หน้าบันวัดแม่นางปลื้มที่พระนเรศเป็นผู้ทรงบูรณะขึ้นหลังจากวัดถูกนำอิญวัดไปสร้างกำแพงกรุงศรี เมื่อพระนเรศทรงประกาศอิสรภาพในปี พ.ศ.2127ทรงมาบูรณะวัดขึ้นใหม่ ทรงอาจจะจำลองสรีระของพระองค์เองหรืออาจจะเป็นพระมหาธรรมราชา เป็นแบบของพระนารายณ์ที่ทรงขี่ครุฑ
พระองค์และพระบิดาทรงสูงและทรงมีวรกายไม่หนา แต่ทรงแข็งแรง มีพละกำลังมาก และปราดเปรียว สรีระเหมาะกับการใช้อาวุธทุกประภท ทรงมีพรสวรรค์ด้านการวางแผนรบและออกรบทั้งสองพระองค์
ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.
หน้า 233 ของ 234
-
-
ตาของพระนางประมาณนี้ เนื่องจากพระมารดาของพระนางเป็นเจ้าหญิงเผ่าตาตาร์ ที่มีเชื้อสายเติร์กและรัสเซีย ปัจจุบันเผ่านี้อยู่ในประเทศตาร์ตาสถาน ใกล้ประเทศรัสเซีย อ๋องของเผ่าตาร์ตา หันมานับถือพุทธศาสนาตามท่านจาง เพราะท่านจางชักชวน แต่ปัจจุบันยังนับถือพุทธหรือไม่ไม่ได้ตามหาข้อมูลค่ะ
ตอนนั้นเผ่าตาร์ตาไปเข้ากับเผ่ามองโกลโดยอาสามาล้อมกรุงปักกิ่งเพื่อจะยึดเมือง แต่ด้วยการเจรจรทางการทูตสงครามจึงได้ยุติ โดยส่งเจ้าหญิงเผ่าตาร์ตามาแต่งงานกับจักรพรรดิหมิง แต่จักรพรรดิหมิงซึ่งกำลังป่วยหนักใกล้สิ้นพระชนม์ยกเจ้าหญิงให้เป็นภรรยาพระราชทานแก่ท่านจาง ท่านจางจึงมีภรรยาสองคน คนหนึ่งเป็นเมียแต่ง ลูกๆจะเรียกแม่ใหญ่ อีกคนเป็นเมียพระราชทาน ลูกๆจะเรียกแม่เล็กและแม่เล็กเป็นแม่แท้ๆของพระนางมณีจันทร์
พระนางจึงมีดวงตาโตแบบแขกๆฝรั่งๆ สวยงามแปลกหูแปลกตามาก ทรงได้รับคำชมจากพระนเรศเสมอว่า สวยปะล้ำปะเหลือ ส่วนชาวบ้านทั่วไปจะค่อนข้างกลัวเพราะพระนางหน้าตาไม่เหมือนใคร สวยแปลกมากจนชาวบ้านรู้สึกกลัว กลัวว่าจะไม่ใช่คน
หญิงสูงศักดิ์หรือเจ้าหญิงที่ต้องใช้ตำแหน่งเพื่องานด้านการเมืองระหว่างแคว้นหรืออาณาจักร ส่วนใหญ่ก็จะเกิดจากพระมารดาต่างแคว้นต่างรัฐต่างอาณาจักรที่มาด้วยสาเหตุการเมืองทั้งสิ้น ดังนั้นเจ้าหญิงจึงมีหน้าตาลูกผสมเป็นส่วนใหญ่และหน้าตาที่ยิ่งสวยก็จะยิ่งมีผลต่อการเมืองมากขึ้น -
ไม่รู้ช่วงที่พระนางและลูกทั้งสองถูกรัฐประหารจากพระเอกานั้น พระนางห่วงลูกมากเพียงใด อาจจะห่วงมาก จนกระทั่งพระโอรส(พระเจ้าปราสาททอง)สร้างพระประธานเป็นพระพุทธเจ้า 7 พระองค์เป็นพระประธานวัดชุมพลนิกายาราม. เป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ทั้ง 7 พระองค์นั้น เป็นที่รักและเป็นห่วงของพระบิดาอย่างยิ่ง
พระพุทธชิโนรส ชื่อพระนามที่ ๗ ชื่อ ราหุล นั้น มีมาในชื่อของพุทธบุตรเมื่อพระพุทธเจ้าโคตมะตรัสเล่าไปถึงความเปรียบแห่งสิเนหา ว่าที่มีต่อบุตรมีมากเพียงใด
... ตรัสถึงชื่อของพระโอรสของพระพุทธเจ้าพระองค์ที่แล้วๆ มาในตามลำดับนั้นแล้วว่า ได้แก่
๑. สมวัตตักขันธะ พระโอรส พระพุทธเจ้าวิปัสสี
๒. อตุละ พระโอรส พระพุทธเจ้าสิกขี
๓. สุปปพุทธะ พระโอรส พระพุทธเจ้าเวสภู
๔. อุตตระ พระโอรส พระพุทธเจ้ากุกสันโธ
๕. สัตถวาหะ พระโอรส พระพุทธเจ้าโกนาคมโน
๖. วิชิตเสนะ พระโอรส พระพุทธเจ้ากัสสป
๗. ราหุล พระโอรสในพระพุทธเจ้าสมณโคดม องค์ปัจจุบัน
พระนางน่าจะห่วงลูกมาก เพราะตอนพระนางทรงสิ้นพระชนม์นั้น ลูกๆยังถูกปองร้ายจากพวกขุนนางอยู่และถูกพระนางห้ามลูกขึ้นชิงบัลลังค์ด้วยเพราะสาบานกับพระเอกาไว้แล้วว่าจะไม่ให้ลูกชิงราชบัลลังค์ตราบเท่าที่นางยังมีลมหายใจ พระนางห่วงลูกมาก
ความห่วงใยเป็นห่วงรัดวิญญานอย่างยิ่ง
ที่นี่อาจจะเคยชื่อวัดราหุลาราม ตามที่นักประวัติศาสตร์บางคนเคยสันนิษฐานไว้ในคลิปเที่ยวชมวัดชุมพลฯคลิปหนึ่ง -
兩廣提督侍郎殷正茂奏暹羅國王華招宋 差夷使進貢方物稱原給印信勘合因東牛國攻破城池燒毀乞行補給下禮部議
(อ่านออกเสียงแบบแต้จิ๋ว)
兩廣提督侍郎殷正茂
liang2 guang2 ti5 dong4 si6 neng5 heng1 zeng1 mong6
(เหลียง กว่าง ที๋ ตง ไซ นึ้ง “เหง เจ่ง หมง” หรือ อิง เจิ้ง เม่า)
ผู้ว่าการสองกวาง(กวางตุ้งและกวางสี) “เหง เจ่ง หมง” หรือ อิง เจิ้ง เม่า (อ่านแบบจีนกลาง)
奏暹羅國王華招宋
zao3 siem5 lo5 gog4 uang5 hua5 zieu1 song3
(เจา เซี่ยม หล่อ ก๊ก อ้วง “หัว เจ้า ซ่ง”)
รายงานว่าอ๋องจากประเทศสยามนาม "หัวเจ้าซ่ง"
差夷使 ขอนัดหมายอย่างไม่เป็นไปตามระเบียบราชสำนัก (夷 = ป่าเถื่อน)
差夷使進貢
cai1 i5 sai3 zing3 gong3
(ชา อี่ ไซ จิ้ง ก้ง)
ขอนัดหมายแบบไม่เป็นไปตามระเบียบราชสำนักเพื่อขอกำหนดการเข้าเฝ้าถวายจิ้มก้อง
方物稱原給印信勘合
bang1 muêh8 cêng3 nguêng5 gib4 ing3 sing3 kam1 hab8
(ปั่ง หม่วยะ เช่ง หง้วย กิ๊บ อิ่ง ซิ่ง กั่ม ฮับ)
ไม่ได้นำเอกสารสำคัญการเดินทางเข้าแผ่นดินจีนและตราคำหับมาด้วย
因東牛國攻破城池
ing1 dong1 ghu5 gog4 gong1 pua3 sian5 di5
(อิง ตก หงู่ กก กง พั่ว เซี่ย ตี่)
ถูกพม่าทำลายบ้านเมืองพินาศเสียหาย
燒毀乞行補
siê1 huǐ keg4 heng5 bou2
(เซีย หุย เค่ก เฮ่ง โป้ว)
เผาบ้านเมืองจนพลเมืองอดอยากยากแค้น
(คำว่าโป้ว = อดอยาก)
給下禮部議
gib4 ê6 loi2 bou6 ngi2
(กิ๊บ แอ่ โล่ย โปว หงี)
ขอเจรจากับกรมกิจการเพื่อระงับทุกภิกขภัย
ลงคลิปใน tiktok แล้วค่ะ
https://vt.tiktok.com/ZSYWu7155/
อ้างอิง หมิงสือลู่ https://epress.nus.edu.sg/msl/reign/wan-li/year-1-month-3-day-4 -
พระนาง ทรงไม่ยอมมีพระสวามีใหม่หลังสมเด็จพระนเรศวรสวรรคต ทรงอยู่เป็นหม้ายจนสิ้นพระชนม์ แม้จะทรงสวยมากแต่ด้วยพระทัยที่ยึดถือคำสอนพระพุทธเจ้าเป็นหลักชัย ทำให้ดำรงตนอยู่อย่างสง่างาม พระโอรส พระธิดาไม่อายใคร เพราะพระนางมณีจันทร์ไม่เคยสร้างเรื่องอื้อฉาวใดๆ
ป.ล. ฟังข่าว ผอ.โรงเรียนสาวสวยถูกส่มีเก่าบุกยิง ทำให้สลดใจ ความสวยไม่ใช่เครื่องออกจากทุกข์ ต้องระวังกาย ระวังใจ มากกว่าคนหน้าตาธรรมดา -
ชื่อ เอกาทศรส มาจาก เอกา ทศ โอรส ลูกคนที่ 11 มากกว่า จะมาจาก เอกาทศวรุทร เทพ 11 องค์ (คนไทนิยมเอาลำดับขแงลูกมาเป็นชื่อ)อาจจะเป็นลูกพระสนมไหม ไม่ใช่ลูกพระวิสุทธิกษัตริย์ พระเอกาเติมบทให้ตนเองในพงศาวดารให้มีมากขึ้นหรือเปล่า ไม่คิดว่าจะมีการจัดทัพโดยไม่จัดตำแหน่งหน้าที่ให้ การไปยืนอยู่ข้างแม่ทัพเฉยๆ (ศึกยุทธหัตถี) ไม่มีตำแหน่งในทัพ การไปยืนข้างๆช้างพระนเรศ จะยิ่งสร้างความไม่ปลอดภัยให้แม่ทัพ เป็นบันทึกลวงหรือเปล่า คนออกรบมีเพียงพระนเรศกับเหล่าทหารหรือเปล่า แล้วมาเติมบทให้ตัวองในพงศาวดารในภายหลัง จึงทำให้บทบาทไม่ชัดเจน พม่าบันทึกว่าช้างมังจาปโรตกมันไปแทงพลายพันธกอบาดเจ็บ เท่านั้น
แอ๊บเหมือนจะเป็นพระเอกอยู่ในพงศาวดารมาหลายร้อยปี
ภายหลังพระนเรศสิ้นพระชนม์ ให้เกียรติแค่เป็นเจ้าฟ้า แต่ยกตัวเองเป็นพระเจ้าอยู่หัว พระนเรศอยู่ในโกศให้มียศแค่เท่าเจ้าฟ้าสุทัศน์ลูกชายตน เพื่อสนองความอิจฉาในใจที่เก็บกดมานาน..หรือเปล่า...
สงสัยอีกเรื่องคือเรียกพระทุลองลงมากรุงศรีแล้วลอบใส่ยาพิษให้ดื่มตายระหว่างทางลงมากรุงศรี ด้วยหรือเปล่า พระทุลองพระสวามีของสมเด็จบัว(พระราชธิดาของพระนเรศที่พระนเรศส่งพระทุลองกลับไปครองเชียงใหม่) อาจจะกลัวว่าจะมาช่วยพระองค์ไลที่ตอนนั้นเป็นพระเจ้าลูกเธอพระมหาธรรมราชาครองพิษณุโลกและวังจันทรเกษม อายุพระองค์ไลตอนนั้น 18 พรรษา)
ความเปิดเผยตรงไปตรงมาและความสามารถแท้จริง อย่างที่สมเด็จพระนเรศวรทรงเป็นจึงทำให้ทรงได้รับความเคารพอย่างแท้จริงจากคนรุ่นหลัง แม้แต่คนที่เกิดระลึกถึงพระองค์ได้ด้วยบุญปัจจัย มักสยบยอมรับด้วยตนเองในความเก่งจริงของสมเด็จพระนเรศ
การสร้างวัดวรเชษฐารามให้พระนเรศก็สร้างแบบธรรมดาๆ พื้นๆ ไม่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษเพราะถือว่ายศแค่เจ้าฟ้าต่ำกว่าตนเองที่เป็นพระเจ้าอยู่หัว
ป.ล. ชื่อพระเอกาก็บ่งบอกบางอย่างอยู่ในชื่ออยู่แล้ว..พระเอกาผู้แอบอยู่ข้างหลังมาโดยตลอด..ภายหลังใครสร้างวัดให้ คงจะเป็นพระเจ้าทรงธรรม ให้ยศแค่เจ้าชายหรือเจ้าฟ้า เฉกเช่นที่พระเอกาเคยถวายพระนเรศ และไปสร้างไว้นอกเกาะเมืองห่างไกลที่วัดกระซ้าย โดนลดความสำคัญลงอย่างมาก ในทางตรงกันข้าม สร้างวัดไชยวัฒนารามถวายพระนเรศอย่างใหญ่
ป.ล.2 ดีใจที่ทายาทของสมเด็จพระนเรศวรทรงสืบทอดยืนยาวมาจนถึงปัจจุบันสมกับพระมหากรุณาธิคุณต่อแผ่นดินนี้ -
การเสด็จถึงปักกิ่งของสมเด็จพระนเรศวร
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
弥渡县南诏铁柱庙
THE IRON PILLAR OF NAN ZHAO
ปี 2116 พระนเรศไปคุยเรื่องการค้าของป่าแลกอาวุธ กับจางจวีเจิ้ง ที่กรุงปักกิ่ง
และคุยถึงคำมั่นสัญญาที่ คนแซ่จาง ทำไว้กับ คนแซ่เมือง ที่น่านเจ้า เมื่อ 1000 ปี ก่อน ประมาณ พ.ศ. 1195 ที่หน้าเสาเหล็กแห่งน่านเจ้า (ตัวแทนศิวลึงค์ที่คลี่คลายลงจากแบบของพราหมณ์โบราณ)
คำมั่นสัญญา ที่คนสกุลจาง จะช่วยคนสกุลเมืองปกครองน่านเจ้าให้เป็นปึกแผ่น รวม 6 แคว้น(ชนเผ่าเหล่านี้เรียกว่า เหมิงเซ่อ (蒙舍), เหมิงซี (蒙嶲), หล่างฉีอง (浪穹), เถิงถาน (邆賧), ซื่อหลาง (施浪) และเยว่ซี (越析)) ให้มาขึ้นกับ สีนุโล คนเดียว โดย จาง เลอจิงชิว 张乐进求, เป็นคนเอเซียกลางและเป็นคนเผ่าอี๋ เชื้อสายพราหมณ์สายอารยันผู้คนที่ติดตามมาเข้าสู่น่าเจ้าทางช่องเขาจ่างและช่องเขาหยี
ยกลูกสาวคนเล็กชื่อ จิงกู ให้แต่งงานกับสีนุโล
จาง เล่อจิงชิว ปกครองหนองแสมาก่อน เก่งการค้า การเกษตร แต่ไม่เก่งการรบ เมื่อราชวงศ์สุยจะเข้ามาน่านเจ้าเพื่อปราบปราม จึงต้องจำเป็นต้องยกให้เจ้าแคว้นม่งแส สีนุโล สายนักรบ ขึ้นนำแคว้น
หัวหน้าเผ่า Mengshe ชื่อ Xinuluo (細奴邏)
เป็นชาวอินเดียสายนักรบวงศ์วรมันเดินทางเข้าน่านเจ้าตามเส้นทางสินธุ
สนธิสัญญานี้เรียกว่า สนธิสัญญา เปิ่นจู 本主 คือการปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจ
เหมือนกับว่าชีวิตคู่ของสมเด็จพระนเรศวรกับพระนางมณีจันทร์ถูกลิขิตกันมาตั้งแต่น่านเจ้า เป็นการแต่งงานกันตามคำมั่นสัญญาของเผ่าไทโบราณสองเผ่าที่มีต่อกันมาเป็นพันปีไฟล์ที่แนบมา:
-
-
อาณาจักรฝั่งตะวันตกเป็นคนอินเดีย ชื่อปาจื่อ壩子 = บาราย มาจากคำว่า บาราย
นครปาฏลีบุตร คือนครแห่งต้นแคฝอยหรืออีกชื่อคือต้นศรีตรัง
-
คนไทยลูกหลานพระเจ้าเหา พระนารายณ์พูดถึงพระเจ้าเหาผ่านชื่อตึกหลังหนึ่งในนารายณ์ราชนิเวศน์ พระนารายณ์จะสื่ออะไร ใครคือพระเจ้าเหา? เคบเล่าไว้ว่า พระเจ้าเหา คือพระเจ้าหวง จักรพรรดิเหลือง หรือราชาแมงป่องของอียิปต์โบราณ .. รากเ..
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
พระเจ้าอโศกมหาราชเรียกชาวแบรกเตรียว่า คนโยนก
พระเจ้าปู่ของพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงบุกไปถึงแบกเตรีย(
แหล่งโบราณคดีแบกเตรีย-มาร์เกียนา)
แล้วกวาดต้อนคนมา จากนั้นพระเจ้าปู่ พระเจ้าจันทรคุปต์ ก็ออกบวชในนิกายเชน ตอนนั้นประมาณ พุทธศตวรรษ 1 หรือ ผ่านปีปรินิพพานของพระพุทธเจ้ามา 100 ปี วงศ์นี้เป็นจันทรวงศ์มาแต่ต้น มีรูปนกยูงเป็นสัญลักษณ์ราชวงศ์
พระเจ้าจันทรคุปต์รอนแรมมาทางตะวันออก เห็นเมืองศูนย์การค้าแบบน่านเจ้าจึงก่อตั้งเมืองอาจจะเป็นเมืองหนึ่งในน่านเจ้าเช่น ม่งแส มาจากโมริยะ จากนั้นก็เดินลงมา (ไม่ไปทางตะวันออกเพราะเข้าเขตอำนาจจีนหลายก๊ก) เดินลงมาสุวรรณภูมิ พวกเจ้าชายตระกูลโมริยะหลายคนก็ตามมาหาเมืองใหม่อยู่
ก่อตัวเป็นอาณาจักร ที่เราเรียกว่าอาณาจักร ฟูนัน พระเจ้าจันทรคุปต์เมื่อออกบวช อาจได้รับอิทธิพลศาสนาพุทธมา จึงใช้ชื่อว่า เกาฑิณยะ เขียนเป็นสันสกฤตแล้วจะอ่านว่า โกณทัญญะ และตั้งราชวงศ์ จันทรวงศ์ขึ้น เรียกกันว่า เกาฑิณยะ-จันทรวงศ์ ชาวโยนก(แบกเตรีย) ก็ได้เข้ามาด้วย ตามเส้นทางการค้าสำคัญแห่งนี้ เป็นเส้นทางการค้าโบราณ สำคัญไม่น้อยไปกว่า เส้นทางสายไหมในเขตประเทศจีนในปัจจุบัน
ทั้งโยนก และวรมัน เคยเติบโตที่ลุ่มแม่น้ำสินธุมาก่อนซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มเผ่าไทที่มาจากสายพระเจ้าเหลือง ราชาแมงป่องแห่งอียิปต์โบราณ ที่เดินเส้นทางเรียบหุบเขาหิมาลัยมาถึงสุวรรณภูมิ
คนแบกเตรียก็คือคนโยนก และเจ้าชายวงศ์จันทรคุปต์ ก็คือราชวงศ์วรมันที่เขมรเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนจากอินเดียใต้ แต่ที่จริงท่านเป็นกษัตริย์โมริยะองค์เก่าที่ออกบวชและออกเดินทางจากกรุงราชคฤห์มาถึงสุวรรณภูมิ (โครงเรื่องสาย วรมัน และโยนก )จะประมาณนี้
ส่วนอีกสายเดินเข้ามากับชาวเปอร์เซียโบราณ ใช้เส้นทางสายไหมเข้าน่านเจ้า เป็นไท อีกวงศ์หนึ่ง -
ส่วนไทสายอารยันอีกเส้น เข้ามาทางหุบเขาจ่างและหยี เดินทางมาจากเปอร์เซีย เป็นประวัติของส่วนพื้นที่ด้านบนของน่านเจ้า สายนี้เป็นชาวกันโพชะ จากดินแดนใกล้ๆแบกเตรีย และร่วมสมัยกับสมัยสามก๊ก ประวัติศาสตร์ส่วนนี้ต้องตามจากประวัติศาสตร์น่านเจ้าฉบับภาษาจีน ซึ่งแปลโดยกูเกิ้ลเพราะอ่านจีนไม่ได้ สายนี้คนจีนเรียกพวกเขาว่าคน อี๋ และเหมือนจะเป็นจูกัดเหลียงขงเบ้ง ที่เป็นคนให้แซ่ จาง 张 กับคนกลุ่มนี้ และเมื่ออำนาจของราชวงศ์ โมริยะ และราชวงศ์คุปตะ สิ้นสุดลงแล้ว ประมาณปี พ.ศ. 650 เป็นต้นมา กลุ่มนี้จึงเดินทางเข้าสุวรรณภูมิ ต้นตระกูลกลุ่มไทราชวงศ์นี้ชื่อ กัมพุชสวยภูวะ อยู่ในน่านเจ้านานกว่ากลุ่มอื่นจนมีอิทธิพลจีนผสม ภายหลังในปี พ.ศ. 1195 จางเล่อจิงชิว 张乐进求 ที่ครองนครราชคฤห์(เทศ) สละราชสมบัติให้ สีนุโล เข้าในอาจจะเป็นเจ้าชายจากวงศ์โมริยะที่สืบทอดมา หรืออาจจะเป็นวงศ์คุปตะที่สืบทอดมาจากเมืองเล็กเมืองน้อยในสุวรรณภูมิ
การร่วมมือกันเมื่อเกือบ 1400 ปีก่อน เป็นเหตุให้ทั้งพระมหาธรรมราชาและจางจวีเจิ้ง ยกขึ้นมาเจรจาขอความช่วยเหลือกันในปี พ.ศ. 2116 ที่พระนเรศขึ้นไปถึงปักกิ่งเพื่อไปปรึกษาหารือด้านความร่วมมือของเผ่าไท และจางจวีเจิ้งยกลูกสาวคนเล็กให้แต่งงานกับพระนเรศ เหมือนสมัยที่จางเล่อจิงชิว ยกลูกสาวคนเล็กชื่อ จิงกู ให้แต่งงานกับสีนุโล
https://www.sohu.com/a/380791634_772510
https://www.sohu.com/a/380791634_772510 -
.
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ต่อเรื่องติดแล้ว จะมาเล่าเรื่องการสถาปนาอำนาจรัฐที่จางเล่อจิงชิวมอบบัลลังค์ให้สีนุโล
พอจะรู้เชื้อสายของจางเล่อจิงชิวแล้ว เป็นพราหมณ์ชาวโยนกนั่นเอง เรื่องนี้มีจูกัดเหลียงขงเบ้งเข้ามาเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับช่วงเวลานั้นด้วยค่ะ
แต่จะมาแป๊ะต้นตระกูลของคนไท 5 ต้นวงศ์ไว้ก่อน นั่นคือท่านฟาโรห์สกอร์เปี้ยนที่ 2 หรือพระเจ้าเหา หรือพญาแถน หรือจักรพรรดิเหลืองไฟล์ที่แนบมา:
-
-
https://m.yunnan.cn/system/2021/04/13/031390705.shtml
张. 乐进求 หลักจิ้งกิ้ว แปลว่า สิริจุติสู่โลก
คำว่า พระเจ้าเทวกาล พอจะเป็นคนเดียวกันได้ พราะว่าปกครองไทยเทศ หนองแส ประมารณ พ.ศ.117x- พ.ศ.1195 เป็นชาวโยนก. พระเจ้าถังไท้จง จะให้ใช้แซ่นำหน้า แต่เขาเป็นพราหมณ์จากแคว้นโยกนก สายวงศ์อันดับที่ 33 จากต้นวงศ์ จีนเขียนว่า พระเจ้านาคโยนก อาจจะหมายถึง พระเจ้านาคนหุส พระบิดาของพระเจ้ายยาติ ต้นวงศ์ของไทยทั้ง 5 สาย ครองเมืองอยู่แถวเอเซียกลาง -
https://www.kambojsociety.com/post/location-of-kambojas
อินเดียบอกว่า กัมโพสอยู่แถวๆยูนนาน
ชาวสวยมภู แปลว่าผู้คนที่นับถือพระพุทธเจ้าก็ได้ เป็นที่มาของคำว่า ชาวสยามไฟล์ที่แนบมา:
-
-
张 乐进求 คือพระเจ้าเทวปาล แห่งราชวงศ์ ปาละ หรือเรียกว่า ปรมเสโสตกะ หรือ พระเจ้ากัมโพชยวะนะเกาดะปติ เป็นคนกัมโพชะ-โยนก
細奴邏 สีนุโล คือ พระเจ้า กัมโพชสติลกะราชยปาล หรือพระเจ้าราชยปาลกัมโพชะ
ก่อตั้งราชวงศ์ กัมโพชะ - ปาละ ณ หน้าเสาเหล็กศิวลึงค์แห่งพระศิวะ ปี พ.ศ. 1195ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
张乐进求
播报编辑讨论白子国大首领,白蛮(白族)。贞观末,唐封为首领大将军(或说又封西洱河侯)。时蒙舍首领细奴逻部众日盛,他知不可力争,乃以女妻之,逊位而隐。
据胡蔚本<南诏野史>称,蜀汉建兴3年(公元225年),诸葛亮封白子王仁果15世孙龙佑那为首长,赐姓张氏,于白崖(弥渡红崖)筑建宁城,号建宁国,立铁柱(今弥渡有铁柱宫,柱尚存,先为建宁国王张乐进求所铸,后为蒙世隆重铸),传32世到17世孙张乐进求,唐太宗已酋贞观23年(649年),封为首领大将军,后见蒙舍川蒙细奴逻(按当为逻盛)有奇相,遂妻以女,逊国与之。 [1]
据《滇史》记载:“永徽二年,始改云南县为匡州,领勃弄、匡川二县。张氏据之,号白子国。永徽四年,蒙氏细奴逻始代张乐进求。益夷,尚战死,恶病亡,犷难制,故愈分而愈狭也。”
词条图册更多图册
จาง เล่อจินชิว
เป็นผู้นำของอาณาจักร Baizi ในราชวงศ์ถัง และเป็น Baiman (กลุ่มชาติพันธุ์ Bai) ในตอนท้ายๆของเจิ้งกวน แห่งราชวงศ์ถังได้รับตำแหน่งหัวหน้าแม่ทัพ ในเวลานั้น ชนเผ่าที่มี สีนุโล Xinuluo เป็นผู้นำปกครอง เมืองแส Mengshe มีความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อยๆ จางเล่อจิงชิวรู้ว่ากำลังกองทัพของตนไม่สามารถต่อสู้กับกองทัพสีนุโลได้ จึงยกลูกสาวของเขาให้เป็นภรรยาของสีนุโล และสละตำแหน่งเจ้าผู้ปกครองหนองแส และลดสถานะตนเองลง
ยุค
ราชวงศ์ถัง
กลุ่มชาติพันธุ์
ไป่หมาน พราหมณ์
ชื่อจริง
จาง เล่อจิงชิว
ตาม " ประวัติศาสตร์อย่างไม่เป็นทางการของ Nanzhao " ของ Hu Weiben ในปีที่ 3 ของการสถาปนาราชวงศ์ Shu Han (ค.ศ. 225) จูกัดเหลียงได้แต่งตั้ง พระเจ้านาคยะวะนะ หรือพระเจ้านาคโยนก Long Youna จูกัดเหลียงได้มอบนามสกุลให้จางและสร้าง เมือง Ningcheng ที่ Baiya ผาแดง (Midu Red Cliff) ตั้งชื่อเมืองว่า เมืองเจียนหนิง Jianning Kingdom และสร้างเสาเหล็ก (ปัจจุบันเสาเหล็กอยู่ที่ Midu เสานี้หล่อครั้งแรกโดย จางเล่อจิงชิง กษัตริย์แห่ง Jianning และถายหลังยกบัลลังค์ให้ สีนุโล Meng xinulo จากพระเจ้านาคโยนกถูกสืบทอดต่อมา 15 รุ่นคือพระเจ้าอโศกมหาราช จากพระเจ้าอโศกสืบมาอีก17 รุ่น คือ Zhang Lejinqiu จางเล่อจิงชิวจึงเป็นทายาท รุ่นที่ 32 ต่อจากพระเจ้านาคโยนก
ในปีที่ 23 ของจักรพรรดิ Zhenguan (649) Taizong แห่งราชวงศ์ถัง จางเล่อจิงชิวเขาเห็นว่า Meng Xinuluo มีรูปร่างหน้าตาและลักษณะที่ดี จางเล่อจิงชิวจึงให้สีนุโลปกครองอาณาจักรและให้แต่งตั้งลูกสาวของจางเล่อจิงชิวเป็นราชินี
ทำสัญญายกอาณาจักรให้สีนุโลขึ้นเป็นกษัตริย์แทนในปี ค.ศ. 649 หรือ พ.ศ. 1192
การแต่งกายของจางเล่อจิงชิวในฐานะกษัตริย์เป็นแบบใกล้เคียงชาวเปอร์เซีย
概述图册(1张)
-
มีการแปลเอกสารวันวลิตใหม่โดยชาวเนเธอร์แลนด์
พระเจ้าปราสาททองชื่อ พระองค์ศรีธรรมราชาธิราช เรียกอย่างย่อว่า พระองค์ศรี
สอดคล้องกับชื่อพระเจ้าลูกเธอพระมหาธรรมราชา พระเจ้าฝ่ายหน้า(พระมหาอุปราช)ในแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเป็นพระราชโอรสที่เกิดจากพระอัครมเหสี
การตามหาความจริงเรื่องพระราชโอรสและพระราชธิดาที่หายไป รวมถึงพระอัคมเหสีที่หายไป สุดท้ายเจอหมดแล้ว ใกล้จะสมบูรณ์แล้ว -
ตามไปตามมาหาที่มาของคำว่าเสียมได้ด้วย รวมถึงที่มาของตำแหน่งขุนพิเรนทรเทพ มาจากตำแหน่งกษัตริย์แห่งเชียงรุ่ง พระเจ้า วิเรนทราธิปติวรมัม เมื่อมีตำแหน่งขุนนางของเจ้าฝ่ายเหนือจึงเหลือเรียกเป็นขุนวิเรนทรเทพ(ขุนพิเรนทรเทพ)
ไฟล์ที่แนบมา:
-
หน้า 233 ของ 234