การเจริญภาวนาให้เกิดจักษุทิพย์ ....กสินวิธีนี้ จะภาวนาว่าอะไรดี

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย 77WILL77, 16 เมษายน 2006.

  1. 77WILL77

    77WILL77 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +1,674
    การเจริญภาวนาให้เกิดจักษุทิพย์( ฝึกตาทิพย์ )
    คำสอนหลวงพ่อดาบส สุมโน พระอริยะเจ้าแห่งเชียงราย

    จักษุทิพย์ นี้จะเกิดขึ้น จะต้องทำให้ถึง ความว่างภายใน ที่เรียกว่า สมาธิจิตว่าง
    ณ ธรรมจักร นี้พระพุทธองค์ ยกหนทาง ๘ ขึ้นแสดงเทพพรหมหมื่นโลกธาตุจักรวาล มีปัญจัควัคคีเป็นต้น ได้สดับฟังแล้วก็ได้ดวงตาเห็นธรรม ธัมจักขุเกิดขึ้น
    ทาง ๘ มี ๘ อย่าง หรือ ๘ ข้อ และสรุปแล้ว ๘ อย่าง ก็มีในคนเรานี้เอง และคนเราก็เชื่อว่า มี ๘ จำพวก กล่าวคือ มีคุณลักษณ์ประจำตัว ๘ คุณลักษณ์ คือ ธาตุที่อบรมมาประจำตน ได้แก่ ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ
    เมื่อเจริญภาวนา ทำอารมณ์ให้เกิดตาทิพย์ ก็ควรถือ เอาเลขที่เป็นธาตุของตน จะทำให้การเจริญเหมาะกับนิสัยธาตุ และจะสมหวัง หากเราใช้อักษรมาเป็นอารมณ์ ก็จะทำให้ยากต่อการที่จะเลือกเอามาเป็นอารมณ์ เพราะอักษรนั้นมีมากต่อคนเกิดวันหนึ่ง
    ฉะนั้นในที่นี้ เพื่อความง่าย คนเกิดวันอาทิตย์ให้ใช้เลข ๑ เอามาเป็นอารมณ์เจริญภาวนา, คนเกิดวันจันทร์ ให้ใช้เลข ๒, คนเกิดวันอังคารให้ใช้เลข ๓, คนเกิดวันพุธให้ใช้เลข ๔, คนเกิดวันพฤหัสบดี ให้ใช้เลข ๕, คนเกิดวันศุกร์ ให้ใช้เลข ๖, คนเกิดวันเสาร์ ให้ใช้เลข ๗ คนเกิดวันพุธกลางคืน (ตั้งแต่เที่ยงคืน ถึง ๖ น.เช้า) ให้ใช้เลข ๘, -ไม่รู้วันเกิดใช้เลข ๙
    ตัวเลขแต่ละตัวล้วนมีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะในทุกตัวเลขมีพุทธประจำอยู่ทุกตัว เทวดา ๘ องค์ก็อยุ่ในเลข ๘ ตัวนี้เหมือนกัน

    วิธีเจริญ ให้เราเอาตัวเลข อันตรงกับวันเกิดของตนเองมาตั้งเป็นอารมณ์ (องค์กษิณ) กำหนดเหมือนกำว่าลอยนิ่งอยุ่ในอากาศเบื้องหน้าเรา ให้อยู่ในรัศมีใกล้ใกลพอเห็นชัดเจน เมื่อประคองตัวเลขจำหมายไว้ดีแล้ว ตั้งอยู่คงอยู่ไม่อันตรธานหายไป รู้ว่าใจอยู่แล้ว เพราะอาศัยเห็น ตัวเลขนั้น คงอยู่นี้เรียกว่า อัปปานาสมาธิญาณ เมื่อเห็นชัดชำนาญดีแล้ว ต่อไปจะนึกให้อยู่ตรงไหนก็ได้ แต่ความต้องการตอนนี้ ต้องการนึกให้ตัวเลขที่เห็นชัดอยู่นั้นกลายเป็นความว่าง ความสูญเปล่า ไม่มีอะไรเมื่อทำได้ว่างดังนี้แล้ว ๆ เอาความว่างเปล่านั้นมาครอบใส่ตัวเรา เอาตัวเราไปผสมกับความว่างเปล่า ให้ความว่างเปล่ากับตัวเรา ผสมกลมกลืนเป็นอันเดียวกัน ทำได้ดังนี้ ก็เป็นอันว่า ขั้นพื้นฐานตาทิพย์เราได้แล้ว

    ทีนี้ต้องการจะเห็นอะไร จะเป็นอะไร รู้อะไร ก็อธิษฐานดูเอา หรือไม่ก็จะเห็นบรรดาพวกกายทิพย์ เห็นโลกทิพย์ เมื่อเราถึงขั้นนี้แล้ว ความรู้เรานั้นก็จะเป็นดังพุทธะ
    ข้อสำคัญต้องอย่าลืมว่า เวลาจะเห็นก็เห็นได้ เวลาจะไม่เห็นก็ไม่ให้เห็นได้ เหมือนคนมีไฟฟ้าใช้แล้วก็ต้องรู้จัก ใช้รู้จักที่ปิดที่เปิดจึงสวัสดี ฯ

    ความคิดเห็นเพิ่มเติม จาก นาคินทร์ การฝึกวิธีนี้ครอบคลุมทั้งรูปฌาณ และอรูปฌาณ ไปในตัว ผู้ที่ฝึกจนคล่องตัว จะมีจิตใจที่ละเอียดอ่อนมาก หากเข้าสู่ความเป็นอริยะ ใช้วิปัสนาญานเข้าร่วมด้วย จักเข้าประเภทปฏิสัมภิทาญาณโดยปริยาย จึงน่านำไปฝึกมาก


    โดย...จูกัด เหลียง(KHONGBENG)
     
  2. hitman

    hitman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +439
    อีก2วิธีคือ
    วิธีที่1
    ฝึกทิพยจักษุญาณแบบโบราณffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>

    ท่านวางแบบของท่านไว้ว่า ให้จัดธูป ๗ ดอก เทียนหนัก ๑ บาท ๗ เล่ม ดอกไม้ ๗ กระทง ข้าวตอก ๗ กระทง บาตรใส่น้ำเต็ม ๑ ใบ ท่านให้ภาวนาด้วยคาถานี้ ตามแต่จะสบาย
    คาถาภาวนา
    นะมะพะทะ พุทโธ โลกทีปัง อาโลกกสิณัง วิโสธายิ ธัมโม โลกทีปัง อาโลกกสิณัง วิโสธายิ สังโฆ โลกทีปัง อาโลกกสิณัง วิโสธายิ
    เมื่อภาวนาจนจุใจแล้ว ท่านให้เอาน้ำมนต์ในบาตรนั้นอาบทุกๆวัน ตามตำราท่านว่า ทำอย่างนี้ ๗ วัน ของท่านได้ทิพยจักษุญาณ จงรักษาสมาธิให้ดี ดูของท่านแล้วก็อาโลกกสิณดีๆ นั่นเอง ถ้าว่าคาถาเป็นนกแก้วนกขุนทองไม่มีหวังแน่ ต้องตั้งอารมณ์ตามแบบกสิณ มีหวังแน่ตามที่ท่านบอกไว้


    วิธีที่2

    เมฆจิต ของท่านอาจารย์เกษม<O:p></O:p>

    เมฆจิต หรือทิพยจักษุญาณของท่านอาจารย์เกษมนี้ เป็นแบบปฏิบัติที่ให้ผลง่ายๆ มีมารายที่ฝึกตามแบบนี้แล้วได้รับผลเบื้องต้นภายใน ๗ วันบ้าง ๑๕ วันบ้าง แต่ที่ไม่ได้เรื่องก็ไม่น้อยเหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่แก่ความฉลาดและความกล้าของแต่ละบุคคล ที่ท่านทำได้ง่ายๆ นั้น ท่านเหล่านั้นเล่าให้ฟังว่า ท่านทำดังนี้
    ท่านเริ่มทำสมาธิด้วยการกำหนดนิมิตอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น รูปพระพุทธ เป็นต้น แล้วภาวนาคาถาบริกรรมไปด้วย กำหนดรูปด้วย วันหนึ่ง หรือคราวหนึ่งท่านไม่เอามาก ใช้เวลาคราวละ ๕ นาที บังคับว่าคาถาให้ครบ พร้อมด้วยกำหนดให้เห็นรูปไปด้วย ถ้าจิตพลาดนิดหนึ่ง ท่านตั้งต้นเวลาใหม่ ท่านทำอย่างนี้เพื่อบังคับอารมณ์ตนเอง เพื่อไม่ให้จิตส่ายไปในอารมณ์ภายนอก แล้วทดลองความรู้จากอารมณ์ คือ กำหนดรู้ทางใจ โดยกำหนดรูเรื่องต่างๆ ตามที่จะหาได้ เช่นเห็นรถแล่นมาแต่ไกล ก็กำหนดจิตเพื่อรู้ว่าคนในรถมีกี่คน เป็นชายเท่าไร หญิงเท่าไร แล้วเชื่ออารมณ์ที่รู้อารมณ์แรก โดยจิตคิดว่ามีคนกี่คน หญิงกี่คน ชายกี่คน ก็เชื่อตามอารมณ์แรก ความรู้นั้นจะถูกต้องตามความเป็นจริงเสมอ เป็นวิชชาฝึกทิพยจักษุญาณระยะต้นดีมาก คาถาภาวนาว่าดังต่อไปนี้<O:p></O:p>


    <O:p> </O:p>
    คาถาเมฆจิต<O:p></O:p>

    พุทธัง เมฆะนิมิตต์ จิตตัง มะอะอุ ธัมมัง เมฆะนิมิตต์ จิตตัง อุอะมะ สังฆัง เมฆะนิมิตต์ จิตตัง อะมะอุ<O:p></O:p>

    (คาถาของท่านมีเท่านี้)<O:p></O:p>

    <O:p>**วิธีที่1สรุปง่ายๆก็คือ กสินแสงสว่างนั้นเอง สามารถใช้สำหรับถอดจิตได้นะครับ</O:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...