ก สิ ณ ไ ฟ - เตโชกสิณ

ก สิ ณ ไ ฟ - เตโชกสิณ
เป็นกรรมฐานกองที่สามตามลำดับของธาตุหนักสุดสู่เบาสุด
ที่หลายคนในเวปนี้ พยายามจะฝึก
อาจจะด้วยเพราะกสิณไฟเป็น
ธาตุที่มีพลังงานด้วยนั่นเอง
และการเพ่งกสิณไฟ ก็มาได้อย่างใจนึก
เรียกว่า ฝึกปุ๊บ เห็นปั๊บ
และทำให้เกิดทิพจักษุ หรือตาที่สาม
หรือล่วงรู้จิตของผู้อื่น

เลยทำให้คนหันเข้ามาฝึกกสิณไฟ
เพราะบางท่านก็เป็นคนเหล่าเจโตวิมุตติ

อยากรู้ว่าตนเป็นเจโตวิมุตติ หรือ ปัญญาวิมุตติ
ก็ถามไปได้ กระทู้จะตอบให้ที่ http://palungjit.org/threads/จริต-๖-เพื่อฝึกกรรมฐานที่เหมาะสม.310598/

 

ดิฉันก็ให้สัจจะว่าจะเขียนกสิณไว้ให้ในพลังจิต
เพื่อเป็นแนวทางเบื้องต้นให้กับผู้ที่สนใจ ได้รับความรู้
เพื่อจะนำตนเองเดินทางไปในเส้นทางที่ง่ายและได้ผลเร็ว
โดยนำเอาธาตุ ๔ มาพิจารณา มาบริกรรม มาเพ่ง
ก็ใกล้เสร็จกิจเรื่องนี้แล้ว

 

กระแสธาตุของบางท่านเหมาะที่จะเจริญกสิณไฟอย่างยิ่ง
แต่ความที่เป็นเพราะกสิณไฟเป็นพลังงาน
ท่านทั้งหลายคงพอทราบว่า พลังงาน มันก็พร้อมจะทำงานของมันทันที
หากมันอยู่ที่ใด
ผู้ฝึกกสิณไฟท่านหนึ่งได้คาดว่า ตนเองได้กสิณไฟแล้ว
เพราะไฟมาตั้งแต่คราวแรก ๆ แต่เขาไม่ทราบว่า สิ่งนั้นเป็นกสิณโทษของกสิณไฟ
เอาไปวางไว้ในตนเองเลยทำให้กระเพาะทะลุไป

ความเข้าใจถูกต้องในการฝึกกรรมฐาน จึงต้องสมควรจะได้รับรู้กันก่อน
ก่อนที่จะเดินไป ถูกไฟของกสิณโทษเผาตนเองไป

 

ดิฉันเริ่มสัมผัสกสิณไฟ เกือบ ๕ ปีก่อน
ตอนนั้นไปไหว้ครูที่พิษณุโลก แต่ไม่ได้ใส่ใจเหมือนกสิณน้ำ
เพราะอย่างที่เล่าไว้ในกระทู้กสิณน้ำแล้วว่า
เกิดนิมิตในทันทีแรกที่ฝึก แบบลืมตาด้วย
ก็ไม่ได้คิดว่า ต้องฝึกกสิณไฟ

แต่เหมือนมีอะไรบอกว่า ดิฉันต้องฝึกกสิณไฟนะ
เรื่องก็เป็นอย่างนี้

 

ที่จริง ดิฉันเคยฝึกในอดีตชาติมาหมด ในกสิณหลายกอง
อ่านจากดวงชาตาตนเองจึ่งทราบ คนที่ได้ไปฝึกกสิณในวันพรุ่งนี้ ๑๑ พย.
ท่านก็จะได้ทราบข้อนี้ด้วยเหมือนกัน

 

เราควรรู้ว่าโทษของกสิณคืออะไรก่อน โดยเฉพาะที่เป็นกสิณไฟ
หวังว่าท่านที่เข้ามาอ่านกสิณไฟ หัวข้อนี้ คงได้ปูพื้น ที่กสิณดิน กสิณน้ำ และกสิณลม
มาแล้ว ไม่ควรกระโดด มาอ่านหัวข้อนี้ก่อนหัวข้ออื่น
เพราะดิฉันเจตนาจะไม่ให้เกิดอันตรายในการฝึกกรรมฐานกับท่าน

ฉะนั้น หากยังไม่ได้อ่านกสิณดิน กสิณน้ำ กสิณลม ควรอ่านก่อนนะคะ
http://palungjit.org/threads/ก-สิ-ณ-แ-ม่-ธ-า-ตุ-กสิณดิน.360035/

 

http://palungjit.org/threads/ก-สิ-ณ-น้ำ-อาโปกสิณ.369609/

 

http://palungjit.org/threads/ก-สิ-ณ-ล-ม-วาโยกสิณ.370699/

 

สถานที่ฝึกกสิณไฟ ห้องไม่เปิดพัดลม
เป็นกลางคืนก็เป็นได้ บางทีดิฉันก็ใช้ช่วงเวลาที่ต้องจุดเทียน ตอนบวชเนกขัมมะ
ตอนนั้นเองเป็นเวลาแห่งกสิณไฟ
สัปปายะ ก็เหมาะกับแต่ละท่าน
หากลมพัดแรง ๆ เทียนที่เราใช้ เปลวก็จะแกว่งไปมา
ดื่มน้ำสักแก้วหนึ่ง
แล้วผู้จะเริ่มฝึกกสิณไฟ ควรฝึกหัดกสิณดินมาอย่างคล่องแคล่วแล้ว

 

เตโชกสิณ เป็นกรรมฐานกลาง ฝึกได้ทุกจริต..

 

ยังมีอีก ๙ กองที่เป็นกรรมฐานกลางค่ะ
อันนี้ เป็นความรู้จากคัมภีร์เปิด
สาธุค่ะ

 

จบรุ่นที่ ๖ อบรมเรื่องการฝึกกสิณกรรมฐานกันไปเมื่อ ๑๑ พฤศจิกายน ๕๕
ผู้เข้าอบรม เป็นกำลังของพระพฤหัส ดิฉันเลยได้พลังเรื่องนี้ไปด้วย
การสานต่อเรื่องการฝึกกสิณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้รับการตอบรับมากขึ้น

คงเป็นเพราะหลายท่านได้มีพื้นฐานของข้อมูลมาบ้างแล้ว
คนที่ไปฝึกกรรมฐาน ที่สุวรรณโคมคำ ในวันที่ ๑๑ พย ๕๕ ที่ผ่านมา
บ้างก็ได้นิมิตของดิน บ้างก็น้ำ บางคนก็ลงไปนั่งอยู่ในน้ำทั้งที่
เกิดมาไม่เคยฝึกกสิณเลย ทำให้ประทับใจในกสิณกรรมฐาน

ตอนฝึกกสิณลมนี่สนุกสุด เพราะลมภายนอกมากันเป็นพัลวัน
เมื่อตั้งเวลายามนั้นดู ก็เป็นเรื่องของลมด้วย
ทั้งหลายแหล่ ก็ต้องมีสภาวะที่เหมาะสม
หลายท่านก็ได้รับความตื่นเต้น

ที่ดิฉันปีติใจมากสุดก็เพราะมี ญ ท่านหนึ่ง อายุย่างเข้า ๙๔ ปีแล้วยังมาฝึกกับเราเลย
ทั้งก็ยังได้กรรมฐาน ทำให้ติดอกติดใจอยากมาฝึกอีก

กสิณไฟ ก็เป็นกรรมฐานกองสุดท้ายของวันที่ผู้อบรมอดทนดีมากเลย
นั่งกสิณเหงื่อหยด แต่ไม่มีความหงุดหงิดใด ๆ ทุกคนมีแต่ปีติใจ
จบกรรมฐานของวันก็ได้เทียบเคียงกับดวงชาตาของแต่ละท่านด้วย
ทำให้รู้กันชัด ๆ ไปเลยว่าใครฝึกอะไรได้ ยืนยันกันมั่นเหมาะว่า
ใครเหมาะกับกสิณกองไหนมากกว่ากองไหน

 

คนต่างจังหวัดก็เดินทางเข้ามาฝึกได้ค่ะ
วันพ่อปีนี้วันพุธ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ ฝึกกสิณถวายในหลวงด้วยกัน

 

สมาทานพระกรรมฐานกันก่อนนะคะ

คำบูชาพระรัตนตรัย​

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ. (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมังนะมัสสามิ. (กราบ)
สุปะฏิปปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ. (กราบ)

บทสวดนมัสการนอบน้อมบูชาพระพุทธเจ้า​

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ )

สมาทานพระกรรมฐาน กสิณกรรมฐาน​

อุกาสะ อุกาสะ อุกาสะ ข้าพเจ้าขอสมาทาน ซึ่งพระกรรมฐาน สมถะและวิปัสสนาญาณ ขอให้บังเกิดมี ในขันธสันดานของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะตั้งสติกำหนดไว้ ที่ เตโชกสิณ
ข้าพเจ้าขอระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆเจ้า คุณครูอุปัชฌาอาจารย์ คุณมารดาบิดา คุณทานบารมี คุณศีลบารมี คุณเนกขัมมะบารมี คุณปัญญาบารมี คุณวิริยะบารมี คุณขันติบารมี คุณสัจจะบารมี คุณอธิษฐานบารมี คุณเมตตาบารมี คุณอุเบกขาบารมี ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมา ตั้งแต่เล็กแต่น้อย ร้อยชาติพันชาติ หมื่นชาติแสนชาติ อสงไขยกัปกัลป์ ที่ระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี ขอบารมีทั้งหลายเหล่านี้ จงมาช่วยประคับประคองให้ข้าพเจ้าปฏิบัติสมถะและวิปัสสนาญาณให้ลุล่วงบ่วงมาร ให้สำเร็จ มรรคผลนิพพาน ในอนาคตกาลเบื้องหน้านี้เทอญ

บทแผ่เมตตา ​

สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุอัพพะยาปัชฌา โหนตุอะนีฆา โหนตุสุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ ..........เริ่มเพ่งกสิณ

 

นั่งฝึกกสิณจะนั่งกับพื้นหรือนั่งเก้าอี้สำหรับท่านทีขาเจ็บก็ได้
เพราะเราฝึกที่จิต ไม่จำกัดว่าต้องเป็นนั่งขัสมาธิ หรือสมาธิเพชร
นั่งสบาย ๆ จะเหยียดขา ตอนฝึกก็ไม่ถือว่าไม่สุภาพแต่ประการใด
เอาเป็นว่า นั่งให้สบายที่สุด

ให้ท่านตั้งเทียนไข เล่มหนึ่งที่เปลวไฟสูงหน่อย
ดิฉันชอบเทียนชื่อว่า แสงจันทร์ ชื่อเพราะดี
ราคา ๓๐ บาทซื้อได้ตามร้านทั่วไป แท่งสูงหน่อยก็ราคา ๓๕ บาท
ที่ชอบเพราะว่า ฝึกแล้วมันได้กสิณเร็วหน่อย ปีญหาเรื่องกสิณโทษก็น้อยกว่า
แล้วแต่ชอบแล้วกันค่ะ ไม่บังคับอะไร
พอฝึกแล้วจะเพ่งไฟตรงไหนก็สุดแต่สะดวก แต่ไฟจากไฟฟ้าไม่ได้นะคะ
คือไฟที่เกิดจากโคมไฟฟ้าที่จุดหน้าหิ้งพระ เพ่งเป็นกสิณไฟ ไม่ได้ค่ะ

เมื่อได้วัสดุอุปกรณ์แล้วก็หาขาตั้ง ดิฉันก็ใช้ขาตั้งกล้อง
หรือจะใช้อะไรรองก็ได้
แล้วก็ดื่มน้ำสักแก้วหนึ่งก่อนเจริญพระกรรมฐาน
แล้วเริ่มเพ่งหลังจากสมาทานพระกรรมฐานแล้ว

 

เพ่งกสิณไฟ

ปิดไฟจะดี หรือให้มีแสงไฟที่น้อยสุด ดิฉันชอบปิดเวลาเพ่งกสิณไฟ
สูดลมหายใจเข้าออกแล้วกลั้นไว้ แล้วหายใจออกสองสามครั้ง ลดอาการฟุ้งของจิต

เมื่อเพ่งสักสามสีลมหายใจเข้าออกแล้วเอาไปวางไว้ที่ข้างฝา
แบบลืมตาก่อน อยากแนะนำให้ฝึกกสิณไฟแบบลืมตา สลับหลับตา
เวลาเพ่งเปลวเทียน อย่าเพ่งไส้เทียน ให้มองไปตรงกลาง ๆ ของเปลวไฟ

นิมิตของกสิณไฟที่เกิด หากเป็นสีแดง เขียว น้ำเงิน อันนี้เป็นกสิณโทษ
ดูในรูปนะคะ
จุดที่แนะนำให้เพ่งคือ ตำแหน่ง 3
นิมิตที่เห็นเป็นสีเหลืองส้ม ใช้ได้
ส่วนสีอื่นที่เห็นมาด้วย เป็นกสิณโทษ ให้ละสายตาแล้วไปเพ่งใหม่

 

เพราะไฟเป็นทั้งพลังงาน และธาตุ
เมื่อท่านเพ่งครั้งแรกท่านจะเห็นนิมิตทันที แต่ส่วนใหญ่จะเป็นกสิณโทษก่อน
ก็ให้ละสายตาออกจากจุดที่เห็นนิมิต แล้วกลับมาเพ่งไฟใหม่ จนกว่านิมิตจะได้สีเหลืองส้ม
ไม่มีไส้เทียนติดมาด้วย

 

การนั่งกสิณห่างประมาณสุดมือ เหยียดกำไป เหยียดกำมา ดูในกระทู้กสิณดิน
เทียนที่แนะนำคือ แสงจันทร์ เป็นเทียนที่เหมาะสมกับการฝึกกสิณไฟ
เพราะเปลวยาว ทำให้ได้กสิณไฟเร็วขึ้น

คลิกดูรูปข้างบน ค่ะ

ทำไมรูปไม่ขึ้นก็ไม่ทราบ

 

กสิณโทษ ของกสิณไฟ​

รู้จักกันสักนิด จะได้ไม่เข้าใจผิด
เพราะว่าการเกิดภาพนิมิตของกสิณไฟ ต้องเป็นไฟ หรือรูปที่แสดงด้านบน #16
หากเป็นเปลวไฟก็ใช้ได้

หากจิตร้อนลุ่มกว่าเดิม ก้าวร้าว ขี้โมโห หงุดหงิด หลังจากเจริญกสิณแล้วเพราะรู้สึกได้
อันนี้ ท่านได้กสิณโทษไว้ในตนเรียบร้อยแล้ว
คนฝึกกสิณ ต้องสงบขึ้น อารมณ์เย็นขึ้น รู้สึกตัวดีขึ้น
ไม่โกรธง่ายเหมือนก่อน อันนี้ได้รับอานิสงฆ์แล้ว

หากมีกสิณโทษแล้วแก้ไขลำบาก หากไม่เคยฝึกกสิณดินมาก่อน
ฉะนั้น จึงแนะนำให้ท่านฝึกกสิณดินก่อน จนเห็นนิมิตกสิณดินก่อน แล้วค่อยเริ่มฝึกกสิณไฟ
ก็ยังไม่ถือว่าช้าไป จิตใจที่ร้อน อยากฝึกกสิณไฟ เพราะเห็นคุณสมบัติของกสิณมากกว่าต้องการความสงบทางจิต
ก็มีโอกาสหลงทางได้เสมอ

 

ดิฉันมักเจอคนใจร้อน อยากฝึกกสิณไฟ เสมอ
ก็ได้ฝึกตามขั้นตอนของการเรียนรู้ตามหลักสูตรที่เปิดสอน
เมื่อได้ฝึกกสิณไฟ หลังจากได้ฝึกกสิณอื่นครบแล้ว
ก็ขอลากสิณไฟ กลับไปฝึกกสิณดินอย่างเดิม เพราะเจอกสิณโทษของกสิณไฟ
เจอแค่หนึ่งสัปดาห์ ก็กลับมาบอกว่า ทำอย่างไรดี กสิณไฟร้อนรุ่มตลอดสัปดาห์

ต้องไปขอดวงกสิณของครูบาอาจารย์มากลบ จึงเข้าที่