-
iamfu
ผู้ดูแลเว็บบอร์ด
ทีมงาน
ผู้ดูแลเว็บบอร์ด
มีญาติโยมถามว่า ระหว่างการรับยันต์เกราะเพชรที่เป่าเข้าไปในตัวกับผ้ายันต์เกราะเพชร อย่างไหนจะดีกว่ากัน ? อาตมาขอบอกว่ามีจุดเด่นจุดด้อยด้วยกันทั้งคู่
การรับยันต์ติดตัวไปไหนเราไม่ลืมแน่ แต่ถ้าเผลอละเมิดข้อห้ามยันต์ก็จะสูญไปเลย แต่การพกผ้ายันต์ติดตัวนั้นเราอาจจะลืมได้ แต่ถ้าละเมิดข้อห้ามก็แค่เลิกคุ้มครองชั่วคราว ถ้าเรารักษาศีลบริสุทธิ์เมื่อไรก็คุ้มครองได้อีก เมื่อเป็นเช่นนั้นจะเอาทั้ง ๒ อย่างไปเลยก็ได้ ก็คือรับยันต์ไปด้วย พกผ้ายันต์ติดตัวไปด้วย แต่ผ้ายันต์เกราะเพชรของอาตมา ไม่ทราบว่าพระท่านทำท่าไหน เห็นว่าเขาไปใช้ในด้านค้าขายก็ดีอีกด้วย อาตมาก็ยังงง ๆ อยู่เหมือนกัน
การที่ท่านรับยันต์ไปจะรู้ได้อย่างไรว่ายันต์เกราะเพชรเข้าตัวเราแล้ว ? ท่านบอกว่าระยะที่เรานั่งภาวนาอยู่ ถ้ารู้สึกว่าร้อนหู ร้อนหน้า ร้อนตัว หนักหัว หนักไหล่ บางคนก็รู้สึกคันยุบยิบไปตามตัวเหมือนมีอะไรไต่อะไรตอม บางคนก็ขนลุกเป็นหนามเลย ถ้าลักษณะอย่างนั้นแปลว่ายันต์กำลังเข้าตัวแล้ว
ส่วนที่ท่านอยากจะพิสูจน์ ให้ไปหาสาว ๆ ที่ท้องครั้งแรกมารับยันต์ด้วย ถ้าหากว่าลูกคลอดออกมาเป็นผู้ชาย จะมียันต์ติดตัวมาให้เห็น อาตมาเจอมาหลายรายแล้ว บางรายนี่ลายทั้งตัวเป็นตุ๊กแกเลย แต่ว่าไม่ต้องกลัว เพราะว่าภายใน ๗ วันก็จะซึมเข้าไปในกระดูกจนหมด
เพราะฉะนั้น...ใครที่รับยันต์ไปแล้ว ถ้าลูกเกิดมาตัวลาย ๆ ก็ไม่ต้องกังวล มีอยู่รายหนึ่งทำคลอดแบบโบราณ มีหมอตำแยด้วย ลูกเกิดมาตัวลายพร้อยเลย แม่ก็ตกใจ ถามว่าลูกจะเป็นอะไรไหม ? หมอตำแยบอกไม่ต้องห่วงอีหนู เดี๋ยวแม่จัดการเอง ว่าแล้วก็อมเหล้า พ่นพรวดเดียวหายเรียบ โถ...คุณยาย ร้ายกาจเหลือเกิน รู้ด้วยว่ายันต์เกราะเพชรต้องแก้ด้วยเหล้า...! แต่ขอยืนยันว่ายันต์ไม่ได้หายไปไหน แต่หนีเหล้าเข้าไปอยู่ในกระดูกแล้ว
ถ้าหากว่าเป็นลูกผู้หญิงหรือว่าเป็นผู้ใหญ่ที่รับยันต์เกราะเพชรไป จะไปพิสูจน์ได้อีกทีตอนตายแล้วเผา มาเผาที่วัดท่าขนุนก็ได้ มีเมรุปลอดมลพิษอยู่ ๒ ชั่วโมงก็เก็บกระดูกได้แล้ว ก่อนเก็บกระดูกก็หยิบชิ้นโต ๆ มาถ่ายรูปไว้ จะมียันต์ติดที่กระดูก
ในเมื่อเรารับยันต์เกราะเพชรไป ถ้าหากว่าภาวนาอยู่ทุกวัน ก็จะมีอานุภาพดังที่กล่าวมาคือ ถ้าไม่ได้หมดอายุขัยจริง ๆ ก็จะไม่ตายโหง จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษ จะไม่ตายด้วยอำนาจของไสยศาสตร์ และจะสะท้อนกลับไสยศาสตร์ทั้งหมดที่เขาทำมา เรื่องพวกนี้อาตมาพิสูจน์ทราบมานับครั้งไม่ถ้วน จนกระทั่งมั่นใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
สมัยประมาณปี ๒๕๒๕-๒๕๒๖ อาตมาปลดอาวุธก็คือวัตถุมงคลในตัวหมดเกลี้ยงเลย เพราะมั่นในใจตัวเอง เนื่องจากว่ากำหนดจิตดูเมื่อไรก็เห็นยันต์เกราะเพชรสว่างไสวอยู่ในอก ลุยได้ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ มาตอนหลังหลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่าแกประมาทเกินไป ถ้าวันไหนแกลืมอาราธนา วันนั้นจะซวย
อาตมาก็มั่นใจว่าตัวเองไม่ลืม แต่ท่านบอกว่าถ้าวาระกรรมมาถึงก็จะลืม จึงต้องเปลี่ยนมาพกพระของหลวงพ่อแทน พกไปพกมาก็พกเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดก็พกเป็นลัง..! ก็หลวงพ่ออยากทำให้ผมหมดความมั่นใจนี่ครับ
....................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com