มีสามบทนะครับ คือ หนึ่ง การเตรียมตัว
สอง การใช้พระคาถา
สาม การแก้ไข
ผู้ที่จะใช้ได้ประสพผลสำเร็จจะต้องถือศลีข้อ สัจจะวาจาให้ได้นะครับ แล้วก็ถ้าเป็นคนทั่วไป ส่วนใหญ่จะใช้ได้ผลแค่ไม่กี่ครั้ง หรือไม่ก็เมื่อสูญเสียพรหมจรรย์นะครับ เพราะกามกิเลสเป็นข้อห้ามที่ร้ายแรง สำหรับการใช้พระคาถาบทนี้ ผู้ที่จะหัดใช้นั้น ต้องใช้เวลานานประมาณ เก้าสิบวัน ถึงจะใช้ได้ผลครับ แล้วก็ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างช้าๆเท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถใช้ได้ผลครับ
ขอให้เจริญในธรรม
การใช้พระคาถา(ให้เกิดทิพย์จักขุญาณ)
ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 12 ธันวาคม 2011.
หน้า 1 ของ 2
-
ว่าเเต่คาถาอะไรหรอครับ รบกวนด้วยครับ
-
-
พิธียกครู
ประกอบด้วย เทียนขี้ผึ้ง ห้าคู่ ดอกไม้ขาว ห้าคู่ เทียนขี้ผึ้ง แปดคู่ ดอกไม้ขาวแปดคู่ เทียนขี้ผึ้งคู่หนึ่งหนักเล่มละหนึ่งบาทและดอกไม้ขาวเท่ากับเทียน และอารธนาพระคาถานำเข้าไว้ในตนเอง
ปลูกศรัทธาให้เกิดขึ้นในจิตใจแล้ว
ท่องนะโม สามจบ ระลึกถึงพระคุณพระพุทธเจ้า ซึ่งพ้นจากกิเลศทั้งปวง(กราบลงหนึ่งครั้ง)
อรหัง สัมมาสัมพุทโธ ภควา พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง
พุทธัง ภควันตัง อภิวาเทมิ ข้าพเจ้าขอกราบไหว้ ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น(กราบลงหนึ่งครั้ง)
สวากขาโต ภควาธรรมโม พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว
ธรรมมัง นมสามิ ข้าพเจ้านมัสการ กราบไหว้ ซึ่งพระธรรมนั้น(กราบลงหนึ่งครั้ง)
สุปฏิปันโน ภควาโต สาว กสังโฆ พระสงฆ์ สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ที่ท่านปฏิบัติดีแล้ว สังฆัง นะมามิ ข้าพเจ้าขอนอบน้อม ซึ่งพระสงฆ์(กราบลงหนึ่งครั้ง)
ให้ใช้วันที่ตนเองเกิด เช่น เกิดวันจันทร์ ต้องเริ่มทำพิธีในวันจันทร์ และต้องเป็นข้างขึ้นเท่านั้น ให้เขียนชื่อ นามสกุล ไว้ในพิธี แล้วสวดมนต์ถวายพระพระทุกวัน จนครบเจ็ดวัน แล้วให้นำชื่อนั้นไปลอยน้ำ โดยอธิษฐานว่า
ข้าพเจ้าชื่อ มีความประสงค์จะใช้พระคาถาให้เกิดทิพย์จักขุญาณ เพื่อที่จะสามารถตัดกิเลส อุปทาน ตัณหา ต่างๆ ขอให้พระแม่คงคามาเป็นพยานในครั้งนี้ ด้วย เทอญ เสร็จแล้วลอยขันธ์ห้า ขันธ์แปด นั้นไปตามน้ำเสีย
หลังจากนั้นให้ทำพิธีปลุกธาตุไฟ ในตัวขึ้นมาให้ได้ เพราะจำเป็นต้องใช้ โดยกล่าวว่า
สิทธิ เตโช ภะลา เตชาอิทธา ธาตุไฟของข้าพเจ้า มีกำลังเดชฤทธิ์
โดยทำการนั่งมองเปลวเทียน ให้ห่างจากตวประมาณ หนึ่งถึงสองฟุต ถ้าไม่สะดวกให้หาไฟฉายหรือหลอดไฟที่มีแสงสีส้มแทน โดยเมื่อนั่งมองหรือเพ่งนั้น ถ้ารู้สึกปวดตา ก็ให้หลับตาเสีย แต่ไม่ต้องจดจำภาพนั้น เพราะไม่ใช่การฝึกกสิน บริกรรมพระคาถาปลุกธาตุ โดยทำให้ครบ หนึ่งร้อยแปดคาบเป็นอย่างน้อย เมื่อรู้สึกว่า ตัวเองนั้น มีความร้อนในตัวมากกว่าปกติ ใช้เวลาอย่างน้อยเจ็ดวัน แต่ถ้ายังปลุกธาตุไม่ได้ ก็ให้ทำต่อไปอีกอย่างน้อยเจ้ดถึงแปดวันครับ
ขอให้เจริญในสติ -
พี่ครับแล้วเราจะรู้ได้ไงว่าครูรับเราหรือไม่รับ
-
การบริกรรมนั้น กล่าวแต่คำบาลีนะครับ ส่วนคำแปลไว้ครบ 108 คาบ ใช้อธิษฐานครับ ส่วนการใช้ทิพจักขุญาณนั้น เนื่องจากผู้เจริญกรรมฐานไม่สามารถเข้าฌานสี่ได้ เราก็เอาตัวพระคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์มาบริกรรมแทนครับ
การใช้ทิพจักขุญาณ มองดกายภายในของเราให้เห็นปกติ เห็นร่างกายเราดูข้างใน เห็นเรื่องราวของคนอื่น เราสามารถปรับเปลี่ยนเป็น วิปัสสนาญาณ ดีกว่าเป็นวิปัสสนึก เรื่องญาณต่างๆ ที่พระพุทธเจ้าทรงยืนยันเป็นของมีจริง แต่ขออย่างเดียว อย่าให้บรรดาผู้เจริญกรรมฐาน เอาแต่คิดกับอ่านตำราแล้วก็พูด แค่นี้มันใช้ไม่ได้ อย่าลืมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ต้องใช้อารมณ์เป็นสำคัญให้ปรับปรุงอารมณ์ ไม่ใช่ปรับปรุงวัตถุ
ถ้าสร้างอารมณ์เข้าถึงโครตภูญาณ อันนี้เราจะใช้ทิพย์จักขุญาณ ถ้าอารมณ์ของท่านยังไม่ถึงโครตภูญาณเพียงใด อย่าไปพูดไปนะเรื่องนิพพาน แล้วก็ยังไม่ได้ทิพย์จักขุญาณด้วย ไม่ได้โครตภูญาณด้วย ยังไม่ต้องพูดกันเรื่องนิพพาน พูดเท่าไรผิดเท่านั้น ไม่ต้องห่วง ไม่พูด ไม่ผิดดีกว่า
ส่วนครูของเราคือพระพุทธเจ้า รับรองว่าถ้าปฏิบัติตามนั้น แค่ใจสงบ ทิพย์จักขุญาณเกิดแน่ เพราะอาศัยว่า ตัวพระคาถานั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ แทนการทำสมาธิระดับอัปปนาสมาธิ
เมื่อทำได้แล้ว ญาณนี้แค่ได้รู้ ไม่ได้มีฤทธิ์เดชอย่างไร เพราะฉะนั้นเมื่อสัมผัสได้ก็ต้องระมัดระวังตัวเองด้วยนะครับ ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการได้ญาณตัวนี้คือสามารถเจริญกรรมฐานในพระกรรมฐานข้อ อนิจจา ทุกขัง อนันตา นั้นได้ เพราะเราสัมผัสได้จริงครับ
ขอให้เจริญในธรรม -
เราทำวัตร สวดมนต์ไหว้พระ รักษาศิล เจริญกรรมฐานภาวนา แผ่เมตตา ทำทุกวันๆ อย่าให้ขาด เราก็จะรู้ชัด รู้แจ้งเห็นจริง ใน " อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา " คะจะทำให้กิเลสลดลงเยอะมากๆ คะไม่อยากได้ อยากมี อยากเอาอะไรเลยคะ เบากายเบาใจ และ การที่เราจะได้ ทิพย์จักขุญาณ นี้ เราทำจิตให้สงบว่างแล้ว กำหนดจิต ก็ได้คะ บุญรักษาคะ
-
ขอบคุณคุณคุรุวาโรมากครับ
-
อยากทราบว่ามีอาการอะไรที่จะสังเกตุได้ว่าผู้นั้นสามารถเปิดทิพย์จักขุญาณ(เกี่ยวกับการเปิดตาที่3ที่มีโพสในเวปหรือเปล่าหรือคนละเรื่อง)ผมมีอาการปวดนึบๆๆที่หน้าผากและท้ายทอยประจำ โปรดแนะนำด้วยขอบคุณครับ
-
ขอให้เจริญในธรรม -
ขออนุโมทนา...สาธุ
ขออนุญาตเรียนถาม ต้องจัดเตรียมทั้งขันธ์ 5 และ ขันธ์ 8 หรือ อย่างใดอย่างหนึ่ง..ครับ -
ขอให้เจริญในธรรม -
-
การใช้พระคาถา ต้องภาวนาอะไรก็ได้ที่เราถนัดนะครับ เมื่อใจสงบแล้วหรือทำสมาธิเท่าที่ตนเองทำได้ ว่าพระคาถาบทนี้ครับ
อิทธิ ฤทธิ พะกาธิยานัง ทิพพะจักขุญาณราชะ พุทธะ นิพพานนัง กะตังนะมามิหัง
โดยว่าให้ครบ 108 คาบ หรือเมื่อสัมผัสเห็นได้ ก็ว่าพระคาถาตรึงญาณด้วยบารมีของพระพุทธองค์คือ
อิติปิโส ภะคะวา ทิพพะจักขุวิชชา ปาระมิ สัมปันโน โดยกล่าว 3คาบครับ
ขอให้เจริญในธรรม -
ไม่กี่วันมานี้ประมาณ 2 สัปดาห์ที่แล้ว กระผมได้ไปฝึกนั่งสมาธิกับพระอาจารย์ท่านนึง ที่บ้านแพง นครพนม ท่านบอกว่ากำลังฝึกปลุกธาตุ ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไง เห็นท่านนั่งมองเปลวเทียน ผมก็นึกว่าเป็นกสิณแต่ท่านบอกไม่ใช่ฝึกกสิณ ปลุกธาตุไฟ ช่วงนี้ที่นี่เวลาเย็นอากาศหนาวมาก ท่านก็พานั่งสมาธิผมก็ภาวนาพุทโธ ๆ ๆ ธรรมดาไป นั่งไปได้สักพักประมาณครุึ่งชั่วโมง ท่านก็บอกเลิก ๆ บ่ไหว ๆ ผมก็ออกจากสมาธิมองดูท่านเห็นเงื่อเต็มตัวท่านเลย ทั้งที่อากาศหนาวเย็นขนาดนั้น ผมก็เลยสงสัยว่าเป็นแบบนี้หรือเปล่าครับคุณคุรุวาโรตอนปลุกธาตุไฟ จะมีความร้อนในตัวเรา ท่านว่าถ้ารู้สึกไม่ไหวให้รีบเลิก ไม่งั้นธาตุไฟแตก ผมก็กลัวอันตรายไม่กล้าฝึก ก็เลยขอภาวนาพุทโธ ๆ อย่างเดิมดีกว่าครับ
-
-
น่าสนใจมากเลยค่ะ อยากฝึกมั่งจังแต่กลัวจะไปเห็นอะไรต่อมิอะไร
คุณ phutsa<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5513313", true); </SCRIPT> ใช่ไปฝึกกับพระอาจารย์บุญอุ้มหรือเปล่าคะ พระที่ดังๆที่บ้านแพงก็มีพระอาจารย์บุญอุ้ม ที่รู้เพราะบ้านแพงเป็นบ้านเกิดดิฉันน่ะค่ะ -
-
อาการที่ผมเป็นผมไม่ได้ฝึกผมเพียงสวดมนต์ธรรมดานั่งสมาธิภาวนา พุท-โธ ปกติ แต่มีอาการนึ่บๆที่หน้าผากและท้ายทอยในเวลาปกติไม่เฉพาะเวลาสวดมนต์
-
หน้า 1 ของ 2