กิเลส ๓ ระดับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย พหุมาลัย, 8 มกราคม 2016.

  1. พหุมาลัย

    พหุมาลัย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2015
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +3
    กิเลส ๓ ระดับ(ประเภท)

    ทางพุทธศาสนา เรื่องกิเลส หมายถึงสิ่งที่ทำให้จิตใจเร้าร้อนเศร้าหมองและมีความทุกข์ 
    กิเลสที่ครอบงำจิตใจของสัตว์โลก สามารถแบ่งออกได้ 3 ระดับหรือประเภทดังนี้ 

    1.กิเลสอย่างหยาบ (วีติกกมกิเลส, อุปธิ) คือความฟุ้งซ่าน วุ่นวายใจ 
    และเร่าร้อนมากจนปรากฏออกมาเป็นพฤติกรรมทางกายและทางวาจา ทำให้บุคคล 
    ครอบครัว และสังคมเดือดร้อน 
    ถ้าฟุ้งออกมาทางกายก็เป็นกายทุจริต คือ การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม 
    รวมดื่มเหล้าและการใช้สารเสพติด และถ้าฟุ้งออกทางวาจาก็เป็นวจีทุจริตต่างๆ 
    อุปธิกิเลส ๔ อย่าง
    ๑.สร้างกรรมจากยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ (ขันธูปธิกิเลส) 
    ๒.สร้างกรรมจากความทะยานอยาก (ตัณหูปธิกิเลส) 
    ๓.สร้างกรรมจากการปรุงแต่งทางความคิดไม่ดี (อภิสังขารูปธิกิเลส) 
    ๔.สร้างกรรมจากความหวงแหนแย่งชิงในกามคุณ (กามคุณูปธิกิเลส) 
    วีติกกมกิเลสหรืออุปธิกิเลสอย่างหยาบนี้มีลักษณะของการเกิดขึ้น การตั้งอยู่ และการดับไป 

    กิเลสอย่างหยาบสามารถระงับลงได้ ด้วยอำนาจของศีล 
    เช่น ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 และศีล 227
     
  2. พหุมาลัย

    พหุมาลัย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2015
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +3
    2.กิเลสอย่างกลาง (ปริยุฏฐานกิเลส) เมื่อมีอารมณ์มากระทบ อนุสัย(กิเลสอย่างละเอียด)
    ที่นอนสงบอยู่ในภวังคจิตจะฟุ้งกระจาย ทำให้จิตใจขุ่นมัวและฟุ้งซ่าน ในสภาวะเช่นนี้กิเลสอย่างละเอียด
    (อนุสัยกิเลส)จะเปลี่ยนฐานะกลายเป็นกิเลสอย่างกลางในวิถีจิตทันที 
    กิเลสอย่างกลางนี้คือ นิวรณ์ หมายถึงสิ่งที่กั้นกีดขวางจิตไม่ให้ก้าวหน้าในธรรม
    นิวรณ์ ๕ อย่างได้แก่
    ๑.กามฉันทะ หมายถึง ความกำหนัดยินดีพอในรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส
    ๒.พยาบาท หมายถึง ความโกรธอาฆาตปองร้าย แค้นขุ่นเคืองไม่พอใจ
    ๓.ถีนมิทธะ หมายถึง ความหดหู่เซื่องซึม แยกออกเป็น ถีนะ คือความหดหู่ ท้อแท้ 
    ถีนะมีสภาพ ที่เป็นกิเลสและอาการของใจ 
    ส่วนมิทธะ คือความเซื่องซึมเฉื่อยชาง่วงมึน
    ถีนะ กับ มิทธะ เกิดร่วมกัน 
    ๔.อุทธัจจกุกกุจจะ หมายถึง ความฟุ้งซ่าน(อุทธัจจ)และรำคาญใจกลุ้มหงุดหงิด(กุกกุจจะ)
    เกิดร่วมกัน จิตที่ถูกครอบงำแล้วพล่าน
    ไม่ติดอยู่กับความคิดใดๆได้นาน สลับความคิดนู่นนี่นั่นบ้าง ไม่รู้สาเหตุ ไม่มีโอกาสหยุดพักให้สบายใจ 
    ๕.วิจิกิจฉา หมายถึง จิตที่มีความสงสัยและลังเลใจ ในทางธรรม ขาดศรัทธาได้แก่ 
    สงสัยเรื่องบาปบุญนรกสวรรค์ กฎแห่งกรรมและการเจริญภาวนา 
    เกิดความขัดแย้งในใจและความไม่กล้าตัดสินใจ เวลาล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์
     
  3. พหุมาลัย

    พหุมาลัย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2015
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +3
    3.กิเลสอย่างละเอียด(อนุสัยกิเลส) สะสมอยู่ในภวังคจิต(พื้นจิต) 
    ถ้ายังไม่มีอารมณ์ภายนอกที่ปราณีตมากระทบแล้ว กิเลสชนิดนี้จะยังนอนสงบอยู่ 
    ไม่แสดงอาการปรากฏออกมาให้เห็น 
    เป็นกิเลสที่ละเอียดอย่างยิ่ง และนอนเนื่องอยู่ในขันธสันดานของทุกคน 
    จะแสดงตัวก็ต่อเมื่อมีเหตุปัจจัยมากระตุ้น อุปมาเหมือนเยื่อตะกอนใส
    ที่นอนอยู่ก้นแก้ว น้ำในแก้วดูใสสะอาด ถ้าไม่สังเกตให้ดีจะมองไม่เห็น
    แม้ตะกอนใสที่สะสมอยู่เบื้องล่าง เยื่อตะกอนใสนี้เปรียบได้กับอนุสัยกิเลส 

    อนุสัยกิเลส ๗ อย่าง ได้แก่ 
    ๑) กามราคะ คือความกำหนัดในกาม 
    ๒) ปฏิฆะ คือความขัดเคืองใจ 
    ๓) มิจฉาทิฏฐิ คือความเห็นผิดแรก 
    ๔) วิจิกิจฉา คือความลังเลสงสัย ไม่กล้าตัดสินใจ 
    ๕) มานะ คือ ความถือตัว 
    ๖) ภวราคะ คือความนึกคิดแลกำหนัดในภพ 
    ๗) อวิชชา คือ ความไม่รู้หรือโมหะ กิเลสชนิดนี้นอนเนื่องอยู่ในสันดานของสัตว์ทั้งหลาย
    ตั้งแต่ปฏิสนธิจนถึงจุติ ไม่ปรากฏอาการ ไม่รู้ตัวว่ามีเพราะมันละเอียดปราณีต

    กิเลสอย่างละเอียดนี้สามารถขจัดละได้ด้วยพุทธิปัญญา 
    ที่เกิดจากการเจริญวิปัสสนาสมถะกรรมฐานเท่านั้น
     
  4. พหุมาลัย

    พหุมาลัย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2015
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +3
    พลังจิตนี่คล้ายๆสถานที่ฝึกวิทยายุทธ สัปยุทธทางธรรมะ 
    หาได้ยากนะครับแบบนี้ต้องมั่นใจ ส่วนที่เว็บอื่นอ่านเอาแต่ชื่นใจอย่างเดียว
    แล้วก้อเกิดอาการปึ้กลืมหมดเลย แต่ที่นี่แปลกมีครบทุกรสชาดเกือบขาดใจ(ฮา) 
    กิเลสโผล่มาให้เห็นตัวเป็นๆเลย ต้องมีอินทรีย์แข็งแรงมากทีเดียว 
    ทุกคนควรมีโอกาสสนทนา(ให้โอกาสกัน) มีบุคคลทั่วไปมากมายแต่ละวันจากทั่วทุกมุมโลก
    เข้ามาอ่าน หรือมือเก่ารักษากายอันบอบช้ำ แต่เขาไม่ได้ล็อคอินเข้ามา ได้คติแนวทางธรรมเป็นกระบุง(ฮา) 
    มือน่าจะใหม่ขอคารวะ เดี๋ยวนี้บ้านนอกเขามีเน็ต4จีใช้แล้ว

    ขอให้พลังสติในท่านทั้งหลาย เกิดภูมิต้านทานมีความเจริญโดยฉับพลัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2016
  5. พหุมาลัย

    พหุมาลัย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2015
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +3
    .

    ข้อ 2.กิเลสอย่างกลาง (ปริยุฏฐานกิเลส) ทำอย่างไรดีจึงพอจัดการได้
    ถ้าใครปฏิบัติให้มีความพากเพียรเจริญพระธรรม
    อย่าให้น้อยกว่าวันละ 1 ชั่วโมง วันหนึ่งกับคืนหนึ่งให้กิเลสเอาไปกินเสียแล้ว 23 ชั่วโมง

    ถ้าทำความเพียร ทำจิตให้สงบจากกิเลสได้ไม่ถึง 1 ชั่วโมงต่อวันเป็นอย่างน้อย
    ให้ไปลาออกจากศาสนาในทะเบียนบ้านทำให้ช่องนั้นมันว่างเสีย
    เพราะเราจะได้ไม่ล่วงศีลข้อมุสาวาทแล้วโดยไม่ตั้งใจเป็นอาจิณ
    เอาเวลาไปประกอบอาชีพมีสารพัดสะสมทรัพย์สินอย่างเดียวเลี้ยงครอบครัวดีกว่า
    ทำความเพียรน้อยกว่า 1 ชั่วโมง เอาชนะกิเลสไม่ได้หรอก
    เพราะเขาเอาไปกินเสียแล้ว 23 ชั่วโมงพอเอาตัวรอดหวุดหวิด
    ถ้าตั้งใจดีวันละ 2-3 ชั่วโมง ก้อดีนับว่าพอตั้งเนื้อตั้งตัวได้ไปเผื่อเห็นอนุสัยลางๆ



    ;aa8
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2016
  6. งุ้งงิ้ง

    งุ้งงิ้ง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2014
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +48
    ทำได้แค่จัดการกับกิเลสอย่างหยาบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...