การศึกษาไทย ควรก้าวไปทางไหนดี

สมัยก่อนๆ เรียนจบก็ไปรับใบประกาศนียบัตรที่ห้องวิชาการ ไม่มีพิธีแบบนี้
ปัจจุบัน เด็กๆระดับอนุบาลมีการแต่งชุดแบบชุดครุยด้วย
ที่โรงเรียนให้ครูสวมครุยมาเพื่อให้เด็กๆเกิดแรงบันดาลใจในการศึกษาเล่าเรียน

 

การศึกษาต้องเป็นธงนำในการปฏืรูปสังคมไทย
ต้องปรับปรุงทั้งทัศนคติคุณครู หลักสูตร และวิธีสอน
การอบรมครูจะต้องมีความหมายและมีคุณค่า
ไม่ใช่ไปราชการเพื่อเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงค่าพาหนะที่
น่าเบื่อ เพราะวิทยากรไม่ค่อยเตรียมการบ้าน
หรือผู้เข้าอบรมคุ้นเคยกับ"การอบรมที่เป็นแบบ
เดิมๆ ทำอะไรไม่ได้หรอก!!"

การศึกษาก่อนประถมวัย และระดับประถมวัย
มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันนะครับ
ประเทศญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับเด็กๆก่อนอนุบาล
เสียด้วยซ้ำ(เรื่องนี้ ก.สาธารณสุขต้องปรับกระบวน
ท่าของบุคลากรทั่วประเทศ
ในแผนกฝากครรภ์และหลังคลอด)
และ ก.ต่างๆที่เกี่ยวข้องจะต้องดูแลกัน
เรื่องการสมรสสมสู่แบบไม่มีความพร้อม
ที่จะสร้างครอบครัว

 

การปฏิรูปประเทศที่ไปทุ่มเทให้กับคนสูงอายุ
ตั้งแต่40 ขึ้นไปถึง 60 ปีอย่างลุงแมว ล้วนเป็น
ไม้แก่ที่ดัดยาก หรือแก่เกินแกงกันแล้ว
คนวันนี้ส่วนใหญ่มีความปรารถนาลามก
คืออยากได้อะไรที่เกินขอบเขตกฎหมาย
เกินศีลธรรมเกินความพอเพียงกันเเทบทั้งนั้น
ความสำนึกต่อส่วนรวมมีน้อย
ชอบสอนลูกหลานให้
รู้จักเอาตัวรอดเป็นยอดดี
สอนให้ลูกศิษย์รู้จักการติดสินบาทคาดสินบน
เพื่อความเจริญก้าวหน้า
ในหน้าที่การงาน
รุ่นนี้ถ้าอยู่ในระบบราชการต้องปรับทัศนคติ
อย่างสม่ำเสมอเพราะย้อมและกดทับด้วยวัฒน
ธรรมขององค์กรจากรุ่นอาวุโสจนตกผลึกแทบ
ทั้งสิ้น
ส่วนคนวัย 40- 60 ที่อยู่นอกระบบนั้นตื่นตัว
กว่าระบบราชการเยอะเพราะการขับเคลื่อน
ของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนและสถาบันอื่นๆ
ได้ร่วมกันสนันสนุนให้เกิดขบวนการดูแลตนเอง
ของประชาชนระดับท้องถิ่น เป็น
"สภาเครือข่ายองค์กรชุมชน"
ระดับท้องถิ่น
ขึ้นทั่วประเทศ
ประกอบด้วยแกนนำภาคประชาชน
ที่ล้วนเป็นนักคิด นักปฏิบัติ ปราชญ์
ชาวบ้าน มาร่วมขบวนการปฏิรูปโดยสร้างเสริม
เติมเติมความรู้ในทุกด้านๆให้แก่ภาคประชาชน
อย่างต่อเนื่อง
และมีการผลักดันกฏหมายที่จำเป็นๆผ่านทาง
สปช.ประจำจังหวัดของตน
เพื่อส่งต่อให้ สนช.พิจารณายกร่างเป็น พรบ.เพื่อประกาศใช้
ให้คุ้มครองและเอื้อประโยชน์ต่อภาคประชาชน
อย่างกว้างขวางรอบด้านมากขึ้น

 

ชื่อกระทู้สามารถสนทนาได้แทบทุกด้านครับ
ลุงกล้วยเลยอยากบอกว่า
ประเทศไทยใครบริหารก็ลำบากเนื่องจากมี
การปล่อยปละละเลยให้ปัญหาด้านต่างๆสะสม
หมักหมมจนไม่รู้จะแก้ตรงไหนก่อน
กลายเป็นข้อจำกัดของการบริหารคือ
สังคมไทยพูดความจริงไม่ได้ ถ้าพูดความจริง
ออกไปผลที่อาจได้รับตอนแทนคือ
๑.ตายหรือสูญหายตามตัวไม่พบ
๒.ตกงาน หรือหมดที่ยืนในสังคม
ต่างคนจึงคิดแค่เอาตัวให้รอดไปเดือนหนึ่งปีหนึ่ง
อายุราชการรอบหนึ่ง ช่วงชีวิตหนึ่งๆ
เท่านั้นภาพรวมจึงเหมือนฝีกลัดหนองทีบวม
ขึ้นบวมขึ้นรอวันแตก

การปกครองที่ใช้อำนาจเฉพาะมองดู
ภายนอกว่าสงบดี
แต่ความจริงอำนาจที่ใช้ควบคุมความสงบ
เปรียบเหมือนยาพาราระงับปวดชั่วคราวเท่านั้น
แต่อาการรุกลามของการทุจริต คดในข้องอ
ในกระดูกในหมู่คนไทยที่ขาดจิตสำนึกความเป็นชาติ
ก็ยังกัดกร่อนความมั่น
คงอยู่เงียบๆเหมือนมะเร็งร้ายในร่างกายมนุษย์

การรออ้ศวินม้าขาว ให้ขี่ม้ามาแก้ปมปัญหานี้
ดูจะเป็นความหวังที่เลือนลางจริงๆ

 

การศึกษาของเรามันขาดอะไรที่สำคัญๆ
ไปหรือเปล่า??
บุคคลระดับแพทย์วางแผนหั่นภรรยาเป็นชิ้นๆ
ผู้มีคุณวุฒิดีกรี ดร.หรือ มหาบัณฑิตยิงตัวตาย
โดดตึก ๖ ชั้น
เมื่อเร็วๆมานี้มีตำรวจสัญญาบัตรยิงตัวตาย
เมื่อวานชั้นนายดาบยิงหัวตัวเองเพราะปัญหา
หนี้สิน อาการสาหัส
เหล่านี้ การศึกษาที่เล่าเรียนมาไม่มีเพาเวอร์พอยท์
ให้พวกเขายั้งคิดเลยหรืออย่างไร

 

ชวนน้องท่องพุทธวจน ทำให้มากไม่เลิกนั้นแหล่ะสุดยอด. แล้วบ้านเราจะเจริญที่สุด

 

การศึกษาไทยกำลังหลงทางนะคะ....
อันที่จริงหลงมานานแล้วละ เมื่อไรจะตื่นสักทีนะ
นักวิชาเกินและนักการศึกษาทั้งหลาย
ท่านผู้นำทั้งหลาย
เรากำลังทำร้ายเยาวชนของเรา ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว

โรงเรียนแห่งหนึ่งในประเทศอันไกลโพ้น รับการประเมินโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพระดับเพชร ครูห้ามนักเรียนเข้าห้องน้ำ เพราะเกรงว่าห้องน้ำจะเปียก คนนอกรู้เพราะเด็กมาขออนุญาตออกนอกโรงเรียน ถามว่าไปธุระอะไรครับ เด็กบอกว่าไปขี้ครับ ครูไม่ให้ใช้ห้องน้ำในโรงเรียน

โรงเรียนต้องทำห้องน้ำคนพิการ ทั้งที่โรงเรียนไม่มีคนพิการ ผอ.ว่ากูสิเฮ็ดครูพิการซะน้อ น้องน้ำนี้จั่งสิมีประโยชน์

ทำห้องน้ำคนพิการเสร็จ อ้าว ประตูต้องแบบเลื่อนนี่นา พอทำประตูเลื่อน พอเลื่อนประตูออกกลับไปปิดห้องน้ำด้านข้าง แถมน้องน้ำแคบ ไม่สามารถใช้กับรถคนพิการได้ กรรม....

แถมวันนั้นห้ามเด็กทานข้าว เกรงโรงเรียนจะสกปรก ให้เด็กเข้าโรงอาหารจำนวนหนึ่งเท่านั้น ห่วงว่ากรรมการประเมินจะเห็นความวุ่นวาย เด็กไม่เข้าแถว ฯลฯ

 

ชอบอ่านความคิดเห็นของแต่ละท่านค่ะ มันบ่งบอกอะไรบางอย่างได้ชัดเจน ลุ่มลึก
ว่างๆ จะมาเขียนอีกนะคะ
ทำรายงานโรงเรียนสุจริตก่อนค่ะ

 

เอาของจริงมาพูดนะเนีย ไม่เฉพาะองกรค์การศึกษาครับ
มันเป็นเหมือนนิสัย ของคนไทยไปแล้ว คือทำอะไรก็ได้ให้ได้มา อย่างใบปริญา ทั้งจริงทั้งปลอม
เรียนๆกัน สอนๆกันเพื้อจะได้ใบปริณญามา เพื่อเงินเดือนหมื่นห้า เพื่อปรับ....ไม่ใช่เพื่อทำงานให้เกิดประโยชน์
เจอครูอาจารย์ดีก็ดีไป พอได้วิชาติดตัวไปทำประโยชน์ เจอร์ครูอาจารย์มาสอนให้จบๆไปสอบๆเอาใบไปอ้าง ก็จบกันทั้งองค์กร ทั้วประเทศ อย่างที่เราๆกำลังเป็นอยู่ โดยเฉพาะวงการ..... ส่วนมากเส้นสาย ได้บุคคลากรไป ไว้กินเงินเดือน เพราะเราไม่ได้สร้าง นักวิชาชีพ แต่เรากำลังสร้างคนจบปริญญา มารับตำแหน่งเพื่อกินเงินเดือน

 

นานๆเขามา บ่นๆ ไป ครูติงสบายดีนะครับ

 

ขอบพระคุณค่ะ คุณดูงาน
ครูติงสบายดีค่ะ วุ่นวายกับการประเมินและการรายงานค่ะ
ติงขัดอกขัดใจก็เลยมาบ่นค่ะ
ความจริงมีมากกว่านี้....

 

แฟนผมเขาคิดจะแย้งสังคมที่เกลียดชาติตะวันตกแบบไร้เหตุผล
โดยการจะตั้งโรงเรียนที่ที่ใช้ระบบศึกษาแบบฟินแลนด์

ไม่มีทรงผม
ไม่เน้นดันคนเก่งให้เก่งขึ้นไป
แต่เน้นคนหัวอ่อนสุดให้ตามคนที่ฉลาดให้ทัน

แต่ไม่รู้เขาจะทำได้ใหมนะ*3*

 

เรื่องของเรื่องก็ต้องมีการเรียน "ศีลธรรม" "ไม่ทราบว่าสมัยนี้ยังเรียนอยู่หรือเปล่าคะ

 

คำว่า ศีลธรรม ถ้าจะเน้นจริงๆ การสอนที่ดีที่สุดคือการทำตัวเองเป็นแบบอย่าง คือต้องเริ่มจากครู แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าคำคำนี่ กว้างนะครับ เอาจริงๆ ผมว่ามันยากเกินกว่าจะทำนะ ขนาดผมยังคิดว่าทำไม่สมบูรณ์เลยครับ ถ้าจะเอาแบบบริสทุธิ์จริงๆระดับพระพุทธเจ้าเลย ท่านก็ยังต้องใช้เวลาเก็บตั้งหลายภพชาตินะครับ กว่าจะครบ แต่ถ้าเริ่มจากแค่ความรัก ผมว่าพี่ติงๆน่าจะตอบได้ดีนะครับ

ถ้าจะเน้นก็ควรเริ่มจากคนสอนล่ะครับ ...ผมคิดว่าอย่างนั้นนะครับ

 

***************
เอาง่ายๆสิคะอย่าไปเทียบพระพุทธเจ้าค่ะ ศีลธรรมที่เคยเรียนง่ายๆ แบบ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ความสามัคคี ร่วมกันทํางานชิ้นเล็ก ๆ(ใหญ่ขึ้นตามลําดับชั้น) การรักพี่น้อง พ่อแม่ เพื่อนบ้าน อะไรแบบนี้ค่ะ

 

ก็ควรเริ่มจาก1 ทำตัวเป็นแบบอย่าง
แล้วก็ให้ความรู้ว่า ทำดีแล้วได้อะไร

เด็กสอนไม่ยากหรอกครับ แต่ต้องสอนให้เป็น

 

ดีค่ะ สนับสนุน
ลองทำดูนะคะ แต่ลงทุนไม่น้อยเลย.....