การปฏิบัติธรรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย telwada, 5 กันยายน 2011.

  1. telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    การปฏิบัติธรรม
    มนุษย์ (หมายเอาเฉพาะมนุษย์) มีความจำ สามารถจำความรูัในด้านต่างๆได้อย่างมากมาย นับไม่ถ้วน อีกทั้งยังสามารถนำความรู้เหล่านั้นมาปรุงแต่งให้เกิดเป็น ความรู้ใหม่ๆได้อีกด้วย
    " ธรรมะ" ก็เป็นความรู้ชนิดหนึ่ง เป็นความรู้ทางธรรมชาติที่เป็นหลักความจริงของมนุษย์ มนุษย์ย่อมจำได้ถ้ามีการอ่านมีการท่องจำ และย่อมตอบคำถามทั้งหลาย หรือสามารถ สอนผู้อื่น เกี่ยวกับธรรมะได้
    แต่ การที่บุคคลจะบรรลุธรรมชั้น "อริยบุคคล" ตั้งแต่ชั้น โสดาบัน,สกทาคามี,อนาคามี,อรหันต์,นิพพานหรือปรินิพพาน ได้นั้น ต้องรู้จักการปฏิบัติตามธรรมะทั้งหลายเหล่านั้น
    การปฏิบัติธรรม มีอยู่ ๓ ชนิด คือ
    ๑. ปฏิบัติไปตามธรรมชาติแห่งการครองเรือนแห่งสังคมการเป็นอยู่ร่วมกัน กล่าวคือไม่ต้องเรียนรู้ธรรมะ ก็สามารถปฏิบัติธรรมทั้งหลายได้โดยอัตโนมัติ เหตุเพราะ ธรรมะ ก็คือ พฤติกรรม การกระทำ ในด้านต่างๆของมนุษย์ ทั้งในด้านดี และในด้านที่ไม่ดี ถ้าปฏิบัติในด้านดี ก็จิตใจสงบเป็นสุข ไม่ทุกข์ ,แต่ถ้าปฏิบัติในทางที่ไม่ดี ก็ย่อมไม่เป็นสุข เป็นทุกข์ นี้เป็นเรื่องธรรมะซึ่งเกิดขึ้นหรือมีอยู่ในจิตใจของมนุษย์เป็นปกติตามธรรมชาติ
    ๒. ปฏิบัติธรรม โดยเป็นไปตามธรรมชาติ และเป็นไปด้วยการได้รับการขัดเกลาทางสังคม และตัวผู้ปฏิบัติน้อมใจ ขยัน สนใจที่จะปฏิบัติธรรม โดยหมั่นทบทวน หมั่นพิจารณาพฤติกรรมที่ตัวเองได้ปฏิบัติไป ว่าอย่างไรดี อย่างไรไม่ดี แล้วแก้ไข เพื่อให้เกิดการประพฤติปฏิบัติในทางที่ถูกที่ควรตามทำนองคลองธรรม การปฏิบัติธรรมตามที่ได้กล่าวไป เป้นการปฏิบัติธรรม ในลำดับปุถุชน คฤหัสถ์ หรือ ฆราวาส อันเป็นปกติวิสัยของคนชุมชน หรือประเทศที่มีศาสนา เพื่อการสังคมเป็นอยู่ร่วมกันอันสงบสุข ทั้งตนเองและผู้อื่น
    ๓. การปฏิบัติธรรม เพื่อบรรลุธรรมในชั้น"อริยบุคคล" ตามหลักพุทธศาสนา อันนี้ขอให้ทุกท่านเมื่อได้อ่านแล้วก็ควรคิดพิจารณา อย่ารีบเชื่อตามที่ข้าพเจ้าจะอธิบายดังต่อไปนี้ ความว่า
    การปฏิบัติธรรม เพื่อบรรลุธรรมในชั้น "อริยบุคคล"ตั้งแต่ชั้น โสดาบันเป็นต้นไปนั้น มีรากฐานมาจาก "ศาสนาพราหมณ์ฮินดู" ต้องอาศัยหลักธรรมมากมายหลายข้อ เพื่อให้บรรลุถึง หลักการปฏิบัติที่ปรากฎมีอยู่ในพระไตรปิฎก ส่วนใหญ่จะเป็นการอธิบาย วิธีการปฏิบัติ ว่าควรปฏิบัติอย่างไร ไม่ใช่ตัวธรรมะที่จะทำให้เกิดความหลุดพ้นหรือบรรลุถึง ที่ข้าพเจ้าอธิบายอย่างที่ได้กล่าวไป ก็ให้ท่านทั้งหลายได้ไปศึกษาและทำความเข้าใจในหลักการที่ปรากฎมีอยู่ในพระไตรปิฎกให้ดีนะขอรับ
    การจะปฏิบัติเพื่อให้บรรลุถึงธรรม ตั้งแต่ชั้นโสดาบันเป็นต้นไปนั้น จะต้องฝึกทางใจ และฝึกทางสมอง ถ้าจะกล่าวโดยรวม ก็คือ ฝึกปฏิบัติทางร่างกายภายใน คือ ฝึกทาง " รูป ,เวทนา,สัญญา,สังขาร,จิตวิญญาณ" ให้เกิดความรู้ความเข้าใจนับตั้งแต่ตัวเองเป็นต้นไป และยังต้องมีความรู้ด้านอื่นๆ ประกอบอยู่ด้วย เหตุเพราะ การจะบรรลุธรรมตั้งแต่ชั้นโสดาบันเป็นต้นไปได้นั้น จะต้องรู้จัก ขจัดคลื่นความคิด คลื่นอารมณ์ คลื่นความรู้สึก ออกจากร่างกายได้ ถ้าขจัดออกได้บางส่วน ก็ให้สันนิษฐาน บรรลุธรรมชั้นอริยบุคคลชั้นแรกไว้ก่อน ถ้าหากท่านทั้งหลายจะถามว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าขจัดคลื่นความคิด คลื่นอารมณ์ คลื่นความรู้สึกได้อย่างไร คำตอบก็คือ ทุกท่านที่ปฏิบัติถึงขั้นนั้น จะสามารถมองเห็นคลื่นซึ่งเป็นคลื่นไฟฟ้าส่งพลังงานแสงออกจากร่างกายตัวเอง และผู้อื่น ก็สามารถเห็นพลังงานแสงเหล่านั้นได้ด้วยตา
    ที่ได้อธิบายไปข้างต้น จงนำไปคิดพิจารณา หรือจะฝึกปฏิบัติเลยก็ย่อมได้ เพียงให้ท่านทั้งหลายคิดพิจารณา แยกแยะรายละเอียด หลักธรรมที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้ ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจว่า จาก"รูป ,เวทนา,สัญญา,สังขาร,จิตวิญญาณ"นั้น มันเกิดความดี ความไม่ดี ความทุกข์ ความไม่ทุกข์ ฯลฯ ได้อย่างไรกัน
     

แชร์หน้านี้