การเฝ้าดู"จิต"

...................อภิธรรม...................มาแว้ววววววววววววว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

 

ถ้าเครียด นี่ ประเด็นมันเยอะ แต่ ของสูง อย่าเอาลงมาเลย......พระท่านไม่ได้รู้เรื่องกับเราด้วย ผมไม่เห็นด้วย.....มันก็เหมือน ตัดต่อนั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็น รูปหรือเสียง ถ้าผิด กาละ เทศะ บาปเต็มเต็ม...................................

 

ได้ยินมาว่า พรหมที่ตายท่าไหน นำเกิดท่านั้น นั่นคือรูปพรหม ผู้ได้ฌานสี่ คืออสัญญีพรหม

ตามนัยแห่งอภิธรรม พรหมผู้นี้ เจริญสัญญาวิราคะภาวนา เพิกนามธรรมเสีย จึงได้แต่รูปปฏิสนธิ จึงมีขันธ์เดียว

ฉะนั้น ที่กล่าวว่า "อรูปพรหม ตายท่าไหน นำเกิดท่านั้น มีแต่จิต"

ก็แสดงว่า มีท่าก็ต้องมีรูปสิ แล้วจะเป็นอรูปพรหมได้ยังไง

ส่วนคลาดเคลื่อนยังไง ช่วยอธิบายให้เข้าใจหน่อยเถิด..!

 

.............เอาพระสูตร มาแลก เปลี่ยนกันยังดีกว่า...............................

 

โอวาทธรรม หลวงพ่อ พุธ ฐานิโย​

ถ้าสมาธิหรือสมถะไม่เกิดขึ้น ท่านจะเจริญวิปัสสนาอย่างไร ท่านจะไม่ได้วิปัสสนา เพราะวิปัสสนามีมูลฐาน เกิดจากสมถะคือสมาธิ​

ถ้าสมถะคือสมาธิไม่เกิดขึ้น ท่านจะได้แค่วิปัสสนาแบบนึกคิดเอาเอง ​

 

เห้ย ไอ้ที่แน่ๆ โง่บัดซบ ก็พวก มีอาจารย์เยอะขนาดนี้
แต่ มันยังไม่บรรลุเลยนี่สิ

แถม ยังมีครูมากก็ยิ่งหางแดง จะมีไปทำไมครับ ครูเยอะขนาดนั้น

 

อนุโมทนาสาธุครับ พื้นฐานต้องมั่นคงจึงจะทำการได้สำเร็จ

ขอให้เจริญในธรรมครับ

 

ตายท่าไหน นำเกิดท่านั้น พรหมลูกฟักก็เข้าใจถูกแล้วนี่ครับ

มีแต่จิต เป็นอรูปพรหมก็ถูกแล้วนี่ครับ

ส่วนตายท่าไหนนำเกิดท่านั้น ที่อ้างไป เป็นประโยคสำนวน

ถ้าทำให้เจ๊หม้อคลาดเคลื่อน ขออภัย

 

ข้างบนนั่นคงจะหมายถึงอรูปพรหม ก็ขอละไว้

หากจะกล่าวถึงพรหม ที่ไม่รู้กาลอุบัติของพระพุทธเจ้า นั่นก็ไม่ทุกองค์หรอก
นี่หมายเอา เฉพาะรูปพรหม ในครั้งพุทธกาล

เพื่อกลับไปท่องซ้ำ เป็นความรู้ คราวหน้าจะได้กล่าว ได้ครอบกว่านี้เนาะ ไม่หมายรวมทั้งหมด

มาดูว่าพรหมในครั้งพุทธกาลมีใครบ้าง

1.ฆฏิการพรหม ผู้ถวายอัฐบริขาร ในวันที่พระโพธิสัตว์เสด็จออกผนวช ตัดพระโมลี ณ ริมฝั่งแม่น้ำอโนมา

2.ท้าวสหัมบดีพรหม ผู้อาราธนาทูลเชิญ พระพุทธเจ้าแสดงธรรมแก่เหล่าเวไนยสัตว์ผู้มีธุลีน้อยมีอยู่

3.พกาพรหม ผู้ซึ่งถูกพระพุทธเจ้ากำราบเสีย ผู้ถือคติเชื่อว่าโลกนี้เที่ยง ไม่เกิด ไม่ตาย ไม่อุบัติ
เป็นพรหมมิจฉาทิฏฐิในครั้งนั้น
(แต่ตอนนี้ไม่รู้ยังไงนะ ท่านจะสะเทือนใจหรือป่าวไม่รู้ เพราะในประวัติบอกไว้แค่ พระพุทธเจ้าปราบพรหม ผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ จนนำมาแต่งเป็นบทสวด พาหุงฯ)

ฉะนั้น ในประวัตินี้ ก็ถือนำมาเป็นคติ แก่ผู้ที่จะหลงอยู่ในข่ายลัทธิ ได้เป็นอย่างดี

4.เพื่อนในอดีตชาติของพระพาหิยะ ในสมัยพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่ได้บำเพ็ญสมณธรรมมาด้วยกัน โดยได้ไปบังเกิดเป็นพรหมอนาคามีชั้นสุทธาวาส
และได้มาเตือนพระพาหิยะ ว่าพระพุทธเจ้าบังเกิดแล้ว แล้วให้ไปหา เพื่อให้พระพุทธเจ้าแสดงธรรม

นั่นก็แสดงว่า พรหมบางรูปก็ย่อมรู้กาลอุบัติของพระพุทธเจ้า

จะบอกว่าพรหมไม่รู้กาลอุบัติของพระพุทธเจ้า ก็ย่อมไม่ใช่แล้ว

 

คือในอสัญญีพรหม ผู้ดับสัญญาวิราคะ หากตายท่าไหน ก็จะเกิดในท่านั้น
อย่างเช่น นั่งตาย หรือ นอนตาย ด้วยท่าใด ก็จะเกิดอยู่ในท่านั้น จนหมดอายุขัยของพรหมชั้นนั้น อันนี้ตำราว่าไว้นะ

สงสัย เจ๊หลง ต้องกลับไปทวนความรู้เกี่ยวกับพรหมลูกฟัก ที่เป็นรูปพรหมแล้วล่ะ

จะได้เป็น สัญญาสัมปยุต ที่ถูกต้อง

ส่วนที่บอกว่า อรูปพรหม มีแต่จิต น่ะถูกต้อง

สรุปแล้ว ใครเข้าใจใครผิด ว่ะเนี่ยะ..!

 

แต่๔ข้อนี้ เราให้อภัยไม่ได้ เพราะกล่าวไปแล้วมุ่งไปที่อรูป
หากจะว่าไม่ครอบคลุม ย่อมไม่ใช่ฐานะ

 

ขอบใจหลายๆ นายหลงไม่มีวาสนา ไม่มีจริตไปทางพรหมเท่าเจ๊หม้อ

จึงไม่อาจรอบรู้พรหมทุกชั้นฟ้า ความรู้อยู่แค่หนวดเต่า

 

เอาๆ ว่ามา ไม่เคยเจออะไรที่ แล้วทำให้มึนขนาดนี้มาก่อนเลย

ช่วยอธิบายให้เข้าใจหน่อย ^-^

 

ถามท่านthe fool23ถ้าในชีวิตประจำวัน ไม่ได้นั่งสมาธิ จะกำหนด อะไร ในการ กิน ยืน เดิน นั่ง นอน พูด จำเป็นต้องทรงฌาน ไว้ตลอดทั้งวันหรือ เปล่า....สำหรับผู้ภาวนา....................หมายถึงท่าน ว่า แยกกันระหว่าง การภาวนา กับ การ ใช้ชีวิตประจำวัน ออกจากการภาวนาแล้ว ทำ อะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ?แล้ว ค่อยไปภาวนา ต่อ ช่วย อธิบายผมหน่อย ถือ ว่าเป็นการ แลกเปลี่ยน ครับ...........

 

จะให้อธิบายอะไรอีกล่ะครับ

ก็เข้าใจตรงกันแล้วนี่ว่า ที่กล่าวนั้น มุ่งไปที่อรูปพรหม จิตดวงเดียว

ประเด็นเจ๊หม้อ คือ ไปหยิบสำนวน ที่นายหลงวางขึ้นมาเป็นประเด็นก็เท่านั้น

ทำให้คลาดเคลื่อน เข้าใจผิด

เจ๊หม้อก็ออกมายอมรับแล้วนี่ครับ ว่าคลาดเคลื่อนจริง

 

เพื่อรักษาไว้ในปริยัติ ส่วนการปฏิบัติ ก็ว่าไปอีกแนวเนอะ

 

จะถาม TheFool ถาม เรื่อง GunDum ดีกว่ามั้ง....

 

แล้ว ถ้า ดัง นี้ การเจริญสติ มัน แย่ ตรงใหนครับ? ในเมื่อ มีสติ แทบจะทุก นาที อย่างนี้ ยังไม่ใช่การภาวนา อีกเหรอครับ?

 

เทรนมาดี เทรนมาดี

สติปัฏฐานนั้น ต้องเปิดให้หมด เปลี่ยนวิกฤษเป็นปัญญาตลอด

ตาต้องเห็นสี มันเป็นกิจของตา จึงเข้าใจผัสสะ เข้าใจรูปนาม เข้าใจปัจจัย
ใจต้องรับอารมณ์ มันเป็นกิจของจิตเสพอารมณ์ จึงเข้าใจจะผัสสะ เข้าใจรูปนาม เข้าใจปัจจัย



ทุกกระบวนการที่ใส่ใจในอารมณ์นั้น สมาธิหนุนอยู่แล้ว
หากปิดตา ปิดหู หยุดใจ ปัจจัยเหล่านี้ย่อมไม่ใช่ฐานะจะรู้ได้

 

คุณถามตัวเองก่อนครับ ว่าจะไปทางโลกๆ หรือ ไปทางธรรม

คนปฏิบัติธรรมจริง อยู่กับ ธรรม ทุกลมหายใจ มี สติ ตลอด ทุกกริยา

การทำสมาธิ ไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิ ครับ

จะกำหนดอะไร กรรมฐาน มี 40 ห้อง ครับ

สำหรับผู้ภาวนาจริง ตลอดทั้งวันครับ จะทรงอะไรก็อยู่ที่คนนั้นละครับ


สำหรับการภาวนากับการใช้ชีวิตประจำวันนั้น


การใช้ชีวิตประจำวัน ถ้าเป็นธรรม มีศีล มีธรรมในอาชีพการงาน อะไรก็ได้ครับ ให้รักษาจิตให้ดี อย่าไปเสวยไปรับอารมณ์กระทบจากข้างนอก

แต่ถ้า อาชีพ ผิดศีล ผิดธรรม ไม่มีศีลธรรมในการงาน เหอ...



กำหนดสติ ตลอดเวลา
สำหรับผู้ภาวนา ตลอดทั้งวัน
ภาวนาไปกับการใช้ชีวิตประำจำวัน ได้หมด อะไรก็ได้
ไม่จำเป็นว่า ต้องหยุดภาวนา เว้นแต่ว่า ต้องใช้ชีวิตประจำวันที่ต้องใช้ สติมากๆ ก็เว้นการภาวนาไปก่อน เช่น การขับรถ เป็นต้น