การใช้ชีวิตในกายทิพย์

เป็นบันทึกการใช้ชีวิตอยู่ในกายทิพย์ เพราะไม่เหมือนกายเนื้อ เล่าประสบการณ์ อ่านเล่นๆ กายทิพย์ในที่นี่หมายถึง astral body คือเป็นอีกกายไม่ได้เป็นกายเนื้อ ใช้ชีวิต คืออยู่ในกายทิพย์นานๆ เกินไป ว่างมากก็เลยทำนั่นทำนี่


1. ของใช้ในกายทิพย์

ถ้าอยู่ในกายทิพย์อยากได้อะไรก็เสกออกมาได้ หรือเปลี่ยนของจากอย่างหนึ่งเป็นอีกอย่างหนึ่งได้ อยากได้อะไรก็มี ทำให้เบื่อโลกบางครั้ง อยากได้อะไรต้องลำบากกว่าจะได้ ต้องเสียเวลาไปซื้อ เสียเงิน

2.กินอาหารในกายทิพย์

อาหารย์ทิพย์ อร่อยมากกก อร่อยกว่าอาหารบนโลก หวาน มัน รสชาติกำลังดี พอดีๆ กินเท่าไหร่ก็ได้

3. สูบบุหรี่ในกายทิพย์

ผมเลิกสูบบุหรี่ไปนานแล้ว สูบในกายทิพย์ไม่มีอันตรายใดๆ สูบแล้วก็เหมือนสูบด้วยกายเนื้อคล้ายๆ กัน แต่เบาสวาย ไม่มีอาการลำบากทางกาย เช่นใอ หรือรู้สึกลำบากคอเป็นต้น

 

4. สัมผัสในกายทิพย์

ก็เหมือนสัมผัสบนโลกคือๆ กัน แต่ละเอียดกว่า คล้ายๆ กัน

5. เสียงในกายทิพย์

คุยกันก็มีเสียงแบบนั้น ไม่ต้องใช้โทรศัพท์ก็คุยได้ ไม่ต้องเห็นตัวก็คุยได้ แล้วแต่ความสามารถแต่ละคน โทรศัพท์ต้องรู้เบอร์ ต้องไปหาเบอร์ ภพภูมิคุยกันไม่ต้องเลย หรือจะฟังเสียงคนอื่นๆ พร้อมๆ กันทีละเยอะๆ ก็ได้

ถ้าอยากฟังเพลงสามารถกำหนดให้เกิดขึ้นได้ เสียงสามารถดังมากจนทนแทบไม่ไหว

6. กำแพงในกายทิพย์

เดินทะลุไปได้ ค่อยๆ ทะลุไป หรือคนบ้าพลังก็ทำให้เป็นรูแล้วเดินผ่านไป

7. ไฟแช็กในกายทิพย์

ถ้าอยากสูบบุหรี่ หรือใช้ไฟทำอะไร ให้เสกเอา

8. เหนื่อยในกายทิพย์

อ้าวพูดจริงๆ ลองเดินเร็วๆ ในกายทิพย์นานๆ ก็เหนื่อยนะ เหนื่อยก็นั่งพัก

9. น้ำเข้าตาในกายทิพย์

ให้ใช้มือปัด ตาม ปรกติ

10. คันหน้าในกายทิพย์

ใช้มือเกา หรือแบบแฟนซี กำหนด ให้มีมืออกมาเกา

 

11. เมื่อยหลังในกายทิพย์

สามารถเสกมือให้มานวดหลัง หรือเสกคนมานวดหลัง สบายกว่านวดกายเนื้อเสียอีก

12. คันหูในกายทิพย์

กำหนดไม้แคะหูแคะได้เอง แต่มันเสียวมากๆๆๆ เพราะกลัวจะแคะพลาด

13. ขี้เกียจเดินในกายทิพย์

ใช้กำหนดรู้สึกที่ร่าง ในทิศทางที่ต้องการ มันจะลอยไปเอง (ไม่ใช่การบิน)

14. ยกของในกายทิพย์

ถ้าของหนักมากให้กำหนดให้เบาก่อน จะหนักแค่ไหนก็ยกได้ ไม่ต้องใช้มือยกก็ได้

 

15. หนาวในกายทิพย์

สามารถเสกเสื้อผ้าทิพย์ออกมาห่ม เนื้อเบาสบาย

16. ร้อนในกายทิพย์

เอ๋อยู่นรกหรือเปล่า เสกให้กายเย็นสบาย เสกน้ำแข็งใสออกมากินก็ได้ จะได้เย็น

17. ติดขัดการปฏิบัติในกายทิพย์

ในโลกทิพย์มีครูบาอาจารย์มากมาย ไม่ต้องห่วงเลย ให้ไปถามท่านดู เช่น ถามหลวงปู่ทวด

18. เป็นห่วงกายเนื้อ

โอ้โหไม่อยากจะเล่าเลย เป็นเรื่องแปลกมาก สามารถเห็นกายเนื้อจากระยะไกลได้ โดยไม่ต้องเดินกลับไปที่กายเนื้อ ไม่ยากเลย

 

เดี๋ยวนี้ผมเดินเล่นในกายทิพย์นานจนบางที เป็นหว่งกายเนื้อ อยู่ในกายทิพย์มันก็สนุกดี อย่างวันนี้เข้าลึกมากจน ยังสงสัยนี่มันกายทิพย์หรือกายเนื้อ เพราะสภาวะชัดเจนจนแยกยาก พิสูจน์ได้ตรง ลองทำอะไรแปลกๆ ถ้าเป็นกายทิพย์จะทำไม่ยาก

แปลกอีกอย่าง เวลาสวดมนต์ยาวๆ จะมีคนสวดตาม บางบทรู้ไม่หมด ก็มีคนนำสวดต่อให้ ก็ดีเหมือนกัน อย่างวันนี้สวดมนต์ตอนอยู่ในกายทิพย์ก็มีคนมานำสวดให้

วันก่อนตอนอยู่ในกายทิพย์เดินๆ อยู่ กำลังทำอะไรที่เป็นกุศล คิดในสิ่งที่เป็นกุศล เงยหน้ามาถึงกับงง ตามทางเดิน อยู่ดีๆ เกิดวิมารแก้วเต็มทางเดิน ทั้งหลังใหญ่หลังเล็ก คงเป็นเพราะจิตที่กำลังทำสิ่งที่เป็นกุศล

มีอยู่วันหนึ่ง กำลังเดินๆ อยู่ มีคนเรียกมาบอกว่าพระโพธิสัตว์มา ทุกๆ คนก็รีบ เดินไปหา พอมาถึงที่ๆ ท่านพระโพธิสัตว์อยู่ทุกคนก้มลงกราบหมด ท่านมาพร้อมข้อความให้ผม แต่ท่านไม่ใช่ใครไหนไกลเลย คือพระโพธิสัตว์ที่ทุกท่านรู้จักดี

ผมสังเกตุหลายครั้งเวลา "จิตพระโพธิสัตว์" ปรากฎ ทุกคนรอบๆ จะรู้และกราบหมด

ช่วงแรกๆ การใช้กายทิพย์ เป็นเรื่องแปลกใหม่ แต่เดี๋ยวนี้ผมอยู่สองร่างจนเป็นเรื่องปรกติ เหมือนอยู่สองโลก ทำเป็นกิจวัติ ไม่ได้วอบๆ แวมๆ แต่เหมือนใช้ชีวิตสองร่าง ทั้งหมดเป็นเรื่องผลของการฝึกสติ ที่เล่าๆ นี่ไม่ใช่นั่งสมาธิแล้วเห็นนู่นเห็นนี่ แต่เป็นการท่องเที่ยวของกายในกาย

จะไม่ลงท้ายว่าฟังเล่นๆ หรือเล่าเล่นๆ เพราะเล่าจริงๆ 555555555555 เพราะอยากจะเล่า

 

เรื่องของการปฎิบัติเป็น spiritual journey เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน ผมเองเมื่อได้ไปอ่านกระทู้คนอื่นเล่าประสบการณ์และความเห็นเรื่องสติ สมาธิ ฌาน นิมิต และอื่นๆ บ่อยครั้งผมไม่เห็นด้วย แต่ผมไม่ได้แสดงความเห็น เพราะอะไร เพราะไม่ใช่เรื่องของผม ถ้าผมอ่านกระทู้ใครแล้วไม่เห็นด้วยแล้วต้องไปตามสอน ผมคงต้องได้แสดงความเห็นไปทั่วหมวดอภิญญาแน่นอน และจะต้องสร้างศัตรูมากมาย เพราะเขาก็ภูมิใจ มั่นใจของเขา เราไปพูดขัดกับสิ่งที่เขาเชื่อก็สร้างความไม่พอใจ นอกจากจะสามารถมีความสามารถในการพูดให้เขาหันมามีความเห็นที่ถูกต้อง แต่ก็อีก เราเองก็ยังไม่ได้บรรลุ ถ้าผมอ่านผ่านๆ ก็ปล่อยไป ก็ไม่เห็นมีอะไร ก็ออกจากสมองไป ผมไม่ได้มี urge จะไปสอน บางทีก็มี แต่ก็ขี้เกียจ

ที่ผมไม่ค่อยแสดงความเห็นแนวสั่งสอนเพราะ
1. เขามีความเห็นอย่างนั้น เชื่อว่าอย่างนั้นดี พอใจ ภูมิใจอย่างนั้น ถ้าผมไปพูดขัดกับความเห็นเขาๆ อาจจะโกรธได้ง่ายๆ
2. เราไม่ได้อยู่ในฐานะที่ต้องแนะนำตักเตือน เขาไม่ได้นับถือผมเป็นครู เป็นผู้รู้ที่เขาอยากได้คำสอน ผมจึงไม่ได้มีหน้าที่ต้องไปสั่งสอนเขา ดูบางคนเขาเห็นว่าเขาดี สิ่งที่เขาทำดี ผมไปว่าเขา ไปสอนเขา เหมือนรู้มากกว่าเขา เขาก็ไม่พอใจ แล้วจะได้อะไร เรื่องจะไปสอนใครอยู่ที่ความเหมาะสม
3. ในชีวิตจริงเราย่อมไม่ไปเที่ยวสอนคนนั้นคนนี้ เหมือนเรารู้มากกว่า ย่อมสร้างความไม่พอใจ เมื่อไม่ได้อยู่ในความเหมาะสมที่จะทำเช่นนั้น
4. เราให้ความเคารพสิทธิในการเล่าของเขา ผมก็ทำของผม เขาก็ทำของเขา
5. ผมเองก็ไม่ได้บรรลุ ยังเรียนไม่จบ แล้วจะไปไล่ตามเช็คบิลตามสอนเขาเพื่ออะไร ในเมื่อตัวเองยังไม่ได้ "รู้แจ้ง" ซึ่งธรรม ก็นักเรียนเหมือนกัน


สรุปโดยสั้น It's none of my business.

 

มีอยู่วันหนึ่งผมฝันว่าเป็นพระธุดงเดินทางติดตามไปกับพระพุทธเจ้าท่านว่า สิ่งที่ฝึกมานี้ใช้ได้ทั้งทางโลก และทางธรรม...

ในความเห็นของผม...

ประโยชณ์ทางโลก เช่น
-เดินทางรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเงิน
-ให้เกิดในสิ่งที่จำเป็นต้องมี ด้วยอำนาจ

ทางธรรม เช่น
-บรรลุธรรม
-รู้ธรรม
-รู้กรรม
-ความสุขทางธรรม ฌานสมาบัติ นิโรธ

ดังนั้น ผมก็เห็นว่าจริง สามารถใช้ได้สองทาง นอกเหนือจากนี้ผมไม่ได้สนใจมาก มันเป็นเรื่องการเดินทางส่วนตัว ประโยชณ์เกิดกับตัวเองก่อน ส่วนเรื่องคนอื่นเป็นเรื่องของความเหมาะสมมากกว่า

 

ช่วงนี้ผมมีอารมณ์อยากจะเล่า ก็เลยเข้ามาเล่า ผมเคยเล่าไว้เยอะในหมวดกรรม ตอนนี้เปลี่ยนมาหมวด XP เพราะคิดว่าเหมาะสมกว่า ท่านใดสนใจก็เข้ามาอ่านได้ครับ แต่ให้ถือว่าอ่านจริงๆ ไม่ได้อ่านเล่นๆ นะครับ ROFLMAO เพราะเล่าประสบการณ์ที่ได้พบได้เห็น เหมือนเป็น diary นะครับ หวังว่าคงเข้าใจนะครับ ว่ามันเป็น diary เป็นบันทึกประสบการณ์ ความคิดเห็น บางส่วน วันไหนมีอารมณ์เปลี่ยวอยากจะโพสต์ก็จะโพสต์นะครับ

 

ดูจากชื่อกระทู้นะครับ การใช้ชีวิตในกายทิพย์ บางท่านอาจจะคิดว่า ท่าน mobilelizard เพี้ยนไปแล้วนะครับ 555 จริงๆ มันเป็นเรื่องของคำนะครับ ถ้าผมทำกระทู้ชื่อ "กายทิพย์ต่างกับกายเนื้ออย่างไร" มันก็ดูปรกติดีนะครับ แต่มันก็น่าเบื่อนะครับ เพราะใคนเล่าเรื่องทิพย์มักจะมาแนวลิเกและค่อนข้างเป็นทางการนะครับ แต่ผมอยากได้แบบมันส์ๆ กวนๆ หน่อยนะครับ ผมชอบอะไรที่มัน edgy นะครับ เลยตั้งชื่อกระทู้เหมือนเป็น survival guide อะไรงั้นนะครับ

สมมติผมเขียนหนังสือชื่อ "Living in your astral body for dummies"

คนอ่านอาจจะไม่ค่อยมีใครได้ประโยชณ์นะครับแต่ก็น่าสนใจ อาจจะอยากอ่านว่ามันอะไรของมัน ถึงขั้นเข้าไป live...

 

ไม่นานมานี้ครับ แฟนผมมี contact จาก saint นะครับทางฝันนะครับ แฟนเป็นคริสต์นะครับ และถือว่าแฟนโชคดีมากที่แฟนได้พบ Saint Peter คือ Saint สำคัญทางศาสนาคริสต์ และท่านยังนำข้อความจากพระเยซูมาบอกแฟนเรื่องความเมตตานะครับ และยังได้พบกับภพภูมิที่ฝากข้อความมาบอกผมอีกที

กลางดึกประมาณตี 2 ครับแฟนผมตื่นมา บอกปวดหัว ผมถามเป็นไงมั่งได้เจอ Saint แล้วพระเยซูฝากข้อความอะไรมาบอก แฟนผมงงว่าผมรู้ได้ไง

และผมก็ถามต่อแล้วมีคนฝากข้อความมาให้ผม ฝากว่าอะไรรีบบอกมาเดี๋ยวจะลืม แฟนผมงงคูณ 2 ว่าผมรู้ได้อย่างไรว่ามีคนฝากข้อความมาบอกผม และแถมยังบ่นว่าเบื่อมากที่ชอบมากฝากข้อความผ่านเธอให้ผม ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรก โปรดติดตามตอนต่อไป

 

เรื่องข้อความจากพระเยซูก็คงไม่ได้เอามาเล่านะครับ แต่เป็นธรรมคำสั่งสอนที่พระเยซู ท่านฝากให้แฟน เป็นคำสอนที่ดีครับเกี่ยวกับความเมตตา แต่มันเป็นข้อความส่วนตัวก็คงไม่เอามาเล่านะครับ เรื่องที่มีคนฝากข้อความให้ผมก็ข้อความส่วนตัวอีกเกี่ยวกับการปฏิบัติ ส่วนผมรู้ได้อย่างไร จริงๆ ถ้าผมบอกกับภพภมูิเรื่องให้ติดต่อผ่านแฟน จะทำได้ ทั้งหมดเพื่อเป็นการยืนยันกับตัวผมเองส่วนหนึ่ง แฟนจะได้เชื่อส่วนนึง ผมไม่แปลกใจว่ามันเกิดขึ้น เพราะเคยทำมาก่อนแล้ว และเวลาและ "ลักษณะ" การติดต่อจะมาในลักษณะเดียวกับครั้งก่อน ผมก็เลยจะ suprise แฟน รอแฟนตื่นแล้วทัก แฟนก็งงเลยครับ

 

ความหมายของการใช้กายในกาย

การจะใช้กายในกายได้ ย่อมต้องมีสติเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และการจะอยู่ในกายทิพย์ให้นานๆ ยิ่งต้องใช้กำลังสติที่ต่อเนื่องและสูงขึ้นไปอีก

เวลาผมจะใช้กายในกาย ผมย่อมตั้งใจว่าผมจะทำอะไรก่อน เช่น

วันนี้จะฝึกกสิณกองนั้นกองนี้
วันนี้จะคุยกับผี กับญาติที่ตาย ยมพบาล จะปรึกษาครูบาอาจารย์
วันนี้จะไปพรหม
วันนี้จะไปเยี่ยมคนในฝัน
วันนี้จะไปหาคนนั้นคนนี้
วันนี้จะไปสวรรค์
วันนี้จะเดินจงกรมเฉยๆ
วันนี้จะแผ่บุญกุศล (ถ้าทำในกายทิพย์จะได้ยินภพภูมิอนุโมทนากลับมา)
วันนี้จะสวดมนต์ (มักจะมีคนมาสวดด้วยเต็มไปหมด)
วันนี้จะลองนั่นลองนี่
วันนี้จะไม่ทำอะไรเลย พอเปลี่ยนมิติจะอยู่อย่างนั้นไม่ขยับ

ประสบการณ์ในกายทิพย์มีข้อดีอยู่มาก ทำให้ผมเข้าใจเรื่องมิติเรื่องโลก เรื่องความสัมพันธ์ของภพภูมิ เรื่องบาปบุญ ดีขึ้น

เวลาคนเราสวดมนต์จะเกิดอะไรขึ้นในอีกมิติ
เวลาเราตั้งใจถวายของให้แก่พระ เกิดอะไรขึ้นในอีกมิติ
เวลาแผ่บุญกุศล เวลาแผ่เมตตา
คนตายไปแล้วไปเกิดไหน เพราะอะไร ชีวิตเขาในอีกภพอยู่อย่างไร สุขหรือลำบาก
บุญอันไหนใหญ่กว่า น้อยกว่า
เป็นต้น...

สิ่งเหล่านี้ถ้าไม่ใช่เพราะประสบการณ์ในกายทิพย์ ผมย่อมไม่ได้ไปเห็นมาจริงเลย...ผมย่อมมาแนะนำคนรอบข้างไม่ได้เลย เพราะผมเล่าจากประสบการณ์ที่ไปเห็นมา สัมผัสมา ชัดยิ่งกว่าตาเห็น ในโลกกายเนื้อเป็นกลางคืนแท้ๆ แต่สว่างแบบเที่ยงวัน

 

ดังนั้น กระทู้นี้ผมตั้งชื่อว่าการใช้ชีวิตในกายทิพย์ living in your astral body จึงไม่ผิดเลย เพราะผมรู้สึกเหมือนมีสองชีวิตจริงๆ ชีวิตในกายเนื้อ ผมย่อมลุกออกมาเป็นมิตินี้ มิติกายเนื้อ ส่วนมิติทิพย์ ด้วยส่ิ่งที่ผมฝึกมา ผมย่อมลุกออกมาจากที่ๆ กายเนื้ออยู่ แต่เป็นคนละมิติ เป็นคนละกาย ย่อมสามารถจะเปลี่ยนมิติจากมิตินี้ไปอยู่อีกมิติที่ละเอียดกว่า และอาศัยในกายในกาย และย่อมรู้ว่ามันจะต้องเกิดอย่างแน่ชัดจากประสบการณ์

เรื่องแนวนี้อีกหน่อยอาจจะมีคนเอาไปทำเป็นหนัง เพราะน่าสนใจอยู่ แต่ขอให้กำกับโดย Christopher Nolan นำแสดง Leonardo DiCaprio...

 

วิทยาศาสตร์ของ astral plane

เรื่องบางเรื่องที่ผมพบจากประสบการณ์ใน astral plane (โลกทิพย์ เรียกรวมๆ) ทำให้ผมงงหลายอย่าง แต่ก็ต้องปล่อยวางบางเรื่องเพราะไม่มีเวลาจะไปค้นคว้าหาเหตุ หาผลเสียทุกเรื่อง เช่น เรื่องลูกแก้ว คือผมพบว่า ถ้าเสกลูกแก้วใน astral plane มันจะค่อยๆ ร้อน จนถือไม่ไหว ซึ่งเป็นเรื่องแปลกอย่างมาก ทำกี่ครั้งก็เป็นอย่างนั้น

ว่าด้วยเรื่องความร้อนต่อ ถ้าสมมตุิเราเอามือแนบกำแพงแล้วกำหนดให้ทะลุไปแต่ไม่ได้ทำลาย กำแพงย่อมเป็นเหมือนเดิม อุนภูมิเท่าเดิม แต่หากผมเอาสิ่งของมาถือ เช่นดินสอ หรือเหรียญบาท แล้วกำหนดให้อ่อน แล้วเอานิ้วตัดขาด ส่วนที่ขาดย่อมร้อนอย่างมากเป็นเวลานานพอควร ทดสอบโดยเอามาแนบกายได้ อันนี้เพราะอะไรก็ไม่แน่ใจ แต่ไม่ได้สนใจ แต่ถ้าศึกษาต่อไปอาจจะได้รู้อะไรดีๆ

 

วิทยาศาสตร์ของ astral plane 2

"เมื่อทำความรู้สึกไปด้านใดด้านหนึ่งของกายทิพย์ กายทิพย์ย่อมลอยไปด้านนั้น ด้วยตัวของมันเอง"

ที่ผมพูดนี้ไม่ใช่การใช้กสิณลมแต่อย่างใด แต่เข้าใจว่าเราเอาพลังงานไปดันไว้ฝั่นหนึ่งกายทิพย์มันเบากว่ามันก็ถูกพลังงานดันไปอย่างนั้นเอง

การใช้กสิณลมให้กายลอยไปนั้นแตกต่างกัน ย่อมทำด้วยวิธีอื่นๆ เช่น กำหนดให้กายทิพย์เบา หรือ ให้ลมพัดลอยไป ซึ่งการเคลื่อนไหวของกายทิพย์ย่อมต่างกัน

--Mobilelizard Eienstien

 

อาที่ตายไป ล่าสุดมีลูกสาว

ถ้าใครได้อ่านกระทู้เก่าผมจะรู้ว่าผมเล่าเรื่องอาที่ตายไปไว้เยอะมาก ไม่นานมานี้อามาหา และได้พูดคุยกับอา อามาชุดนางฟ้าผมยาวมากๆ เมื่อได้พูดคุยกับอา ถามไถ่ ต่างๆ อาเล่าให้ฟังบอกบนสวรรค์อามีคนดูแลผมของอา มองออกไปนอกประตูเห็นผู้ชายมีสามตา รูปร่างเข้มแข็งกล้ามๆ และนั่งท่าองรักษ์ แบบคุกเขาข้างนึง แล้วเอาแขนวางบนเข้า ผมก็ถามว่าคนนั้นเป็นใครอา เรียกเขาว่า "ดาบเป็ด" ก็คือองรักษ์ของอานั่นเอง ไม่นานอาโวยวายบอกลูกสาวเขาหายไปไหน ดาบเป็ดบอกว่าเพื่อนอามาพาไปเมื่อกี้ อาโวยวายใหญ่และบินตามไป สรุป คือตอนมีชีวิตอาไม่ได้มีลูก เป็นสาวโสด แต่ในโลกทิพย์ได้มีลูกสาวแล้ว นี่ update เลยเพิ่งเคยเห็น จริงๆ ผมได้เจออาเรื่อยๆ บางทีก็คุยกันทางจิต ล่าสุดอาเล่าให้ฟังว่าสามารถแปลงเป็นมังกรได้ ผมยังไม่เคยขอดู ดูอามีความสุขมาก

ล่าสุดอาเล่าเรื่องมิติของแชงกรีล่าให้ฟัง คาดว่าจะเป็นระดับเดียวกับพวกเมืองลับแล ทางทิพย์เรียกว่ามิติกงฉาน ซึ่งแปลกมากเป็นจุดที่ตามประวัติเขาพบเจอแชงกรีล่ากันในยูนานประเทศจีน ตามประวัติมีบันทึกเรื่องแชงกรีล่า ตรงจุดที่เขาว่าเจอในยูนานนั้นผมไปเปิดแผนที่ดูเรียกว่า กงฉาน ซึ่งผมไม่เคยรู้มาก่อน ผมบอกให้อาพาไปเมืองลับแล อาบอกอยู่ไกลจากจุดที่อยู่ แล้วบอกว่าผมไปเองได้ และยังบอกว่ามิติกงฉานดีกว่ามิติโลกไม่รู้เท่าไหร่

จริงๆ เรื่องทิพย์มีอะไรให้ค้นหามากมายจริงๆ ถ้ามัวไปสนใจไปดูทุกเรื่อง ทั้งชาติคงค้นไม่หมด จักรวาลกว้างไกล แล้วนี่มีมิติอะไรมากมาย ดังนั้นบางเรื่องผมจึงต้องปล่อยวาง ตอนนี้ผมก็มีเป้าหมายของผม ซึ่งผมจะมัว "แวะ" ให้เสียเวลามากก็ไม่ดี เพราะมีคนมาเตือนหลายครั้ง

 

My feelings

จะว่าไปการใช้ชีวิตของมนุษย์เราในยุคนี้มักจะตั้งเป้าไปที่เงินที่เพิ่มขึ้น รวยขึ้น แต่สำหรับผมไม่ใช่เลย บางคนอาจจะมองว่าที่ผมทำมันเสียเวลา 555 แต่ความจริงถึงไม่ได้มองไปในแง่ของประโยชณ์ทางโลกที่เกิดจากการฝึก แค่ได้ออกมาเดินเล่นอีกร่างหนึ่ง ทำอะไรก็ได้ แค่นี้ก็ไม่มีมูลค่าเงินที่จะซื้อได้เลยสำหรับผม

เรียกว่าถ้าผมเกิดมาแล้วผมทำที่ผมทำ คือเดินเล่นในกายทิพย์ไม่เป็น ผมคงเสียดายอย่างมาก เพราะตั้งแต่ที่ผมทำได้ และทำมาตลอดเป็นเวลาไม่นาน ผมพูดจริงๆ เหมือนได้เกิดใหม่ขนาดนั้น (ความหมายในแง่ดี) เหมือนได้ค้นพบตัวเองที่แท้จริง และได้ทำในสิ่งที่ไม่ได้ทำก่อนหน้านั้น ทำให้โลกนี้จืดชืดน่าเบื่อไปเลย

ทุกครั้งที่ผมไปเที่ยวเล่น พอผมกลับมาที่กายเนื้อผมจะรู้สึกมีความสุขไปตลอดวัน วันนั้นสดชื่นสบายร่าเริง ถ้ามีคนให้ผม 100 ล้านบอกห้ามทำอีกแล้ว ผมบอกตรงๆ ว่าผมไม่เอา เพราะประสบการณ์แต่ละครั้งมันสุดยอดแบบไม่รู้จะพูดคำไหน

ความชัดเจนสัมผัส และอื่นๆ ในกายทิพย์มันก็ชัดเจนคล้ายๆ กายเนื้อ เช่นสัมผัสก็จริง เจ็บก็เจ็บจริง คันก็คันจริง หิวน้ำ ก็หิวจริง เหนื่อยก็เหนื่อยจริง แต่ประสบการณ์สิ่งที่ได้ทำ สิ่งที่ได้เห็น มันมันส์อย่าบอกใคร ถ้ามีคนบอกว่าผมติดการถอดจิต ผมก็บอกได้เลยว่าจริง เพราะถึงไม่ได้ถอดแค่เหยียบไปอีกมิติแต่ไม่ได้ลุกไปไหนก็มันส์แล้ว พอกลับร่างก็สุขสุดยอด

 

ในโลกของเรานี้ หาความมันส์ได้ยาก ต้องอาศัยเล่นเกม ดูหนัง ให้เพิดเพลิน แต่สำหรับ astral walker มันมันส์กว่านั้นไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ จนบางทีผมต้องเพาๆ การแวะ เพราะผมก็ย่อมมีหน้าที่ และสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ แต่สำหรับผม แค่ผมไปทำสมาธิ ผมก็ตู้ม ออกมาอีกโลกได้ มันส์กว่าไม่รู้กี่เท่า จะทำอะไรก็ได้ น้อยคนจะรู้ได้ถึงความรู้สึกเมือเราจับกำแพงแข็งๆ และสามารถเอามือทะลุไปจับข้างในว่าเป็นอย่างไร หรือแม้แต่เดินทะลุไป หรือจะทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสี หรือให้ฟ้าผ่า มันส์อย่าบอกใคร

แม้แต่การทำสมาธิทั่วๆ ไป ถ้าไปทำในกายทิพย์โอ้โหมันสุดยอด เช่นการเจริญพุทธานุสติ ผมเคยลอยไปกลางอากาศและถือพระพุทธรูป และจ้องไป ไม่นาน ขอบๆ พระพุทธรูปก็เปลี่ยนเป็นสีรุ้งใสๆ และอื่นๆ อีกมากมาย

 

ผมมองแค่แง่เรื่องความสุขความมันส์สุดยอดของความเป็นทิพย์
ยังไม่รวมความเบาสบายของความเป็นทิพย์
ก็เหนือกว่าโลก physical ความสุขแบบโลกๆ ของกายเนื้อ
ไม่รู้เป็นแสนเป็นล้านเท่า เที่ยบกันไม่ได้แม้แต่เสี้ยวเลย
ถ้าในแง่ของความสุขแล้ว กายเนื้อเทียบกับกายทิพย์ไม่ได้แม้แต่เศษแต่เสี้ยวเลย
ขนาดเมื่อกลับร่าง ความสุขแบบทิพย์ยังติดกับมาถึงกายเนื้อย่อมส่งให้สุขไปทั้งวัน...

 

ยกตัวอย่างอาหารทิพย์

อาหารที่เป็นทิพย์ย่อมมีรสชาติพอดีกำลังดี อร่อย หวานมันกำลังดี
ละเอียด กินสบายกาย สบายคอ ไม่ลำบากเลย

อาหารบนโลก ย่อมกระด้างไม่ละเอียด ไม่อร่อยเท่า หามาได้ยาก
ปรุงให้อร่อยได้ยาก เก็บได้ไม่นาน กินแล้วติดฟัน กลืนลำบาก
กินเยอะก็มีโทษมาก อ้วนอีก มีโรคอีก ต้องไปฉี่ไปขี้ออกมาก
พร้อมด้วยความอึดอัดลำบากกาย