ของดีของจริงต้องลองได้

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย DevilBitch, 22 มิถุนายน 2005.

  1. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    สุทัศน์ ชวพัฒนากุล ประธานบีกริมอินเตอร์เนชั่นแนล



    [​IMG]"พุทธคุณ และ พลังวิเศษ ในองค์พระมีจริง ที่สำคัญ คือ ของดีของจริงก็ต้องลองได้ คนที่ไม่มีประสบการณ์ พูดไปก็เท่านั้น ส่วนคนที่มีประสบการณ์เขาก็จะเก็บไว้เงียบๆ พูดไปคนก็จะหาว่า เหลวไหล เรื่องแบบนี้ถ้า ได้สัมผัสกับตัวเองจริงๆ คนถึงจะเชื่อ" นี่คือความเชื่อและความศรัทธา ในองค์พระสมเด็จเกศไชโย จ.อ่างทอง ของ นายสุทัศน์ ชวพัฒนากุล ประธานบริษัท บีกริม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำเข้ารถไฟ และผู้วางระบบโครงสร้างสาธารณูปโภค ของโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดิน

    แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยเข้าไปช่วยปั๊มพระ ช่วยตำเนื้อพระ และได้เห็นส่วนผสม ไม่ว่าจะเป็นปูนผง หรือกล้วยน้ำว้า

    เพราะเขาเกิดและเติบโตท่ามกลางแหล่งผลิตพระพุทธรูป พระเครื่อง และวัตถุมงคลต่างๆ คือ มีบ้านอยู่แถวเสาชิงช้า ต่อมาย้ายไปอยู่แถววัดราชนัดดา ทำให้ได้รับการซึมซับเรื่องพระเครื่องมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ส่วนการสะสมพระอย่างจริงจังเริ่มเมื่อ ๑๕ ปีก่อนหน้านี้เอง

    "ตอนนี้ผมมีพระเป็นร้อยองค์ ส่วนใหญ่ได้มาแบบบังเอิญ บางครั้งต้องผิดหวังบ้าง เพราะช่วงเริ่มต้นต้องเจอทั้งคนที่ดีและไม่ดี ซึ่งก็ต้องทำใจ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องกล้าพอที่จะพบกับความสำเร็จและความผิดหวัง" นายสุทัศน์ กล่าว [​IMG]

    สำหรับพระองค์แรกที่ได้มาห้อยติดตัวเป็นประจำทุกวัน คือ พระสมเด็จเกศไชโย ได้มา ๓๕ ปีแล้ว โดยได้จากคนขับรถแท็กซี่ที่สนิทกัน ตอนนั้นอายุประมาณ ๑๒ ปีเท่านั้น ส่วนพระชุดเบญจภาคีได้มาเมื่อ ๕ ปีที่แล้ว เป็นความบังเอิญและเป็นความโชคดีของตัวเองมากกว่า

    นายสุทัศน์ เล่าว่า มีคนเดือดร้อน พอดีพ่อเขาเสีย และญาติของเขาเป็นลูกน้องของเขา ได้พามาหา โดยเอาพระทั้งหมดร้อยกว่าองค์ที่คุณพ่อสะสมมาให้เช่าในราคา ๓ แสนบาท ในจำนวนนั้นมีพระเบญจภาคีอยู่สองชุด ด้วยเหตุที่ดูพระไม่เป็น จึงได้ให้คุณอั้ง เมืองชล เป็นผู้ตรวจสอบพระให้ ก่อนจะตัดสินใจซื้อพระทั้งหมด

    ประธานบริษัท บีกริมฯ ยอมรับว่า ในช่วงแรกๆ ของการเช่าพระก็ต้องโดนบ้างเป็นธรรมดา ครั้งแรกๆ ก็เอาพระแท้มาปล่อยให้เราตายใจ ต่อมาก็เริ่มเอาพระเก๊มาหลอกขาย บางคนจะเอาพระเก๊มาแลกพระแท้เราออกไป

    ทั้งนี้ เขาพูดไว้อย่างน่าคิดว่า "สิ่งสำคัญที่สุดในการสะสมพระเครื่องก็คือ อย่าให้เกิดความโลภ จุดอ่อนของคนเล่นพระก็คือความโลภ หลายครั้งที่ผมเชิญคนขายพระปลอมมานั่งคุยกัน ขอให้เอาเงินมาไถ่คืนหรือเอาพระแท้มาแลกคืนไป ถึงกระนั้นเราก็ไม่สามารถโทษคนเหล่านั้นได้เต็มร้อย ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของเราด้วย ซึ่งก็คือความโลภนั่นเอง"

    หลายคนบอกว่า "การสะสมพระเครื่องเป็นความสุขทางใจ" แต่นายสุทัศน์กลับมองว่า "การสะสมพระมีทั้งสุขและทุกข์ร่วมกัน" ทั้งนี้ เขาได้ยกเหตุผลความทุกข์ที่เกิดจากการสะสมพระให้ฟังว่า

    นักสะสมพระจะต้องเจอกับพระปลอม หรือเช่าพระในราคาที่แพงกว่าราคาจริง อีกทั้งยังต้องกลัวหายหรือชำรุด ความทุกข์ทางกายก็คือ การที่จะต้องเสียเวลา เหน็ดเหนื่อยในการไปเที่ยวเสาะหา ไปเฝ้ารอเพื่อให้ได้มาซึ่งพระเครื่องที่ต้องการ จะแสวงหาเท่าไรความโลภของจิตใจก็หาให้ได้ไม่หมด จะสะสมเท่าไรก็ไม่มีวันหมด พระแต่ละองค์ที่เราได้มาส่วนมากก็จะเข้าตำราที่ว่า สมบัติผลัดกันชม

    เพื่อไม่ให้เกิดความทุกข์จากการสะสมพระ นายสุทัศน์แนะนำว่า ผู้สะสมพระต้องย้อนกลับไปดูธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ว่า ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง นั่นก็คือความไม่เที่ยงแท้ ความไม่เป็นเจ้าของที่สมบูรณ์และนิรันดร การดูพระเครื่องต้องดูเวลาสบายใจ อย่าเอาความเครียดของตนเองไปลงที่พระ การสะสมพระควรมีพอประมาณ มีพระมากๆ ไปทำไม ต้องเป็นห่วง นั่งเฝ้า เป็นภาระทั้งสิ้น คนที่เล่นพระจึงไม่ควรโลภ ตั้งสติอยู่บนสติและความพอประมาณ

    เมื่อถามถึงปาฏิหาริย์และเหตุการณ์เฉียดตาย นายสุทัศน์ เล่าว่า ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๙ ปี หรือเมื่อ ๑๙ ปีที่ผ่านมา วันที่เกิดเหตุนั้นได้ไปเก็บเงินค่าเส้นด้ายมาประมาณ ๒ ล้านบาท ระหว่างเดินทางกลับบริษัทได้แวะกินก๋วยเตี๋ยวริมถนนย่านปากน้ำ หลังจากจ่ายเงินเสร็จรีบลุกออกจากร้านทันที กว่าจะรู้ตัวว่าลืมเงินไว้ก็ออกมาไกลแล้ว แต่ต้องกลับไปเอา เพราะขืนไปบอกทางบ้านว่าทำเงินหล่นหายไป ๒ ล้านบาท อมพระประธานในโบสถ์มาพูดก็ไม่มีใครเชื่อ

    ระหว่างขับรถไปยังร้านก๋วยเตี๋ยว ใจหนึ่งก็คิดไปล่วงหน้าแล้วว่า "เงินต้องหายไปอย่างแน่นอน" อีกใจหนึ่งก็คิดอธิษฐาน โดยกำพระสมเด็จไว้ในมือตลอดทางว่า "ชีวิตถึงจะจนอย่างไรก็ไม่ขอขายพระสมเด็จองค์นี้อย่างเด็ดขาด" เดชะบุญที่เจ้าของร้านช่วยเก็บห่อกระดาษเอาไว้ พร้อมกับบอกว่า "มีแต่บิล มีแต่กระดาษ" แต่เมื่อเปิดดูกลับพบว่า "เงิน ๒ ล้านบาท ยังอยู่ครบไม่ได้หายไปไหน"

    ส่วนอีกเหตุการณ์หนึ่ง เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๑ ได้ขับรถไปชนต้นไม้ริมทาง สภาพรถพังยับเยิน หม้อน้ำถูกอัดกระแทกเป็นชิ้นเดียวกับเครื่องยนต์ นายสุทัศน์บอกว่า ปกติแล้วถ้าใครประสบอุบัติเหตุเช่นเดียวกันนี้ ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน แต่ในวันนั้นตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย แม้กระทั่งรอยแผลเท่ารอยแมวข่วนก็ไม่มีให้เห็นบนผิวหนัง

    จากประสบการณ์ทั้ง ๒ ครั้ง ทำให้เขามีความรู้สึกว่า ด้วยเหตุที่จิตเรายังไม่แข็งพอที่จะคิดว่า มีพระหรือไม่มีอยู่ที่ใจ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องแขวนพระไว้เพื่อเตือนสติ ทำอะไรอย่าให้โลดโผน ประพฤติอะไรรู้จักคิดว่ามีพระห้อยอยู่ที่คอ การมีพระห้อยที่คอสอนให้เรารู้ว่า ภาระเราที่เกิดมาเป็นคนก็คือ ต้องใช้โอกาสในการที่เกิดมาเป็นคนนั้นให้เป็นประโยชน์ที่สุดแก่ตนเองและสังคม ส่วนการที่จะห้อยพระแล้วให้คุ้มครอง ให้เกิดเมตตามหานิยม ให้เกิดมหาเสน่ห์นั้น เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล

    "เรื่องการเช่าพระปลอม ไม่ว่าเซียนเล็กหรือเซียนใหญ่โดนมากันทั้งนั้น ผมเคยซื้อพระปลอมองค์หนึ่งราคาหลายแสนบาท พอรู้ว่าเป็นพระปลอม ผมต้องตามล่าคนขายมาพบ แล้วเอาเงินคืนมา และเอาพระปลอมกลับไป" นายสุทัศน์กล่าวทิ้งท้ายอย่างมีอารมณ์

    เนื้อที่ไม่พอ ตัดเบิล์ฟ ออกได้

    "เพื่อไม่ให้เกิดความทุกข์จากการสะสมพระ ผู้สะสมพระต้องย้อนกลับไปดูธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ว่า ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง นั่นก็คือ ความไม่เที่ยงแท้ ความไม่เป็นเจ้าของที่สมบูรณ์และนิรันดร"

    ---------/////////--------------

    0 เรื่อง ขวัญชัย รุ่งฟ้าไพศาล 0 0 ภาพ สมชาย คุ้มกัน 0
     
  2. พระศุภศิษฏ์

    พระศุภศิษฏ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +98
    ดีที่ตัวนะ

    การที่จะลองหรือไม่ นั้นไม่สำคัญหรอกเว้นแต่จะหลอกตัวเองหรือที่เราจะอวดว่าเรามีของดีนะ ถึงจะมีแต่ทำตัวไม่ดีก็ไม่ดีนะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...