การภาวนาเพื่อเรียกอภิญญาเก่า

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Tanakorn, 23 มีนาคม 2016.

  1. Tanakorn

    Tanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +1,537
    การภาวนาว่า "โสตัตตะภิญญา" นอกจากจะเป็นการเรียกอภิญญาเดิมที่เคยทำได้มาแล้วเมื่อชาติก่อน ๆ ยังจะช่วยให้ฟื้นความรู้ด้านอื่น ๆ ด้วยหรือไม่ขอรับ
     
  2. Tanakorn

    Tanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +1,537
    พอดีอ่านเจอคาถา "โสตัตตะภิญญา" ในกระทู้ตอบปัญหาของพระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน
     
  3. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    นี่ล่ะอยากรู้เองแล้วเห็นมั้ยครับ .. เด๋วพอมีวาสนาได้ฌานสมาบัติขั้นสูง
    ก็น่าจะได้ทดลองวิชาต่างๆ

    แต่บางวิชาที่น่าจะได้มาเลยตามบุญ คือ ระลึกชาติ ดูสวรรค์ นรก อะไรแบบนั้น

    ส่วนฤทธิ์ต่างๆ ที่เป็นเรื่องของโลกด้วย ก็จะแตกแขนงๆ ไป เป็นส่วนของความรู้ก็มี
    จึงน่าจะต้องมีปัจจัยเสริม จึงจะได้วิชาเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเหล่านี้หมด

    แต่พระเกจิท่านหนึ่งกล่าวว่า ยุคนี้ อยากเรียนวิชาอะไรให้ไปขอเรียนที่ชั้นพรหม

    เพราะก่อนหน้านี้เคยอ่านชาดก เรื่องพระโพธิสัตว์(พระศรีอริยเมตไตรย)เลี้ยงช้าง
    แล้วร่ายคาถาให้ช้างเอางวงไปจัดถ่านเพลงลุกไหม้ให้กษัตริย์ดู เพื่อขออภัยโทษช่วยชีวิตช้างตัวนั้น
    ประเด็นคือ คาถาจับไฟ .. ในยุคนี้ก็มีหมดแล้ว .. อาจารย์ชม สุคันธรัต ก็ทำได้ (จับโซ่เหล็กที่เผาไฟจนแดง)
    ดังนั้น ที่พระท่านว่า วิชาต่างๆ พิศดารขนาดไหน ก็ไปขอเรียนที่ชั้นพรหมก็น่าจะมีส่วนจริง
    อีกอย่างท่านที่ได้ฤทธิ์ก็มีสมาธิขั้นพรหมอยู่แล้ว พอท่านตายก็น่าจะมาอยู่ที่ชั้นนี้กัน

    ประเด็นต่อไปคือ จะได้สมาธิขั้นสูงได้หรือป่าว นี่ล่ะ
    จะชาตินี้ หรือ ชาติหน้า มันอยู่ตรงนี้ล่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2016
  4. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    ที่พิศดารสุดๆ คือ ฤทธิ์จำพวกวิชา
    ซึ่งยกตัวอย่างว่า .. สมัยก่อนยกกองทัพม้า กองทัพไพร่พล เหาะไปในอากาศได้

    ซึ่งการทำให้คนอื่นๆ อีกเป็นพันเป็นหมื่นที่ไม่ได้มีฤทธิ์ ใช้ฤทธิ์ได้นี่ล่ะ
    ยังไม่เคยได้ยินในยุคนี้

    แต่ถ้ายุคนี้ที่เห็นชัดๆ ก็คือ เครื่องบิน(เป็นวิชา) และอาศัยน้ำมันเป็นพลังงานขับเคลื่อน
     
  5. Tanakorn

    Tanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +1,537
    สาธุ

    _//\\_
    _//\\_
    _//\\_
     
  6. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +792
    คำว่า เรียกอภิญญาเก่ามาใช้
    ฟังดูเหมือนเอาของเก่ามาใช้ ที่เก็บเอาไว้ ว่าอย่างนั้นนะครับ
    เหมือนสะสมเป็นสิ่งของเก็บเอาไว้ ฝังดินไว้ ว่างๆ ก็มาขุดกัน

    ทีนี้ พอพูดกันง่ายๆ ก็คงคิดว่า เรียกกันก็มา เท่าที่ฟังและอ่านหลวงพ่อฤษีลิงดำ ท่านหมายสอนคนที่มีของเก่าติดตัวมาว่าง่ายๆ อย่างนั้นครับ

    แต่ว่า ความจริงเราใช้ของปัจจุบันนี้แหละ

    คือ เราปัจจุบันนี้ต้องเข้าออกฌาณ ๔ จนคล่องแล้ว ทีนี้ มันมาลำบากตรงขั้นต่อไป คือ อภิญญาจะทำยังไง ถ้ารู้วิธีทำมันก็ทำได้เลย ไม่ต้องเรียกของเก่าใช่ไหม แต่ว่าสำหรับคนที่เคยสะสมมา โสตัตตะภิญญา (ไม่ต้องใช้คำภาวนาก็ได้ ถ้าอธิษฐานจิตเป็น แค่ตั้งจิตเอา) เป็นการตั้งจิตอธิษฐานเรียก อภิญญามาใช้ได้เลย ไม่เสียเวลา

    แปลว่า คนๆ นั้น ต้องพร้อมที่จะทำอภิญญาได้อยู่แล้ว คือ เข้าออกฌาณ ๔ ได้คล่องแล้วครับ

    มีวิธีง่ายๆ คล้ายกับ โสตัตตะภิญญา แบบเดียวกัน

    เมื่อท่านได้มโนมยิทธิ แล้วจนถึงแก่ความชำนาญ หมายถึง ได้ฌาณ ๔ คล่องแล้ว ท่่านนึก แค่นึกว่า เรานี่เคยได้อภิญญาและสามารถทำอภิญญาใดได้บ้าง แค่นึก แต่ไม่ต้องไปยึดมั่นจับมันคั้นอะไร แค่สักว่านึกแล้วจบไป แล้วก็เข้ามโนมยิทธิ ถึง ฌาณ ๔ แล้วพอฌาณขยับลงมาที่อุปจาร มันทราบเลย จิตมันรู้เลยนั้นล่ะ ศักยภาพต่างๆ ที่จะทำอภิญญา ที่นี้ ถ้าจะเรียก ก็ตั้งใจว่าจะเรียกใช้ล่ะ

    กรณีมโนมยิทธิ จะเห็นกายในกายอยู่แล้ว เมื่อนึกถึงอภิญญา องค์บารมีธรรมที่สะสมไว้ จะลงมาประทับทันที เหมือนเวลาจะแผ่เมตตา เมตตาธรรมก็ลงมาประทับอย่างนั้น จิตก็ถึงแก่การบันดาลอภิญญาได้ทันที แต่ต้องตั้งจิตอธิษฐานจะทำ

    แต่ทีนี้ เมื่อคนเราที่สะสมมามาก มันมีทุกด้านนั้นแหละ มันใช้พร้อมกันไม่ได้ ถ้าได้อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็อาจเรียกมาทีเดียวเลย แต่เวลาที่สะสมไว้หลายด้าน ให้เจาะจงไปเลย มันเรียกความสามารถได้มาพร้อมกัน แต่ต้องอธิษฐานใช้ทีละอย่างไป (การใช้อภิญญาหลายข้อในเวลาเดียวกัน เท่าที่ทราบมีแค่พระพุทธองค์ ที่เหลือใช้ทีละขณะจิต)

    ดังนั้น ตั้งใจไปเลยทีละครั้ง พิจารณาเลย เราอยากใช้อภิญญาข้อใดเพื่ออะไร ถ้ามันไม่รู้วัตถุประสงค์จะใช้ มันไร้ความหมายที่จะเรียก คนที่จะเรียกมาลองเล่น มาลองฝึก คือคนที่เน้นฝึกฤทธิ์ลองดูกำลังของใจ

    ความจริง เราตั้งใจอธิษฐานไปเลย ตั้งแต่ก่อนทำกรรมฐานจะดีกว่า

    ตั้งใจไปเลย ขอระลึกชาติได้ เพื่อการระลึกนั้น ทราบกฎแห่งกรรม หรือเพื่อเพิ่มพุนบารมี(กำลังใจ) เช่น เราเคยสละชีวิตเพื่อโพธิญาณมารึไม่ หรือถ้าอยากรู้อนาคต ก็อธิษฐานไปเลย สงสัยค้างคา คาดหวังสิ่งใด ก็ขอให้ได้ทราบ แค่นึก(อธิษฐาน) มันได้เลย

    แต่ทั้งนี้ เหตุปัจจัยคือ ความพร้อมของจิต

    การระลึกชาติ รู้อนาคต รู้การเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์อื่น บางคน รู้วาระใจคน ในระดับใกล้ การเหาะด้วยกายใน ไปสวรรค์ นรก ด้วยกายใน แค่ขั้นอุปจาร ก็ทำได้โดยมีแรงจากฌาณ ๔ ที่เดียวขึ้น เดียวหล่นลง นั้นแหละ แต่มาประคองที่อุปจารไว้เสมอ แต่อุปจารมันก็วูบไหวมาก พวกเหล่านี้ พอทำได้บางขณะ แต่ถ้าถอดกายไปแบบเน้นๆ นานๆ เลย ต้องผลจากฌาณ ๔ ถ้าจะแสดงฤทธิด้วยกายเนื้อ ต้องด้วยฌาณ ๔

    สรุปง่าย เราไม่ได้บวช อยู่วัดนาน ทำที่บ้าน หมั่นประคองจิตที่ขั้นอุปจารบ่อยๆ ส่วนฌาณ ๔ วันหนึ่งๆ พยายามเข้าให้ได้สักครั้ง เอาแบบเทียมหรืออย่างหยาบไปก่อน คือ จิตจ่อที่ปลายจมูกอย่างเดียว ดูจิตว่าไม่สนเสียง ไม่สนบริกรรม ไม่สนใจเวทนา มีอารมณ์เดียวคือ อุเบกขากับเอกกัคคตา ลองกำหนดในที่คนมากๆ ถ้าลองตั้งใจแล้วหูดับ ตาดับ(ลืมตาทำแต่ไม่รับสนใจทางตาที่เห็นเลยจิตรับรู้ที่ลมหายที่ จมูกจุดเดียว ) รักษาอารมณ์สมาธิอุปจารไว้บ่อยๆ หรือปฐมฌาณไว้บ่อยๆ(ขั้นนั่งทำงาน ไม่สนใจเสียงคนเรียก เค้าตะโกนเรียกกันทั้งห้องก็ไม่ได้ยิน) แล้วทุกเช้าค่ำ หลังตื่น ก่อนนอน นั่งสมาธิ แล้วอธิษฐานเลย ตั้งใจอย่างเดียวก่อน ระลึกชาติ(ตาทิพย์ หูทิพย์ กำหนดเอา) แล้วนั่งไป พอจิตมันได้จุดของมัน ที่จิตตั้งอธิษฐานไว้ มันก็จะทำงานของมัน

    ลองฝึกหูทิพย์แบบเทวดาดู นั่งท่ามกลางผู้คน แล้วตั้งใจฟังเสียงใด อยากฟังเสียงใด ตั้งมั่นโฟกัสไว้จุดนั้น แล้วเข้าฌาณเลย นี่ก็พิสูจน์หูทิพย์ได้แล้ว

    ลองดูนะครับ

    ปล. โพธิสัตว์ต้องลุยจนสิ้นสงสัยนะครับ ความที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ บางทีก็ดีทำให้เราลงมือทำเอง แต่บางทีก็ทำให้ขัดขวางเหมือนกันเพราะคนอื่นเค้ารู้แล้ว แต่เราไม่รุ้เราไม่เชื้่อ ก็ต้องเสียเวลาพิสูจน์เอง
     
  7. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    มาทางสายนี้ ขอให้ยึดมั่นในอุดมการณ์ช่วยเหลือสรรพสัตว์น้อยใหญ่
    ทั้งระหว่างทางและปลายทาง

    ไม่ต้องกลัวว่าจะรู้น้อยหรือจะมีกำลังในด้านต่างๆ น้อย

    ถ้ายังมุ่งมั่นอยู่ สิ่งต่างๆ จะเข้ามาเอง เพราะอย่างน้อยท่านที่ปิดบัญชีจะเข้านิพพานแล้ว
    ถ้าท่านทราบเจตนาที่เรามีต่อโลก ท่านจะมาส่งเสริมต่อยอดบารมีให้อีกด้วย

    อีกทั้งหากเมื่อบารมีมาก เราก็จะเข้าถึงความเป็นสหายกับเหล่าผู้มีบารมีต่างๆ
    ก็จะมีการแลกเปลี่ยนวิชากันอีก ก็จะมีความรู้วิชาต่อไปอีกมากครับ

    ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะมี Powerful น้อยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...