เพิ่งเริ่มหัดนั่งสมาธิครับทำตามคำแนะนำจากท่านทั้งหลาย หายใจเข้า พุทธ หายใจออก โธ นั่งไปสักพัก จิตใจมันสับสนเดี๋ยวคิดเรื่องโน้น เรื่องนี้ พยายามดึงกลับมา แต่สักพักก็คิดไปอีก..เลยอยากขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ ว่า ..
1 เราจะตั้งจิต คิดถึงสิ่งไดที่ไม่ให้จิตใจวอกแวก
2 เวลาที่เหมาะกับการนั่งสมาธิ คือเวลาใด ผมนั่งตอนกลางคืน ประมาณ สามทุ่ม
3 ช่วงแรก ๆ จะเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า
อยากให้ท่านที่ทำอยู่ช่วยแชร์ประสบการณ์ให้ฟังหน่อย จาก เริ่มต้นจนทำสำเร็จจะเป็นอย่่างไร ผ่านอะไรมาบ้าง ผมจะได้นำมาปฎิบัติตาม..
กำลังหัดนั่งทำสมาธิ อยากฟังจากผู้มีประสบการณ์
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สุจริตชน, 28 มิถุนายน 2012.
-
คุณ นี่คนจริง ใช้ได้เลย......
นั่งสมาธิ แล้ว ใจไหลไปคิด คุณ ก็ รู้ใช่มั้ย ดีๆๆๆ
แต่ก็ พยายาม ดึงจิตกลับมา.....นี่สิ คนจริง
เจออะไร พุดตรงๆ ดี...555+ ชอบๆๆๆ -
คุณ มีเจตนา จะปฏิบัติอะไรล่ะครับ....
หาก จะทำสมถะ...คุณ ก็ เพ่งลม ไว้ให้นิ่งๆ...
พยายามรักษา คำบริกรรม..ไว้ กับลม..
การ จะสะกด ใจไม่ให้ไหลไป คิด..ผม มีวิธี นะ..คือ การ
บริกรรมเร็วๆ..พุธโธๆๆ.ไปเรื่อยๆแบบเร็วๆในใจ..อย่างน้อยๆ จะได้จิต นิ่งๆ พักใหญ่ๆ แน่ๆ เพราะ ว่า คุณ ผูกจิตไว้ที่คำบริกรรมแล้ว....
หาก ต้องการ ปฏิบัติ ให้จิต เห็นแจ้ง ธรรม..คุณ ต้อง คอยรู ลม ไปเรื่อยๆ
คำบริกรรม เป็น อุบายให้ จิตมีงานทำ...เท่านั้น ..คุณต้อง..คอย ตามดูใจว่าไหลออกไปคิด..พอคิด ก็รู้ทันไปว่า ใหลไปคิด...แล้วรู้ลมหายใจเข้าออกไป สบายๆ อีก พอใจไหล ก็ ให่รู้ตัวไว้..ว่าใจไหลไปคิด ไม่ใช่ปล่อยให้ มันไหลไปคิด จนจบเรื่อง ที่คิด แล้วค่อยรู้สึก ไม่ดีนะครับ -
ผูก ใจไว้ด้วย คำบริกรรม..พุทโธ..นั่นแหละ
เวลา ที่เหมาะคือ เวลา ที่หมดธุระแล้วในแต่ละวัน..ควรจะ เป็นเวลาที่สม่ำเสมอด้วย..ของทุกๆวัน..ทำ พอ ตัว คือ พอแต่ที่มีเวลา และสามารถ ทำได้
คนที่นั่งสมาธิ ใหม่ๆ เป็นทุกคนแหละครับ..เพราะใจมันส่าย ไปมาทั้งวัน ทั้งคืน
แม้แต่ตอนหลับ ก้ ฝัน เรื่อยเปื่อย
นั่งบ่อยๆ ทำทุกวัน คุณจะปรับจิตปรับใจรองรับการปฏิบัติ ได้เอง
จะ ชำนาญขึ้น จะ ใจสงบลงได้เรื่อยๆ ความชำนาญมากขึ้น..ทางออก
จะมาเองเมื่อ สงสัยครับ
อย่างไรซะ อยากฝากให้ เจริญสติ ควบไปด้วย...
การรู้ ทัน ความคิด ความรู้สึก ทุกอย่างที่ผ่านมา..ทั้งกาย และใจ
อันนี้ สติจะเกิด ..และเป็นหนทาง ที่ถูกต้องดีงาม...ครับ -
ดุจากการถามเนี่ยะ ปัญหา ไม่ได้อยู่ที่ ปฏิบัติผิด หรือ ปฏิบัติไม่ถูก
แต่อยู่ที่ "ตั้งจิตไว้ผิด" ตั้งจิตไว้ผิด เป็น ธรรมข้อหนึ่ง ที่พระพุทธ
องค์ตรัสใช้ เช่น ใช้กับพระเทวทัตที่มีความสามารถเกินสาวก แต่ที่เรา
เห็นประวัติท่านเป็นแบบนั้น ก็เพราะมีเหตุ และ เหตุก็แค่ "ตั้งจิตไว้ผิด"
เท่านั้นเอง
อาศัยอะไรบอกว่า จขกท ตั้งจิตไว้ผิด
อาศัย การปรารภว่า
มาก่อนทั้งนั้น แต่ในกรณีของคุณ จขกท มันมีนัยยะสำคัญที่เด่นขึ้นมากว่าปรกติ
ตรงที่พูดว่า "ผู้อื่นสำเร็จ" ............ ตรงนี้แหละที่ แสดงว่า มีความประมาทมาก
หากจะฟังจากผู้อื่น เราจะไม่เอา ผลสำเร็จของผู้อื่นเป็นเกณฑ์ แต่ เราจะอาศัย
ฟังเป็น อุบายเพื่อเอาไปปรับใช้ให้เหมาะสม สมควรแก่ธรรม เท่านั้น
เพราะ คนอื่นเนี่ยะ เขาอาจจะทำแบบนั้นแล้วสำเร็จ แต่ มันไม่ได้แปลว่า คุณจะ
ทำอย่างนั้นแล้วสำเร็จเหมือนเขา
*****************
สรุปว่า
คุณ ปฏิบัติแล้ว แต่ กลับไม่ ศรัทธาลงในธรรมที่ออกมาจากผลการปฏิบัติของตัวเอง
ซึ่ง ดีก็ได้ ไม่ดีก็ได้ ไม่กระเตื้องก็ได้
ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา เป็นอิทธิบาท4 แต่ จขกท เอา วิมังสา โยนเข้าป่าไป ไม่
สมาทานขึ้นมาใช้
ถ้าเอาวิมังสามาใช้ คนเราปฏิบัตไปเนี่ยะ ล้มลุกคลุกคลานท่าไหน ล้วนเป็น กำไร
ของชีวิตหมด ล้วนเป็นพลังให้เกิด ฉันทะ รอบใหม่ๆ ได้หมด
แต่ถ้าเอา วิมังสา ความพอใจในผลงานเท่าที่ปรากฏ เท่าที่ได้ สมควรแก่ตน ทิ้งเข้า
ป่าไปเสียแล้ว ปฏิบัติเท่าไหร่ ก็ ขาดทุนป่นปี้หมด
พอป่นปี้มากๆเข้า แล้ว ยังส่งออกอีก ไป ชะเง้อดูของคนอื่น เพื่อทำตาม เพื่อให้
สำเร็จอย่างเขาอีก อันนี้ จะโดน มัน ขย่มซ้ำทันที
คือนอกจาก จะโยนวิมังสาทิ้ง ปล่อยให้ ตัณหาขี่หลังแล้ว ยังให้ อุปทานชะเง้อเอา
ผลงานคนอื่นเป็นแซ่เฆี่ยนหลังตนอีก เสียหาย............
และ ความเสียหายนั้น ก็สะท้อนออกมาที่ ความสับสนเรื่อง "การตั้งจิตให้ตรง"
จนอาจจะผลิกไปเป็น "ตั้งจิตไว้ผิด" ได้
*****************
สรุปอีกที
ตั้งจิตให้ตรงๆ สิครับว่า เราทำเราได้ ได้เท่าไหร่ เอาเท่านั้น นั่นแหละ จิตตั้งมั่น มั่นคง
ต่อการปฏิบัติ ไม่ย้อท้อ ไม่ถอย มีแต่ สู้ !!! ด้วยหลัก "อัตตาหิ อัตาโน นาโถ"
พอ "ตั้งจิตตรง" นะ
1 เราจะตั้งจิต คิดถึงสิ่งไดที่ไม่ให้จิตใจวอกแวก
คุณย่อมตอบได้ด้วยตนเอง ว่า อะไรเป็นเหตุใกล้ให้เกิดความสุขในการปฏิบัติ
2 เวลาที่เหมาะกับการนั่งสมาธิ คือเวลาใด ผมนั่งตอนกลางคืน ประมาณ สามทุ่ม
คุณย่อมตอบได้ด้วยตนเอง ว่า เวลาใดให้เหมาะสมกับกาลสำหรับ
"เหตุให้เกิดความสุข" ในการปฏิบัติตามข้อ 1 นั้นๆ หากมีปฏิภาณ
ย่อมทราบชัด ความหมาย "ไม่จำกัดกาล"
3 ช่วงแรก ๆ จะเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า
คุณย่อมตอบได้ด้วยตนเอง ว่า หากทุกคนตั้งจิตให้ตรง ไม่ท้อถอยการปฏิบัติ
เขาจะพึงเจออย่างไรบ้าง แล้วเขาจะบ่นไหม เลิกล้มไหม -
ตรงคำว่า "สำเร็จ" ตรงนี้หาก เป็นการปรารภถึง บุคคล4 บุคคล8 หรือ "นิพพาน"
อันหมายถึง อมตะธรรม เป็นการปรารภถึง ธรรม ที่ปราศจาก บุคคลผู้เป็นเจ้าของ
ก็จะสอดคล้องกันกับ การตั้งจิตไว้ตรง และ จะสอดคล้องกับ เป้าหมายที่พระพุทธ
องค์ตรัสกล่าวชมความเป็น โสดาบัน สกิทาคา อนาคา และ อรหันต์ ของสาวก
ของท่าน
พระพุทธองค์ตรัสว่า ที่ยกให้เห็นความเป็นโสดาบัน สกิทาคา อนาคามี อรหันต์ ไม่ใช่
เป็นการกล่าวเพื่อ ยกย่องตัวบุคคล
แต่เป็นการกล่าวเพื่อ เอื้อให้จิตผู้ปฏิบัติเกิดความ "ตั้งจิตไว้ตรง" ต่อธรรม
****************
ไม่ใช่กล่าวยกย่องความสำเร็จของบุคคลเพื่อให้ เอาเป็นตัวอย่าง
แต่ กล่าวยกย่องธรรม เพื่อให้ผู้ปฏบัติ ตั้งจิตให้ตรง สู่ธรรม ให้มั่นคง
หากเราไปปฏิบัติเพื่อเอาเยี่ยงอย่างบุคคล ไม่เอา ธรรม เป็นใหญ่
ร้อยละร้อย กลายเป็นไปเรียน วิชาหมากัดกัน ไปสำเร็จ ธรรมขากถุย
งัดโคตรพ่อโคตรแม่กระจงกระจวย เละเทะไปหมด
ตรงนี้ ลองเอาไปเป็นข้อสังเกตได้เลย
หากไปเสวนากับใคร แล้ว รู้สึกว่า ผู้สนทนา หรือ ผู้สอนพยายามจะ
ดัดจริต ลีลา การพูด การสอน ให้เหมือนบุคคลต้นแบบ ร้อยละร้อย
เดี๋ยวมันจะต้องแสดงอาการ สำเร็จวิชาหมากัดกัน ธรรมขากถุยงัด
โคตรพ่อโคตรแม่กระจงกระจวย ขึ้นมาให้เห็นจนได้ -
1. ตั้งไว้ที่ไหนก็ได้ ตามสะดวก สำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ ยังไงมันก็วอกแวกครับ ทำใจ และ ทำไปเรื่อยๆ ครับ
2. ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดคือ ตี 4-6 โมงเช้า ครับ
3. เป็นเกือบ 100% ครับ ใครของเก่าเยอะหน่อย ก็ใช้เวลาช่วงนี้สั้นหน่อย หรือบางที อาจจะมีครูบาอาจารย์มาไข ทีเดียวหลุดเลย แต่ตอนเริ่มต้นสุดๆ ต้องผ่านกระบวนการนี้กันเกือบทั้งหมดทุกคน -
เป็นประโยชน์มากเลยค่ะ กำลังเริ่มฝึกสมาธิเหมือนกัน
-
http://palungjit.org/threads/การทำสมาธิแบบพระอาจารย์เสาร์-หลวงปู่พุธ-ฐานิโย.334258/ -
สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU
คืนก่อนสมาธิลึกซะจนแขนเปียกเลยครับ ซูดดด
-
1. ลองใช้วิธีนับดูครับ เข้า 1 ออก 1 เข้า 2 ออก 2 ไปจนถึง 5 แล้วเริ่มนับ 1 ใหม่ จนถึง 6 นับใหม่จนถึง 7 ทำจนถึง 10 แล้วกลับมาเริ่ม ไปถึง 5 ใหม่
2. เอาเวลาที่ตัวเราเองสะดวกดีที่สุดครับ ก่อนนอนก็ดีเพราะเรื่องกังวลน้อย ต้องหาเวลาที่เราทำแล้วได้สมาธิดี ไม่จำเป็นต้องเหมือนคนอื่ืน หาทางสายกลางสำหรับตัวเอง
3. เป็นกันทุกคนเจอกันทุกคนครับ
แนะนำอีกเรื่อง ถ้าอยากให้สงบเร็วขึ้น ควรทำทุกครั้งที่นึกได้ ตลอดทั้งวัน
ว่างจากงานที่ใช้ความคิดนิดนึงภาวนาเลย ไม่ต้องหลับตา จับลมพร้อมพุทธโธไปเรื่อยๆ
เพราะถ้าไปรอจะให้สงบตอนนั่งอย่างเดียวแล้วปล่อยฟุ้งซ่านมาเกือบ 24 ชม
จะไปให้สงบตอนนั่งแค่ 5 นาที 10 นาทีมันก็ยากครับ ควรทำทั้งวัน
ปล. ผมก็ยังไม่ถึงไหนเลยแต่แนะนำแบบงูๆ ปลาๆ นะครับ แฮ่ๆ -
ปล่อยจิต...ปล่อยกาย...ปล่อยวางภาระหน้าที่ทั้งหลาย...ทำความรู้สึกให้เบากาย
เบาใจ ... นั่งนิ่งดูความรู้สึก..นึกภาวนา..พาจิตสงบ... -
เพิ่งเริ่มหัดนั่งสมาธิครับทำตามคำแนะนำจากท่านทั้งหลาย หายใจเข้า พุทธ หายใจออก โธ นั่งไปสักพัก จิตใจมันสับสนเดี๋ยวคิดเรื่องโน้น เรื่องนี้ พยายามดึงกลับมา แต่สักพักก็คิดไปอีก..เลยอยากขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ ว่า ..
1 เราจะตั้งจิต คิดถึงสิ่งไดที่ไม่ให้จิตใจวอกแวก
- คิดถึงลมหายใจและคำภาวนาไงครับ จริงๆแล้วสิ่งที่คุณเจอมันเรื่องปกติสามัญธรรมดาประจำบ้าน อารมณ์ฟุ้งซ่านนี่ยังไงก็ต้องเจอ จนกว่าจะคล่องนั่นแหละครับ ถึงจะพอฟัดมันไหว ลองอ่านปฏิปทาท่านผู้เฒ่าดูนะครับ
ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า ตอนที่ ๓ จาก คำสอน พระราชพรหมยาน ท่านทำอย่างไรก็ลองเลียนแบบดู
2 เวลาที่เหมาะกับการนั่งสมาธิ คือเวลาใด ผมนั่งตอนกลางคืน ประมาณ สามทุ่ม
- ทุกขณะที่มีลมหายใจครับ ว่างเมื่อไหร่ ทำเมื่อนั้น ภาษาปฏิบัติเรียกว่าตีไม้สั้น ทำบ่อยๆ เก็บเล็กผสมน้อย 2-5 นาทีก็ได้ครับ
3 ช่วงแรก ๆ จะเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า
อยากให้ท่านที่ทำอยู่ช่วยแชร์ประสบการณ์ให้ฟังหน่อย จาก เริ่มต้นจนทำสำเร็จจะเป็นอย่่างไร ผ่านอะไรมาบ้าง ผมจะได้นำมาปฎิบัติตาม..
- เป็นทุกคนหรือเปล่าไม่ทราบ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้แหละ
ทำสบายๆครับ อย่าไปเครียด ลองอ่านhttp://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=7 ดูสิครับ -
เข้ามาร่วมเกาะขอบจอด้วยคน เพราะพึ่งเริ่มหัดทำสมาธิอย่างจริงจังเหมือนกัน ยังไปไม่ถึงไหนเลย...เฮ้อออ ท้อ แต่ก็ยังมีความรู้สึกชอบ และอยากทำสมาธิไปเรื่อยๆ
1. เรากำหนดโดยใช้ภาพ ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่านึกในใจถึงพระพุทธรูป เช่น พระพุทธชินราช, พระประธานในวัด, พระพุทธรูปในห้องพระ หรืออะไรก็ได้ที่เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของพระพุทธเจ้า
2. ช่วงเวลาก็แล้วแต่ว่าคุณชอบ และสะดวกในการทำสมาธิโดยไม่มีอะไรมารบกวน สำหรับเรา เราชอบตอนกลางคืนมากกว่า เพราะมันเงียบ สงบดี ถ้าตอนกลางวันจะได้ยินเสียงคนคุยกัน คนข้างบ้านทำกับข้าวกลิ่นหอมๆ ก็จะทำให้เกิดกิเลสเอาได้ง่ายๆ 555
3. ทำสมาธิมาได้ประมาณเดือนกว่าๆ ก็ยังมีแอบคิดนั่นคิดนี่อยู่ แต่ไม่มากเหมือนตอนทำใหม่ๆ พอเรารู้ตัวว่ากำลังคิดเรื่อยเปื่อย ก็ต้องรีบเตือนตัวเองว่าให้นึกถึงภาพพระ แล้วอาจจะพิจารณาองค์พระ เช่น ทำไมพระเนตรของท่านต้องมองลงมาข้างล่าง องค์นี้เป็นสีทองทั้งองค์ องค์นี้เป็นสีเขียว อะไรแนวนี้ ก็จะทำให้ไม่คิดไปเรื่องอื่น เพราะมัวแต่ดูองค์พระ -
1 เราจะตั้งจิต คิดถึงสิ่งไดที่ไม่ให้จิตใจวอกแวก
ขึ้นกับจริตเราครับ ลองหาดูว่า หากเราจากบริกรรมพุทโธ กำหนดจิตตามลมหายใจเข้าออกของเราแล้วนิ่งขึ้นไหม วันแรกๆได้น้อยวันหลังๆก็เพิ่มไปตามกำลังใจ หรือไม่นิ่งก็ภาวนาด้วยกำหนดภาพพระไปด้วย โดยนึกให้เห็นพระองค์ที่เราชอบ เราพยายามนึกให้เห็นตลอดเวลาควบคู่กับภาวนา ได้ไหม ไม่ก็ลองไปกำหนดยุบหนอ พองหนอ
กรรมฐานมี 40 วิธีครับ ตอนเริ่มต้นต้องหาสิ่งที่ถูกกับเรา แต่แนะนำว่าแบบกำหนดลมหายใจเข้าออกนี่แหละ ที่เป็นฐานไม่ควรทิ้ง
2 เวลาที่เหมาะกับการนั่งสมาธิ คือเวลาใด ผมนั่งตอนกลางคืน ประมาณ สามทุ่ม
พยายามทำตลอดเวลาที่นึกได้ครับ เดินไปก็หายใจพุทโธไป คุยก็หยุด ว่างก็ทำ สัปดาห์แรกๆทำมากๆ แต่อย่าเครียด ไม่ได้ก็ไม่ได้ ได้ก็ไม่ดีใจ อย่าอยาก กลางคืนก็แล้วแต่ สามทุ่มสี่ทุ่ม ตีสี่ตีห้าได้หมด นอนหลับยังทำได้เลยครับ นอนภาวนาไป
3 ช่วงแรก ๆ จะเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า
ผมว่าเป็นทุกคนนะ ผมเองเลิกไปเป็นสิบปี กลับมาทำใหม่ เดือนแรกก็ทำแบบที่ผมบอกนี่แหละ เดือนถัดๆมาก็ยังทำอยู่พอๆกับตอนเริ่ม เพราะจิตมันชินครับ
จะทำแบบใดก็ตาม ศีลห้าครับ รักษาให้ได้ ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยความเคารพสม่ำเสมอ ใช้การนึกภาพพระ คำสอน ก็ได้ ยามว่างกำหนดภาวนาบ่อยๆ ฟังธรรมะบ้าง จากซีดีหรืออ่านหนังสือธรรมะ จะช่วยได้เยอะ แล้วเราจะค่อยๆคุยน้อยลง นิ่งมากขึ้น อารมณ์เย็นขึ้นเอง...
ผมแชร์ประสบการณ์เบื้องต้นเท่านี้นะครับ ยังไม่ขอพูดมากไปกว่านี้ เอาแบบที่ชาวพุทธทุกคนน่าจะทำได้เป็นพื้นฐานก่อน ถ้าทำแล้วเริ่มสุขเริ่มนิ่งมากขึ้น ต้องคุยกันต่อ เพราะเดี๋ยวไม่ไปไหน แล้วคงต้องหาผู้แนะนำดีๆกันละครับ ผมเองก็ยังไม่ไปไหนเท่าไร ยังเลวอยู่เหมือนกัน... คำแนะนำหลายๆท่านข้างบนมีประโยชน์ อ่านแล้วนำไปทำตาม เท่าที่อ่านมาไม่แตกต่างหรอก ต่างกันในเรื่องภาษาการสื่อความเท่านั้น ลองพิจารณาครับ
โมทนาด้วยทุกบุญกุศลครับ -
1 เราจะตั้งจิต คิดถึงสิ่งไดที่ไม่ให้จิตใจวอกแวก
มันว๊อกแวกดีแล้วครับ เมื่อเรารู้ว่ามันว๊อกแวกก็เพ่งที่คำบริกรรมต่อไปหรือถ้ามันว๊อกแว๊กอีกก็ตามมันไปเลยแต่อย่าไปคิดตามมันนะให้ตามเพียงแต่รู้ว่ามันคิดอะไรแล้วก็ปล่อย เดียวมันเหนื่อยมันก็นิ่งของมันเองอย่าไปบังคับให้มันนิ่งเพราะจิตนี้มันเป็นของไม่เที่ยงยิงบังคับยิ่งไปกันใหญ่
2.เวลาที่เหมาะกับการนั่งสมาธิ คือเวลาใด ผมนั่งตอนกลางคืน ประมาณ สามทุ่ม
อะกาลิโกคับ ไม่เลือกการเลือกเวลาเอาที่ตอนเราพร้อม
3 ช่วงแรก ๆ จะเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า
เป็นหมดนั่นละไม่มีใครนั่งแล้วไม่ว๊อคแว๊กหรอกยกเว้นผู้ที่ชำนาญหรือฝึกไว้ดีแล้วเท่านั้น