การเกิดขึ้นของพระพุทธรูปครั้งแรกในโลก

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Denverguy, 23 ธันวาคม 2009.

  1. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,024
  2. Denverguy

    Denverguy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +129
    อย่าเอาท่านมาอ้างเลยคุณ ว่าท่านนะนับถือในพุทธ ธรรม สงฆ์ มิใช่รูปหล่อทองเหลืองนั้น แน่นอน ถ้าจะบอกว่าพระองค์ท่านทรงมีพระปฏิสันถารกับหลวงปู่เกษมเองโดยตรงถึงเรื่องนี้ จะว่ายังไง เดี๋ยวก็วิ่งออกมาขอหลักฐานกันอีก ผมยืนยันว่าจริง จะเชื่อไหมละ

    คุณจะเลือกเชื่อครูบาอาจารย์ มากกว่าพุทธองค์งั้นหรือ

    พวกขายอิฐขายปูนนะ ผมก็หมายถึงพวกปั้นรูปหล่อพระทั้งหลายไง แล้วที่จะบอกว่าผมยอมรับแล้วเหรอว่าเอาพระมาขายกินนะ ใช่ แล้วคุณยอมรับไหมว่าเอาพระมาขายกิน เอาทั้งชื่อพระพุทธองค์ ครูอาจารย์ มาหล่อ แล้วแปะว่ารูปเหล่านั้น มีชื่อว่าอะไรก็ใส่ไปตามใจตน แล้วขายกินไง ผิดซะทีไหนละ ทั้งๆ ที่สิ่งเหล่านั้น ก็แค่อิฐ หิน ปูน ทราย ทอง เงิน ก็แล้วแต่จะหาวัสดุมาขายกิน ปั้มชื่อพระหากินกัน ชัดๆ
    บอกเองว่าอ่านศึกษาธรรมวินัยมาเยอะ แล้วใยพอเห็นคนทำผิดส่งเสริมให้ขายรูปหล่อกินกัน แล้วยังไม่เตือน ไม่ห้าม ยังทำผิดตามๆ กัน มันควรแล้วเหรอ

    ดีเลยครับถ้าผู้ดูแลเว๊ปจะพิจารณาแก้ไข สิ่งผิดให้ถูกเลิกให้มีการค้าขายกันในนี้ ถ้าท่านทำได้ความเจริญก็จะมีแก่ท่านเอง

    พวกลัทธิพราหมณ์มิใช่เหรอ ที่เป็นพวกกราบไหว้เทพ เทวดา จึงมีการทำรูป ขึ้นมากราบไหว้กันก่อนจะมีศาสนาพุทธ
    แล้วพระพุทธองค์เองตะหากที่ออกมาปฏิเสธให้ยึดถือรูป แม้แต่รูปพระองค์เอง ก็มิให้ยึดถือ ให้เอาพระธรรมนำหน้า เป็นตัวแทนพระองค์สืบไป ไม่เคยดำริ แม้แต่น้อยให้มีการหล่อรูปท่านขึ้นมาเมื่อท่านละสังขารไปแล้ว เพื่อใช้ระลึกถึงท่าน หรือคุณศึกษาเจอในพระไตรปิฎกตรงไหน ก็นำมาลงให้ได้ความรู้กันหน่อยไม่ดีกว่ามาพูดลอยๆ อ้างว่าเพื่อเป็นพุทธานุสติ สติคือความตั้งมั่นแห่งจิต เมื่อจิตตั้งมั่นนึกน้อมไปถึงคุณของพระพุทธองค์ ย่อมเกิดพุทธานุสติในทุกกาล เวลา สถานที่ โดยมิต้องพึงวัตถุใดๆ นี่สิ พุทธานุสติ มิใช่พุทธรูปนุสติ หากขาดพุทธรูปไปแล้ว จะไม่มีปัญญานึกถึงพระองค์ เลยหรือ
    จิต วิญญาณอยู่ในตัวเราที่ยังมีชีวิตอยู่ ย่อมนึกคิดได้เอง โดยไม่ต้องใช้วัตถุภายนอก มิถูกหรือ
     
  3. วิศว

    วิศว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,349
    ค่าพลัง:
    +5,104
    การที่โยมเตือนพระ หรือพระเตือนโยม หรือโยมเตือนโยม และพระเตือนพระ

    มันต้องมีขอบเขต และรู้จักมักคุ้นเคย และยอมรับซึ่งกันและกัน และขอโอกาส

    กระทำด้วยจิตเมตตา ต่างก็ปรารถนาดีต่อกัน และเข้าใจเจตนาของกันและกัน

    แม้แต่พระจะเทศน์ โยมยังต้องนิมนต์เทศน์ ไม่ใช่อยู่ๆ ไปเทศน์อบรม


    พวกโยมที่ชอบเตือนพระสอนพระ อยากให้ไปบวชหรือถือศีลแบบพระบ้าง

    จะได้รู้ใจเขา ใจเรา แต่ละคนมีข้อจำกัดในการเรียนรู้

    เห็นมาเยอะ ไปไม่รอดในพระศาสนา โดนหมู่ฯรังเกียจ ครูบาอาจารย์ขับไล่

    เพราะทำลายความสามัคคีในหมู่คณะฯ เป็นตัวป่วนทำลายสงฆ์

    คนที่อวดเคร่ง อวดดี แบบคุณ ใครเตือนก็ไม่ฟัง

    แต่คุณคนเดียวเตือนคนอื่น เตือนพระได้เท่านั้น

    หันมาดูพฤติกรรมตัวเอง ถอดแว่นดำ และแคะขี้หู น้อมรับฟังคนอื่นบ้าง

    เอาแต่สอน พร่ำพรรณาบ้าบอ ไม่รู้กาละเทศะ

    ธรรมเบื้องต้นพื้นฐานคุณยังไม่เข้าใจ จะเอาแต่วิมุตติ ไม่เอาสมมติ

    ถ้าไม่เริ่มต้นจากสมมติ จะมีวิมุตติมาจากไหน

    ไม่อาศัยปัจจัยเบื้องต้น คิดว่า ตัวเองเหาะได้ ไม่ต้องอาศัยเรือแพ จะข้ามโอฆะสงสารเลย

    เอาแต่แก่น ไม่เอาเปลือกกระพี้ ได้แต่แก่นกล้วยเท่านั้น
     
  4. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,024
    พระไตรปิฏกยังไม่ตีความก็ยังเป็นธรรมะพระพุทธเจ้าอยู่
    ตีความแล้วต้องดูอีกใครตีความกิเลสมันตีความ
    หรือพระอริยะตีความหรือยกมากล่าว
    พระวินัยหละ
    ตีความออกมาจากกิเลสก็เป็นกิเลสทั้งหมด เพราะกิเลสมันเป็นคนอ่านและตีความ


    ...........

    กฏหมายทนายก็ยังเอาคนดีเข้าคุก คนชั่วลอยนวลก็ยังมี
    ยิ่งเอาชาวป่าชาวเขาไปว่าความแทนทนายแล้วไซร้ อะไรจะเกิดขึ้น


    .......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 มกราคม 2010
  5. วิศว

    วิศว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,349
    ค่าพลัง:
    +5,104
    กล่าวได้ดี สาธุ
     
  6. วิศว

    วิศว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,349
    ค่าพลัง:
    +5,104
    กล่าวได้ดี สาธุ
     
  7. Denverguy

    Denverguy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +129
    จะต้องตีความอันใด ที่ผมยกมาจากพระไตรปิฎก เป็นภาษาที่คุณผม อ่านเข้าใจ ไม่ต้องตีอะไรเลย อ่านแล้วไตร่ตรองหรือเปล่า แม้แต่พุทธพจน์ ในพระไตรปิฎกคุณยังแย้งได้ ยังเรียกตัวเองว่าชาวพุทธอีกหรือ
    เห็นรู้จักพระครูบาอาจารย์เยอะ มิใช่เหรอ ผมไม่สงสัยในพระธรรมของพระองค์ ส่วนคุณยังสงสัยก็ไปถามครูอาจารย์สิ ผมนะอยู่ต่างประเทศ ยังไม่ได้กลับไปเมืองไทย คุณอยู่ใกล้ก็ทำหน้าที่ชาวพุทธที่ดี เพื่อช่วยรักษาศาสนา ได้บุญดีนักนะครับ
    อยากทราบมีข้อห้ามไหน ที่บอกโยมเตือนพระในเรื่องศีลมิได้ หากเห็นท่านทำผิด เมื่อพระยังสั่งสอนให้คนมารักษาศีลห้า ศีลแปด แล้วท่านเองหากไม่รักษาเราเองทำไมจะไปเตือนท่านไม่ได้ เมื่อท่านทำผิด
    พระพุทธองค์ทรงมองเห็นการณ์ไกล แม้พระอรหันต์ผู้สิ้นอาสวะแล้ว ก็จำต้องรักษาพระวินัยไว้ เพื่อประโยชน์แก่พระนวกะ ผู้บวชใหม่ ผู้ยังไม่สิ้นกิเลส เพื่อเป็นตัวอย่างอันดี เพื่อความเจริญของผู้ยังไม่สิ้นกิเลสได้มีแบบอย่าง มิเช่นนั้น หากพระอรหันต์ผู้สิ้นอาสวะแล้ว เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีทำผิดวินัยเล็กๆ น้อยๆ จนทำให้พระผู้น้อย ผู้ยังมีสติปัญญาไม่มากพอ เห็นแล้วจะเอาเป็นตัวอย่างแบบผิดๆ ได้ว่า แม้ครูอาจารย์ท่าน ยังทำผิด แล้วยังได้บรรลุมรรคผลเลย ใยเราต้องมารักษาวินัยอันนี้ด้วยเหล่า โดยมิได้เฉลียวใจเลยว่าท่านเหล่านั้น ได้สะสมบารมี รักษาวินัยยิ่งชีพมาเท่าไหร่ จึงได้บรรลุธรรมอันเกษมนี้ได้
    ปัจจุบันก็มีตัวอย่างให้เห็น พระสมัยนี้เห็นครูบาอาจารย์ผู้บรรลุธรรมแล้ว ท่านสบายจัง นั่งเฉยๆ ก็มีคนมาถวายของดีๆ อันปราณีตทั้งนั้น หากมีปัญญาก็จะเร่งศึกษาประวัติครูอาจารย์ว่าท่านปฏิบัติกันมาหนักหนาแค่ไหน รักษาธรรมวินัย เจริญสมถะ วิปัสสนากรรมฐาน กันมาด้วยชีวิตกันทั้งนั้นจึงมีวันนี้ได้ แต่หากผู้ไร้ปัญญาพอเห็นครูอาจารย์สบาย ก็จะเอาแต่ส่วนสบายเลย ไม่คิดลงมือปฏิบัติ เที่ยวหลอกให้คนนับถือ อาศัยชื่อครูอาจารย์หากิน ว่าเราเป็นลูกศิษย์วิปัสสนาจารย์ท่านั้น พระอรหันต์ท่านนี้ คนก็น้อมเคารพนับถือเพราะคิดว่าลูกศิษย์มีครูน่าจะปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบเช่นครูอาจารย์
    การศึกษาพระธรรมวินัย ทั้งของพระโยมก็เพื่อ ช่วยกันรักษาพระศาสนาไว้ จึงเตือนกันได้ด้วยธรรม มิใช่เตือนกันด้วยทิฐิ มานะ ของตน เมื่อพระพุทธองค์ มีบัญญัติวินัยขึ้นเป็นบรรทัดฐานแล้ว ก็ควรที่เราชาวพุทธ จะเอาธรรมวินัยนี้ เป็นเครื่องชี้ ผิดถูก สิ่งใดควรมิใคร ในศาสนานี้มิใช่หรือ
    พระธรรมวินัยเกิดเพราะเหตุใด เกิดเพราะมีผู้ทำผิดขึ้นมาจึงมีบัญญัติ และพระวินัยที่บัญญัติขึ้น ก็มีที่พระอริยเจ้า พระอรหันต์เองที่ทำผิด จนต้องทำให้บัญญัติวินัยขึ้น มิใช่หรือ หากที่เคยศึกษาย่อมได้อ่านเจอ ฉะนั้น การรักษาธรรมวินัยนี้ให้ดำรงไว้ เป็นหน้าที่ของชาวพุทธทุกคน มิใช่ผู้ใดผู้หนึ่ง จะมีอภิสิทธิ์เหนือคนกลุ่มใดเลย มีพระธรรมวินัยยกไว้เหนือสิ่งใดเสมอกัน
     
  8. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,024
    สร้างเจดีย์หนึ่งองค์
    เริ่มสร้างจากรากฐานขึ้นไปสู่ปลายยอดเจดีย์ทองคำ
    ตัวองค์แห่งยอดเจดีย์ซึ่งเป็นทองคำถือว่าเป็นสิ่งสูงค่าที่สุดในองค์เจดีย์นั้น ถ้าไม่มีรากฐานที่มั่นคงแล้วก็ไม่สามารถมียอดเจดีย์ทองคำได้ฉันใด

    สมมุติต่างๆก็มีค่านำพาให้ถึงซึ่งวิมุติเช่นเดียวกับองค์เจดีย์

    สมมุติพระพุทธรูป สมมุติแห่งพระธรรม สมมุติสงฆ์ และสมมุติอื่นๆ
    ทุกสิ่งก็ต่างเป็นความจริง เป็นความจริงโดยสมมุติ สมมุติก็คือเครื่องชี้บอกแสดงลักษณะเรียกขานที่เป็นที่ยอมรับของคนหมู่มากที่รู้กันในกลุ่ม ที่ชี้ชัดลงไปโดยภาษา

    เช่น พระพุทธศาสนา ก็สมมุติโดย พระพุทธเจ้า โดยมีพระธรรม พระวินัย พระสงฆ์ ที่สมมุติบัญญัติโดยพระพุทธเจ้าโดยใช้ภาษาบาลี ดังนั้นถ้าเป็นคนที่นับถือพระพุทธศาสนาก็ต้องยอมรับนับถือ สมมุติเดียวกันนี้
    พระพุทธรูปก็สมมุติโดยพุทธศาสนิกชน ว่าเป็นองค์สมมุติของพระพุทธเจ้า ดังนั้น ถ้าเป็นคนหมู่มากที่เรียกตนเองว่าพุทธศาสนิกชนก็ต้องยอมรับสมมุติเดียวกันนี้ โดยยึดพระพุทธรูปเป็นสมมุติภาษาที่ตั้งขึ้นโดยพุทธศาสนิกชน

    พระพุทธเจ้าเองยังยกสมมุติให้พระธรรมและวินัยเป็นตัวแทนแห่งตถาคต เพื่อให้พุทธศาสนิกชนเข้าสู่วิมุติคือพระนิพพาน
    ถ้าไม่มีสมมุติที่พระพุทธองค์ทรงสร้างขึ้นมาชี้นี้ สิ่งใดจะเป็นเครื่องชี้ให้ถึงซึ่งวิมุติได้เล่าถ้าพระพุทธองค์ปรินิพพานไป


    สมมุติ - วิมุติ
     
  9. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,024
    แต่ถ้าเอาชาวป่าชาวเขาไปพิพากษา ตัดสินโทษแล้วสิ่งใดจะเกิดขึ้น
    ชาวป่าชาวเขาไม่รู้กฏหมาย ไม่เป็นที่ยอมรับโดยสมมุติของทนาย ของโจทย์ ของจำเลย
    สิ่งใดจะเกิดขึ้น
     
  10. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,024
    เชกเช่นเอากิเลสไปตีความพระวินัย พระธรรม พระไตรปิฏก

    กิเลสมันไม่รู้ธรรม ไม่รู้วินัย ไม่เข้าใจธรรมะ แค่อ่านหนังสือและแปลบาลีออก

    เปรียบเหมือนเอาชาวป่าไปพิพากษา ไม่มีผิด
    ชาวป่าไม่รู้กฏหมาย ไม่รู้ธรรมเนียมประเพณีศีลธรรมของคนเมือง แต่อ่านหนังสืออก ก็ฉันนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 มกราคม 2010
  11. Denverguy

    Denverguy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +129
    แล้วพระไตรปิฎกฉบับ 91เล่ม ของมหามกุฏราชวิทยาลัย ใครเป็นผู้แปล ตีความละ ผมยกมาจากในนั้น แล้วก็มีคนมาอ่านมาตีความ สิ่งใดตีความเข้าข้างกิเลสตัวเองได้ ก็ยกย่องสรรเสริญว่าธรรมแท้ น่าเชื่อถือ พออ่านตรงไหนไม่ถูกใจ ไม่ถูกกิเลสตน ก็โวยวาย ว่าไปเอามาจากไหน ไม่เชื่อเพราะไม่ถูกกิเลสตน ครูอาจารย์ฉัน(ครูประจำชั้น)ไม่ได้สอนแบบนี้ แต่พอเจอคำสอนครูใหญ่(พุทธองค์) ผู้เป็นต้นตำรับ ไม่ตรงกับอาจารย์ฉัน แล้วจะเลือกเชื่อครูใหญ่ หรือครูประจำชั้นละ จะเชื่อกิเลสตน หรือธรรมวินัยละ
    ความเห็นคุณนะถูกแล้วหรือ คิดว่าคนดีก็ยังติดคุก คนชั่วก็ยังลอยนวล ก็มิเปรียบไปเลยละว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไปสิ ต่างกันไหมละสองข้อความนี้นะ
    หากคุณเป็นชาวพุทธย่อมเห็นว่า กรรมเป็นสิ่งที่ยุติธรรมเสมอดั่งเรื่อง
    มานพน้อยในครั้งพุทธกาล เป็นผู้รักษาศีลธรรม มีเมตตา เอื้อเฟื้อผู้อื่นอยู่เสมอ เป็นที่รักของคนในชุมชนนั้น
    วันหนึ่งมีโจรผู้หนึ่งเข้าไปขโมยของในบ้านเศรษฐีผู้หนึ่งแล้วหนีมา ผ่านมาทางหมู่บ้านที่มานพน้อยนี้อยู่ เจอสระน้ำก็ก้มลงดื่มน้ำแล้วจากไป ลืมทิ้งไว้ซึ่งพระขรรค์ที่ขโมยมาไว้ริมน้ำนั้น มานพน้อยผ่านมาดื่มน้ำตรงนั้นพอดี กับผู้ที่ติดตามมาจับขโมยมาถึงเข้า เห็นมานพก้มลงดื่มน้ำอยู่มีพระขรรค์ที่ขโมยมาอยู่ใกล้ จึงสำคัญผิด คิดว่ามานพน้อยเป็นโจร จึงรุมทำร้าย มานพนั้นจนถึงแก่ชีวิต
    ยังความสลดสังเวชให้แก่ผู้ทราบข่าวว่า เหตุใดหนอ มานพน้อยเป็นคนดีเช่นนี้ กลับต้องมาประสบเหตุอันถึงแก่ชีวิตนี้ มันช่างไม่ยุติธรรมเลย
    ความทราบมาถึงพระพุทธองค์ ท่านตรัสว่าหากท่านได้ทราบกรรมในอดีตของมานพน้อยนี้แล้ว ท่านทั้งหลายจะกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า สมควรแล้วๆ กับกรรมอันนี้ จึงมีผู้ขอให้พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องกรรมในอดีตของมานพน้อยมีดังนี้ ในอดีตชาติหนึ่ง มานพน้อยในชาติ เกิดเป็นโจรสลัด วันหนึ่งมีชายหนุ่มพร้อมภรรยาที่สวยงามผ่านมา ยามนั้นเป็นยามเย็นแล้ว ไม่มีเรือใดจะข้ามฝัง
    โจรสลัดนั้นเกิดความคิดชั่วขึ้น จึงเชื้อเชิญให้มานพกับภรรยาอาศัยพักค้างแรมกับพวกตนก่อน พรุ่งนี้จะไปส่งข้ามฝากให้ แล้วจึงดำเนินแผนชั่ว โดยการเชิญสองสามีภรรยามาร่วมโต๊ะกินข้าว แล้วใช้คนของตนเอาสมบัติส่วนตัวไปใส่ในหอบผ้าของสามีผู้มีภรรยางามนั้นแล้ว วันรุ่งขึ้นจึงแทรงทำเป็นโวยวายว่า สมบัติสำคัญของตนหายไป จำต้องขอค้นตัวและห่อผ้าของมานพน้อย พอค้นเจอสมบัตินั้นในห่อผ้าของชายผู้นั้น ก็ทำการฆ่าชายหนุ่มเสียแล้วแย้งเอาภรรยาของเขามาเป็นของตนได้ตามแผน สิ้นจากภพนั้น โจรผู้นี้ไปตกนรกอยู่นานแสนนาน จนขยาดต่อภัยในนรกนี้ ตั้งจิตว่าจะไม่ทำชั่วอีกแล้ว
    ชาตินี้จึงเกิดมาเป็นมานพที่แสนดีผู้นี้ แต่กรรมนั้นเที่ยงธรรมเสมอ จึงทำให้มานพผู้นี้ได้รับผลกรรมดังนี้

    กรรมย่อมยุติธรรมเสมอ คนที่คุณเห็นว่าเป็นคนดี ที่ต้องติดคุก คุณก็ไมสามารถไปเห็นกรรมในอดีตเขาได้ หากคุณรู้คุณเห็นดั่งพุทธองค์ คุณอาจจะเห็นว่าสมควรแล้วที่เขาผู้นั้นติดคุก ดั่งเช่นคนชั่วที่ยังลอยนวลอยู่ หากคุณเชื่อในกรรมและผลของกรรม ย่อมสงสารเขาว่าเขาเป็นผู้ประมาทอยู่ กรรมดีที่เขาสร้างสมมายังให้ผลอยู่ เขาจึงยังสุขสบายอยู่ได้ หากวันใดกรรมดีไม่อาจต้านรับกับกรรมชั่วในปัจจุบันที่ทำหนักขึ้นๆ วันนั้นมาถึงก็จะสายเสียแล้ว ที่เขาจะแก้ตัวใหม่ เพราะกรรมชั่วให้ผลแล้ว ดังหมาล่าเนื้อที่มาถึงตัวแล้ว ย่อมหนีภัยอันนี้ไปไม่พ้น ดังนี้ มิใช่เหรอ ชาวพุทธ
     
  12. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,024
    ขอตัวก่อน แล้วจะมาร่วมวงสนทนาเพื่อประเทืองปัญญาใหม่
    เจริญในธรรม ทุกท่าน
    ขอบคุณในทุกๆความรู้ที่ได้รับ

    มองให้เป็นธรรมก็เป็นธรรม มองให้เป็นอารมณ์ก็เป็นอารมณ์ จิตเป็นคนมองคนเก็บคนยึดมา จิตนี้อัศจรรย์มีอำนาจยึดและเป็นได้หมด ขอให้ท่านทั้งหลายมีจิตที่เป็นธรรม สาธุ

    (เด๋ยวพรุ่งนี้จะมาสนทนาด้วยใหม่นะครับ อะไรค้างคาก็ทิ้งคำถามไว้ละกันนะ :) )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 มกราคม 2010
  13. Denverguy

    Denverguy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +129
    อ่านแล้วฟังดูดีนะครับ เหมือนมีตรรกะที่ดี แต่ก็ยังผิดอยู่ดี ตกลงพุทธรูปนี้เป็นสมมติที่พวกที่คิดว่าตัวเองเป็นชาวพุทธ อาศัยพวกมากทำผิดแล้วจะให้เป็นถูกหรอกหรือ ทั้งๆ ที่พระธรรมวินัย ท่านไม่เคยบัญญัติให้เอาพระพุทธรูปเป็นตัวแทนของพระองค์เลย ก็ยังจะฝืนทำผิดคำสอนท่านอยู่จนเดี๋ยวนี้ แล้วจะเรียกตัวเองว่าพุทธศาสนิกชน ผู้นับถือคำสอนของพุทธองค์ได้อย่างไร เมื่อยังตั้งตนบัญญัติเอาเอง ว่าพุทธรูปเป็นตัวแทนพระองค์ ตามความเชื่อ ประเพณีที่ผิดๆ กันมา จนคิดว่าถูก สมมติเช่นนี้ จะพาท่านไปวิมุตติ หลุดพ้นได้อย่างไร ในเมื่อเริ่มต้นก็ผิดเห็นๆ
     
  14. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,024
    ถ้าคุณ Denverguy เชื่อเรื่องกรรมแล้ว
    ผมว่ามีคำตอบในใจคุณหมดแล้ว และสามารถตอบทุกคำตอบในใจคุณได้หมด
    แต่เรื่องกรรมนั้นให้ผลตรงและไม่ผิดตัว แต่ก็หาเงื่อนต้นเงื่อนปลายที่จะยกมาอธิบายได้ยากเช่นกัน นอกจากยอมรับผลโดยไม่ร้อนรุ่มกวัดแก่งที่ให้ผลเป็นวิบากในปัจจุบันของตัวเองนั่นแหละถึงเรียกว่าผู้รู้จักกรรม กรรมะโยนิ กรรมะพันธุ กรรมะปฏิสารโณ สาธุ
     
  15. Denverguy

    Denverguy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +129
    ยกตัวอย่างให้เห็นหน่อยสิครับ ว่าตรงไหนที่เรียกว่าเอากิเลสไปตีความพระวินัย กิเลสของตนเองหรือเปล่าที่ เห็นผิดไปจากความจริงในพระธรรม
    ชาวป่าหรือชาวเมือง ก็หนีไปพ้นกฎแห่งกรรม หากคุณเป็นชาวพุทธย่อมทราบเรื่องนี้ดี ทำดีได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว เสมอ กฎแห่งกรรมไม่มีบิดพลิ้ว ไม่มีย่อหย่อน ยอมความผู้ใด ยุติธรรมเสมอมา ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่ ผมเชื่อในกฏธรรมชาตินี้ และเชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์ จะว่าบ้าก็บ้า กล้าออกมาแย้งในสิ่งที่คนส่วนมากเห็นว่าถูก แต่ความจริงนั้นผิดธรรมวินัย ของพระพุทธองค์เต็มๆ ถึงได้เตือน ได้ยกพระไตรปิฎกมาให้อ่าน ให้พิจารณา เพื่อแก้ไขสิ่งผิดให้ถูก เพื่อความเจริญแต่เพียงฝ่ายเดียวของท่านทั้งหลาย บ้างคนอาจจะแย้งว่า ตอนนี้ฉันก็สบายดีอยู่แล้ว มีเงินทอง มีความสุขดี อันนี้ก็เนื่องด้วยบุญเก่าที่สร้างสมมา หากถึงวันที่บาปกรรมที่ทำโดยไม่รู้ตัวนี้ ให้ผลละ จะยอมก้มหน้ารับมันแต่โดยดีไหม ก็เลือกเอา
     
  16. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,024
    สมมุติที่สมมุติขึ้นโดยพุทธศาสนิกชน มิใช่สมมุติโดยพระพุทธเจ้านี่ครับท่าน

    พระพุทธเจ้ามิได้ตรัสระบุไว้นี่ครับท่านว่า บุคคลผู้นับถือสมมุติพระพุทธรูปเป็นพระพุทธเจ้า ถือว่าขาดจากการเป็นพุทธศาสนิกชน ไม่ได้ระบุว่าพุทธศาสนาและมรรคผลนิพพานเป็นของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว ห้ามผู้ใดที่ไม่ได้ทรงยอมรับด้วยตัวเองเป็นพุทธศาสนิกชนและไม่ให้นับถือ

    แต่ถ้าท่านไม่ยอมรับสมมุติตามพุทธศาสนิกชนแล้ว ท่านก็คงเรียกสมมุติตัวเองไม่ได้ว่าเป็น อันนี้ก็พิจารณาด้วยตัวเองนะครับ ผมคงไม่สามารถตัดสินใครได้ด้วยสมมุติที่เรียกว่าพุทศาสนิกชนคนเดียว คงตัดสินแทนหมู่คนไม่ได้ ผมก็ต้องยอมรับสมมุติที่ตัวผมเองยินดีที่จะเข้าร่วมสมมุติเดียวกับท่านทั้งหลายที่ยินยอมพร้อมใจสมมุติตัวเองว่าชาวพุทธ


    เด๋ยวค่อยมาสนทนาใหม่นะครับท่าน ขอตัวก่อนจริงๆดึกแล้ว
    ยินดีได้สนทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 มกราคม 2010
  17. Denverguy

    Denverguy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +129
    ครับ คุณ เสขะ บุคคล ก็เช่นกัน ถ้าคุณเชื่อในกรรมและผล ของกรรมแล้ว ย่อมมองเห็นได้ว่า กรรมนั้นยุติธรรมเสมอ ไม่ว่ากรรมดี หรือเลว ย่อมให้ผล เที่ยงตรง เที่ยงธรรมเสมอ ไม่มีหรอกครับคนดีที่ต้องติดคุกฟรีๆ กรรมในอดีตชาติเขาไงครับที่ตามมาถึง.... เฉกเช่นคนเลวที่ยังได้ดีอยู่ ก็ไม่ต้องห่วงถึงเวลาอันสมเหตุสมผลแล้ว เขาย่อมได้รับกรรมชั่วเขาอย่างสาสมเอง
    มีทางเดียวที่จะพาท่านพ้นไปได้ ก็คือเรียนรู้ตามธรรม คำสั่งสอนของพระพุทธองค์ แล้วเร่งดำเนินตามทางที่ควร ทั้งสมถะ วิปัสสนา อย่างน้อยให้เข้าสู่กระแสธรรม เป็นพระโสดาก็ไม่ต้องไปลงนรกอีก แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว พระพุทธองค์ยังทรงตำหนิอยู่ว่าเป็นผู้ประมาท เมื่อใดที่ท่านเข้าถึงซึ่งอรหัตตผลนั้นแหละ จึงถือว่าเป็นผู้ไม่ประมาทอีกต่อไป เจริญในธรรม
    ทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ก็พิจารณาทุกอย่างโดยธรรมแล้ว ท่านจะมีแต่ความเจริญแต่เพียงฝ่ายเดียว
     
  18. Denverguy

    Denverguy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +129
    ไม่ทราบคุณเสขะ ได้อ่านตั้งแต่แรกเลยไหมครับ จะมีส่วนที่ผมยกมาจากพระไตรปิฎกว่า แม้พระองค์เองยังทรงตำหนิ ผู้มายึดเอารูปของท่านเป็นที่พึ่ง ที่ระลึก ท่านตำหนิเอาว่ารูปนี้เป็นของสกปรก มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา อย่าเลยอย่ามายึดเอารูปนี้เป็นสรณะ เห็นไหมละครับ แม้รูปท่านเองแท้ๆ ยังทรงปฏิเสธให้มายึดเอาเป็นที่พึ่ง แล้วพระพุทธรูปมีดีอะไรกว่าพุทธองค์หรือ พุทธศาสนิกชนจึงเอามาเป็นที่พึ่งที่ระลึกถึงท่าน ทั้งๆ ที่ท่านให้ยึดพระธรรมวินัยเป็นหลักแทนท่านเมื่อท่านดับขันธ์ไปแล้ว ด้วยเหตุนี้พุทธศาสนิกชนจึงควรเร่งศึกษาพระธรรมวินัย พระไตรปิฎก เพื่อความความจริงในคำสอนของพระองค์ ไว้ประพฤติ ปฏิบัติ จึงเรียกว่าเป็นผู้พิทักษ์รักษาศาสนาอันแท้จริง

    ผู้ที่เรียกว่าไม่ขาดจากความเป็นพุทธศาสนิกชนได้นั้น ที่สำคัญคือมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ที่ระลึก อย่างแท้จริง โดยไม่มีวัตถุใดมาเกี่ยวข้อง นอกจากพุทธ ธรรม สงฆ์ หากท่านยัง ไปไหว้ ไปเคารพสิ่งอื่นนอกจากสามสิ่งนี้ ก็ขาดจากความเป็นพุทธศาสนิกชนแล้ว ดังเช่น ผู้ไปไหว้ ศาลพระภูมิ ไหว้รูปปั้นเทพ เทวดาทั้งหลาย ผี ต้นไม้แปลกๆ สัตว์แปลกๆ สิ่งใดๆ ผิดแปลกจากธรรมชาติไป คนไทยเดี๋ยวนี้ ก็เที่ยวแห่ กันไปกราบไหว้ ขอพร ขอหวย ขอโน้น ขอนี่ แล้วผู้คนเหล่านี้ในประเทศไทยมิใช่หรือ ที่ทะเบียนบ้านส่วนใหญ่ตีว่า เป็นชาวพุทธ แล้วยังจะเรียกตนว่าเป็นชาวพุทธได้อย่างไร ในเมื่อผิดต่อคำตัวเองที่ท่องกันได้ทั่วว่า พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ถึงสามรอบ แต่ยังทำผิดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน พิจารณาเอาเถอะครับ ผู้มีสติปัญญาทั้งหลาย
     
  19. Denverguy

    Denverguy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +129
    ผมนะ ยินดีให้ทุกๆ ท่านในนี้เตือนได้เสมอ หากเตือนด้วยธรรม วินัย อันดี มิใช่ด้วยความเชื่อ ความเห็นของตนหรือกลุ่มบุคคลใดๆ ที่ผิดไปจากธรรมวินัยในพุทธศาสนานี้ ผมก็ไม่อาจน้อมรับสิ่งที่ผิดไปจากสิ่งที่ถูกได้ เช่นกัน
    ธรรมเบื้องต้นคืออะไรเหล่าที่คุณอ้างถึงนะ ธรรมอันใดอันเป็นวิมุตติ ที่ผมยกมาแล้ว ขัดต่อธรรมของพระองค์ละครับ ช่วยยกตัวอย่างให้ฟังหน่อย

    ธรรมเบื้องต้นที่ควรมี มิใช่ ทาน ศีลให้ดี แล้วจึงตัดกังวล ต่อด้วยเล่าเรียนพระธรรมวินัย พระไตรปิฎก เมื่อศึกษาแล้ว กรรมฐานใดเหมาะกับจริตตนเอง ก็ยึดเอากรรมฐานนั้นมาปฏิบัติ ทั้งสมถะ วิปัสสนา จนถึงวิมุต หลุดพ้น ไม่ใช่หรือ ผมไม่ได้แนะให้ใครข้ามขั้น มาถึงให้เร่งภาวนา ฆ่ากิเลสเลย ไม่มีนะ มีแต่ให้เริ่มจากทาน ศีลให้ดี ให้บริบูรณ์เป็นพื้นเป็นฐาน ไปก่อนนะครับ
     
  20. Denverguy

    Denverguy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +129
    คำสอนของหลวงพ่อเกษมเกี่ยวกับการทำบุญกับพระทุศีล (ละเมิดศีล)

    "เราเห็น!!! และที่มีเขียนไว้ในพระไตรปิฎกซึ่งก็เข้ากันได้พอดีกับอันที่เห็น
    อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อให้คิดเอาเอง
    เพราะเมื่อได้เห็นก็สงสัยว่าทำไมมันจึงไม่ได้บุญ
    คือเห็นเปรต - ผี - ปีศาจ ที่นั่งคุกเข่ารอเอาบุญจากญาติ จากที่มีเนื้อหนังอยู่ก็เห็นเขาเปื่อยลงๆ
    และเห็นบ่อยครั้งมาก เมื่อไปที่อื่นหรือเมื่อเห็นโยมเขาทำบุญกับพระที่มาเยี่ยมที่วัดสามแยก
    แต่ไม่ใช่พระวัดสามแยกรับสิ่งของที่เขาทำบุญ ทีนี้พระที่มาเยี่ยมจะเอาสิ่งของที่โยมเขาถวายนั้นถวายเรา
    เราไม่รับถวายให้วางไว้เลย แล้วให้พระที่มาเยี่ยมนั้นอุทิศบุญก็เห็นได้บ้างตอนที่พระนั้นวางไว้

    แต่ตอนที่โยมเอาสิ่งของให้พระที่มาเยี่ยมนั้นแล้วอุทิศบุญให้ญาติทิพย์
    พวกญาติทิพย์ที่นั่งคุกเข่ารออยู่ - ยืนอยู่ก็มีเพื่อรอรับเอาบุญ จากที่มีเนื้อหนังอยู่ก็เปื่อยลงๆ
    จึงมาค้นดูในพระไตรปิฎก เห็นมีเรื่องเข้ากันได้พอดี เลยเอามาพูดให้ฟัง
    เพราะที่เห็นนะเห็นจริง อ่านตรวจสอบในพระไตรปิฎกก็มีอยู่จริง แต่จะเป็นเรื่องจริงโดยธรรมชาติหรือเปล่านั้น
    ไม่ขอยืนยันต่อไปอีก และถ้าเห็นอีกก็จะเล่าให้ฟังอีกถ้ามีเรื่องราวในพระไตรปิฎกที่เข้ากันได้พอดี

    ขอย้ำ คำตอบที่นำมาตอบพระได้อ่านให้เราฟังแล้วเราสั่งให้พระค้นพระไตรฯ
    เล่มนั้นเล่มนี้เพื่อนำมาประกอบการที่เห็นและเราได้ถามพระว่า
    ใครอ่านเจอที่ใหนบ้างให้นำออกมาตรวจใส่กับที่มีคำถามมาและตรวจใส่กับที่เราได้เห็นมานับครั้งไม่ไหว
    เมื่อเห็นว่าเข้ากันได้ จึงตอบไปตามที่เห็นและที่เข้ากันกับพระไตรปิฏก
    ถ้าเชื่อไม่ได้ก็สุดแล้วแต่ ขอยืนยันว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ไม่บังคับให้ใครมาเชื่อตาม
    ถ้าใครมาถามก็จะตอบตามความเชื่อของเจ้าของที่ได้ตรวจสอบใส่กับพระไตรฯ แล้ว
    คำว่า พระไตรปิฎก คำว่า ความรู้เรา ใครจะเชื่อไม่เชื่อ ไม่เกี่ยว ”


    (แต่คำว่าพระทุศีลในที่นี้ไม่รวมถึงพระอริยะตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป)

    ในพระพุทธศาสนาของเรานี้อย่าว่าแต่ภิกษุผู้ทุศีลเลยแม้แต่ภิกษุที่มีศีลบริบูรณ์
    เมื่อบริโภคอาหารของชาวบ้าน ก็ยังเป็นการบริโภคแบบเป็นหนี้ชาวบ้านอยู่
    แต่เมื่อภิกษุผู้มีศีลบริสุทธิ์นั้นบริโภคอาหารของชาวบ้านด้วยการพิจารณาอันแยบคาย
    หรือเจริญเมตตาเพื่อสัตว์โลกแม้เพียงชั่วลัดนิ้วมือ เมื่อนั้นอาหารของชาวบ้านจึงจะไม่สูญเปล่า
    นี้กล่าวถึงภิกษุปุถุชนผู้มีศีลบริสุทธิ์นะ

    คำสอนของหลวงพ่อเกษมเกี่ยวกับพระทุศีล

    คุณของศีล – โทษของศีล มีอยู่ทั่วอนันตจักรวาล สัตว์ชาวมนุษย์โลกและชาวทิพย์ก็มีอยู่
    ทั่วอนันตจักรวาล อยู่ตามภูมิที่เหมาะสมกับตน ตามผลของการกระทำแต่ละราย
    สัตว์ทิพย์ผู้มีอำนาจใหญ่ – ฤทธิ์ใหญ่ ย่อมมีอยู่ เมื่อเห็นสมณะทุศีล
    ไม่ว่าสมณะนั้นจะบวชในพุทธหรือนอกพุทธก็ตาม ย่อมไม่พอใจสมณะทุศีล
    เพราะสมณะนั้นได้ปฏิญาณตนว่าจะรักษาคุณธรรมของสมณะ
    และยิ่งแล้วสมณะในศาสนาพุทธ เมื่อประกาศตัวเป็นสมณะเป็นศิษย์ของพุทธแล้ว
    ปฏิญาณว่าจะทำตามเพราะหวังความเจริญ เมื่อไม่ทำตามก็เป็นเสื่อม
    เทพทั้งหลายที่ทรงฤทธิ์ทั้งอริยะ – ปุถุชน และมนุษย์ ก็ตั้งความปราถนาไว้ตลอดไม่ว่ายุคใหนๆว่า


    “ สมณะผู้เจริญอยู่ที่ใหน ข้าจะบำรุงสมณะผู้เจริญนั้น ”

    เมื่อสมณะประพฤติตัวไม่เจริญ คุณธรรมที่เขาคร่ำครวญอยู่นั้นก็ไม่เกิดขึ้น
    เพราะสมณะทุศีลเป็นบางข้อโดยที่ไม่คิดแก้ไข แรงปราถนาที่หวังความเจริญเมื่อเจอสมณะที่เสื่อม
    ทั้งสมณะและชาวบ้านและเทพทั้งหลายก็ผิดหวังเพราะสมณะหวังความเจริญแต่ทำสิ่งที่เสื่อมให้แก่ตน
    ชาวบ้านและเทพหากได้เกี่ยวกับผู้เสื่อมก็เสื่อมไปด้วยกัน
    เพราะไม่ได้ศึกษาและยังเป็นผู้ที่เคยปราถนาความเจริญไว้แล้ว ยังไปคบกับผู้เสื่อม จะเสื่อมมั๊ยล่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...