุกมาเดินกำหนดอิริยาบถ ฝึกจนรู้อาการแสดงของธาตุ ไม่อยากเชื่อว่ามันพากันแสดงออกให้เห็น ร่างกายนี้ประกอบขึ้นเพราะมีปัจจัยให้เกิด ก็รู้ไปตามนั้น ว่ามันมีอะไรอย่างไร เดี๋ยวจะร้อน จะหนาว ก็เป็นอาการให้เรารู้ แต่ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา และต้องไม่มีเรา มีแค่ตัวรู้ที่ทำหน้าที่ เข้าใจเองว่า "ตัวรู้" นั่นคือจิตนั่นเอง ไม่เคยอ่านอะไรจากไหนเลย แต่รู้ได้จากการปฏิบัติวิปัสนามาแล้้วค่อยมาอ่านเอาที่นี่ เห็นว่าเป็นอย่างนั้นจริง จึงแสดงความเห็นว่าจริง ตามนั้น
     
  8. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ความสงบสุขจะเกิดขึ้นในสังคมได้
    ถ้าทุกฝ่ายร่วมใจกันปฏิบัติสมาธิภาวนาค่ะ

    ทุกฝ่ายต้องร่วมกันรับผิดชอบในสิ่งที่นำเสนอต่อสังคม
    เมื่อเห็นว่า สิ่งที่ฝ่ายนึงเสนอ ออกนอกแนวพระพุทธพจน์หรือครูบาอาจารย์สายปฏิบัติ
    ก็ไม่ควรรีรอหรือลังเล ที่จะกระโดดเข้ามาแสดงคคห ค่ะ ในเมื่อ


    อยากให้ธรรมที่ถูกต้อง.....จะได้เป็นที่พึ่ง......ที่คนเห็นผิดจะได้แก้ไข....


    งั้นช่วยบอกฝ่ายดูจิตให้ทีนะคะ ว่า เราคือ...???
    อันนี้ยังไม่เคยได้คำตอบที่ชัดเจน เพราะเค้ามีแต่สภาวะ มีแต่รูปนาม ฯลฯ

    เห็นลายเซ็นต์คุณ ให้อ่านของหลวงพ่อ คุณต้องอ่านมาแล้วแน่นอน
    ว่า หลวงพ่อท่าน อรรถาธิบายว่า เราคือ...???


    อีกข้อนะคะ ท่านอาจารย์ เห็นว่าจิตคือวิญญาณ
    เคยอ่านผ่านตามาว่า หลวงพ่อท่านว่า จิตไม่ใช่วิญญาณ

    อันนี้คุณคงต้องช่วยชี้แจงแล้วล่ะ เพื่อ
    ที่คนเห็นผิดจะได้แก้ไข....

    (smile) ขออภัย
     
  9. Peace in mind

    Peace in mind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +370
    ถูกต้องแล้วคร๊าบ

    เห็นด้วยเป็นอันมาก (smile)
     
  10. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    กลับไปอ่านธรรมะของพระสังฆราชให้ดีนะครับ

    ว่าท่านกล่าวอย่างไร ตกกับที่คุณปรักทรำหรือไม่

    ต้องอ่านให้เข้าใจ ว่าท่านแสดงคำสอนเพื่อบอกว่า สมถะ
    ไม่สำคัญหรือเปล่า

    แล้วก็เลิกคิดได้แล้วว่า นักวิปัสสนายานิก ไม่ได้ทำ สมถะด้วย
    เพราะ คุณก็รู้ว่า ทันทีที่มีปัญญา(ได้จากวิปัสสนา) จะทำให้ทำ
    สมถะสมาธิเฉียบคมขึ้น

    แต่ที่คุณ คิดว่าหากทำ วิปัสสนานำหน้า และจะไม่มีสมถะ

    นั้นก็เพราะ คุณทำวิปัสสนา ผิดตัว ผิดอารมณ์ จึงไม่ทราบรายละเอียด
    ที่แท้จริงของ วิปัสสนา พอไม่ทราบ ก็จะงงว่า พระสังฆราชทำไมยก
    วิปัสสนาคือเพชรน้ำเอก
     
  11. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    แก้ไขตัวเอง ง่ายที่สุดเลย จ้า
    ว้า Format เดียวกันอีกล่ะ

    นานาจิตตัง

    ลายเซ็นปริศนา ใช้วิปัสสนาสักนิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2009
  12. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    เรารู้ แต่ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา และต้องไม่มีเรา
    ประโยคนี้ ไม่คิดว่าขัดแย้งกันเองล่ะหรือ???

    ไม่มีเรา แล้ว เอา เรา ที่ไหน มารู้ ???

    มีแค่ตัวรู้ที่ทำหน้าที่ เข้าใจเองว่า "ตัวรู้" นั่นคือจิตนั่นเอง

    ตัวรู้คือจิตนั่นเอง...ใช่จิตของเรามั๊ยคะ???

    ตกลงจะมีเรา หรือไม่มีเราดีนะเนี่ย 55+ขออภัย

    (smile)
     
  13. Peace in mind

    Peace in mind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +370
    วิปัสนาจารย์ที่ให้การดูแลเรื่องการปฏิบัติท่านว่า หากจุดหมายคือการทำปัญญาให้รู้ความจริง มีที่หมายคือความหลุดพ้นแล้วไซร้ อย่าติดในอารมณ์สมถะ แต่พึงทำสมาธิวิปัสนาให้เกิดปัญญาอันจะเป็นเครื่องช่วยให้หลุดพ้นจากเครื่องร้อยรัดให้ต้องติดกับสังสารวัฎนี้ได้
    กำลังของสมาธิมีความสำคัญยิ่ง แต่การมีสมาธิเข้มแข็งในอารมณ์เดียวแบบสมถะมันจะนิ่งอยู่อย่างนั้น ที่เดิมนิ่ง ๆ เป็นสุข สงบ ผ่องแผ้วอยู่อย่างนั้น เมื่อไหร่ก็เช่นนั้น ไม่เคยได้รู้เห็นว่าจิตมันทำหน้าที่อะไร อะไรคือรูปคือนาม ใครใคร่รู้มากกว่าก็พึงดำิเนินไปตามการวิปัสนา และการเข้าใจเรื่องมหาสติปัฏฐาน แต่ใครใคร่ทำสมาธิเพื่อความปลอดโปร่ง ดีต่อร่างกาย เพื่อเสริมการทำงาน จะติดสมถะไปจนตายก็ไม่มีใครว่า ไม่มีสูตรใดตายตัว ถ้ายังเกิดใหม่กัน เป็นเทวดา เป็นมนุษย์ เป็นพรหม เป็นตามบุญที่ทำก็แล้วกัน
     
  14. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ประเด็นที่ได้กล่าวมา ไม่ได้พาดพิงถึงพระสังฆราชท่าน
    เพราะฉะนั้น กรุณาอย่าใช้วิธีกล่าวว่าให้ร้ายผู้อื่น ที่ชอบทำเป็นนิสัยถาวร
    ได้กล่าวเพียงว่า



    ถ้านั่งสมาธิแล้วจิตสงบไม่ได้ ก็ไม่ต้องทำหรอก ก็ให้หัดระลึกรู้จิต หรือระลึกรู้ธรรมไปเลย

    อ้อ คำพูดนี้ นำมาจากฝ่ายดูจิตนะคะ ถ้าต้องการหลักฐาน ก็ยินดีหามาให้


    (smile)
     
  15. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    สัญญา ต้องเป็น สัญญานะ ??
     
  16. Peace in mind

    Peace in mind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +370
    แหม แหม

    ตัวรู้นั่นแหล่ะ มันก็ยังติดใจใช้คำว่าเราอ่ะนะ ตัวรู้ -จิต อันจะแทนตัวว่า ดิฉัน ผม เรา กู จะเข้าใจกันง่ายกว่า "ตัวรู้-จิต" ใช่หรือไม่ เพราะต้องมีการสมมติให้แตกต่าง ไม่อย่างนั้น ก็ไม่มีใครแตกต่างกัน ถ้ามองข้ามรูปกายภายนอก ก็มีเพียงจิตเท่านั้น วิญญาณ สัญญา เวทนา ฯลฯ ปรุงแต่งให้เห็นเป็น แกเป็นฉัน เป็นหล่อ เป็นสวย อันนี้ก็เห็นตามจริง อธิบายตามเข้าใจจะเข้าใจหรือไม่เนี่ยะ ยินดีที่เห็นความขัดแย้ง แต่นั่นทำให้เห็นความจริง ที่ไม่ขัดแย้ง ขออภัยหากยังทำให้เห็นว่ามีความขัดแย้ง อิอิ (smile)
     
  17. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    ถ้าแยกขันธ์ ๕ ได้ คลายขันธ์ ๕ เป็นจะเข้าใจทันที (ใช้สติตามดู ตามทำความเข้าใจในอาการของเขาไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ)

    ขันธ์ (กอง) ๕ มีอะไรบ้าง

    มีกองรูป กองเวทนา กองสัญญา กองสังขาร และวิญญาณ

    ตัววิญญาณนั่นแหละคือตัวจิตจริง ๆ คือตัวรู้

    วิญญาณมันรู้อะไรบ้าง

    มันก็รู้ในรูป เสียง กลิ่น รส ฯลฯ

    รู้เย็น ร้อน อ่อน แข็ง สุขเวทนา ทุกขเวทนา ฯลฯ

    รู้ในความจำ สัญญา มันจำได้ จำแม้กระทั่งอารมณ์ จำอารมณ์ได้ คนจะเข้าฌานให้เป็นวสี ต้องจำอารมณ์ได้ นั่นหมายความว่า คิดปุ๊บอารมณ์มาปั๊บ เป็นอารมณ์ที่จำได้ แต่จะเอาอารมณ์ที่จำได้มาตำเนินต่อหรือไม่ นั้นอีกเรื่องหนึ่ง

    รู้ในความปรุงแต่ง ไปตามสัญญา อารมณ์ที่จำได้ (งงมั้ย)

    ถ้าเรายังแยกขันธ์ ๕ ไม่ได้ ยังคลายขันธ์ ๕ ไม่เป็น มันก็จะยังยึดมั่นยังหลงในอาการของขันธ์ ๕ ว่าเป็นตัวเราตลอดเวลา เช่น เวลาที่สัญญามันผุดขึ้นมา มันจำอารมณ์อะไรได้ ถ้าเราไม่มีสติ ยังไม่เข้าใจ ยังแยกจิต (วิญญาณ) กับความคิด (หมายรวมเอาสัญญากับสังขาร) ด้วยสติออกจากกันไม่ได้ ไม่เป็น (ไม่เป็นคือมันพยายามจะเอาความคิดไปจับเขาแยก ไม่ยอมฝึกสติสร้างความรู้สึกตัวให้ต่อเนื่อง ให้เห็นทันในอาการที่เป็นเหตุแห่งความหลงให้เข้าใจ) มันก็จะหลงในอาการของขันธ์ ๕ เหล่านั้น เอาอารมณ์เหล่านั้นมาปรุงต่อก่อเป็นเรื่องราว แล้วก็หลงกับสิ่งที่มันปรุงต่อนั้นต่อไปอีก

    ก็เรียกได้ว่า ทั้งหลงด้วย แล้วก็ยึดเอาที่หลงนั้นด้วยอีกที มันก็ยากเหมือนกันนะ ไม่ใช่ง่าย ๆ เลยครับ
     
  18. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    ทำไมคิดแต่อกุศลล่ะครับ
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    พิลึกนะครับ เอาพระสังฆราชมาอ้าง ผมไม่แปลกใจหรอกเพราะว่า พระสูตร พระอภิธรรม คำครูบาอาจารย์ล้วนแล้วแต่ถูกโยงใย ให้เข้ากับ ฝ่ายนี้มานักต่อนักแล้ว

    คำว่ามีปัญญา ที่พระสังฆราชท่านกล่าวมาไม่ได้มีนัยยะถึงการดูจิต แต่อย่างใด เป็นคำพูดที่เป็นปรกติ ในการเจริญปัญญา อันตั้งอยู่บนพื้นฐานสมาธิ จับประเด็นให้ถูกก่อนครับว่า
    เรากำลังพูดถึง คนที่สอนผิด และ ไม่รู้จริง คือ เอกวีร์ และกลุ่มดูจิต พลอยทำให้ คำสอนวิบัติคลาดเคลื่อน นั่นคือประเด็นของผม

    สำหรับท่านอื่น เช่น คุณธรรมภูติ และ คุณธรรมสวนังท่านอาจจะมุ่งเป้าไปที่ ฝ่ายดูจิตที่ผิดเพี้ยนอย่างเดียว แต่ผมมุ่งไปที่คำสอนที่ผิดของพระปราโมทย์ด้วยเพราะเป็นความผิดเพี้ยนอย่างแท้จริงและเป็นต้นเหตุทำให้ฝ่ายดูจิตทั้งหมดคลาดเคลื่อน
    เพี้ยนไปหมด ทั้งการกระทำ และ ความเห็น

    ดังนั้น การจะหยิบคำพระสังฆราช มาอ้างไม่ใช่เรื่องครับ เพราะผมและ ธรรมภูติ และ ธรรมสวนัง ไม่ได้ตำหนิคำพระสังฆราช หรือพูดสวนทางกับพระสังฆราช
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ประเด็นทั้งหมด จะสรุปรวบยอดมาให้ดูอีกครั้ง จะได้เข้าใจว่าเถียงอะไรกัน

    1 เรื่องนี้เป็นเรื่องกล่าวหาว่า ธรรม ที่ฝ่ายดูจิตยกมา เป็นธรรมที่คลาดเคลื่อนอย่างมาก อันทำให้ นักปฏิบัติที่ยังไม่เข้าใจ อาจจะหลงทางได้

    2 ฝ่ายดูจิต ไม่ยอมรับ แต่ไม่ตอบให้ตรง เลี่ยงไปทางนั้นทางนี้ และที่สำคัญ ยังคงประพฤติตน อย่างไม่สนใจคำทักท้วง

    3 ฝ่ายดูจิต ตามตำหนิ อีกฝ่ายอย่างไม่ได้สนใจในธรรม ตั้งกลุ่มตั้งแก๊งค์ ทำตัวเป็นเจ้าของพื้นที่บอร์ด ตั้งกระทู้ใหม่ เพื่อเป็นชนวนขัดแย้งเพิ่มขึ้น แม้ว่าเป็นการกระทำเฉพาะบุคคล แต่มีเจตนาที่ สร้างความร้าวฉานขึ้นต่อ

    4 ฝ่ายดูจิต ยิ่งตนเองผิด ยิ่งเลี่ยง มันก็ยิ่งผิดพลาดมากขึ้น ด้วยการเอาคำครูบาอาจารย์ท่านนั้นท่านนี้ มาสนับสนุนตน โดยไม่ให้ธรรมสนับสนุนตนเอง

    5 มีการดึงพรรคพวก ดึงคนที่ไม่รู้ไม่เห็น ด้วยการรักเพราะเกลียด คือ รักกันเพราะเกลียดคนๆ เดียวกัน

    6 ไม่มีการเตือนคนที่พลาดพลั้งทางความคิด แต่กลับสนับสนุนเพียงเพราะว่า ต้องการให้ฝ่ายตนนั้นถูกต้อง และ รับรองกันเองแต่งตั้งยศ พระโสดาบันกันเอง โดยไม่ตักเตือนในมิจฉาทิฎฐิ


    กัลยณมิตร คือ ผู้ที่จะต้องเตือนเมื่อเพื่อนประมาท แต่ ปรากฎการเสริมเติมทัพ เพื่อให้ยังความบรรลัย อันเกิดแต่การปรามาสธรรมในกลุ่มของตนเอง ครั้นเมื่อ นายขันธ์ ไปเตือนไปขู่ ให้เกิด หิริโอตัปปะ กลับ ยิ่งตีความไปในทิศทางที่ นายขันธ์ แช่งให้ลงนรก

    บอกตามตรง ฝ่ายดูจิต กำลังเดินลงเหวไปโดยไม่รู้ตัว
     

แชร์หน้านี้

Loading...