เวลาไปฝึกที่วัดท่าซุงมาแล้ว ครูท่านบอกให้ไปซ้อมเยอะๆ ก็เลยอยากรู้ว่าถ้าจะฝึกเองที่บ้านควรจะฝึกแบบไหนครับ คือทำตามขั้นตอนได้ตามปกติเช่นเตรียมดอกไม้ เงินค่าครู ฟังหลวงพ่อเทศน์แล้วภาวนานะมะ พะธะ ทีนี้เวลาจะไปที่ต่างๆเหมือนที่ครูพาไปเราจะไปเองได้ไหม เพราะปกติครูท่านจะต้องนำ แล้วยืนยันให้เราว่าถูกไหม ถ้าเราจะฝึกเองจะมีวิธีการอย่างไรครับ ช่วยแนะนำหน่อยขอรับ
การฝึกมโนมยิทธิด้วยตนเอง?
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Sathuja, 23 กุมภาพันธ์ 2014.
-
ลอง seach หาในห้องของหลวงพ่อฤษีฯ ครับ
-
การฟังพระธรรมเทศน์ของหลวงพ่อตามท่านด้านบนบอกให้เป็นปกตินั้น..เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการฝึกกรรมฐานนะครับ ฉะนั้นอย่าได้ทิ้งที่จะศึกษา เพื่อวางอารมณ์ใจ และการปฏิบัติทั้งศีล สมาธิที่ได้ ตลอดจนการเจริญปัญญา ได้อย่างถูกต้อง ไม่ผิด ไม่พลาดไป....ถ้าคุณฝึกได้แล้วครูฝึกท่านจะบอกให้ซักซ้อมอารมณ์ การซักซ้อมอารมณ์นี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถึงมากที่สุดเลยก็ว่าได้นะครับ....เมื่อคุณทำได้แล้ว คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดอะไรมาก...ให้คุณลองนึกกลับไป ณ. วันที่คุณฝึก ครูฝึกท่านแนะนำให้ทรงอารมณ์อย่างไร ก็ต้องทำให้ได้อย่างนั้น นั่นหละครับ....คือการทรงอารมณ์....ซึ่งต้องซักซ้อมตลอดเวลาที่เราทำได้....คุณลองนึกย้อนกลับไป ณ วันนั้นดู...ว่าท่านให้ทำอย่างไรในเรื่องของการทรงอารมณ์.....
เรื่องพานครู ถ้าฝึกได้แล้ว ...ในตอนซักซ้อมอารมณ์ที่เราปฏิบัติเอง ไม่มีความจำเป็นครับ....เว้นแต่จะไปต่อกับครูอีกครั้ง ซึ่งปกติ ถ้าได้แล้ว ก็เข้าสู่ขั้นซักซ้อมอารมณ์ ไม่มีความจำเป็นต้องฝึกซ้ำอีกแล้ว เว้นเสียแต่ท่านที่ไม่มั่นใจ หรือฝึกแล้วยังไม่ได้ ก็ไปฝึกซ้ำใหม่.....
การซักซ้อมอารมณ์ต่อไปจากนี้ไม่ต้องพึ่งครูฝึกครับ ท่านไปอย่างไร ไปซ้ำอย่างนั้น อยากรู้อะไรตั้งอารมณ์ให้ถูกตามที่ครูฝึกท่านเคยแนะนำแล้วก็ทำไปเลย....การซักซ้อมขั้นต่อไปจากผู้ที่ฝึกมโนฯได้แล้ว คือซักซ้อมอารมณ์ร่วมกับครูฝึกและ/หรือร่วมกับคณะใหญ่ ขึ้นสู่การฝึกญาน ๘ ต่อไป..... -
-
ยกตัวอย่าง สิ่งที่เราเห็นนั้น เราไม่คยคิดไว้ก่อนล่วงหน้า
ใช่ไหมล่ะ
แสดงว่า สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่อุปทาน เป็นเรื่องจริง
พอเรามีความเชื่อมั่น พอเชื่อมั่น ผลที่ตามมา ใจก็จะตั้งมั่น
พอใจตั้งมั่น สมาธิมันง่าย รวมตัวง่าย (อย่าเอะ! อย่าสงสัย)
การฝึกการท่องเที่ยว ไปได้ไม่ได้ อยู้ที่กำลังสมาธิของตัวเจ้าของ
ภาพชัดไม่ชัด เห็นตามความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน ต้องบวกวิปัสนาญาณ
เข้าไปด้วย พิจารณาเยอะๆนะครับ อารมณ์วิปัสสนาใช้ควบคู่ๆไปด้วยครับ -
-
ถ้ากำลังฌาณโลกีย์ จะเห็นเป็นสีทองคำอร่ามสุกเปล่งปลั่ง แบบวัดเขาคีรีวงศ์เลยนะ
ก็จะบอกลักษณะแตกต่างกันไป
แต่ถ้าสมาธิตั้งมั่นจริง และวิปัสสนาละเอียด
ก็จะเห็นในลักษณะเดียวกัน
แบบนี้ก็ถือว่าใช้ได้ครับ
..ถ้าคุณไปด้วยกำลังฌาณโลกีย์ล้วนๆ ไม่มีวิปัสสนา
คุณจะเห็นสีทองคำล้วนๆแน่นอนครับ
ดีแล้วครับ ทำต่อๆๆ
อนุโมทนาบุญครับ -
แนวทางการสอน ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
จะใส่วิปัสสนาญาณ ให้ลูกศิษย์ลูกหา ทุกครั้งที่ฝึก พระกรรมฐาน
แบบให้คิดตาม แบบนั้น แบบนี้ นั่นละ วิปัสสนา
ให้โดยที่ ลูกศิษย์ไม่รู้ตัว ลูกศิษย์ ทำตามครูบาอาจารย์
ภาพก็เลยออกมาาอย่างที่เห็น
จะมีแก้วผสมทอง.. -
-
แบบเดียวกับพี่สาวผมเลย กลัว !
พี่สาวผมเห็นหลวงพ่อ นั่งกระเช้าลอยมาอย่างสวยเลย
มากวักมาือเรียกอยู่ ท่านก็ยึ้มหัวเราะ เรียกพี่สาว
ให้ไปด้วย จะพาไปเที่ยว
(แบบว่ากำลังสมาธิ วิปัสสานาถึงแล้วไง ถึงจะเห้นจะสัมผัสได้)
พี่สาวใจหวิว ไม่กล้าไป
แค่รู้สึกกลัวนี่ เสร็จแล้ว ไปไหนไม่ได้
กลัวตาย กลัวไปแล้วไม่ได้กลับ!
จะกลัวอะไรก็แล้วแต่ เสร็จ อยุ่กับที่ ไม่ก้าวหน้า
เค้าถึงบอก คนกล้า ตายครั้งเดียว
แต่คนกลัวตายหลายครัง ตัดสินใจไม่เด็ดขาด
นักกกรรมฐานที่ดี และได้ดี ต้องเด็ดเดี่ยว
(แหม๋อีตอนเริ่มพิจรณา มันไม่มีอะไรดีเลยนะ
ร่างกาย เต็มไปด้วยสิ่งสกปรก การใช้ชีวิตพิจรณาดูแล้ว
ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ สุดท้ายก็ตายกันทุกคน ฯลฯ..
พิจราณาตัดร่างกายดูเหมือนจะได้ พอเอาเข้าจริงๆ พอจะไปได้จริงๆ
มันกลัวน้อ!)
ดูอสุภะเยอะๆครับ ดูในยูทูป คลิปผ่าศพ พิจรณษความตายด้วย
หรือไปวัดท่ีมีการเผาศพ หรอโรงพยาบาล
ที่ขอเข้าไปดูซากศพได้ จะได้พิจรณาได้ละเอียดขึ้น
ต้องพิจรณา ไห้เห็นชัดไห้ได้ว่า กายไม่มีในเรา
เราไม่มีในกาย
ถ้าสามารถ เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ตัดร่างกายได้จริง
ถ้าทำได้5 นาที ก็ไปได้5นาที
ยกตัวอย่าง กิเลส เปรียบเหมือนสปริงแข็ง
เราทั้งพิจราณา ทั้งสมาธิ พออารมณ์มันเข้าใจกระจ่าง
ในองค์สมาธิ และวิปัสสนา เราก็สามารถ กดเหล็กสปริง
กดมิดเลย พอกำลังสมาธิเราอ่อน วิปัสสนาญาณอ่อน
เจ้ากิเลส ที่เปรียบเหมือนสปริงแข็ง ก็เด้งขึ้นมาเหมือนเดิม
ไอ่ที่เคยกลัว ก็กลัวเหมือนเดิม กิเลสมันหลอกคุณ
ลองดูนะ ยังไง มาคุยกันอีกทีครับ
เจริญในธรรมครับ -
https://www.youtube.com/watch?v=OGjObsdUX48
ผมเอาเคลิปผ่าศพมาให้ปลงอสุภะพระกรราฐานครับ
พิจรณาร่างกายให้ละเอียด พิจรณาความตาย
สองอย่างอย่าไห้ขาดจากใจ ความกลัวจะทุเลาเบาบางลงครับ -
ผมไม่รู้เป็นอะไร มันขำ ขำ
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ฝึกมโนมยิทธิ ท่องเข้าไว้ " จิตแรก ไม่สงสัย เห็นอย่างไรตอบอย่างนั้นทันที " -
ชอแนะนำอีกสักนิดหนึ่ง สำหรับบางท่านที่มีความคิด ความเข้าใจในทางที่ผิดๆ ซึ่งเขาเหล่านั้นมักจะกล่าวว่า
"อะไรจะเกิด ก็ให้มันเกิด"
คำพูด ฯ ดังกล่าว ไม่ถูกต้องนะขอรับ ถ้าหากข้าพเจ้าจะกล่าวให้เป็นไปตามหลักธรรมชาติแล้ว
"แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน ทุกชนิด ยังรู้จัก หลีกเลี่ยง หลบหลีก ป้องกัน เหตุอันตราย หรือเหตุแห่งธรรมชาติต่างๆ "
แล้วพวกท่านเป็นมนุษย์ พวกท่านควรคิดอย่างไรขอรับ เชิญท่านทั้งหลายพิจารณาดูเถิดขอรับ