เป็นคำตอบที่โดนใจมากๆ สาธุ, :cool:
การเข้าถึง ฌาณ 4 ต้องรู้สึกตามขั้นตอนเหล่านี้ทุกครั้งไหมครับ
ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย bankcs16, 1 มิถุนายน 2009.
หน้า 3 ของ 3
-
ผมว่าถึงถ้าเคยถึงฐานอารมย์นี้แล้ว...เรื่องแบบที่ตั้งคำถามมานี้จะไม่มีความสงสัยหรอกครับ
จะไม่ไปสนใจอาการต่างๆ..ก่อนถึงฐานอารมย์นั้นหรอก....
แต่ที่สำคัญ..ให้เค้าพิจารณาภายในร่างกายให้หมดก่อนนะครับ..จนเค้านิ่งจริงๆ..ไม่ใช้พอมีสติ(ทางวิมุติ)หน่อยหนึ่งแล้วจะไปเที่ยวเล่นที่โน้นที่นี้ อาจจะกลายเป็นมิจฉาสมาธิได้โดยไม่รู้ตัว..
ปล.ถ้าเปรียบ ญาน 4 เหมือน กม.ที่4 อารมย์ที่ปรากฏต่าง ก็เหมือนสิ่งที่มองเห็นอยู่ข้างทาง มัวแต่ไปยึดไปติด ดูข้างทางอยู่ก็ยังเดินไม่ถึง กม.4 คนที่ไป กม.4 ประจำ จะไม่มามองข้างทางระหว่าง กม. 1- 3 หรอกครับ เพืยงแต่ว่า สักแต่ว่ามอง สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่ารู้ เท่านั้น ....
อนุโมทนานะครับ... -
ผมเข้าใจว่าบางคนมีกำลังสติแจ่มชัดก็จะสังเกตุรายละเอียดต่างๆ ไำด้ชัดเจนตามลำดับขั้นตอน แต่บางคนก็ไม่ได้กำหนดว่าถึงขั้นไหนเป็นอย่างไรเพราะจิตพาไปรวดเดียว มีสติระลึกรู้ก็เจอสภาวะว่างๆ ใน ขณะที่จิตสงบเป็นเอกัตคตารมณ์ ไม่รู้สึกถึงลมหายใจและสัมผัสจากภายนอกเงียบไปหมด จริงๆแล้วยังมีอยู่แต่เราละความสนใจไปเองโดยอัตโนมัติตามคุณลักษณะของสภาวะธรรมที่เข้าถึง เหมือนไฟย่อมมีัลักษณะร้อน ประมาณนั้นละครับ จนกระทิ่งจิตอิ่มตัว ก็จะคลายออกมาเอง เว้นแต่เราไปฝึกกับพระท่าน ท่านก็จะคอยกำกับคอยประคับประคองจิตช่วยให้นิ่งสงบเร็วขึ้นและออกจากสภาวะนั้นตามที่พระท่านกำหนดไว้
ส่วนสภาวะอารมณ์หลังจากจิตคลายตัวจากองค์ฌาณ ขึ้นอยู่ว่าเรามีความสำรวมจิตมากน้อยเพียงใดครับ ถ้ายังสำรวมจิตและดำรงสติอยู่เป็นปกติทุกขณะจิต ก็น่าจะอยู่ได้นานพอสมควร แต่หากเลิกนั่งสมาธิแล้ว ใจกระโดดไปเกาะสิ่งแวดล้อมข้างนอกตัวหรือเผลอสติ ความสงบในใจก็จะเสื่อมเร็วและกลับมาวุ่นวายสับสนเหมือนเดิมครับ เหมือนบ้านที่เราต้องหมั่นปัดกวาดเช็ดถูบ่อยๆ ก็จะสะอาด แต่ถ้ากวาดถูจนสะอาดครั้งเดียวแล้วปล่อยทิ้งไว้ ไม่ขยันหมั่นทำความสะอาด อีกไม่นานก็จะกลับมาสกปรกเหมือนเดิมครับ
ส่วนของผมไม่ไปถึงไหนแล้วครับ เสื่อมไปหมดแล้ว เพราะทั้งหมดนั้นเป็นโลกีย์ธรรม เกิดขึ้นได้ก็เสื่อมได้ครับ กว่าจะเข้าใจก็ต้องทุกข์ใจเพราะความอยากได้อยากมีอยากเป็นแบบนั้นอีกนานพอดูกว่าจะได้สติ ปัจจุบันหันมาเรียนรู้โดยใช้สติและปัญญาทำความเข้าใจสภาวะธรรมครับ จะนั่งสมาธิในยามต้องการพักผ่อนต้องการความสงบทางใจหรือต้องการใช้จิตที่สงบมาศึกษาธรรมมะที่เข้าใจยากครับ -
ดิฉันก็เคยนั่งจนมีอาการแบบนี้เหมือนกันค่ะ พอถึงจุดๆ ที่มันสงบมาก มองอะไรก็ไม่เห็นเพราะมืดมาก แต่สามารถได้ยินเสียงตัวเองพูดกับตัวเองในจิต เพราะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นก็จิตหลุดออกมาเลยค่ะ (ไม่น่าเลยเรา)....แต่หลังจากออกจากนั่งสมาธิแล้วรู้สึกโปร่ง โล่ง สบาย สดชื่นมากๆ เลยค่ะ -
ตามพระไตรปิฏกบอกไว้เลยคับเป็นไปตามจิงผมก็เคยเจอ เพียงแต่เราอาจผ่านอารณ์ไปเร็วในบางครั้งโดยไม่ทันจับให้ครบ ส่วนวิตกศีล วิจารในสมาธินั้นอยู่ในปฐมฌาน ฌานที่4คือจตุถฌาน อารมณ์เป็นอุเบกขานะคับ
-
เจริญวิปัสนากรรมฐานในกรรมฐาน40เลือกตามความถนัดของตน เดวท่านจะได้รู้เองเมื่อบรรลุฌาน และ มีสมาธิมากๆ ทุกอย่างจะชัดเจน ว่าเราอยู่ฌานไหน พูดไปไม่เข้าใจหรอก ต้องปฏิบัติเองคับ ยิ่งหมุนฌานคล่องๆแล้วจะได้รู้ว่าอภิญญามีจิงไหมด้วยตัวท่านเอง อภิญญา1มีจิง อภิญญา6ก็ย่อมมีจิง
-
ผู้อิจฉา ย่อมมักหัวเราะผู้อื่นเป็นอย่างเดียว ศึกษาธรรมมาเยอะแต่ก็ไม่ได้ช่วยยกระดับสติปัญญาและจิตเลย อินทรบุตร
-
ขำ... มันยังไม่รู้ตัว... 555
-
-
-
-
พระอาจารย์ผมไม่สนทนากับ พวกทุศีล สำรวมกาย วาจา ใจไม่เป็นหรอกคับ
-
อินทรบุตร ภาวนามาจนแก่ อย่าได้อยู่อย่างเดียวคือหัวเราะเลย ให้คนอื่นสมเพชเปล่าๆ
-
บุคคลไม่มีหิริโอตัปปะ นี่คุยด้วยยากจิงๆว่าไหมอินทรบุตร
-
๏ สพฺพปาปสฺส อกรณํ
กุสลสฺสูปสมฺปทา
สจิตฺตปริโยทปนํ
เอตํ พุทฺธานสาสนํฯ
๏ การไม่ทำความชั่วทั้งปวง 1
การบำเพ็ญแต่ความดี 1
การทำจิตของตนให้ผ่องใส 1
นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
"ข้อที่บุคคลเห็นโทษโดยความเป็นโทษ แล้วทำคืนตามธรรม ถึงความสำรวมต่อไป นี้เป็นความเจริญในวินัยของพระอริยะ" (๑๓/๑๖๕) #ธรรมะ
หน้า 3 ของ 3