ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +3,210
    ขออนุโมทนา และเป็นกำลังใจให้แก่คุณพี่ทางสายธาตุด้วยนะคะ
     
  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พ่อแห่งแผ่นดิน

    [​IMG]


    เพลง "พ่อแห่งแผ่นดิน"

    เพลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐​

    <TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top align=right>คำร้อง :</TD><TD>
    ชาลี อินทรวิจิตร - อาจินต์ ปัญจพรรค์ - สุนทรียา ณ.เวียงกาญจน์ - สุรพล โทณะวณิก​



    </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right>ทำนอง :</TD><TD>
    เรืออากาศตรี ศ.พิเศษ ดร.แมนรัตน์ ศรีกรานนท์ - วิรัช อยู่ถาวร ​


    พิมพ์ปฏิภาณ พึ่งธรรมจิตต์ - จิรวุฒิ กาญจนะผลิน



    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    <TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top align=right>(หญิง)





    </TD><TD>อัครศิลปิน กรองศาสตร์ กรองศิลป์ การดนตรี



    ร้อยกรอง บทกวี ซึ้งกมล​

    ตราบฟากฟ้า ครึ้มฝน ต้นไม้ทุกต้น พลอยยินดี​

    รู้รักสามัคคีเพื่อพ่อแห่งไทย





    </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right>(ชาย)





    </TD><TD>เหล่าประชา คารวะ สดุดี



    แผ่นดินนี้ มีสุข ด้วยองค์ พระทรงชัย​

    บรรดาชาติชน ชื่นชม สมใจ​

    ถวายบังคม เทิดไท้ ภูมิพลมหาราชา





    </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right>(หญิง)





    </TD><TD>ภักดีถวาย ดวงใจ ของไทยทั้งชาติ



    มหาราช ปราดเปรื่อง เรื่องของกีฬา ​






    </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right>(ชาย)





    </TD><TD>ล้ำเลิศสื่อสาร พลังงานแทนแก้ปัญหา



    ฝนหลวง ฟ้าห่วงชาวนา​


    ชาติไทย นับว่าโชคดี





    </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right>(ชาย - หญิง)





    </TD><TD>ทรงนำเศรษฐกิจพอเพียง หล่อเลี้ยงชีวา



    เป็นปรัชญา เกริกฟ้า ก้องปฐพี​

    ไทยทั้งผอง ภูมิใจ ไทยเป็นไทยจนวันนี้​

    เพราะองค์ภูมิพลที่ คุ้มครองไทย


    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.785470/[/MUSIC]​








    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ธันวาคม 2009
  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ

    ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
     
  4. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +3,210
    [​IMG]

    ขอ พระองค์ ทรงพระเจริญ
    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ



    ทุกครั้ง ที่ได้อ่าน เรื่องราวของพระองค์ อดที่จะน้ำตาไหลไม่ได้
    พระซึ่งเป็นร่มโพธิ์ทองของแผ่นดิน
    ร่มบารมีแห่งโพธิ์ทองนี้ ช่างงดงามและยิ่งใหญ่นัก


    ข้าพเจ้า... เป็นเพียงแค่เสี้ยวธุลีดิน

    ครั้นเมื่อพระองค์ประชวร ....ข้าพเจ้าได้ขออนุญาติทูลเกล้าถวาย

    บทเพลงโพชฌังคปริตล้านนาบารมี
    โอสถกถา เยียวยาผู้เจ็บป่วยที่ข้าพเจ้าได้ประพันธ์ทำนองขึ้นมา
    เพื่อปราถนาให้พระองค์ได้บรรเทาจากอาการประชวร
    และได้ทูลเกล้าถวาย
    บทเพลงชุดหนึ่งเพชรล้านนา เพื่อพระองค์จะได้รับฟังตามพระราชอัธยาศัยเพื่อทรงพระเกษมสำราญ.....ซึ่งได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว


    จากสิ่งหนึ่งที่เสี้ยวธุลีดินนี้ ได้พึงกระทำความดีถวายพระองค์
    เด็กๆที่โรงเรียน นั่งสมาธิภาวนาจิต ประกอบเพลงโพชฌังคปริต ล้านนาบารมี


    นั่งทุกๆวัน จนกว่าพระองค์จะหายจากประชวร

    จากสำนึกที่เสี้ยวธุลีดินจะได้กระทำความดีถวายพระองค์
    ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด


    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

    [​IMG]


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2009
  5. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
     
  6. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +3,210
    <table class="tborder" width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 35 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 34 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> <center"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </center"></td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> โมเย+


    ขออนุโมทนา กับผู้อ่านทุกท่าน

    โมเยมาติดตามงานเขียนของคุณพี่ทางสายธาตุค่ะ

    </td></tr></tbody></table>
     
  7. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    สถานทูตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เผยแพร่คลิป ภาพและเสียง ของ ฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ถวายพระพรในหลวง ในนามของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขอให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ...
    เว็บไซต์ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่คลิปภาพและเสียงของ นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ อเมริกา กล่าวถวายพระพร เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีเนื้อหาคำถวายพระพรดังนี้
    “ในเนื่องโอกาสที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงเจริญพระชนมพรรษา 82 พรรษา ในนามของประธานาธิบดีบารัค โอบามา และประชาชนชาวสหรัฐอเมริกา ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานถวายพรชัยมงคล ให้พระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
    เนื่องจากใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวในโลกที่เสด็จพระราชสมภพ ที่สหรัฐอเมริกา พระองค์จึงทรงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ในการกระชับความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา เราประสงค์ที่จะสานต่อความสัมพันธ์นี้ต่อไป ทั้งกับพระบรมวงศานุวงศ์ ประเทศไทย และประชาชนชาวไทยในอนาคตข้างหน้า
    พระราชกรณียกิจของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเป็นที่ซาบซึ้งของประชาชน ในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการเกษตรยั่งยืนรายย่อยในเขตชนบทของไทย ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริได้กลายเป็นแม่แบบ สำหรับการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั่วโลก
    พระวิริยะอุตสาหะ และพระราชกรณียกิจในหลายๆ ด้าน ได้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับเรา พระปรีชาญาณของพระองค์ในด้านดนตรีแจ๊ส การปลูกพืชพรรณไม้ หนังสืองานพระราชนิพนธ์ที่จำหน่ายดีที่สุด และรางวัลที่ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายจากการแข่งขันเรือใบ ล้วนเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเราใช้ชีวิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด พระเมตตาและความเปี่ยมไปด้วยมนุษยธรรมของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทำให้พระองค์ทรงเปรียบเสมือนมิตรอันทรงคุณค่า ไม่เพียงสำหรับพสกนิกรของพระองค์ และประชาชนชาวสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่สำหรับประชาชนทั่วโลกด้วย
    โอกาสอันเป็นมงคลนี้ ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคล ขอให้พระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง และทรงพระเกษมสำราญยิ่งยืนนาน”



    -ทรงพระเจริญ
     
  8. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เราภูมิใจในพ่อของเรา

    <!-- main-content-block --><!-- 4 ธันวาคม 2552 - 00:00 -->
    4 ธันวาคม 2552 - 00:00


    รศ.ดร.อัมพร สุขเกษม
    แม้ว่าพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 จะนิยามความหมายของคำว่าพ่อไว้เพียงสั้นๆ ว่า "ชายผู้ให้กำเนิดแก่ลูก : คำที่ลูกเรียกชายผู้ให้กำเนิดหรือเลี้ยงดูตน" ก็ตาม แต่คำว่า "พ่อ" ในความเข้าใจของคนไทยทั่วไปนั้นลึกซึ้งยิ่งนัก เพราะเป็นคำที่มีความหมายถึงผู้ที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกมีความสุข

    คนไทยทุกคนถือว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเป็นพ่อ เพราะตลอดเวลาตั้งแต่ได้ทรงครองแผ่นดินไทย โดยประกาศพระปฐมบรมราชโองการว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 จนบัดนี้ พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจและพระราชจริยวัตร โดยนัยแห่งพระปฐมบรมราชโองการนั้นอย่างแน่วแน่มั่นคงสืบเนื่องยาวนานตลอดมาเป็นเวลานานถึง 59 ปีแล้ว นับว่าทรงเป็นพระราชาธิราชผู้ดำรงราชสมบัตินานที่สุดในโลก ไม่มีพระราชาธิบดีพระองค์ใดในประเทศใดเทียบได้

    ตลอดเวลาที่ทรงครองแผ่นดินไทยตั้งแต่ต้นมาจนบัดนี้ พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอเนกประการ สุดที่ผู้ใดจะพรรณนาให้ครบถ้วนได้ พระราชกรณียกิจทุกประการของพระองค์ส่งผลเป็นคุณอนันต์แก่พสกนิกรชาวไทยโดยทั่วหน้าไม่มีเว้น กล่าวได้อย่างมั่นใจว่า ไม่มีคนไทยคนใดที่ไม่ได้รับผลจากการบำเพ็ญพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ใช่แต่คนไทยเท่านั้น ชาวต่างชาติที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในแผ่นดินไทยก็ดี ชาวต่างชาติในแผ่นดินอื่นก็ดี ต่างได้รับความสุขความเจริญจากพระราชกรณียกิจของพระองค์อย่างกว้างขวาง ด้วยพระคุณอันประเสริฐไพศาลนี้เอง พระเกียรติยศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของคนไทย จึงปรากฏแผ่ไพศาลไปทั่วโลก

    การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งจะประกอบกรณียกิจจนเป็นที่ยอมรับของมหาชนทั่วโลกนั้น เป็นเรื่องที่ควรอัศจรรย์ใจ เพราะหากผู้นั้นมิใช่เป็นผู้มีอัจฉริยภาพพิเศษแล้ว ย่อมจะไม่สามารถสร้างสรรค์งานอันเป็นประโยชน์ยิ่งใหญ่แก่มหาชนได้ ผู้มีอัจฉริยภาพโดดเด่นดังกล่าวนี้ย่อมหาไม่ได้มากนัก แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชแห่งกรุงสยามนี้ กลับยิ่งมีพระอัจฉริยภาพเหนือบุคคลอัจฉริยะทั้งหลายในโลก จึงทรงเป็นเอกบุรุษรัตนะของโลกโดยแท้จริง

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทย ทรงมีพระอัจฉริยภาพหลากหลาย ในด้านพระอัจฉริยภาพในด้านศิลปะ พระองค์ได้แสดงให้ประจักษ์ถึงพระปรีชาสามารถทั้งในด้านการวาดภาพ การถ่ายภาพ การปั้น งานช่าง การดนตรี ปรากฏเป็นที่ชื่นชมโสมนัสแก่นิกรชนทั้งในและต่างประเทศ ผลงานด้านศิลปะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีเป็นจำนวนมากและทรงคุณค่ายิ่ง ทรงเป็นศิลปินโดยแท้ มิได้เพียงสมัครเล่น พระราชอัจฉริยภาพดังกล่าวเป็นที่ประจักษ์ชัดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังจะเห็นได้จากการที่สถาบันการดนตรีและศิลปะแห่งกรุงเวียนนา ทูลเกล้าฯ ถวายพระเกียรติให้ทรงดำรงตำแหน่งสมาชิกกิตติมศักดิ์เป็นอันดับที่ 21 เมื่อพุทธศักราช 2507 มหาวิทยาลัยศิลปากร ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาจิตรกรรม พุทธศักราช 2508 คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายพระราชสมัญญาว่าทรงเป็นอัครศิลปินเมื่อพุทธศักราช 2529 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ดนตรี) เมื่อพุทธศักราช 2530 เป็นอาทิ

    นอกจากพระอัจฉริยภาพด้านการดนตรีแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นนักกีฬา ทรงสนพระราชหฤทัยในกีฬาเรือใบ และได้ทรงใช้เรือที่ทรงต่อเองเข้าร่วมแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 เมื่อเดือนธันวาคม พุทธศักราช 2510 และทรงเป็นผู้ชนะเลิศกีฬาเรือใบประเภทโอเค

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงเป็นประหนึ่งพ่อของไทยทุกคน นอกจากจะทรงพระปรีชาสามารถในด้านศิลปวิทยาทั้งปวง โดยได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ บังเกิดเป็นผลดีต่อประชาชนอย่างกว้างขวางทั่วถึง พระราชกรณียกิจเหล่านั้นต้องอาศัยความรอบรู้วิทยาการสาขาต่างๆ อย่างลึกซึ้งและกว้างขวาง ทั้งหลักทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ผลแห่งพระราชกรณียกิจจึงสะท้อนความรอบรู้ของพระองค์ได้อย่างชัดเจนยิ่ง จึงปรากฏว่าสถาบันอุดมศึกษาในประเทศทุกแห่งต่างทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตสาขาต่างๆ มากมายจนที่สุดจะกล่าวได้ครบถ้วน

    ใช่แต่เท่านั้น ยังทรงได้รับการถวายเกียรติยศทางวิชาการจากสถาบันต่างๆ ในต่างประเทศอีกมากมายด้วย อาทิ ปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยในสาธารณรัฐเวียดนาม อินโดนีเซีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ฯลฯ ปริญญามนุษยศาสตรดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา ทรงได้รับการถวายพระเกียรติให้เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ราชศัลยแพทยวิทยาแห่งอังกฤษ เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของสถาบันดนตรีและศิลปะการแสดงแห่งนครเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรเลีย รวมทั้งทรงได้รับรางวัลสันติภาพ I.A.U.P ซึ่งคณะกรรมการอาวุโสเพื่อสันติภาพของสมาคมประธานมหาวิทยาลัยนานาชาติ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายด้วย

    แม้พระปรีชาสามารถและพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชจะโดดเด่นเห็นปานฉะนี้ ก็ยังมิได้มหัศจรรย์ยิ่งไปกว่าการที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงรู้จักประเทศชาติและประชาชนของพระองค์ได้ดีที่สุดในโลก ไม่มีพระมหากษัตริย์หรือประมุขแห่งรัฐใดจะเสมอเหมือนได้ กล่าวได้ว่าทรงใช้ระยะเวลากว่า 50 ที่ทรงครองราชย์ เรียนรู้ปัญหาของประเทศไทยและประชาชนไทยจนเข้าพระทัยชัดเจน จึงสามารถทรงแนะนำทั้งภาคทฤษฎีและทรงแสดงแบบอย่างให้ประชาชนได้เจริญรอยพระยุคลบาท พระราชทานพระราชดำริอันเป็นประโยชน์มากมาย เช่น ทรงแนะนำให้ใช้หญ้าแฝกปลูกเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ ทรงแนะนำให้ใช้โครงการ "แก้มลิง" ป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร และเมื่อประเทศไทยประสบกับปัญหาวิกฤติทางเศรษฐกิจ ก็ทรงแนะนำให้ประชาชนปรับวิถีดำเนินชีวิตเป็นแบบเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอย่างเป็นสุขได้ในสถานการณ์ร้ายแรงนี้

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงดำรงราชัยมไหศวรรยธิปัตย์มานานกว่า 50 ปี ได้พระราชทานพระราชดำรัส พระบรมราโชวาทในเรื่องต่างๆ ในโอกาสต่างๆ ไว้มากมาย พระราชดำรัสทั้งปวงนั้น หากจะประมวลแล้วก็จะเป็นดังพระปฐมบรมราชโองการ คือทรงใช้ธรรมะเป็นหลักในการครองแผ่นดิน พระราชดำรัสและพระบรมราโชวาททั้งปวงจึงประกอบด้วยคุณธรรมอเนกประการ คุณธรรมตามแนวพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทเหล่านั้น แม้นผู้ใดนำไปปฏิบัติให้ครบถ้วนถูกต้องโดยต่อเนื่อง ก็จะบังเกิดแต่ความสุขความเจริญฝ่ายเดียว มิได้ประสบทุกข์ร้ายเลย ข้อนี้นับได้ว่าเป็นพระอัจฉริยภาพที่สำคัญยิ่ง เพราะพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นมีจริง หากผู้ใดปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทโดยสุจริตแล้ว ก็จะได้รับผลเป็นความเจริญรุ่งเรือง

    ธรรมดาผู้เป็นพ่อนั้น นอกจากจะทำงานหนักเพื่อความสุขของลูกแล้ว ยังแสวงหาทรัพย์ไว้สำหรับลูก เพื่อให้ลูกมีอนาคตที่ดี มีความสุข พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงเป็นพ่อที่ประเสริฐของคนไทย หรือแม้ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินไทย ทรงสละความสุขส่วนพระองค์ ทรงอุทิศพระองค์เพื่อความสุขของประชาชนผู้เปรียบเหมือนลูกของพระองค์ มิใช่เพียงเพื่อความสุขในปัจจุบัน แต่ได้ทรงวางรากฐานสำคัญสำหรับอนาคตของพสกนิกรและประเทศของพระองค์ ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ การที่พระองค์พระราชทานพระราชดำริเรื่องเศรษฐกิจแบบพอเพียง ให้ประชาชนนำไปปฏิบัติเพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงสำหรับทุกคน อันจะส่งผลให้ประเทศไทยมีอนาคตทางเศรษฐกิจที่ปลอดพ้นจากการครอบงำทางเศรษฐกิจของประเทศที่มีอำนาจเหนือกว่า

    นับตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2489 ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แห่งพระราชอาณาจักรไทย นับเป็นระยะเวลาอันยาวนาน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ประเทศไทย-คนไทยได้ประสบกับเหตุการณ์ต่างๆ มากมายนานัปการ บางครั้งเหตุการณ์นั้นก็ร้ายแรงเสียจนไม่รู้ว่าประเทศไทยจะผ่านพ้นวิกฤติไปได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นภัยทางธรรมชาติหรือเหตุการณ์ขัดแย้งทางการเมือง อันก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายทั้งทรัพย์สินและชีวิต แต่แล้วด้วยพระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บ้านเมืองก็ได้ผ่านพ้นวิกฤติต่างๆ นั้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

    คนไทยทุกคนภูมิใจที่มีพ่อเป็นผู้ทรงคุณอันประเสริฐหาผู้ใดเปรียบมิได้ ทรงมีพระปรีชาสามารถเปี่ยมล้น พระอัจฉริยภาพในด้านต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้คนไทยมีความสุขทั่วหน้ากัน

    พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อแผ่นดินไทยและประชาชนชาวไทยนั้น มากล้นสุดพรรณนา

    เราภูมิใจในพ่อ-ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาและเลิศด้วยอัจฉริยภาพของเรา.



    แหล่งที่มา ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด
     
  9. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488


    ฟอร์ทขออนุโมทนาและปลื้มปิติกับพี่โม โตยขอรับ
     
  10. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    การเรียบเรียงเรื่องตามหลักฐาน

    ขอบคุณที่ชอบงานเขียนแบบคัดลอกจากหนังสือโดยอาศัยการติดตามเรื่องราวอันเกี่ยวกับสมมติฐานที่ตั้งขึ้น

    เมื่อวานได้ไปปราจีนบุรี เป็นช่วงเริ่มต้นเทศกาลเชงเม้ง เพิ่งจะทราบว่าหลังเทศกาลตังโจ่ย(เทศกาลขนมบัวลอย) หลังกินเจแล้วนั้น สามารถไปเยี่ยมสุสานบรรพบุรษได้ จึงซื้อพุทรากวนมาทานด้วย

    พอดีได้อ่านในกระทู้อันเกี่ยวกับสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ในห้องวิญญาณและผี อ่านเจอว่าที่เกาะบางปะอินมีต้นพุทราปลูกอยู่มากและสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทาทรงโปรดพุทรากวน มักจะให้ข้าราชบริพารไปเก็บพุทรามากวนถวาย ต้นพุทรานี้ปลูกอยู่ทั่วไปในบริเวณพระบรมมหาราชวังในอยุธยา และทั่วไปในกรุงศรีอยุธยา เพราะสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงระลึกถึงพระคุณของต้นพุทราที่ช่วยเป็นหลักให้ช้างเจ้าพระยาไชยานุภาพใช้ขายันต้นไว้ ช่วยให้สมเด็จพระนเรศวรทรงชนะพระมหาอุปราช

    ทางสายธาตุนี้มิใช่นักเขียน ดังนั้นจึงยากมากสำหรับข้าพเจ้าที่จะตั้งต้นเขียนให้เป็นเนื้อหาที่ต่อเนื่องและสวยงาม

    หลักฐานที่สะสมไว้เพื่อประกอบการเขียน

    ๑ ภาพเขียนสีฝุ่นบนเสาโบสถ์วัดชุมพลนิกายาราม ที่รอดพ้นมือพม่าไม่ได้เข้าไปทำลาย การบูรณะครั้งล่าสุดคือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภาพเขียนสีที่ฝาผนังโบสถ์ไม่เหลือแล้ว แต่ที่เสายังเห็นได้ทั้งสีและลายได้ชัด

    ๒ วัดไชยวัฒนาราม ที่สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ซึ่งในบริเวณวัดมีเจดีย์เป็นพระปรางค์น้อยของเจ้าแม่วัดดุสิต (ท้าวสมศักดิ์วงศามหาธาตี) พระนมเอกในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายหลังสมเด็จพระนารายณ์ทรงสถาปนาเจ้าแม่วัดดุสิตเป็น กรมพระเทพามาตย์ คือทรงที่ตำแหน่งพระราชชนนีพันปีหลวง

    ๓ ศิลปะกรรม จิตรกรรม อันเกี่ยวเนื่องกับศิลปะย่อมุมไม้สิบสอง อันได้แก่ ภาพบนเสาในโบสถ์วัดชุมพลนิกายาราม ฐานของวัดไชยวัฒนาราม เจดีย์คู่หน้าวัดไชยวัฒนาราม ศิลปเก๋งจีนในสวนหลังวังพระราชวังปักกิ่ง ฐานเจดียทรงระฆังในวัดวรเชษฐ์ ฐานแท่นรองรับใบเสมาวัดวรเชษฐ์ เสากำแพงวัดวรเชษฐ์ เสารายรอบพระปรางค์ประธานวัดวรเชษฐ์ ช่องกระจกประดับเจดีย์ทรงปราสาทยอดที่วัดวรเชษฐ์

    ๔ หนังสือกรุงศรีอยุธยาในแผนที่ฝรั่ง ซึ่งวัดไชยวัฒนารามน่าจะอยู่ในตำแหน่งที่เขียนว่าเป็นพระเจดีย์ของพระอัครมเหสี อันน่าจะหมายถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุวัฒน์มณีรัตนา (แผนที่เขียนแม่น้ำสายย่อยไม่ตรงตำแหน่งที่ควรจะเป็นจึงทำให้เจดีย์ที่ว่านี้ในแผนที่มีตำแหน่งอยู่ทางใต้ของเกาะอยุธยาแทนที่จะเป็นตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะอยุธยา) แนวถนนโบราณไปถึงวัดวรเชษฐ์ในแผนที่เขียนด้วยมือของหมอแกมเฟอร์ ตำแหน่งวัดวรเชษฐ์ที่เขียนไว้ใหญ่กว่าบริเวณวัดไชยวัฒนาราม และระบุว่าเป็นพระเจดีย์ของพระมหากษัตริย์ แนวถนนพระยาพระคลังที่ผ่านหน้าบ้านเจ้าพระยาโกษาปาน

    ๕ เจดีย์คู่ของวัดวรเชษฐ์ซึ่งน่าจะมีรูปแบบคล้ายคลึงกับวัดสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่จังหวัดตาก เจดีย์คู่ ประดิษฐานที่ไหนในวัดวรเชษฐ์ (หลักการสร้างเจดีย์คู่ เป็นความเชื่อของคนโบราณที่จะอุทิศกุศลในการสร้างวัดให้กับบิดาและมารดาของผู้สร้าง) เจดีย์คู่ของวัดวรเชษฐ์นั้น พระองค์ผู้สร้างวัดจึงทรงมีพระประสงค์จะถวายสมเด็จพระราชบิดาและพระราชมารดา อันหมายถึงสมเด็จพระมหาธรรมราชและสมเด็จพระนางเจ้าวิสุทธิกษัตรีย์

    ๖ เครื่องทองที่ดุนลายเป็นลายดอกโบตั๋น อันได้แก่ พระมาลาทองคำที่อเมริกา เครื่องใช้ทองคำที่ดุนลายดอกโบตั๋น

    ๗ รูปหล่อสำริดที่ไปอยู่ในความครอบครองของเอกชนที่ฝรั่งเศส โดยศาสตราจารย์ จอร์จ เซเดย์ ให้ชื่อรูปสำริดนี้ว่า an unusual siamese bronze ทางสายธาตุเห็นแต่รูปคิดว่าที่ฐานพระรูปสำริดนี้น่าจะมีเขียนอะไรไว้บ้าง แต่เนื่องจากเจ้าของปัจจุบันปิดเป็นความลับไม่เปิดเผยทั้งชื่อและที่อยู่ ยากที่จะไปเห็นไปอ่านแล้ว

    ๘ หลักฐานจากบันทึกการค้าของนายฌาคส์ เดอร์ครูทส์ ที่เข้ามาทำการค้าในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ้างถึงการสร้างพระใหญ่กลางแจ้งไว้ที่วัดพนัญเชิง เดิมวัดพนัญเชิงชื่อว่าวัดเจ้าพระนางเชิง คลองบางกะจะหน้าวัดพนัญเชิงเพิ่งจะขุดขึ้นเมื่อสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ วัดนี้จึงไม่น่าจะได้ตามตำนานพระนางสร้อยดอกหมากอันเกิดขึ้นตั้งแต่ยังไม่ตั้งกรุงศรีอยุธยา

    ๙ หนังสือความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทย ผ่านระบบเครื่องราชบรรณาการ และจิ้มก้องและกำไร ทั้งสองเล่มสามารถสะท้อนตัวตนของบุคคลในประวัติศาสตร์ได้ ยังอ่านอยู่ค่ะ

    ส่วนความเป็นวัดป่าแก้วที่วัดวรเชษฐ์สมควรเป็นนั้น อ้างตามหลักการที่พระอาจารย์สิงห์ทน นราสโภได้เล่าให้ญาติโยมฟัง ซึ่งจะพยายามเขียนให้เห็นความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันระหว่างวัดวรเชษฐ์และวัดไชยวัฒนารามในบทความด้วย

    ยังมีอีกหลายอย่างที่จะหามาประกอบสมมติฐานได้ แต่ทางสายธาตุไม่มีเวลาที่จะไปตามหาตามอ่านอีก จึงจะสรุปเท่าที่มีหลักฐานในมือแล้ว ยกเว้นข้อ๘และข้อ๙ เท่านั้นที่ยังไม่มีเอกสารในครอบครอง แต่จะสรุปจากเท่าที่มีเป็นข้อเขียนขึ้นมาค่ะ

    ดังนั้นจึงปลีกเวลาออกไปเพื่อเรียบเรียงบทความนี้ค่ะ ตามแนวทางสมมติฐานของตน ซึ่งยากสำหรับคนที่ไม่ใช่นักเขียนอย่างทางสายธาตุ จึงต้องใช้เวลามากกว่าปกติ ตอนนี้กำลังวางวิธีการเขียนอยู่ค่ะ ต้องขออภัยผู้ที่ติดตามค่ะ

    อย่างที่เรียนให้ทราบ เขียนเสร็จแล้วจะนำไปถวายหลวงพ่อสิงห์ทน นราสโภก่อนค่ะ ให้ท่านโปรดช่วยพิจารณาสมมติฐานนี้ค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ
     
  11. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466


    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ โมเย [​IMG]


    .................................


    ทุกครั้ง ที่ได้อ่าน เรื่องราวของพระองค์ อดที่จะน้ำตาไหลไม่ได้
    พระซึ่งเป็นร่มโพธิ์ทองของแผ่นดิน
    ร่มบารมีแห่งโพธิ์ทองนี้ ช่างงดงามและยิ่งใหญ่นัก


    ข้าพเจ้า... เป็นเพียงแค่เสี้ยวธุลีดิน
    ครั้นเมื่อพระองค์ประชวร ....ข้าพเจ้าได้ขออนุญาติทูลเกล้าถวาย
    บทเพลงโพชฌังคปริตล้านนาบารมี โอสถกถา เยียวยาผู้เจ็บป่วยที่ข้าพเจ้าได้ประพันธ์ทำนองขึ้นมา

    เพื่อปราถนาให้พระองค์ได้บรรเทาจากอาการประชวร .....ซึ่งได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว


    จากสิ่งหนึ่งที่เสี้ยวธุลีดินนี้ ได้พึงกระทำความดีถวายพระองค์
    เด็กๆที่โรงเรียน นั่งสมาธิภาวนาจิต ประกอบเพลงโพชฌังคปริต ล้านนาบารมี


    นั่งทุกๆวัน จนกว่าพระองค์จะหายจากประชวร

    จากสำนึกที่เสี้ยวธุลีดินจะได้กระทำความดีถวายพระองค์
    ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด






    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ


    -พระองค์เปรียบเสมือนพ่อของแผ่นดิน พ่อของพวกเราชาวไทยทั้งผอง

    เมื่อยามที่พระองค์ทรงประชวร จะเห็นชาวไทยไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ ทุกเพศ

    ทุกวัยต่างเศร้าหมองเป็นทุกข์ บ้างก็กราบไหว้วิงวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิที่ตน

    เคารพนับถือ รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช เพื่อให้ "พ่อ " หายจากพระอา

    การประชวรโดยเร็ว อาจกล่าวได้ว่าใครสามารถที่จะทำคุณประโยชน์ใด

    ได้ก็จะไม่ละเว้น คุณโมเย ได้ใช้ความสามารถของคุณโมเยเองสร้างสรร

    บทเพลงโพชฌังคปริต ล้านนาบารมี แล้วได้ขอพระราชทานทูลเกล้าฯ

    ถวายต่อพระองค์ท่าน ก็เป็นเรื่องที่ดีที่งามสอดคล้องกันกับอารมณ์และ

    ความรู้สึกนึกคิดของพวกเราชาวไทยที่มีต่อพระองค์ท่านในยามนั้น กระ

    ผมในฐานะที่เป็นคนไทยและเป็นลูกของ "พ่อ "คนหนึ่งเหมือนกับพวกเรา

    ทุกคนขอแสดงความชื่นชมและปลื้มปิติกับคุณโมเย มา ณ โอกาสนี้ ด้วย

    จิตที่บริสุทธิที่เปี่ยมไปด้วยกตัญญุตาคุณและด้วยคารวะยิ่ง อนุโมทนาสาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2009
  12. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ถวายพระพรชัยมงคล "ในหลวง "

    “ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม บัดนี้บรรลุอุดมมงคลสมัย เฉลิมพระชนมพรรษา ข้าพระพุทธเจ้าเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ บรรดาที่ได้มาประชุมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในวันนี้ ต่างบังเกิดความปีติปราโมทย์เป็นล้นพ้น ที่ได้เห็นใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมีพระพลานามัยแข็งแรง ผ่านพ้นโรคาพาธทั้งปวงมาโดยสวัสดี ข้าพระพุทธเจ้าสำนึกรู้อยู่ทุกเวลาว่าเป็นผู้มีโชค วาสนาอย่างยิ่งที่เกิดมาในแผ่นดินไทยภายใต้พระบุญญาบารมี จึงได้รับพระมหากรุณาชุบเลี้ยงให้มีความสุข ความเจริญ และมีเกียรติเป็นที่เชิดชูพร้อมทุกสิ่ง

    ในมหามงคลสมัยพิเศษนี้จึงขอพระราชทานถวายสัตย์ปฏิญาณจากใจจริงว่า จักมุ่งมั่นปฏิบัติตัว ปฏิบัติงาน ทั้งในฐานะที่เป็นคนไทย และในฐานะที่กำเนิดมาในพระบรมราชจักกรีวงศ์ ให้เต็มกำลังความรู้ ความสามารถ โดยยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต และจงรักภักดีต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท และชาติบ้านเมืองตลอดไป กับขอพระราชทานตั้งสัตยาธิษฐานถวายพระพรชัยมงคล ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กับทั้งพระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระมหากษัตริย์ในอดีตทุกพระองค์ จงพร้อมกันอภิบาลรักษาใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ให้ทรงพระเกษมสุข ปราศจากมลทินทุกข์ และพยาธิภัย มีพระราชประสงค์จำนงใดที่จะอำนวยประโยชน์สุขให้แก่ประเทศชาติและประชาชน ขอจงสำเร็จสรรพศุภผลดังพระราชหฤทัยจำนงทุกประการ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ”



    แหล่งที่มา www.manager.co.th
     
  13. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ขออนูญาตคัดลอกข้อความบางตอนจากคอลัมน์ "ผู้นำที่ประเสริฐที่สุดใน

    ประวัติศาสตร์" โดย ASTV ผู้จัดการรายวัน 5 ธ.ค.2552

    ในเรื่อง " เด็ดดอกไม้รายทาง " โดยคุณ อัญชะลี ไพรีรัก


    ...............................................

    ระหว่างที่เดินดูโน่นดูนี่ด้วยความสำราญบานใจไปกับไฟวันเฉลิมฯ สังเกตได้ว่า ผู้คนมากมายที่เดินสวนกันขวักไขว่ไปมามักมีกล้องถ่ายรูปเป็นสำคัญ นัยเพื่อเก็บบันทึกภาพแห่งความทรงจำครั้งประวัติศาสตร์

    นักเลงกล้องเหล่านี้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไฟวันเฉลิมปีนี้มีความหมายมากกว่าปีใดๆ มิใช่แค่ความสวยเลิศเลอราวสวรรค์ชั้นฟ้าดาวดึงส์เท่านั้น

    หากแต่กิจกรรมทั้งหลายทั้งปวงซึ่งเกิดขึ้นในปีนี้ ยังหมายรวมไปถึง การร่วมแรงร่วมใจของพสกนิกร ที่จะแสดงออกซึ่งการถวายความจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์ ผู้ถูกยกย่องขนานพระนามแซ่ซ้องก้องไกรว่าเป็น “ภูมิพลมหาราชา”

    และเวลานี้ “หัวใจ”ของไทยทั้งชาติ ยังประทับอยู่ภายใต้การดูแลใกล้ชิดของคณะแพทย์ ณ โรงพยาบาลศิริราช…ขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงเถิด

    ท่ามกลางไฟวันเฉลิม รู้สึกตื้นตันที่ได้คุยกับคนนั้นคนนี้เรื่อง “เรารักในหลวง” ด้วยความชื่นใจ คุยกันไปมาได้ได้สักพักก็หวนคิดถึง “เคลลี นิวตันเวิร์ดสเวิร์ท” ที่เจอกันครั้งแรกในคืนวันที่ 3 มิ.ย. 2551 บนเวทีพันธมิตรฯที่สะพานมัฆวานฯ

    นักดนตรีหญิงที่มาจากเมืองเพิร์ท ออสเตรเลียคนนี้เป็นนักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมพร้อมๆกับเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรในคราวเดียวกัน

    คุณเคลลีมากับลูกสาวสวย มีกีตาร์คู่กายติดตัวมาด้วย เพื่อกล่อมบรรเลงเพลง “รักในหลวง” ที่บรรจงแต่งขึ้นมาเอง ให้คนไทยได้ชื่นชม

    ก่อนและหลังเพลงจบคุณเคลลีพูดภาษาอังกฤษผ่านล่ามคือคุณสโรชา พรอุดมศักดิ์ให้พ่อแม่พี่น้องได้เข้าใจว่าทำไมเธอถึงเลือกแต่งเพลงเพื่อพระมหากษัตริย์ไทย ความว่า

    “ฉันมาในคืนนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์ทางการเมือง แต่เพื่อขับขานบทเพลงให้กับพระเจ้าอยู่หัวฯของพวกคุณ ที่สำหรับฉันแล้วพระองค์เป็นผู้นำที่ประเสริฐที่สุดในประวัติศาสตร์ พระองค์เป็นผู้นำจิตใจของคนไทยทุกคน พระองค์รักพสกนิกร รักแผ่นดินไทย รักประเทศไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากจริงๆในโลกใบนี้ ในหลวงของคนไทยจึงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์”

    ศิลปินนักอนุรักษ์ธรรมชาติชาวออสเตรเลียผู้นี้ ชื่นชมในพระจริยวัตรของในหลวง และเข้าถึงการทรงงานของพระองค์มาโดยตลอด ค่ำนั้นเธอพูดกับทุกคนบนเวทีว่า

    “ก่อนหน้านี้ฉันอาศัยอาสัยอยู่ในชนบทกับครอบครัวเกษตรกรแบบชีวภาพ และต่อมาเป็นนักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมมาเกืยบ 20 ปีแล้ว ตลอดมาฉันรู้จักแต่เพียงว่าประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ แต่ไม่รู้เรื่องอะไรอื่นๆเกี่ยวกับพระองค์เลย จนกระทั่งเข้ามาเมืองไทยเมื่อไม่กี่ปีมานี้ เมื่อฉันเห็นและเรียนรู้เรื่องในหลวง ทำให้ฉันรู้ได้ว่า เป็นโชคดีอย่างมากที่มีมหาบุรุษเช่นนี้เกิดขึ้นในโลกใบนี้ เป็นเอกอัครมหาราชาที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม การเกษตร และพสกนิกรของพระองค์มาอย่างต่อเนื่องถึง 60 ปี”

    คุณเคลลี่เล่าว่า เธอได้ทำการศึกษาค้นคว้าเรื่องราวในพระราชกรณียกิจของในหลวง หลังจากนั้นก็ถามไถ่จากผู้คนรอบด้านเกี่ยวกับความรู้สึกของพวกเขาที่มีต่อองค์พระมหากษัตริย์ จนเป็นที่มาของเพลง LONG LIVE THE KING และ เพลง Rainman

    “หลายคนร้องไห้เมื่อพูดถึงพระเจ้าอยู่หัวฯ ฉันเองก็เป็น...เมื่ออ่านเจอเรื่องในหลวงจากหนังสือบนเครื่องบิน นาทีนั้นน้ำตาของฉันไหลโดยไม่รู้ตัว ฉันเองก็แปลกใจว่าทำไมถึงร้องไห้ไปกับเรื่องราวของพระองค์ เมื่อมาพิจารณาดูแล้วก็ได้ประจักษ์ใจว่า คำตอบทั้งหลายอยู่ในพระเนตร พระหทัย และ พระหัตถ์ของในหลวงนั่นเอง”

    บทเพลงที่ขับขานเพื่อเทิดพระเกียรติในหลวงของเธอเป็นที่ชื่นชมของเพื่อนร่วมงานทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เมื่อมีเพื่อนชักนำเธอมารู้จักกับเวทีพันธมิตรฯ ที่มัฆวานฯ คุณเคลลี่จึงไม่รอช้าที่นำเพลงสรรเสริญพระบารมีในรูปแบบของเธอมาเสนอต่อคนไทยในระหว่างการชุมนุมของการเมืองภาคประชาชน

    “เพราะฉันเห็นว่า ที่การชุมนุมแห่งนี้มีการรวมตัวของคนไทยรักในหลวงมากมาย ฉันจึงเดินมาหลังเวทีเพื่อขอขึ้นแสดงดนตรีด้วยตัวเอง เพื่อฝากบอกไปถึงชาวไทยทั้งหลายว่า ในสายตาคนต่างชาติอย่างเธอนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเป็นยอดบุรุษที่หาได้ยากยิ่งบนโลกใบนี้ และชาวไทยไม่ควรคลั่งไคล้กระแสตะวันตกมากจนเกินไป ควรดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์ ด้วยสายพระเนตรที่ยาวไกล ด้วยน้ำพระทัยที่ล้นเปี่ยมต่อพสกนิกร พระองค์ไม่เพียงปกครองประเทศด้วยวาจาเท่านั้น แต่ทรงพระพฤติปฏิบัติพระองค์เป็นตัวอย่างให้ประชาชนเห็นมาโดยตลอดและต่อเนื่องกว่า 60 ปี”

    นี่ไม่ใช่เพียงฝรั่งคนเดียวที่ชื่นชมพระจริยวัตรของในหลวง แต่มีชาวต่างชาติทั่วทั้งโลก มีสถาบันทางด้านวิชาการทุกแขนงมากมาย และ สถาบันการปกครองทุกแห่งหน ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า พระเจ้าอยู่หัวฯของปวงชนชาวไทยพระองค์นี้ ทรงเปี่ยมด้วยพระปรีชาสามารถทั้งศาสตร์และศิลป์ พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักที่สุดในโลกด้วยพระวิริยะอุตสาหะ และ รักราษฏรของพระองค์ประหนึ่งบุตร-ธิดา

    ความดีและความยิ่งใหญ่เกริกเกียรติก้องของพระเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลที่ 9 ทำให้เหล่าราชวงศ์ทั่วโลกที่มาร่วมงานเฉลิมฉลองวโรกาส 60 ปีทรงครองราชย์ ต่างพร้อมใจกันแซ่ซ้องสรรเสริญว่า พระเจ้าอยู่หัวฯทรงเป็น “มิตรที่รักและพึงเคารพสูงสุด”

    ส่วนสื่อยักษ์ใหญ่อย่างนิตยสารไทม์ แม๊กกาซีน ยกย่องพระเจ้าอยู่หัวในบทความโดดเด่นเมื่อปี 2549 ว่า ไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดในโลกนี้ที่จะปฏิบัติองค์อย่างเรียบง่ายเฉกเช่นสามัญชนเช่นกษัตริย์พระองค์นี้อีกแล้ว “จึงไม่แปลกใจว่าทำไมพระองค์จึงเป็นที่รักของประชาชนเสมอมา”

    ในเดือนมิถุนายน 2549 สื่อมวลชนทั่วโลกได้บันทึกอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ว่า คลื่นพสกนิกรชาวไทยในเสื้อสีเหลืองตราสัญลักษณ์ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ต่างเดินทางไปร่วมชื่นชมพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ บนถนนราชดำเนิน หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมโดยพร้อมเพรียงกัน จนเกิดภาพ “ทะเลสีเหลือง”

    ทะเลใจของปวงชนชาวไทยที่น้อมถวายให้องค์พระราชา พระผู้ทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม พระเจ้าอยู่หัวฯที่เคยตรัสวาทะยิ่งใหญ่บนแดนสยามเพื่อตอบประชาชนคนหนึ่งที่กู่ตะโกนก้อง”พระเจ้าอยู่หัวอย่าทิ้งประชาชน” ท่ามกลางผู้คนมากมายในวาระ ส่งเสด็จกลับสวิสเซอร์แลนด์เพื่อการศึกษาเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2489ว่า “ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนได้อย่างไร”

    ประดุจคำมั่นสัญญาใจ... สัญญาระหว่างเจ้า กับ ข้าฯ - ระหว่าง ฟ้า กับ ดิน เป็นคำมั่นซึ่งกันและกันของพระมหากษัตริย์ กับ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทฯ เป็นสัญญาของในหลวงกับ ปวงชนที่นับวันก็ยิ่งผูกรัดเป็นเกลียวเหนียวแน่น จนยากที่ผู้ใดจะมาบั่นทอน หรือทำลายลงไปได้

    เพราะสัญญานี้มิใช่แค่เพียงวาจา แต่เป็นสัญญาที่มาจาก “ใจ และ การกระทำ” จึงยิ่งยืนตราบนานเท่านานไม่มีวันเสื่ยมคลาย

    วันนี้วันนี้...ชาวไทยทั่วหล้า จึงพากันน้อมถวายราชสดุดีในวันเดือนปีแห่งมหามงคลชัย

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ตราบนานเท่านาน นับหมื่นๆ ปี



    *ขอขอบพระคุณแหล่งที่มา
     
  14. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ในหลวง” ทรงแนะประชาชนตั้งใจทำหน้าที่ตนเอง เพื่อบ้านเมืองของเรา ความสุขของข้าพเจ้าคือบ้านเมืองปกติสุข




    ขอขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง ที่มีไมตรีจิต พรั่งพร้อมกันมาให้พรวันเกิด ด้วยถ้อยคำที่เลือกสรรมาจากใจจริง ซึ่งปราถนาดีมุ่งหมายให้ข้าพเจ้ามีความสุข ความสวัสดีด้วยประการต่างๆ ความสุข ความสวัสดีของข้าพเจ้าจะเกิดขึ้นได้ ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญ มั่นคง เป็นปกติสุข ความเจริญมั่นคงทั้งนั้นจะสำเร็จผลเป็นจริงไปได้ ก็ด้วยทุกคนทุกฝ่ายในชาติ มุ่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มกำลัง ด้วยสติ รู้ตัว ด้วยปัญญา รู้ผิด และด้วยความสุจริต จริงใจ โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น

    จึงขอให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญอยู่ในสถาบันหลักของประเทศ และชาวไทยทุกคน หมู่เหล่า ทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนให้กระจ่าง แล้วทำตั้งจิต ตั้งใจ ให้เที่ยงตรงหนักแน่น ที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ส่วนรวมอันไพบูลย์ คือ ชาติ บ้านเมือง อันเป็นถิ่นที่อยู่ที่ทำกินของเรา มีความเจริญ มั่นคง ยั่งยืนไป

    ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย และอำนวยสุขสิริสวัสดิ์ พิพัฒนมงคลให้สัมฤทธิผลขึ้นแก่ท่าน ทั่วหน้ากัน”


    ทรงพระเจริญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2009
  15. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>#WeLoveKing ติดอันดับหนึ่งในทวิตเตอร์</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>6 ธันวาคม 2552 13:24 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=499 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=499>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ข้อความบางส่วนของผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่มีคำว่า #WeLoveKing</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>คืนวันที่ 5 ธันวาคม 2552 โลกต้องบันทึกว่า #WeLoveKing ขึ้นอันดับหนึ่งในโลกทวิตเตอร์ ในฐานะคำที่ถูกพิมพ์และค้นหามากที่สุดในโลกเป็นครั้งแรก ถือเป็นการแสดงศักยภาพของสังคมคนไทยออนไลน์ทั่วโลก ถึงพลังความรักความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    การขึ้นอันดับ 1 ของ #WeLoveKing เกิดขึ้นเพราะผู้ใช้ทวิตเตอร์หลายแสนคนทั่วโลก พร้อมใจกันแนบคำว่า #WeLoveKing ในข้อความที่ส่งเพื่อถวายพระพรและแสดงความจงรักภักดี ทุกข้อความที่มีคำว่า #WeLoveKing จึงอนุมานได้ว่าเป็นข้อความถวายพระพรทั้งหมด สิ่งที่เกิดขึ้นคือระบบของทวิตเตอร์ยกให้ #WeLoveKing เป็นเรื่องที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์สนใจมากที่สุดในโลกช่วงเวลานั้น ทำให้คำว่า #nowplaying ซึ่งเป็นข้อความเกี่ยวกับเกมต่างๆ ซึ่งกลุ่มคนเล่นเกมทั่วโลกใช้สนทนากัน ตกเป็นอันดับ 2 ไปโดยปริยาย

    การทำสถิติโลกของคำว่า #WeLoveKing ใน Twitter นั้นเกิดขึ้นช่วงเวลา 20.29 น.คืนวันที่ 5 ธันวาคม 2552 ซึ่งเป็นช่วงที่ทุกภาคส่วนร่วมกันจัดงานเฉลิมพระเกียรติทั่วประเทศตั้งแต่ถนนราชดำเนิน ที่ถูกเนรมิตด้วยแสงไฟนับแสนดวง และกิจกรรมอลังการที่ทำให้ราชดำเนินกลายเป็นถนนแห่งความสุขของคนไทย รวมทั้งพิธีการจุดเทียนชัยถวายพระพร ณ บริเวณท้องนามหลวง และการแสดง The Greatest of the Kings, The Greetings of the Land ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม

    การขึ้นอันดับ 1 ทำให้ผู้ใช้ทวิตเตอร์ และเฟสบุ๊ก นับร้อยล้านคนรู้ถึงพลังของชาวไทยออนไลน์ เนื่องจากคำว่า #WeLoveKing ได้ขึ้นอันดับ 1 ใน Trending Topics ซึ่งเป็นหมวดที่มีผู้ใช้เข้าไปค้นหาและให้ความสนใจมากที่สุด

    นอกจาก ทวิตเตอร์ ประชาชนออนไลน์ยังสามารถร่วมถวายความจงรักภักดีและแสดงความรักต่อในหลวงได้ที่ THAI LOVE KING : ในหลวงในดวงใจ รวมถึงจุดเทียนชัยออนไลน์ได้ผ่าน จุดแสงทอง ส่องทั่วหล้า

    Company Related Links :
    Twitter


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ๐ขอขอบคุณทุกแหล่งที่มา
     
  16. ศรัทธา_พิสุทธิ์

    ศรัทธา_พิสุทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +205
    ขอชื่นชมและมีส่วนร่วมในความปลื้มปิติต่อสิ่งดีงามที่น้องโมเย ได้ทูลเกล้า
    ทูลกระหม่อมถวายบทเพลงโพชฌังคปริตต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    ด้วยจิตปราถนาให้พระองค์ท่านได้บรรเทาจากพระอาการประชวร

    ขออนุโมทนา สาธุ ค่ะ
     
  17. ศรัทธา_พิสุทธิ์

    ศรัทธา_พิสุทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +205
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=ecxheadline vAlign=baseline align=left>ความสุขคนไทย ใต้แสงแห่งพระบารมี</TD><TD vAlign=baseline align=right width=85></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการรายวัน</TD><TD class=ecxdate vAlign=baseline align=left>5 ธันวาคม 2552 00:05 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=http:///images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=http:///images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=http:///images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=http:///images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>ป้าตุ๋ย น้อยฉ่ำ (ซ้ายมือ) และ ป้าสำรวย สุจิตรจูล (ขวามือ) ที่เดินทางมาเฝ้าในหลวงที่ ร.พ.ศิริราชเป็นประจำ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><CENTER></CENTER>

    “ 'ในหลวงเสด็จๆ ' เสียงตะโกนของประชาชน พร้อมกับเสียงฝีเท้า ที่ต่างวิ่งกรูกันเข้ามาเฝ้าในหลวง บริเวณหน้าโถงชั้นล่างอาคาร100 ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ รพ.ศิริราช ดังพึบพับๆ บางคนก้มกราบ บางคนน้ำตาไหล ตัวผมเองไม่นึกไม่ฝันว่าท่านจะเสด็จฯ จึงรีบเก็บของที่วางอยู่หน้าลานพระบรมหาชนก ให้เข้าที่เข้าทาง”

    พี่บุญส่ง กรรมทมาศ พนักงานอเนกประสงค์รับผิดชอบหน่วยอาคารสถานที่ ร.พ. ศิริราช บอกเล่าความรู้สึกอันปลื้มปีติเมื่อวันที่ในหลวงเสด็จฯ โดยไม่คาดฝันในวันที่ 23 ต.ค. เพื่อถวายราชสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมถึงถวายสักการะพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และพระรูปหล่อสมเด็จพระศรีนคริน ทราบรมราชชนนี ซึ่งสร้างความอิ่มเอมใจแก่พสกนิกรชาวไทยเป็นอย่างมาก เพราะภายหลังจากที่สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ฉบับที่1วันเสาร์ที่ 19 กันยายน 2552 เรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรและเสด็จ พระราชดำเนินมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช พสกนิกรชาวไทยต่างก็ใจจดใจจ่อเพื่อรอรับฟังข่าวของพระองค์

    เช่นเดียวกับเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ซึ่งในหลวงเสด็จลอยพระประทีปที่ท่าน้ำศิริราช ที่เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่เฝ้ารอรับเสด็จเพื่อชื่นชมพระบารมี ซึ่งภาพนั้นยังคงตราตรึงและอยู่ในใจของเขาตลอดมา

    ปัจจุบัน พี่บุญส่งทำหน้าที่คอยดูแลความสะอาดและคอยให้บริการประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ โดยเมื่อก้านธูปปักเต็มกระถางทองเหลือง พี่บุญส่งจะหยิบก้านธูปออก และนำก้านธูปไปจุ่มน้ำในถังที่วางไว้ จากนั้นจะเอาก้านธูปที่ไม่มีเชื้อไฟใส่ในถุงดำที่เตรียมไว้

    ด้วยการทำงานที่ยาวนานถึง 16 ปี พนักงานผู้นี้จึงได้ทำงานรับใช้ในพระบรมวงศานุวงศ์มาอย่างต่อเนื่อง สมัยที่สมเด็จย่าทรงพระประชวรแล้วมารักษาตัวที่ร.พ.ศิริราชด้วย โดยพี่บุญส่งจะเป็นผู้ปูลาดพระบาทให้สมเด็จย่าทุกวัน และก่อนที่ในหลวงจะเสด็จมาประทับที่ร.พ. ศิริราช เขาก็เป็นผู้ทำความสะอาด เช็ดกระจกห้องบรรทมของในหลวง ที่ชั้น 16 ห้องในสุด เมื่อทำความสะอาดเสร็จพี่บุญส่งจะกราบที่เตียงของในหลวงก่อนที่จะออกจากห้องดังกล่าวมา

    แม้ว่าการทำหน้าที่ของเขาโดยปกติจะเริ่มต้นที่เวลา 06.00 - 14.00 น.และได้หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ แต่พี่บุญส่งกลับไม่เคยหยุดทำงานสักวัน ยิ่งในหลวงทรงประทับอยู่ พี่บุญส่งบอกว่ายิ่งต้องอยู่ทำงานทุกวัน และจากเวลาที่เลิกปกติคือ 14.00 น. ก็จะกินเวลาไปถึง 20.00 น.

    “ที่ผมทำงานล่วงเวลาก็เพราะอยากทำ เห็นพี่น้องประชาชนเดินทางมาเยอะทุกวันก็ยิ่งต้องอำนวยความสะดวกมากขึ้น งานที่ทำทุกวันนี้ มันทำให้ผมปลื้มปีติมาก คุณคิดดูคนรวยๆ ที่มีฐานะเขามาช่วยผมทำความสะอาด ช่วยกวาดพื้น สังคมทุกวันนี้ยังมีคนที่มีน้ำใจ มีจิตใจดี ผมมีอะไรก็แบ่งให้คนที่มาเฝ้าได้กินกัน มันมีความสุข ผมจะสอนลูกเสมอว่าให้รักในหลวง เพราะในหลวงเป็นผู้มีพระคุณ วันนี้ได้ทำงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาทก็ถือเป็นบุญแก่ครอบครัว พวงมาลัยที่ในหลวงถวายสักการะพระบรมราชชนก ผมก็เก็บเอาไว้มาบูชาที่บ้าน ทุกวันนี้ผมก็นำพระราชดำรัสเรื่องความอยู่อย่างพอเพียงมาใช้ ก็ให้มีเงินเก็บ มีเงินเลี้ยงครอบครัว มีบ้านของตัวเองจากที่ชีวิตนี้ไม่เคยมีอะไรเป็นของตัวเอง” พี่บุญส่ง พูดพร้อมกับยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

    เช่นเดียวกับ “ป้าตุ๋ย น้อยฉ่ำ” วัย 64 ปี วันนี้ป้าสวมเสื้อสีชมพู พร้อมกลัดเข็มกลัดพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงเด่นเป็นสง่า ป้าตุ๋ยนั่งในท่าพับเพียบ ด้านหน้ามีตระกร้าเล็กๆ อยู่หนึ่งใบที่บรรจุพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงอยู่หลายใบ หลายพระราชอิริยาบถ

    ป้าตุ๋ย เดินทางมาเฝ้าในหลวงตั้งแต่วันแรกที่ในหลวงทรงเข้าโรงพยาบาล และเกาะติดสถานการณ์อย่างเหนียวแน่น

    “ป้ารู้ข่าวจากเพื่อนโทร.มาบอกว่าในหลวงไม่สบาย ทรงเข้าโรงพยาบาล วันที่ 15 ก.ย.พระองค์ก็มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้อยู่ร.พ.นาน จนมาวันที่ 19 ก.ย.ถึงเสด็จฯ มารักษาพระองค์เป็นเวลานานจนมาถึงทุกวันนี้ ป้ามาเฝ้าที่ร.พ. ก็ 70 กว่าวันได้แล้ว ตอนแรกที่ป้ารู้ข่าวก็ตกใจมาก แบบจะเป็นลมเลย แต่พอมาถึงทุกวันนี้พระองค์มีพระอาการดีขึ้น ป้าก็สบายใจขึ้น”

    ปัจจุบันป้าตุ๋ย มีภาระงานอย่างเดียวคือดูแลหลานไม่ต้องทำงานอะไรมาก พอส่งหลานไปโรงเรียนแล้ว ป้าก็จะมานั่งประจำที่ลานพระบรมราชชนก โดยจะหันหน้าเข้าอาคารเฉลิมพระเกียรติที่ในหลวงทรงประทับอยู่ และบางคราวก็แหงนหน้ามองไปที่ชั้น 16 บ้าง เผื่อว่าในหลวงทรงปรากฏพระพักตร์ให้เห็น เมื่อมาทุกๆ วันป้าตุ๋ยจึงเป็นเสมือนผู้กระจายข่าวสารใก้กับเพื่อนๆ ที่ไม่ได้เดินทางมาทุกวัน บางทีก็จะมีเพื่อนโทร.มาบอกว่าให้จองที่นั่งบนผืนผ้าใบไว้ให้ด้วย

    ป้าตุ๋ยเล่าว่า เวลาเดินเข้ามาป้าจะกินข้าวให้แล้วเสร็จ และก็จะหิ้วข้าวกล่องมาด้วย บางวันก็มีเพื่อนๆ เอาข้าว เอาขนมมาให้กิน มีอะไรก็แบ่งกันกิน กิจวัตรประจำวันนอกจากจะนั่งเฝ้าในหลวงแล้ว บางทีป้าตุ๋ยก็จะหยิบหนังสือสวดมนตร์ขึ้นมาสวด โดยบทที่สวดบ่อยที่สุดคือ บทโพชณังคะปะริตตัง เพื่อขอให้ในหลวงทรงหายขาดจากพระอาการประชวร

    ทั้งนี้ วันที่ 23 ต.ค.ที่ในหลวงทรงเสด็จฯ ลงมาบริเวณลาน 100 ปี ป้าตุ๋ยบอกว่าตนไม่ได้อยู่ด้วย ซึ่งเป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง แต่เพื่อนๆ ที่ได้เห็นพระองค์ก็ต่างเล่าให้ฟังอย่างดีอกดีใจว่า เป็นบุญอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ หลายคนต่างน้ำตาไหล ความรู้สึกปลื้มปีติยินดีพรั่งพรูอยู่ในใจและยังคงตราตรึงอยู่อย่างนี้ตลอดไป

    ด้าน “ป้าสำรวย สุจิตรจูล” วัย 62 ปี ซึ่งเป็นอีกผู้หนึ่งที่มาเข้าเฝ้าฯ ในหลวงที่รพ.ศิริราช เล่าเรื่องราวสมัยที่ตนยังสาวให้ฟังว่า เคยเห็นในหลวงในงานทอดกฐินที่วัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม

    “ป้าอยากเข้าไปใกล้ๆ พระองค์มาก แต่ทหารก็กันเอาไว้ ป้าไม่มีอะไรจะให้ในหลวง แต่รู้ตัวว่าอยากจะให้ ก็เลยควักเงินในกระเป่าออกมา 100 บาทและบอกกับทหารที่ตามเสด็จฯ ว่าอยากจะถวายเงิน แต่ป้าก็หมดหวังเมื่อทหารบอกว่า พระองค์เดินไปไกลมากแล้วจะหันกลับมาก็คงลำบาก แต่เหมือนว่าในหลวงทรงมีหูทิพย์ ท่านหันมาทางป้า และป้าก็ได้ถวายเงิน 100 บาทแก่ท่าน ตอนนั้นป้าตัวสั่นไปหมดเลย ขนลุกด้วย แต่หนูเอ๋ย พระองค์ทรงสง่างาม ผิวเหลืองอร่าม พระพักตร์มีแต่ความเมตตา ป้าน้ำตาซึมเลย ความทุกข์ทั้งหมดที่มีก็ผ่อนคลายไปด้วย คือตอนนั้นป้ามีความทุกข์เรื่องน้องชาย น้องชายป้าถูกยิงตายด้วยความเข้าใจผิด ป้าก็เกิดความเคียดแค้นอยากจะเอาคืน แต่พอเห็นในหลวงความคิดก็ป้าไม่มีความแค้นที่สั่งสมก็ค่อยๆ หายไป ในใจคิดแต่เรื่องอยากทำความดี และท้ายสุดป้าก็อโหสิกรรมให้เขาไป”

    ความปลื้มปีติของประชาชนคนไทยยังไม่หมดแค่นี้ ป้าจรัสวรรณ ธีรธรรม ที่มาร่วมวงสนทนาด้วย บอกว่า ในสมัยเด็กอายุ 10 กว่าปี แม่เคยพาไปวัดพระแก้ว ในสมัยนั้นเขาจะเอาผ้าเช็ดหน้าที่พกมากับตัว วางบนพื้นดินเพื่อให้ในหลวงทรงประทับรอยพระบาท และเก็บเอามาเข้ากรอบบูชาที่บ้าน ทุกวันนี้ที่บ้านก็ยังคงเก็บรักษาเอาไว้ แต่ในยุคนี้ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว

    บรรดาป้าๆ ที่มานั่งร่วมสนทนากันต่างบอกว่า ในหลวงเป็นที่เทอดทูนของพสกนิกรชาวไทย พระองค์ทำเพื่อประชาชนมากมายหลายเรื่อง แต่เรามานั่งเฝ้าพระองค์เท่านี้ถือเป็นเรื่องนิดเดียว ด้อยกว่าผงธุลีดินเสียอีก พระองค์เป็นผู้ให้ และไม่เลือกว่าเราจะใคร ทรงมีพระเมตตากับทุกคน ทรงเป็นกำลังใจให้ทุกคน หากทำได้อยากทอนชีวิตที่มีลมหายใจอยู่ให้กับในหลวง เพื่อให้ในหลวงอยู่คู่บ้านคู่เมืองของเราอย่างนี้ตลอดไป

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>ขอขอบพระคุณแหล่งที่มาค่ะ
     
  18. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>วันมหาปิติ 5 ธันวา 2552 ในหลวงทรงหายประชวรแล้ว </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>7 ธันวาคม 2552 01:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>นานเกือบร้อยวัน ที่คนไทยไม่ได้ยินพระสุรเสียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นับตั้งแต่ วันที่ พระองค์ เสด็จพระราชดำเนินมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช และเมื่อมีประกาศสำนักราชเลขาธิการ ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 เลื่อนพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน และ สวนสนามทหารรักษาพระองค์ ในวันที่ 2 ธันวาคม และ เลื่อนถวายพระพรชัยมงคล ในวันที่ 4 ธ.ค.ออกไปก่อน คนไทยทั้งประเทศก็ยิ่งใจแป้ว

    หัวใจทั้ง 60 ล้านดวง รอคอยพระราชพิธี เสด็จออกมหาสมาคม ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง

    ห้าโมงเช้า วันที่ 5 ธันวาคม 2552 ทันทีที่รถไฟฟ้าที่ประทับ ถูกเข็นออกมาสู่ประตูห้องโถง อาคารเฉลิมพระเกียรติโรงพยาบาลศิริราช เพื่อเสด็จพระราชดำเนิน ไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง ระหว่างทาง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโบกพระหัตถ์ และแย้มพระสรวลให้ผู้มารับเสด็จฯ

    ความปลื้มปิติ บังเกิดขึ้นท่วมท้นหัวใจของผู้ที่เฝ้ารับเสด็จฯ ที่โรงพยาบาล และคนที่รอชมทางโทรทัศน์ ที่ได้เห็นกับตาตัวเองว่า พระองค์ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง พระพักตร์สดชื่น แจ่มใส

    เสียงถวายพระพร ทรงพระเจริญ ดังกึกก้องตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน และดังสะท้านในหัวใจคนไทยทั้งชาติ

    ตลอดเวลา ที่ประทับนั่ง บนพระที่นั่ง พุดตานกาญจนสิงหาสน์ หน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตรฉัตร ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย รับการถวายพระพรชัยจาก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เป็นช่วงเวลาที่คนไทยได้ชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด

    บนพระที่นั่ง พุดตานกาญจนสิงหาสน์ คือ ในหลวงของเรา ผู้ทรงทศพิศราชธรรม ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม มาตลอด 63 ปี เป็นพระผู้ซึ่งเป็นร่มโพธิ์ ร่มไทร ปกปัก รักษา พสกนิกร ให้ร่มเย็นเป็นสุข อยู่ใต้พระบารมี

    แล้วพระสุรเสียงก็ดังขึ้น เมื่อทรงมีพระราชดำรัสตอบ ผู้มาเฝ้าถวายพระพรชัย เป็นเสียงที่คนไทยคุ้นหู คุ้นใจมาชั่วชีวิต เป็นเสียงที่คนไทยไม่ได้ยินมานับตั้งแต่พระองค์ทรงเสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช เป็นเสียงที่แจ่มใส ชัดเจน เป็นเสียงที่ทำให้คนไทยทั้งชาติ ยิ่งปลิ้ม ปิติ เบิกบานใจมากยิ่งขึ้น เป็นเสียงที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศรู้ว่า ในหลวงของเรา หายแล้ว

    ในหลวงของเราทรงหายจากพระอาการประชวรแล้ว

    “ขอขอบพระทัยและขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง ที่มีไมตรีจิตพรั่งพร้อมกันมาให้พรวันเกิด ด้วยถ้อยคำที่เลือกสรรมาจากใจซึ่งปรารถนาดี มุ่งหมายให้ข้าพเจ้ามีความสุขความสวัสดีโดยประการต่างๆ

    ความสุขความสวัสดีของข้าพเจ้า จะเกิดมีขึ้นได้ ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญมั่งคงเป็นปรกติสุข ความเจริญมั่งคนทั้งนั้น จะสำเร็จผลเป็นจริงได้ ก็ด้วยทุกคนทุกฝ่ายในชาติมุ่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มกำลัง ด้วยสติรู้ตัว ด้วยปัญญารู้คิด และด้วยความสุจริตจริงใจโดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น

    จึงขอให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญอยู่ในสถาบันหลักของประเทศ แลชาวไทยทุกหมู่เหล่า ทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนให้กระจ่างแล้วตั้งจิตตั้งใจให้เที่ยงตรงหนักแน่น ที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ส่วนรวมอันไพบูลย์ คือชาติบ้านเมืองอันเป็นถิ่นที่อยู่ที่ทำกินของเรา มีความเจริญมั่นคงยั่งยืนไป

    ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่าน ให้ปราศจากทุกข์ปราศจากภัย และอำนวยสุขสิริสวัสดิ์ พิพัฒนมงคล ให้สัมฤทธิ์แก่ท่านทั่วหน้ากัน”

    ผลสำรวจ จากเอแบคโพลล์ เรื่องสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันกับความสุขมวลรวมของคนไทย จากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,147 ครัวเรือน เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2552 พบว่า

    ภายหลังได้รับชมการถ่ายทอดพระราชพิธี เฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช ประชาชนส่วนใหญ่ 81.9% ระบุ ทำให้มีกำลังใจในการต่อสู้กับปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตเพิ่มมากขึ้น และที่น่าปลื้มปีติอย่างยิ่งคือจากการวัดความสุขคนไทย พบว่า ระดับความสุขของคนไทยในวันดังกล่าว มีคะแนนสูงถึง 9.86 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ซึ่งสูงกว่าความสุขคนไทยที่สำรวจในช่วงพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อเดือน มิ.ย.49 ซึ่งอยู่ที่ 9.21 คะแนน

    ทรงพระเจริญ พระพุทธเจ้าข้า







    *ขอขอบคุณแหล่งที่มา











    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>‘ราชาประชาธิปไตย’....ไม่ใช่ ‘ราชาธิปไตย’!</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย คำนูณ สิทธิสมาน</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>5 ธันวาคม 2552 14:26 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>บนพื้นฐานความจริงที่ระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยเพิ่งมีวิวัฒนาการมาเพียง 77 ปี และโดยการเปลี่ยนแปลงจากเบื้องบน ทำให้กว่าเวลากว่าครึ่งหนึ่งตกอยู่ภายใต้ระบบเผด็จการทหาร ส่วนที่เหลือก็เป็นการรวมศูนย์อำนาจของชนชั้นนำกลุ่มอื่น วัฒนธรรมประชาธิปไตยยังไม่เกิดขึ้นสมบูรณ์ สำนึกประชาธิปไตยของประชาชนยังไม่เกิดขึ้นสมบูรณ์ การเลือกตั้งโดยภาพรวมแล้วไม่อาจกล่าวได้ว่าสะท้อนความต้องการที่แท้จริงของสังคมไทย และไม่อาจกล่าวได้ว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งสะท้อนความเป็นตัวแทนของประชาชนได้โดยบริสุทธิ์ ยุติธรรม ทั้งหมด

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันไม่ได้ขึ้นครองราชย์ในฐานะพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่จะบอกว่าการปกครองของประเทศเป็นระบอบประชาธิปไตยก็ใช่ที่ แม้จะกล่าวเฉพาะในบริบทของประชาธิปไตยในรูปแบบ ก็ตอบได้ว่ามีแต่เพียงบางช่วงบางเวลาในรัชสมัยของพระองค์ท่านเท่านั้น ส่วนบริบทของประชาธิปไตยในเนื้อหานั้น ต้องอภิปรายกันยาว เพราะแม้จนทุกวันนี้ก็ยังมีปัญหา

    ในฐานะประมุขของประเทศหนึ่ง จึงทรงวางพระองค์ได้ไม่ง่ายนัก

    เพราะไม่ได้ทรงมีพระราชอำนาจเยี่ยงพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์

    ทรงมีพระราชอำนาจจำกัด

    ในขณะที่ตลอดรัชสมัยของพระองค์บ้านเมืองเผชิญวิกฤตนานัปการ ท่ามกลางรัฐบาลที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาบริหารประเทศอย่างไร้เสถียรภาพเสียเป็นส่วนใหญ่

    63 ปีที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์แล้ว

    รูปแบบประชาธิปไตย = รัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษร

    เนื้อหาประชาธิปไตย = สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน


    เรามี “รูปแบบ” มาแล้ว 18 ฉบับ แต่ก็ยังขาดความมั่นคง แม้ฉบับ 2540 จะได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นฉบับประชาชน แต่ก็พบเห็นจุดอ่อนมากมาย ไม่มีหลักประกันว่าจะยั่งยืน ฉบับ 2550 ปัจจุบันก็มีผู้จ้องแก้ไขด้วยข้อหาไม่เป็นประชาธิปไตย

    แต่ “เนื้อหา” ยั่งยืนมา 63 ปีแล้ว

    นักวิชาการบางท่านยกภาษิตฝรั่งมาเปรียบเทียบว่า Action speak louder than words แล้วชวนให้เราศึกษาพระราชดำรัสและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้แล้ว จะพบว่าทั้งพระราชดำรัส (words) และพระราชกรณียกิจ (action) ล้วนมุ่งไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทยทั้งสิ้น

    1. พระปฐมบรมราชโองการ -- พระราชพิธีบรมราชาภิเษก 5 พฤษภาคม 2493 ทรงเปล่งพระบรมราชโองการ ตั้งพระราชสัตยาธิษฐานว่า “ราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”

    2. ประชาชนที่ด้อยโอกาสคือหัวใจแห่งการพัฒนา– พระองค์ไม่ได้ยึด GDP เป็นเป้าหมาย พระองค์มุ่งสู่ชนบท คนยากจน ที่พัฒนามาเป็นหลักเศรษฐกิจพอเพียง

    3. พระมหากษัตริย์ไปหาประชาชน ไม่เคยให้ประชาชนเดินทางเข้ามาขอพระราชทานพระบารมีในเมืองหลวง – มีใครในประเทศนี้เดินทางมากเท่าพระองค์

    4. โครงการพระราชดำริมุ่งแก้ปัญหาผู้ด้อยโอกาส โดยให้เขารู้วิธีทำมาหากิน ไม่ใช่แจกเงิน– ปัจจุบันมีโครงการพระราชดำริรวมแล้วมากกว่า 3,000 โครงการ มีประชาชนที่ได้รับประโยชน์จากการดำเนินโครงการโดยตรงเกือบ 10 ล้านคน

    5. ทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ริเริ่มโครงการ

    6. ทรงเน้นความเป็นธรรมที่แท้จริง ไม่ใช่แค่ความเป็นธรรมตามกฎหมายแต่เพียงสถานเดียว

    7. ทรงใช้วิธีการนอกระบบราชการ หรืออาจกล่าวได้ว่าพระองค์ทรงเป็นเอ็นจีโอ (The Royal NGO) – โครงการพระราชดำริหลายโครงการพัฒนารูปแบบเป็นองค์กรพัฒนาภาคเอกชน ทำให้เกิดเป็นเครือข่ายองค์พัฒนาภาคเอกชนที่สำคัญยิ่งเครือข่ายหนึ่ง ปัจจุบันในหลวงทรงมีพระราชดำริและพระราชทุนก่อตั้งมูลนิธิไม่ต่ำกว่า 6 มูลนิธิ ไม่รวมมูลนิธิที่รับเป็นองค์อุปถัมภ์อีกไม่ต่ำกว่า 20 มูลนิธิ(และองค์กร) ซึ่งรวมทั้งมูลนิธิที่ทรงดำรงตำแหน่งเป็นนายกกิตติมศักดิ์และดำเนินการด้วยพระองค์เอง คือ มูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งมีค่าเสมอเหมือนองค์การพัฒนาภาคเอกชนของกษัตริย์นักพัฒนาองค์แรกในสังคมไทย

    พระราชวังของพระองค์ไม่เหมือนพระราชวังของพระมหากษัตริย์ใดในโลกที่พวกเราเคยไปท่องเที่ยวกันมา ไม่ใช่เพียงพระราชฐาน หากแต่เป็นโรงงาน เป็นห้องทดลอง เป็น ฯลฯ เพื่อนำไปประยุกต์แก้ปัญหาของประชาชนของพระองค์

    การแสดงแสงสีเสียงที่ลานพระราชวังดุสิตระหว่างวันที่ 5 – 13 ธันวาคม 2552 ช่วงนี้บอกเล่าประเด็นนี้ได้เป็นอย่างดี

    เมื่อพระองค์เป็นประชาธิปไตยโดยเนื้อหาเช่นนี้ รัฐธรรมนูญที่เป็นเพียงรูปแบบประชาธิปไตยจึงบัญญัติรับรองพระราชสถานะความเป็นศูนย์รวมของชาติไว้

    “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล”

    หลักเช่นนี้ไม่มีในรัฐธรรมนูญของประเทศใดในโลก

    มีพระราชอำนาจที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้หลายประการ นอกจากนี้ยังมีพระราชอำนาจที่รัฐธรรมนูญมิได้บัญญัติไว้

    แต่ก็ไม่เคยทรงใช้พระราชอำนาจนั้นเกินเลยมาตรฐานของพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยที่พระองค์ทรงยึดถือ

    แม้จะมีผู้พยายามถวายให้ !


    ไม่ว่าจะเป็นกรณีเมื่อปี 2517 ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติผู้ร่างรัฐธรรมนูญพยายามบัญญัติให้สมาชิกวุฒิสภามีที่มาจากการแต่งตั้ง โดยกำหนดให้ประธานองคมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ พระองค์ก็ทรงมีพระราชกระแสพระราชทานลงมาว่าไม่เห็นด้วย เพราะจะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง ในที่สุดสภานิติบัญญัติแห่งชาติต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนั้นในปี 2518 หลังประกาศใช้ไม่กี่เดือน

    ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ผู้เรียกร้องต้องนายกรัฐมนตรีพระราชทานที่เกิดขึ้นเนือง ๆ ต่างยุคต่างสมัย

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ใช่ทรงเป็นเพียง “ธรรมราชา” หากแต่การทรงเป็นหลักชัยและที่พึ่งสุดท้ายของบ้านเมืองในช่วง “รอยต่อของระบอบ” หรือ “ระบอบที่ไม่ลงตัว” ทำให้พระองค์ทรงมีอีกสถานะหนึ่งในทางปฏิบัติ

    รัฐบุรุษ – Statesman !


    อย่าว่าแต่คนไทยจะเห็น แม้แต่ต่างชาติก็เห็น คำถวายพระพรของนางฮิลลารี คลินตันในนามของประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐอเมริกาคือสัญญาณและนัยที่ต้องตระหนัก

    ทรงพระเจริญพระพุทธเจ้าข้า

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right height=10>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ขอขอบคุณ ท่านเจ้าของบทความ และManager Online
     
  20. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    วันแห่งความทรงจำ

    โดย ซูม
    6 ธันวาคม 2552, 05:00 น.


    [​IMG]
    ผมตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ได้ฟังนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวทางโทรทัศน์ เมื่อวันอาทิตย์ก่อนแล้วว่าจะต้องหาโอกาสไปร่วมในพิธีเปิดงาน "ความสุขของคนไทยใต้แสงพระบารมี" ณ บริเวณถนนราชดำเนินกลาง ในวันที่ 3 ธันวาคม ให้จงได้

    เพราะอยากจะมีส่วนในการบันทึกภาพงานประวัติศาสตร์งานนี้ไว้ด้วย 2 ตาของผมเอง

    แม้จะตระหนักดีว่าในการเดินทางเข้าสู่ถนนราชดำเนินกลางในช่วงเวลาหัวค่ำของวันเปิดงาน ซึ่งตรงกับวันทำงานตามปกติของส่วนราชการและบริษัทห้างร้านด้วยนั้นคงไม่ใช่ง่ายๆนัก

    แต่ผมก็ปวารณาตัวไว้ว่า จะให้รถตระเวนข่าว ของโรงพิมพ์ไปส่งผมในจุดที่ใกล้ถนนราชดำเนินที่สุดเท่าที่จะใกล้ได้ จากนั้นก็จะใช้วิธีเดินเท้าเข้าไปเอง

    ปรากฏว่าผมต้องลงเดินจริงๆเพราะรถตระเวนของเราไปติดแหง็กอยู่แถวๆหน้าสนามม้านางเลิ้ง หลังจากที่เราลงจากทางด่วนตรงบริเวณทางลง ยมราช ไม่นานนัก

    ผมบอกให้โชเฟอร์หาทางกลับโรงพิมพ์เอาเองพร้อมกับลงเดินเลาะลัดเรื่อยมา ผ่านตลาดนางเลิ้งผ่านโรงพักนางเลิ้ง ซึ่งเป็นถิ่นเก่าของผมไปจนถึงป้อมมหากาฬ สะพานผ่านฟ้า ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่เปิดงานเฉลิมฉลอง 82 พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ในชั่วเวลาประมาณ 10 กว่านาทีเท่านั้น

    ขณะนั้นเพิ่งทุ่มเศษๆ ยังมีเวลาอีกเกือบชั่วโมงเต็มๆกว่านายกฯอภิสิทธิ์จะมาทำหน้าที่ประธานในการเปิดงาน

    ผมตัดสินใจเดินผ่านเวทีป้อมมหากาฬลึกเข้าไปในถนนราชดำเนินกลาง เพื่อจะดูว่าบรรยากาศทั่วๆไปว่าเป็นอย่างไรบ้าง

    ต้องขอขอบคุณคณะกรรมการจัดงานอย่างยิ่งที่สั่งปิดถนนราชดำเนินกลางให้เป็นถนนสำหรับ "คนเดิน" โดยเฉพาะ นานๆจะมีรถตรวจการณ์ของเจ้าหน้าที่ผ่านไปผ่านมาสักคัน

    แม้จะเป็นเวลาทุ่มเศษๆ แต่เนื่องจากเป็นหน้าหนาวทำให้ประเทศไทยของเรามืดเร็วกว่าปกติ ด้วยเหตุนี้ดวงไฟและแสงไฟที่ประดับประดาไว้ในถนนราชดำเนินทั้งสายจึงส่องประกายเจิดจ้าออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา

    แต่สำหรับครั้งนี้เป็นการเดินที่สบายใจและมีความสุขอย่างที่สุด เพราะทั้ง 2 ฟากถนนมีแต่แสงไฟที่สวยงามและพระบรมฉายาลักษณ์ขนาดใหญ่ในหลายๆพระอิริยาบถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ประดิษฐานไว้เป็นช่วงๆ

    คงต้องบอกด้วยว่า จุดเด่นของงานนี้ นอกจากการประดับไฟอันสวยงามแล้ว ยังประกอบด้วยการออกร้านของกระทรวงทั้ง 14 กระทรวง พร้อมด้วย กทม. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เรียงรายอยู่ทั้ง 2 ฟากถนนราชดำเนิน

    ทุกๆหน่วยงานต่างระดมสารพัดความรู้มาให้ดูชม และให้บริการต่างๆที่เป็นหน้าที่ของหน่วยงานไปด้วยพร้อมๆกัน

    ของ กระทรวงการคลัง ต้องยกให้กรมธนารักษ์ ที่นำเหรียญที่ระลึกของวาระอันเป็นมิ่งมงคลนี้มาจำหน่ายด้วย มีผู้คนเข้าคิวอุดหนุนยาวเหยียด

    รวมทั้งสายรัดข้อมือสีชมพู สายละ 99 บาท ของสำนักปลัดกระทรวงการคลัง ก็ขายดีมาก เพราะใครให้ธน–บัตรใบละร้อย เจ้าหน้าที่จะทอนให้ 1 บาท ด้วยเหรียญบาทพิเศษที่จัดทำขึ้นสำหรับงานนี้เท่านั้นเป็นของแถม

    สำหรับกระทรวงอื่นๆก็มีจุดโดดเด่นต่างกันไป อย่างเช่น ของ กระทรวงศึกษาธิการ นั้น ได้ยกโรงเรียนเสริมสวยเคลื่อนที่ของ "คุณโจ แอนด์ แซคซ์" มาให้บริการ "ตัดผม" กลางแจ้ง ที่ริมถนนราชดำเนิน โดยไม่คิดมูลค่า มีแฟนๆเข้าคิวรอใช้บริการยาวเหยียดพอสมควร

    ที่เรียกแฟนได้เยอะอีกกระทรวงหนึ่งก็คือกระทรวงการต่างประเทศ ที่มีการแจกพาสปอร์ตจำลองให้เล่มหนึ่ง สำหรับถือไปให้สถานทูตต่างๆที่มาร่วมงานนี้ด้วย ประทับตราพิเศษเป็นที่ระลึก

    ขณะเดียวกันก็ยกทีมงานจัดทำพาสปอร์ตตัวจริงเสียงจริง จากกรมการกงสุล มารับทำพาสปอร์ตจริงๆที่คูหาชั่วคราวริมถนนราชดำเนินกันเลย...ทำเสร็จ รอประมาณ 2 สัปดาห์ กรมการกงสุลจะส่งไปรษณีย์ไปให้ถึงบ้าน

    ท่านที่มีความประสงค์จะทำพาสปอร์ตในงานนี้อย่าลืมพกบัตรประจำตัวประชาชนไปด้วยก็แล้วกัน

    ผมคงไม่สามารถรายงานผลงานของส่วนราชการได้ทั้งหมด เพราะมีความจำเป็นจะต้องรีบเดินย้อนกลับมาร่วมพิธีเปิดงานที่บริเวณป้อมปราการ ในเวลา 20.00 น.

    ปรากฏว่าท่านนายกฯมาตรงเวลาเป๊ะ แต่กว่าจะเริ่มพิธีก็ผ่านไปสัก 10 กว่านาทีเห็นจะได้ เพราะต้องรอโทรทัศน์ที่จะถ่ายทอดสด

    ส่วนไฟที่ประดับอยู่รอบๆก็ดับมืดลงชั่วขณะ เพื่อรอให้นายกฯกดปุ่มเปิดเสียก่อน จึงจะกลับมา สว่างไสวอีกครั้ง

    ขณะนั้นผู้คนต่างก็ทยอยมาที่หน้าเวทีแออัดยัดเยียดไปหมด และส่วนใหญ่สวมใส่เสื้อสีชมพู อันเป็นสีแห่งความสดใส และความรัก ที่ใช้เป็นสีของการจัดงานวันเฉลิมฯปีนี้

    พิธีเปิดดำเนินไปอย่างเรียบง่ายและไม่เยิ่นเย้อ และทันทีที่นายกฯอภิสิทธิ์กล่าวคำว่า "ผมขอเปิดงาน ณ บัดนี้" แสงไฟโดยรอบถนนราชดำเนินก็สว่าง ไสวขึ้นในพริบตา พร้อมกับเสียงจุดพลุที่ดังกึกก้องมา รอบๆทิศทาง ตั้งแต่หัวถนนไปจนสุดถนน

    นับเป็นภาพที่ประทับใจอย่างยิ่งและแปลกตาอย่างยิ่งเมื่อเห็นพลุหลากสีพวยพุ่งขึ้นจากยอดตึกต่างๆ อย่างสวยสดงดงาม

    เมื่อพลุจางลงแล้ว ประชาชนหลายหมื่นคนที่ไปร่วมพิธีเปิด ต่างก็ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงสดุดีมหาราชากึกก้อง

    รวมทั้งเปล่งเสียงคำว่า "ทรงพระเจริญ" ติดต่อกันอีก 3 ครั้ง ด้วยเสียงที่กระหึ่มไม่แพ้กันเลย

    ผมรู้สึกตื้นตันที่ขอบตาและในที่สุดก็มีน้ำตาหยดเล็กๆไหลลอดออกมาหลายหยด อันเป็นน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มและสุขใจเป็นล้นพ้นที่ได้เกิดมาเป็นข้าแผ่นดินในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและได้มีโอกาสมาเป็นหนึ่งในจำนวนประชาชนหลายหมื่นคนในค่ำคืนอันสำคัญยิ่งคืนนี้

    จากนั้นพิธีกรของงานก็ประกาศว่าจะมีการแห่รถประดับไฟของกระทรวงต่างๆ และยังจะมีการแสดงแสงสีเสียงในชุด "แสงพระบารมี ผสานไทย สมานฉันท์" อีก 1 ชุด

    แต่ผมตัดสินใจไม่อยู่รอดูอีกแล้ว รีบเดินออกจากถนนราชดำเนิน เพื่อไปหาจุดที่รถแท็กซี่ผ่านใกล้ที่สุด เพื่อกลับโรงพิมพ์

    ผมอยากจะให้การไปร่วมพิธีเปิดงานเฉลิมฉลอง 82 พรรษา ของผมจบลงที่หยาดน้ำตาแห่งความปลื้มปีติมากกว่าอะไรทั้งหมด

    เพื่อจะเก็บความประทับใจที่สุดอีกครั้งหนึ่งในชีวิตของผม ณ ถนนราชดำเนินเมื่อค่ำคืนวันที่ 3 ธันวาคม 2552 ไว้ตลอดไป.









    ขอขอบคุณ

    แหล่งที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
     

แชร์หน้านี้

Loading...