การบำเพ็ญบารมี เพื่อความรู้แจ้ง และ พุทธภูมิ(อาจารย์กร)

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย JIT_ISSARA, 14 สิงหาคม 2010.

  1. JIT_ISSARA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,163
    วัตถุประสงค์
    เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมกระทู้ ที่สำคัญ
    เนื่องจากกระทู้นัดกระจัดกระจาย จขกท ต้องการทำเป็น Link รวมเพื่อจะได้ค้นหาได้ง่าย และ เพื่อบุคลลที่ใคร่ค้นคว้าและพิสูจน์ด้วยตนเองว่าพระพุทธองค์กล่าวอะไร สอนอะไร และนำพาพวกเราไปที่ไหน

    On Track 1
    http://palungjit.org/posts/3622443

    ************************************************

    On Track 6
    http://palungjit.org/threads/ธรรมมะ...งธรรมมะ-และอะไรคือความไพเราะของธรรมมะ.248736/


    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะครับ
     
  2. JIT_ISSARA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,163
    ขอให้ท่านแค่ ขยับนิ้วซ้าย หรือ ขวา อนุโมทนา แล้วไปให้ความคิดเห็นในแต่ละกระทู้เองนะครับ
     
  3. JIT_ISSARA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,163
    ขอบคุณครับ
    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม แล้ววางธรรมทั้งปวงได้ในเร็ววันครับ
     
  4. JIT_ISSARA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,163
    ***********************************************
     
  5. wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,683
    ค่าพลัง:
    +9,239


    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1090666/[/MUSIC]

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. adevathep เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +153
    ท่านอาจารย์กล่าวเสมอๆว่า

    "... ผู้บำเพ็ญบารมีส่วนใหญ่ ต้องการสืบอายุพระศาสนาให้ยืนยาว ต้องการจรรโลงพุทธศาสนาให้ก้วางไกล พากันลบหลู่ศาสนาอื่น

    ทั้งๆที่ตนเองยังไม่แจ้งในธรรม ชอบอ้างคำของครูอาจารย์ที่ตนเองศรัทธานับถือ แม้จะเป็นอริยะหรือมิใช่อริยะ ก็อ้างต่อคนอื่น อวดภูมิตนเอง ไม่อ้างคำครูอาจารย์ตนเอง ก็อ้างพุทธพจน์ อ้างพระไตรปิฎก

    ไม่เคยแจ้งจากจิตภายใน ในสภาวะธรรมทั้งปวง

    ท่านทั้งหลาย โลกนี้สับสนวุ่นวาย เพราะสรรพสัตว์ทำให้วุ่นวายกันเอง พากันแบ่งแยกสรรพสิ่งว่า ดีชั่ว ดำขาว มืดสว่าง ใหญ่เล็ก โง่ฉลาด บริสุทธิ์มลทิน อริยะปุถุชน สั้นยาว ยินดียินร้าย ถูกผิด บุญบาป สูงต่ำ รวยจน สวยขี้เหล่ เกิดตาย หนุ่มชรา เราเขา ต่างๆนานา

    สิ่งเหล่านี้ ล้วนนำไปสู่ความขัดแย้ง โต้เถียงกันไม่มีที่สิ้นสุด

    เพียงแต่ท่านทั้งหลายให้รับรู้สรรพสิ่งที่ผ่านเข้ามาทางอายตนะทั้งหก ตามที่มันเป็นจริงๆ โดยไม่แยกแยะคุณค่าใดๆ สัมผัสมันตามที่มันเป็น คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    ท่านทั้งหลายก็ไม่ข้องในสุขแลทุกข์ เมื่อไม่ข้องในสุขแลทุกข์ ย่อมหลุดพ้น ไม่กังวล ย่อมอิสระ ในการดำเนินชีวิต

    สติก็ดี ปัญญา ความรู้แจ้งในธรรมและการวางธรรมทั้งปวงให้ดำเนินไปตามวิถีของมัน แต่ไม่ติดกับมัน ไม่กังวลกับมัน นั่นแหละธรรมที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงประกาศ เป็นเบื้องต้น ... แม้ท่านทั้งหลายจะแจ้งในสภาวะอันยิ่งกว่าสุข สุขุม ปราณีต ก็ไม่ต้องติดมัน

    ธรรมทั้งปวงไม่ควรถือมั่น แม้กิริยาที่ไม่ถือมั่น ก็ต้องวาง"
     

แชร์หน้านี้