การเจริญเมตตา (หรือการเจริญพรหมวิหาร)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ไม้ขีด, 10 เมษายน 2014.

  1. ไม้ขีด

    ไม้ขีด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,421
    ค่าพลัง:
    +3,023
    การเจริญเมตตา (หรือการเจริญพรหมวิหาร)อริยสัจจากพระโอษฐ์

    เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า จิตของเราจักตั้งมั่น ดํารงอยู่ด้วยดีในภายใน เเละธรรมอันเป็นบาปอกุศลที่เกิดขึ้นเเล้ว จักไม่ครอบงําจิตได้ เมื่อใด จิตของเธอเป็นจิตตั้งมั่น ดํารงอยู่ด้วยดีเเล้วในภายใน เเละธรรมอันเป็นบาปอกุศลที่เกิดขึ้นเเล้ว ไม่ครอบงําจิตได้ เมื่อนั้นเธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเจริญ กระทําให้มากซึ่งเมตตาเจโตวิมุติ ทําให้เป็นดุจยาน ทําให้เป็นที่ตั้ง ให้มั่นคง สั่งสม ปรารภดีเเล้ว



    เมื่อเธอพิจารณาเห็นตนบริสุทธิ์ พ้นเเล้วจากบาปอกุศลที่เกิดขึ้น ปราโมทย์ก็เกิด เมื่อเธอเกิดปราโมทย์เเล้ว ปีติก็เกิด เมื่อเธอมีใจประกอบด้วยปีติเเล้ว นามกายก็สงบ เธอมีนามกายสงบเเล้ว ก็เสวยสุข เมื่อเธอมีสุข จิตก็ตั้งมั่น


    เธอมีจิตสหรคตด้วยเมตตา เเผ่ไปสู่ทิศที่ ๑ อยู่ เเผ่ไปสู่ทิศที่ ๒ ก็อย่างนั้น เเผ่ไปสู่ทิศที่ ๓ ก็อย่างนั้น เเผ่ไปสู่ทิศที่ ๔ ก็อย่างนั้น เเละเธอมีจิตสหรคตด้วยเมตตา อันกว้างขวาง เป็นส่วนใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท เเผ่ไปสู่โลกหมดทุกส่วน โดยประการทั้งปวง ในที่ทั้งปวง ทั้งเบื้องบน เบื้องตํ่า เบื้องขวาง


    มีจิตสหรคตด้วยกรุณา เเผ่ไปสู่ทิศที่ ๑ อยู่ เเผ่ไปสู่ทิศที่ ๒ ก็อย่างนั้น เเผ่ไปสู่ทิศที่ ๓ ก็อย่างนั้น เเผ่ไปสู่ทิศที่ ๔ ก็อย่างนั้น เเละเธอมีจิตสหรคตด้วยกรุณา อันกว้างขวาง เป็นส่วนใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท เเผ่ไปสู่โลกหมดทุกส่วน โดยประการทั้งปวง ในที่ทั้งปวง ทั้งเบื้องบน เบื้องตํ่า เบื้องขวาง
    .


    มีจิตสหรคตด้วยมุทิตา เเผ่ไปสู่ทิศที่ ๑ อยู่ เเผ่ไปสู่ทิศที่ ๒ ก็อย่างนั้น เเผ่ไปสู่ทิศที่ ๓ ก็อย่างนั้น เเผ่ไปสู่ทิศที่ ๔ ก็อย่างนั้น เเละเธอมีจิตสหรคตด้วยมุทิตา อันกว้างขวาง เป็นส่วนใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท เเผ่ไปสู่โลกหมดทุกส่วน โดยประการทั้งปวง ในที่ทั้งปวง ทั้งเบื้องบน เบื้องตํ่า เบื้องขวาง


    มีจิตสหรคตด้วยอุเบกขา เเผ่ไปสู่ทิศที่ ๑ อยู่ เเผ่ไปสู่ทิศที่ ๒ ก็อย่างนั้น เเผ่ไปสู่ทิศที่ ๓ ก็อย่างนั้น เเผ่ไปสู่ทิศที่ ๔ ก็อย่างนั้น เเละเธอมีจิตสหรคตด้วยอุเบกขา อันกว้างขวาง เป็นส่วนใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท เเผ่ไปสู่โลกหมดทุกส่วน โดยประการทั้งปวง ในที่ทั้งปวง ทั้งเบื้องบน เบื้องตํ่า เบื้องขวาง


    เปรียบเหมือนคนเป่าสังข์ ผู้มีกําลังย่อมเป่าสังข์ให้ได้ยินได้ทั้งสี่ทิศโดยไม่ยาก ฉันใด ในเมตตาเจโตวิมุติ (กรุณาเจโตวิมุติ...., มุทิตาเจโตวิมุติ...., อุเบกขาเจโตวิมุติ....) ที่เจริญเเล้วอย่างนี้ กรรมชนิดที่ทําอย่างมีขีดจํากัด ย่อมไม่มีเหลืออยู่ ไม่ตั้งอยู่ในนั้น ก็ฉันนั้น



    สระโบกขรณี มีนํ้าใสจืด เย็น สะอาด มีท่าอันดี น่ารื่นรมย์ ถ้าบุรุษมาเเต่ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ เเละจากที่ไหนๆ อันความร้อนเเผดเผา เร่าร้อน ลําบาก กระหาย อยากดื่มนํ้า เขามาถึงสระโบกขรณีนั้นเเล้ว ก็บรรเทาความอยากดื่มนํ้า เเละความกระวนกระวายเพราะความร้อนเสียได้ เเม้ฉันใด เธอมาถึงธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศเเล้ว เจริญเมตตา กรุณา มุทิตา เเละอุเบกขาอย่างนั้น ย่อมได้ความสงบจิต ณ ภายใน ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เรากล่าวว่าเป็นผู้ปฏิบัติข้อปฏิบัติอันดียิ่ง


    เมื่อใดเธอเจริญสมาธินี้อย่างนี้ เจริญดีเเล้ว เมื่อนั้น เธอจักเดินไปทางใดทางๆ ก็จักเดินเป็นสุขในทางนั้นๆ ยืนอยู่ในที่ใดๆ ก็จักยืนเป็นสุขในที่นั้นๆ นั่งอยู่ในที่ใดๆ ก็จักนั่งอยู่เป็นสุขในที่นั้นๆ นอนอยู่ที่ใดๆ ก็จักนอนเป็นสุขในที่นั้นๆ ฯ


    (ความเต็มดูได้ในพระสูตรดังกล่าวนี้)
    พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๑๕ อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฎฐก-นวกนิบาต หน้า ๒๓๘ ข้อ ๑๖๐
    พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๔ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ หน้า ๓๖๒ ข้อ ๔๘๒
    อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคปลาย หน้า ๑๒๙๘
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2014
  2. ไม้ขีด

    ไม้ขีด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,421
    ค่าพลัง:
    +3,023
    ขออนุญาตดันกระทู้เก่าเพื่อคนที่เข้ามาใหม่ได้อ่านกันครับ
     
  3. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.. นี้แลเมตตาฌาน บรรเทาลดราคะ,ปฎิฆะ ได้อย่างแยบคาย

    ทิฐิมานะ อคติต่างๆ สิ่งนั้นถูก สิ่งนั้นผิด สิ่งนั้นมีทั้งถูกและผิด เมื่อทำได้อยู่ในโยคาวจรทุกอย่างหายหมดโหม๊ดดด ว่างเปล่าจากอัตตาตัวตน
     
  4. Piagk3

    Piagk3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +1,222
    สาธุ อนุโมทามิ
     
  5. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    คำว่า จิตของเราจักตั้งมั่น ดํารงอยู่ด้วยดีในภายใน

    หมายถึง สมาธิ ระดับอัปณา ถึงปฐมฌาณขึ้นไป

    คำว่า ธรรมอันเป็นบาปอกุศลที่เกิดขึ้นเเล้ว จักไม่ครอบงําจิตได้

    หมายถึง ระงับนิวรณ์ ๕ ลงได้ เป็นเหตุให้กุศลดำรงค์อยู่

    คำว่า เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเจริญ กระทําให้มากซึ่งเมตตาเจโตวิมุติ

    หมายถึง โยนิโส น้อมไปที่องค์กรรมฐาน

    โดยใส่ใจลักษณะที่สุข สงบ ตั่งมั่น

    น้อมความรู้สึกสุขเกลียดทุกข์ฉันใด ผู้อื่นย่อมปราถนาฉันนั้น

    คำว่า ให้เป็นดุจยาน ทําให้เป็นที่ตั้ง ให้มั่นคง

    หมายถึง เจริญให้คล่อง นึกเมื่อใด น้อมไปเมื่อนั้น ดุจบุรุษเหยียดแขนที่คู้

    เห็น ได้ยิน สัมผัส นึกคิด ก็น้อมไปด้วยความปราถนาดี

    ดุจความรักของแม่มีต่อบุตร
     
  6. nosono

    nosono เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2013
    โพสต์:
    249
    ค่าพลัง:
    +259
    สีแดง หมายถึง รู้แล้ว เข้าใจแล้ว จำได้แล้ว ไม่ได้สงสัย ไม่ได้เคลือบแคลง ไม่เกี่ยวกับลืมหรือไม่ ไม่ไช่คิดใหม่ ไม่ไช่พิสูจน์ใหม่ แต่เอาที่รู้นั้นมาใช้ได้เลย ว่า ถูกต้องแน่นอน นี่คือคำว่า ญาณ
     
  7. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    ญาณไม่เกิดในสมถะ

    สมถะกัมมัฏฐาน เพ่งอารมณ์เดียว

    หมายถึง ฌาณ

    ในเมตตาพรหมวิหาร มีบัญญัติเป็นอารมณ์ ในที่นี้มีบุคคล สัตว์เป็นอารมณ์

    เพื่อแผ่ความรัก ความเมตตา ความปราถนาดีไปยังบุคคลนั้นๆ

    ส่วน วิปัสสนา เป็นเรื่อง ปรมัตถ์ มีนามรูปเป็นอารมณ์ เป็นปัญญาญาณ

    ญาณ แปลว่า ปัญญาก็ได้ เพ่งไปที่ลักษณะนามรูป
     
  8. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    คำว่า ดุจยาน

    หมายถึง แล่นไป เหมือนรถที่แล่นไป

    โดยนัยว่า แคล่วคล่อง หรือ วสีก็ได้

    ทวนเข้า ทวนออก ทวนสลับ ทวนข้าม จนคล่อง
     
  9. nosono

    nosono เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2013
    โพสต์:
    249
    ค่าพลัง:
    +259
    ดุจยาน แปลว่า มีปัญญาคิดได้หลายหลากหลายมุม ยานแปลว่า ไม่ติดพื้น ไหลลื่น อนุโลมปฏิโลมได้คล่องแคล่วว่องไว
     
  10. nosono

    nosono เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2013
    โพสต์:
    249
    ค่าพลัง:
    +259
    สีแดง แผ่เมตตาได้แค่ไหน สามารถวัดความมีอัตตาตัวตนในตนเองได้
     
  11. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    ต้องเข้าใจก่อนว่า เมตตากรรมฐาน เป็นสมถะ

    เป็นดุจโล่ เป็นดุจศาลาพัก ยามเจริญวิปัสสนา

    บางคนเจริญเมตตาก่อนพอให้นิวรณ์ระงับ พอให้สุขในระดับฌาณปรากฏ

    ตรงนี้อาศัยเป็นบาทของวิปัสสนาได้

    โดยใช้สุขในองค์ฌาณมาพิจารณาโดยความเป็นนามรูปก็ได้

    เป็นการละองค์ฌาณก็ได้

    คงไม่กล่าวเรื่องอัตตาในระดับผู้ปฏิบัติที่ใช้เป็นบาทในการเข้าวิปัสสนา
     
  12. nosono

    nosono เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2013
    โพสต์:
    249
    ค่าพลัง:
    +259
    สีแดง ทุกกรรมฐาน เป็นสมถะอย่างเดียวหรือ วิปัสสนาไปด้วยครับ

    ถ้าทุกกรรมฐาน เป็นวิปัสสนาไปด้วย เมตตาก็ย่อมเป็นปัสสนาไปด้วย

    และการแผ่เมตตา เป็นการ เอาออก ละ ลด ถือว่า เป็นการวัดอัตตาในตนเองได้มั้ยครับ
     
  13. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    กสิน เป็นสมถะ

    อานาปานสติ เป็นได้ทั้งสมถะวิปัสสนา

    ดูอิริยาบถ ดูสัมปชัญยะ ธรรมนุปัสสนา จิตนุปัสสนา เป็นวิปัสสนา

    มีหลายอย่างที่ไม่ได้กล่าว

    เมตตานั้น พลิกเป็นก็เป็นวิปัสสนาได้

    วัตถุประสงค์ของเมตตาเพื่อระงับความโกรธ เห็นโทษของความโกรธ

    จะถือว่าลดละกิเลสได้ไหม
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019

    เป็นกระทู้ที่ทรงคุณค่ามากครับสำหรับส่วนตัวนะครับ
    เพราะบทความที่นำมาลงดีมากครับ..โดยส่วนตัวไม่เคยมี
    และกล้าคิดที่จะไปตีความ หรือวิเคราะห์บทความ
    นอกจากจะอ่านเฉยๆเลยครับ เพราะรู้ดีว่าความสามารถ
    และระดับปัญญายังไม่ถึง.และเชื่อว่าให้ปฏิบัติอย่างไร
    ก็ไม่สามารถที่จะเทียบเท่าได้เช่นนี้.
    ..อ่านหลายๆย่อหน้าแล้ว.ทำให้ทราบถึงเหตุและผลต่างๆ
    ที่ได้พยายามปฏิบัติมาก่อนหน้านี้ ตามที่ครูบาร์อาจารย์
    ทางภพภูมิท่านได้ให้กุศโลบายไว้ผ่านบททดสอบต่างๆ
    และลองเทียบเคียงดูตามที่บทความนี้นำมาลง.
    เห็นได้ชัดว่าบทความอย่างนี้
    กล่าวไว้ยิ่งกว่าแม้แต่ผู้มีความสามารถระดับปฏิสัมภิทาญาน
    และเป็นผู้มีปัญญาทางธรรมเต็มรอบแล้วท่านใดๆก็ตาม
    บนโลกนี้จะกล่าวได้อย่างเช่่นบทความที่นำมาลงนี้ครับ..
    ..

    ส่วนตัวถึงไม่แปลกใจเลยว่า.ทำไมหลวงตา.
    มีชื่อเสียงหลายๆท่าน
    ถึงมีกระแสเมตตาเย็นเหมือนน้ำในลำธารได้..
    และเวลาท่านทำอะไรถึงมากมายด้วยพันธมิตร
    ทางภพภูมิชนิดที่มืดฟ้ามัวดิน แถมบทความยังแฝง
    หลักในการดำเนินชีวิตสำหรับผู้ปฏิบัติทั่วๆไปแทรกไว้อย่างแยบยล..

    ปล.ขอบคุณมากครับ ที่นำมาลงให้อ่านครับ....
     
  15. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385

    บทความที่ คุณ nopphakan ว่ามานั้นเป็น คำที่ออกมาจากพระพุทธเจ้า เห็นไหมครับว่าเป็นที่สุดแล้ว
    กลับมาศึกษาสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ จะเข้าใจครับว่า พระพุทธเจ้าให้ เราทำอะไรกันแน่
    กลับมาที่ทางหลัก แล้วจะไม่อยากแวะทางย่อยๆ หรือถึงออกไปทางย่อย ก็จะไม่ลืมทางหลัก
    ส่วนการตีความ ทุกคนที่อ่านข้อความนี้ หรือ ข้อความใดๆก็ล้วนตีความอยู่ในหัวตัวเองอยู่แล้วครับ
    แต่ขึ้นอยู่กับมันตรงสัจะความจริงหรือเปล่า เพราะคำที่ออกจากพระพุทธเจ้าเป็นสัจะความจริงที่ไม่รอ
    ให้ใครเชื่อตาม เพราะเป็นจริง และจริง อยู่อย่างนั้น ใครจะเห็นตามหรือไม่ หรือใครจะเห็นต่าง สัจะความจริง
    ก็จริงของมันอยู่อย่างนั้น
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    เจตนาตั้งต้นในการบอกกล่าวเตือนกันด้วยความหวังดี.
    เอาว่าส่วนตัวพอเข้าใจที่สื่ออยู่ครับ.
    และก็น้อมยิ้มรับเสมอ
    ขอบคุณมากครับ..
     
  17. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,109
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,977
    โดยเนื้อความที่พระพุทธองค์ทรงสอนเรื่องการแผ่พรหมวิหารสี่ นั้น

    ก็คือ แผ่อาการของใจที่เป็นพรหมวิหารสี่นั้น ให้กับทุกรูปนาม สม่ำเสมือ ไม่แตกต่างกัน
    ด้วยกิเลสรัก-ชัง ในสรรพชีวิต ไม่ว่าจะรู้จักมักคุ้นหรือไม่



    วิธีการอาจพัฒนา หรือใช้ต่างกัน


    ให้ดูที่ อาการของจิตที่กระทำ และคุณธรรมของใจที่เป็น
     

แชร์หน้านี้

Loading...