การหล่อพระแก้วตันๆหน้าตัก 1 M ในเตาอบต้นทุนต่ำกว่าทองเหลืองกลวง หน้า 9 #171

เมื่ออบเสร็จก็นำแม่พิมพ์ปูนปลาสเตอร์ออกมากระเทาะ องค์พระแก้วที่หล่อด้วยแก้วสีใส จะได้แก้วสีฝ้าขาวดังในภาพก่อน ถ้าเราไม่ต้องการผิวสีใสปิ๊ง ก็ใช้สีฝ้าขาวนี่แหละ เพราะสีนี้เป็นที่นิยมครับ

 

เมื่อเอาปูนออกหมดแล้ว นำไปล้างน้ำจะได้ผิวสีฝ้าขาวแบบนี้ องค์นี้หน้าตักเกือบ 9 นิ้ว น้ำหนักองค์พระประมาณ 5 กิโลกรัม ถ้าใช้ก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจากจีน กิโลกรัมละ 25 บาท ต้นทุนแก้วก็ 125 บาท ค่าไฟฟ้า 4 วัน 4 คืนไม่ถึง 1 พันบาท (เจ้าของเตาคิดค่าไฟมาแค่ 1,000 บาท หาร 4 องค์ก็ตกองค์ละ 250 บาท) ต้นทุนตกองค์ละ 375 บาท

ค่าปูนปลาสเตอร์จีนกิโลละ 1 บาท แม่พิมพ์ไม่เกิน 10 กิโลกรัม อีก 10 บาท พระแก้วหน้าตัก 9 นิ้วตันๆก็แค่ 385 บาท (ยังไม่รวมค่าแรงงานซึ่งช่างแต่ละคนคิดไม่เท่ากัน หรือถ้ากินเงินเดือนก็ยังไม่ค่อยเท่ากัน) แต่ถ้าเป็นช่างแก้วเก่งๆของฝรั่งเศสนี่วันละ 2 - 3 หมื่นกว่าบาทครับ

 

ผมใช้หลอด LED ชนิดผสมสีเป็นแผงใต้องค์พระแก้ว แต่ก่อนนี้แผง LED ผสมสีนี้แพงมาก นับพันบาท แต่ปัจจุบันแผงละแค่ 125 บาท อาจจะอยู่ที่ยี่ห้อของ LED หรืออาจจะที่มาจากจีนอะไรทำนองนี้นะครับ

ถ้าผมเลือกแผงสำเร็จ LED ผมเลือกแบบแผงใหญ่หน่อย อาจถึง 200 บาทครับ

 

หลอด LED เขาผสมสีเอง แสงจะเลื่อนจากสีหนึ่งไปอีกสีหนึ่งอย่างช้าๆ หรือจะให้อยู่ที่แสงสีใดก็ได้ จะสว่างเข้มหรือริบหรี่ก็ได้ด้วย

 

ตอนที่หลอด LED แผงสำเร็จเขาริบหรี่ ในภาพนี้ตอนแสงอ่อนจังหวะสีแสงฟ้า

 

ภาพแสดงสายพานเหล็กที่แต่ละหลุมเป็นแม่พิมพ์เหล็กจุก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อ 1 ก้อน สายพานเหล็กนี้เลื่อนด้วยความเร็ววันละ 80 ตัน ( 80,000 kg ) หลงไท้ใช้เตาชนิดนี้ 2 เตา จึงผลิตก้อนแก้ววันละประมาณ 156 ตัน ( 156,000 kg/วัน ) นับเป็นผู้ผลิตก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อรายใหญ่รายหนึ่ง

แต่อย่าลืมว่าทั่วโลกมีผู้ผลิตก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่ออีกหลายสิบบริษัท หรือถ้าพูดจริงๆก็อาจเกินร้อยบริษัทก็ได้ และแต่ละบริษัทก็คงไม่น้อยทั้งนั้น แสดงให้เห็นได้ว่า งานนี้เป็นงานของช่างเฉพาะทาง เหมือนช่างหล่อพระทองเหลืองที่ต้องนำเข้าทองเหลืองจากนอกวันละหลายร้อยหลายพันตันเช่นกัน

 

คู่แข่งทางการค้าที่สำคัญของจีนก็คงเป็นไต้หวัน ท่านผู้นำประเทศไต้หวันให้เกียรติช่างแก้วของไต้หวัน มาประชาสัมพันธุ์ด้วยตนเอง และผมเชื่อว่าไม่นานก็จะผลิตก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจากไต้หวันคุณภาพดีเป็นคู่แข่งกับจีนได้

 

ใช่ อิง เหวิน เข้าเขตนิคมอุตสาหกรรมแก้วในไต้หวัน เพื่อสนับสนุนและให้กำลังใจอุตสาหกรรมประเภทนี้

 

องค์นี้หน้าตักเกือบ 9 นิ้ว น้ำหนักองค์พระประมาณ 5 กิโลกรัม ถ้าใช้ก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจากจีน กิโลกรัมละ 25 บาท ต้นทุนแก้วก็ 125 บาท ค่าไฟฟ้า 4 วัน 4 คืนไม่ถึง 1 พันบาท (เจ้าของเตาคิดค่าไฟมาแค่ 1,000 บาท หาร 4 องค์ก็ตกองค์ละ 250 บาท) ต้นทุนตกองค์ละ 375 บาท

ค่าปูนปลาสเตอร์จีนกิโลละ 1 บาท แม่พิมพ์ไม่เกิน 10 กิโลกรัม อีก 10 บาท พระแก้วหน้าตัก 9 นิ้วตันๆก็แค่ 385 บาท (ยังไม่รวมค่าแรงงานซึ่งช่างแต่ละคนคิดไม่เท่ากัน หรือถ้ากินเงินเดือนก็ยังไม่ค่อยเท่ากัน) แต่ถ้าเป็นช่างแก้วเก่งๆของฝรั่งเศสนี่วันละ 2 - 3 หมื่นกว่าบาทครับ

 

ค่าแรงงานของช่างแก้วที่มีฝีมือระดับประมาณสร้างพระแก้วหน้าตัก 9 นิ้วได้ ในประเทศไทยได้แก่ปีเตอร์ลูกน้องช่างแก้วผมคนนี้ที่เงินเดือนเขา 35,000 บาทโดยเขาไม่สนใจว่าคุณจะมีงานให้เขาทำหรือไม่ ? เขาก็จะต้องการเงินเดือนเท่านี้โดยในหนึ่งสัปดาห์ขอวันหยุด 2 วัน และต้องมีที่พักของครอบครัว 5 คนให้เขาด้วย นี่คือปีเตอร์นะครับ

คราวนี้ไปดูที่ฝรั่งเศสกัน ช่างแก้วระดับนี้เขาไม่ต้องพูดถึงที่พัก เพราะเขาจัดการเองทั้งครอบครัว บางคนหาที่พักดีหน่อยก็เรื่องของเขา เรื่องกินก็ไม่ต้อง เพราะเขากินไม่เหมือนเราคนไทยคนจีน อาหารเขาแพงมากต่อมื้อ ผมไปเยี่ยมชมมาแล้ว ช่างแก้วระดับแค่ยังไม่ถึงตรงนี้ ของเขาวันละ 25,000 บาทถึง 30,000 บาท แต่เมื่อดูค่ายังชีพของเขา แพงกว่าไทยมากครับ

เมื่อปี ค.ศ. 2017 ผมและภรรยาไปเยี่ยมชมที่ฝรั่งเศส ทั้งในกรุงปารีสและชนบทของเขา ค่าแรงแพงมากๆครับ ขนาดคนที่เป็นเชื้อชาติอื่นๆที่ไม่ใช่ฝรั่งเศสแท้ ค่าแรงเขาที่มีฝีมือแค่น้อยกว่าปีเตอร์อีกนะครับ วันละ 25,000 บาทแล้ว ทำงานไม่เกิน 8 ชั่วโมง ถ้าตีเป็นเงินเดือนแบบไทยๆคือเดือนนึงเงินเดือนออกครั้งเดียวก็ 750,000 บาท ดังนั้นสินค้าที่ผลิตในประเทศเขาจึงมีราคาแพงตามไปด้วยครับ

 

ปกติผมไปเยี่ยมชมในต่างประเทศผมมักไปคนเดียว จึงไม่เคยมีรูปถ่ายผมเลยแม้แต่ภาพเดียว แต่ครั้งนี้ภรรยาและลูกๆไปด้วย จึงได้ภาพกลับมาบ้าง แต่ก็ไม่มากนัก ผมไม่ค่อยนิยมถ่ายภาพตัวเองเท่าไร

จากการไปเยี่ยมชมมาหลายประเทศ ผมเห็นว่าประเทศไทยเหมาะสมแก่การสร้างชิ้นงานแก้ว โดยเฉพาะพระแก้วทุกขนาดมากที่สุด ค่าใช้จ่ายก็ต้องถือว่าถูกที่สุดด้วย (ยกเว้นพม่า ลาว กัมพูชาเขาอาจถูกกว่าบ้าง แต่ช่างแก้วยิ่งหายากยิ่งกว่าไทยมาก) ดังนั้นสรุปได้ว่าไทยนี่แหละเหมาะมาก และเมื่อสร้างเสร็จออกมาก็จะมีต้นทุนต่ำกว่าทุกประเทศทั่วโลก

 

การสร้างพระแก้วในฝรั่งเศสยึดแนววิชาปั๊มควบคู่กับการอัดและฉีด ผมจึงขออนุญาตเรียกวิชานี้ว่า Injection Die แต่ชื่อนี้จริงๆคงไม่มีใครเรียกกัน เขาเรียกกันว่า Pressed Glass แต่เป็น Pressed Glass ที่มีรายละเอียดปลีกย่อยออกไปอีก วิชานี้ต้องฝึกช่างนานมาก หลายปีกว่าจะเก่ง แล้วเมื่อเราลองคิดดู ค่าแรงวันละ 2 - 3 หมื่นกว่าต่อ 7 - 8 ชั่วโมง เมื่อสร้างชิ้นงานออกมา ราคาย่อมสูง นี่เป็นธรรมดาครับ แต่ผมมักจะพูดว่า " ราคาเขาไม่ได้สูงอะไรเลยเมื่อเปรียบเทียบกับความพากเพียรของบรรดาช่างแก้วฝีมือไร้เทียมทานเหล่านี้ "

 

การนำก้อนแก้วบรรจุลงในท่อใต้องค์พระแก้ว (ในภาพ) ช่องหรือท่อนี้ทำหน้าที่คล้ายกระบอกฉีดยา เมื่อใช้แรงกดอย่างแรง น้ำแก้วในขณะถูกปั๊มกดดันอย่างแรง เหมือนกับการฉีดยานั่นเอง น้ำแก้วเข้าไปเต็มแม่พิมพ์เหล็กแล้วทะลักสวนกลับออกมาทางท่อหรือช่องนั้นนั่นเอง ผมจึงขออนุญาตเรียกวิธีนี้ว่า Pressed Glass ที่มีรายละเอียดมากออกไปเป็น Injection Die

ความเร็วที่สามารถสร้างได้ประมาณนาทีละ 1 องค์ต่อทีมงาน 10 คนครับ องค์ละประมาณ 4 แสนกว่าบาท (หน้าตัก 8 นิ้วเศษ) แต่เขาจะไม่ยอมสร้างหน้าตัก 8 นิ้วในจำนวนมาก เขากลับไปสร้างหน้าตัก 4 นิ้วมากกว่า หน้าตัก 4 นิ้วก็องค์ละประมาณ 4 - 5 หมื่นกว่าบาท

 

หน้าตัก 8 นิ้ว พระแก้วของลาลีคฝรั่งเศส สร้างสีฝ้าใส และสีฝ้าเหลืองอำพัน องค์ละ US$ 13,900.- (ประมาณ 4 แสนบาทเศษในประเทศที่ไม่มีภาษี) ถ้านำเข้าไทยต้องเสียภาษีนำเข้าอีกหลายสิบเปอร์เซ็นต์นะครับ

 

พระแก้วหน้าตัก 9 นิ้ว ถ้าผมใช้ก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจากจีนสร้างด้วยเทคนิค Lost Wax Glass องค์นี้ต้นทุนไม่เกิน 385 บาท (ไม่รวมค่าแรง ไม่รวมฐาน และยังไม่รวมหลอดไฟ) ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร

 

เมื่อนำมาวางบนฐานโลหะทึบแสง (ฐานชิ้นนี้ผมใช้อลูมีเนียมหล่อชิ้นนี้ 200 บาท) ขั้วไฟ E27 2 ขั้วใช้หลอดคอมแพคก็ได้หลอด LED ก็ได้ แต่ไม่ผสมสี หรือจะใช้แผ่นสำเร็จหลอด LED ผสมสีก็ได้

องค์พระแก้วหน้าตัก 9 นิ้ว 385 บาท
ฐาน 200 บาท
แผ่นสำเร็จ LED 200 บาท

รวมทั้งชุด 785 บาท ต้นทุนไม่รวมค่าแรงช่าง