ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา(26 ต.ค. 2551) ผมได้ไปกราบคารวะเยี่ยมเยียนท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ตามปกติ ซึ่งท่านและลูกศิษย์ที่ชลบุรีได้ฝากเงินมาร่วมทำบุญกับทางทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม มาด้วยดังรายนามต่อไปนี้
    1. ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร 500 บาท
    2. คุณ ศักดิ์ ภิรมย์กาญจน์ 1000 บาท
    3. คุณ พิษณุ สรรพงษ์ 1000 บาท
    4. คุณ สาโรช สลิลสิริ 1000 บาท
    5. คุณ สิรภพ พิพัฒน์เจริญชัย 1000 บาท
    6. คุณ ชัยภัทร อัครวงษ์ 1000 บาท
    7. คุณ เดชา ก่อเกิด 500 บาท
    8. คุณ บรรพต โชคศิริสิทธิ์ 400 บาท
    9. คุณ สุรกิจ มะโนรัศมี 300 บาท
    10. คุณครรชิต ถมปริก 300 บาท
    11. คุณ เทพารักษ์ 1000 บาท
    รวมเงินทั้งสิ้น 8000 บาท
    รวมเงินคงเหลือในบัญชี 232,677.10 บาท
    กราบขอบพระคุณและโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วยครับ
    โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ
     
  2. channarong_wo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +1,510
    มีเรื่องบุญนำมาฝากครับ
    เมื่อวานมีโอกาสได้คุยกับเพื่อนสมัยมัธยมต้น ตั้งแต่จบมาก็เพิ่งได้คุยกันทางโทรศัพท์
    เพื่อนคนนี้มีเรื่องเดือดร้อน คือลูกของเพื่อนเลือดออกในสมองต้องผ่าตัดสมองด่วน ทำให้ต้องการเกล็ดเลือดกรุ๊ป AB อย่างมาก
    ท่านใดมีเลือดกรุ๊ปนี้ ขอความเมตตาด้วยนะครับ เห็นว่าอยู่ที่ รพ.สระบุรี หากพี่น้องอยู่แถวนั้น(ไกลก็ได้นะ)และเลือดกรุ๊ปตรงตามต้องการ
    ก็อย่าลืมทำบูญใหญ่นะครับ รายละเอียดผมอาจคงต้องถามเพื่อนอีกที หากมีผู้แจ้งความประสงค์...รบกวนช่วยPMบอกผมที
    ...โมทนาบุญด้วยนะครับ....ชาญ
     
  3. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เอ้า...จับพลังพระ ยิ่งจับยิ่งมัน เอาคาถาหลวงพ่อกวยไปทดสอบกันครับ เผื่อเจอพระพิมพ์ที่ไหน จะได้เก็บได้เพราะตรวจเองรู้เอง (แถมเป็นการฝึกจิตให้สงบนิ่ง และเป็นพื้นฐานในการทำสมาธิขั้นสูงต่อไปด้วย)



    ดูเนื้อเรื่องเต็มๆ ได้ที่

    http://images.google.co.th/imgres?i...=1&hl=th&newwindow=1&rlz=1G1GGLQ_THTH268&sa=N
     
  4. นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    พระบิดาของคนเรือ
    กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
    กับเหรียญที่สร้างได้ดีที่สุด



    โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์
     
  5. BD เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +419

    ตารางเปรียบเทียบ ประเภทนรกขุมใหญ่ เรียงลำดับจากเบาไปหนัก
    ขุมที่ ชื่อ อายุนรก เปรียบเทียบจำนวนวัน หมายเหตุ
    1 สัญชีพนรก 500 ปี 1 วันนรก = 9 ล้านปีมนุษย์ 4,500 ล้านปีมนุษย์
    2 กาฬปุตตะนรก 1,000 ปี 1 วันนรก = 36 ล้านปีมนุษย์ 36,000 ล้านปีมนุษย์
    3 สังฆาฏนรก 2,000 ปี 1 วันนรก = 145 ล้านปีมนุษย์ 290,000 ล้านปีมนุษย์
    4 โรรุวนรก 4,000 ปี 1 วันนรก = 234 ล้านปีมนุษย์ 936,000 ล้านปีมนุษย์
    5 มหาโรรุวนรก 8,000 ปี 1 วันนรก = 9,216 ล้านปีมนุษย์ 73,728,000 ล้านปีมนุษย์
    6 ตาปะมหานรก 16,000 ปี 1 วันนรก = 184,212 ล้านปีมนุษย์ 2,947,392,000 ล้านปีมนุษย์
    7 มหาตาปะนรก 1/2 กัป ไม่มีการแจ้งไว้ นับไม่ได้
    8 อเวจีมหานรก 1 กัป ไม่มีการแจ้งไว้ นับไม่ได้
    พิเศษ โลกันตนรก ไม่มีอายุ เป็นการทำบาปที่พิเศษที่สุด ไม่มีระบุในตำรา
    เสร็จจากนี้ต้องไปต่อที่ขุมอเวจีมหานรกต่อไป
    "จากพระไตรปิฏก"
    ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซท์
    http://www.dhammathai.org/sounds/jarun.php
     
  6. pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886


    ถ้าใครเป็นลูกศิษย์หรือศรัทธาในหลวงพ่อกวย จะทราบว่านี้เป็นลายมือท่าน คาถาของท่านจะขลังนัก เทคนิคการเช็คพลังพระตามคาถานี้ในส่วนตัวที่ผมลองทำ ขั้นแรกต้องท่องคาถานี้ให้คล่องเสียก่อน แบบไม่ติดขัดมิฉนั้นจิตจะไปจับที่คาถามากกว่าที่พระ จากนั้นลองนำพระที่จะเช็คมากำไว้ในมือ ทำจิตให้เป็นสมาธิและมีกำลัง เพ่งจิตไปที่พระในมือเราพร้อมทั้งภาวนาคาถานี้วนเป็นเรื่อยๆ จนเกิดอาการทำให้มือเราเคลื่อนไปในรูปแบบต่างๆ โดยต้องหมั่นสังเกตว่ามือที่เคลื่อนไปนั้นแสดงบอกถึงอิทธิคุณทางใดครับ
     
  7. นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    ขอแจ้งข่าวประชาสัมพันธ์หน่อยนะครับคือตอนนี้ทางทุนนิธิฯและผมได้ไปจดทะเบียนชื่อเว็บไซท์ไว้เรียบร้อยแล้วนะครับจะใช้ชื่อเว็บไซท์ดังนี้ครับ

    http://www.pratheplokudon.com

    ซึ่งจะเป็นเว็บไซท์ที่จะนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของคณะพระธรรมฑูต(คณะพระเทพโลกอุดร)ตลอดจนเรื่องราวของพระพิมพ์ที่เกี่ยวข้องกับทางคณะพระเทพโลกอุดร ซึ่งเว็บไซท์จะเปิดให้ชมได้ในวันที่ 1 พ.ย. 2551 นี้ แต่ถ้าเปิดให้ชมได้เร็วกว่านั้นก็จะรีบแจ้งให้ทราบนะครับ
    ขอบพระคุณครับ
     
  8. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๖๙ | ทรงแสดงพุทธานุภาพโปรดชฎิล
    <!-- Main -->พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๖๙ : ทรงแสดงพุทธานุภาพโปรดชฎิล

    แม้ว่าจะทรงกำจัดฤทธิพญานาคให้อันตรธานพ่ายแพ้ไปได้ แต่อุรุเวลกัสสปชฎิลก็ยังไม่คลายทิฎฐิ จึงทรงพำนักยังพนาสณฑ์ ใกล้อาศรมนั้นต่อ เพื่อโปรดชฎิล

    กาลหนึ่ง ณ พนาสณฑ์ ใกล้อาศรมแห่งอุรุเวลกัสสปชฎิลนั้น ครั้นล่วงเข้ายามราตรี ท้าวจาตุมหาราชทั้ง ๔ ก็ลงมาสู่สำนักพระบรมโลกนาถ ถวายอภิวาทและประดิษฐานยืนอยู่ใน ๔ ทิศ ก่อเกิดทิพยรังสีสว่างดุจกองเพลิงก่อไว้ทั้ง ๔ ทิศ ครั้นเวลาเช้าอุรุเวลกัสสปจึงเข้าไปสู่สำนักพระบรมศาสดาทูลว่า นิมนต์พระสมณะไปฉันภัตตาหารเถิด ข้าพเจ้าตกแต่งไว้ถวายเสร็จแล้ว แต่เมื่อคืนนี้เห็นรัศมีสว่างไปทั่วพนัสมณฑลสถาน บุคคลผู้ใดมาสู่สำนักพระองค์ จึงปรากฏรุ่งเรืองในทิศทั้ง ๔ พระบรมศาสดาจึงตรัสบอกว่า
     
  9. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เมื่อเช้าได้รับรูปถ่ายจาก รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น ที่น่าอนุโมทนาและสาธุบุญเป็นที่สุด อย่างน้อย พระสงฆ์ไม่ว่าท่านจะมีปฏิปาทาเช่นไร ผู้ที่บริจาคทรัพย์ให้ทุนนิธิแห่งนี้ ก็ควรจะได้ทราบว่า ทุกคนได้มีส่วนช่วยให้พระคุณเจ้ารูปนี้ ที่ทั้งแพทย์และพยาบาล ได้เลือกแล้วว่าท่านมีความเจ็บป่วยด้วยโรคที่สมควรเป็นผู้ที่มีเครื่องดูดเสมหะประจำตัวไว้ เผื่อรักษาพยาบาลยามฉุกเฉินก่อนที่จะถึงมือแพทย์ได้ทันท่วงที อย่างน้อยอีก 1 ชีวิตที่เราจะช่วยได้ โดยท่านอาจจะมีชีวิตต่อเพื่ออบรมสั่งสอนอีกหลายชีวิตให้ทำความดี หรืออย่างน้อยเราก็ได้ช่วยท่านให้สืบทอดพระพุทธศาสนาและบำเพ็ญเนกขัมมะบารมีตามควรแก่วาสนาและบารมีแห่งท่านครับ


    ทั้งแพทย์และพยาบาลของหอสงฆ์อาพาธ รพ.ศรีนครินทร์ถ่ายรูปคู่กับพระสงฆ์ที่มารับบริจาคเครื่องดูดเสมหะที่ทุนนิธิฯ บริจาคให้ไปในเดือนที่แล้ว โดยในภาพท่าน นพ.วิฑูรย์ รอง ผอ.โรงพยาบาล และคุณวรารัตน์ (เสื้อเหลือง) พยาบาลประจำหอสงฆ์ร่วมเป็นสักขีพยานในการบริจาคนี้ให้ด้วย[/COLOR]</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>
    ในนามคณะกรรมการของทุนนิธิฯ ต้องขอขอบคุณท่านผู้บริจาคปัจจัยเข้าทุนนิธิฯ อีกครั้งในการช่วยกันสาน ช่วยกันสร้าง ให้งานนี้สำเร็จตามเจตนารมย์ที่ได้ก่อตั้งทุนนิธิฯ นี้ขึ้นมาครับ
     
  10. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    บทความที่เป็นคติธรรมในยามที่ซองกฐินมาเยอะมากๆ หลายคนเดินหนี หลายคนมีสายตาที่ไม่สู้ดี และรู้สึกเบื่อหน่าย แถมร้ายสุดชวนคนอื่นไม่ให้ใส่ซองอีกนี่ ร้ายนัก...

    ขัดขวางการทำบุญของคนอื่น จะมีวิบากกรรมอย่างไร
    <!--InformVote=0--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[0], 0);</SCRIPT>
    <!--MsgIDBody=0-->ขัดขวางการทำบุญของคนอื่น จะมีวิบากกรรมอย่างไร

    [๔๙] เทวดาทูลถามว่า
    คนเหล่าใดในโลกนี้ เป็นคนตระหนี่เหนียวแน่น
    บริภาษผู้อื่น ทำอันตรายแก่คนเหล่าอื่นผู้ให้(ทาน)อยู่
    วิบากของคนเหล่านั้นจะเป็นเช่นไร และภพหน้าจะเป็นเช่นไร
    ข้าพระองค์มาเพื่อทูลถามพระผู้มีพระภาคว่าจะรู้ความนั้นได้อย่างไร

    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
    คนเหล่าใดในโลกนี้ เป็นคนตระหนี่เหนียวแน่น
    บริภาษผู้อื่น ทำอันตรายแก่คนเหล่าอื่นผู้ให้(ทาน)อยู่
    คนเหล่านั้นย่อมบังเกิดในนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน หรือยมโลก
    ถ้าพวกเขามาเกิดเป็นมนุษย์ ก็เกิดในตระกูลคนยากจน
    ซึ่งจะหาท่อนผ้า อาหาร ความยินดี และความสนุกสนานได้ยาก
    คนพาลเหล่านั้น ต้องการสิ่งใดจากผู้อื่น พวกเขาย่อมไม่ได้แม้สิ่งนั้น
    นั่นเป็นวิบากในภพนี้ และภพหน้าก็ยังเป็นทุคติอีกด้วย


    ที่มา-พระไตรปิฎก มจร.(แปล) 15/49/62-64.
    ตัวเองไม่ทำเพราะตระหนี่ยังห้ามคนอื่นทำอีก มนุษย์สมัยนี้หนอ
    เสียดายทรัพย์คนอื่น อ่านบทความนี้แล้วน่าจะสำนึกกันได้บ้าง




     
  11. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ตอนนี้เวบไซด์จดทะเบียนเรียบร้อยแล้ว กำลังรวบรวมเนื้อหา หรือ content ที่จะนำมาลง โดยลักษณะของเนื้อหาจะเป็นการให้ความรู้ด้านพระพิมพ์ฯ ของหลวงปู่ใหญ่ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ นอกพิมพ์มาตรฐาน ให้ความรู้ด้านทางจิต แนะนำพระดีให้บูชา ทำบุญให้กับสงฆ์อาพาธตามโรงพยาบาลต่างๆ ที่ทุนนิธิฯ ได้คัดเลือกไว้แล้วหรือตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร หรือ สร้างศาสนสถานตามที่จะได้มีการพิจารณากันในที่ประชุม และสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ ก็คือเป็นศูนย์รวมของการจัดกิจกรรมของทุนนิธิฯ รวมถึงการมอบพระพิมพ์ต่างๆ ที่ทุนนิธิฯ มีไว้มอบให้แก่ผู้ที่บริจาคปัจจัยเข้าทุนนิธิฯ โดยมิได้ถือเป็นตัวเงินที่บริจาคเป็นหลัก ให้กันฟรีๆ เพื่อนำไปคุ้มครองทั้งตัวเองและลูกหลานสืบไปเท่านั้น หากเนื้อหาเริ่มลงในเวบเมื่อใดแล้ว จะแจ้งให้ทราบอีกทีในภายหลัง คิดว่าภายในอาทิตย์นี้ ทุกอย่างน่าจะสมบูรณ์ครับ
     
  12. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ลองอ่านกระทู้นี้จากพันธ์ทิพย์หน่อยปะไร เผื่อลูกหลานถาม เรื่องงานพระเมรุของพระเจ้าพี่นางเธอฯ จะได้ตอบได้ แถมเป็นความรู้แก่ตนเองด้วยครับ


    ลิพท์ยกพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ <!--InformVote=0--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[0], 0);</SCRIPT>

    <!--MsgIDBody=0-->สำหรับลิพท์ยกเพื่อถวายความสะดวกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมมราชินีนาถละครับ จะมีการติดตั้งไว้บริเวณไหนบางครับ แล้วรูปแบบของลิพท์เป็นแบบใดครับ ขอความอะนุเคราะห์ข้อมูลด้วยครับ <!--MsgFile=0-->
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#204080 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#204080 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>

    ขอขอบคุณ
    http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7115839/K7115839.html



     
  13. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    สำหรับคนที่มีลูก และอยากให้ลูกๆ ฝึกสมาธิ ควรอ่านบทความนี้ครับ


    เด็ก ๆ จับให้นั่งสมาธินิ่ง ๆ คงยาก

    ถ้าจะฝึกให้เขามีสมาธิ ก็ต้องให้เขาทำกิจกรรมที่เขาชอบ เขาก็จะใส่ความตั้งใจลงไปในสิ่งที่เขาทำ ก็เป็นการฝึกสมาธิที่สอดคล้องกับวิถีของเด็ก

    เช่น ให้เขาวาดภาพระบายสีภาพการ์ตูนที่เขาชอบ เขาก็จะนั่งทำได้เป็นชั่วโมงๆ จนเสร็จ

    <!--MsgFile=2-->









    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ขอขอบคุณ

     
  14. channarong_wo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +1,510
    ขอเล่าแจ้งความเป็นอัศจรรย์ให้ท่านประธานฟังนิด
    คราที่ท่านประธานเล่าความวิเศษของพระเครื่องหลวงพ่อทับวัดอนงค์ แรกๆก็ความอยากก็ยังไม่ประทุ แต่พอยิ่งได้อ่าน
    ความวิเศษขนาดครูบาอาจารย์ท่านยังต้องการ ความอยากก็พลันปรากฏ เหมือนปราฏิหารย์ พออยากได้
    ท่านก็มาเมตตาทันทีทันใด...แต่ที่ได้จะเป็นลูกอมครับ เนื้อเขียวปั๊ด จารย์ทั้งลูก พลังสุดยอด งามมาก
    (ขอบคุณท่านประธานอีกที ที่แนะนำเทคนิคการสัมผัส)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SSM16137.jpg
      ขนาดไฟล์:
      157.4 KB
      เปิดดู:
      81
  15. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097


    หลวงพ่อคูณถอดกายทิพย์

    <!-- Main -->คำว่า
     
  16. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    การตรวจพระ หรือการสัมผัส บางทีเรามีความอยากที่จะได้พระองค์นั้นอยู่แล้ว การตรวจพระก็อาจคลาดเคลื่อนไป เนื่องจากความอยากจะไปบังคับจิต จนเกิดเป็นอุปทาน หรือ ที่เรียกอีกนัยหนึ่งว่า "จิตหลอก" คนที่ตรวจพระได้ พลาดกันมาเยอะแล้ว วิธีแก้ก็คือ ต้องทำจิตให้เป็นกลางๆ โดยการ "เพ่ง" เช่นการนึกเพ่งโดยผ่าน "อาโลกสิณ" หรือ "เตโชกสิณ" หรือ กสิณ ที่ตนเองถนัดจะง่าย และไม่ค่อยพลาดครับ เพราะในสนามพระเช่นท่าพระจันทร์ และที่อื่นๆ เสียงผู้คน รถรา จะดังมาก จิตจะไม่นิ่งง่าย ไหนจะพลังทิพย์ของพระแท้ที่มีเทวดาท่านรักษาอยู่มารบกวน หรือพลังจาก กสิณ อาโป เตโชฯ ของคณาจารย์ต่างๆ ที่ประจุลงไป มั่วจนกระแสตีกันจนมึนไปหมด ต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น จึงสัมผัสได้ แต่อย่างเก่งผู้ที่ตรวจได้ในขั้นพื้นฐาน ได้แค่ 4-5 องค์ก็เพลีย และเริ่มมีอาการ "จิตหลอก" แล้วครับ อาทิตย์ก่อนก็นั่งคุยกับอาจารย์ประถมฯ เหมือนกัน แกเลยเล่าให้ฟังเรื่องมาดูพระในกรุงเทพฯ เมื่อต้นเดือน กลับไปปวดหัวมาก เพราะเจอกระแสพระซัดกันนัวเนียไปหมด หรือบางครั้งมีผู้ให้ตรวจพระที่บ้าน 2 คณะ 3 คณะ เล่นเอางงไปเลย จนบางทีปุ่ใหญ่ต้อง "ปิด" ไม่ให้ท่านดู โถ..ก็คนมาให้ตรวจซะนี่กระไร ถามซอกแซก ดีทางไหน ใครสร้าง ใครเสก จน อาจารย์บอก แล้วมึงจะคิดถามกูบ้างมั๊ย ว่ากูเบื่อหรือยังว๊ะ..ที่มานั่งตรวจพระให้มึงน๊ะ เล่นเอาผมฮาแตกกับมุขนี้ของอาจารย์จริงๆ ลองมาดูบทความนี้กันจะได้เป็นอุทาหรณ์กันดีกว่าครับ



    <!-- / icon and title --><!-- message -->
    สอนจิต สะกิดใจ

    โดย
    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

    ทวนความรู้สึก

    ปฏิบัติธรรมแล้วถ้ารู้สึกเบื่อครอบครัวเบื่อโลกเบื่อสงสาร อย่าไปเชื่อความรู้สึกของตัวเอง ถ้ามันเบื่อดูไปจนมันหายเบื่อ แต่ถ้าหากพอปฏิบัติธรรมได้ธรรมเห็นธรรมแล้วนี่ มันทำให้รู้สึกเคารพบูชาพ่อแม่ปู่ย่าตายาย เมตตาสงสารครอบครัว แล้วความรักระหว่างครอบครัวของเรานี่ ทีแรกเรารักด้วยกิเลสตัณหา แต่มาภายหลังจะเหลือแต่ความเมตตาปราณี แล้วเราจะทอดทิ้งซึ่งกันและกันไม่ได้ ยิ่งปฏิบัติไปเท่าไร ความเมตตาปราณีมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เราจะอยู่ด้วยกันโดยไม่มีความหมายใดๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับทางเรื่องของกิเลส เราจะมีอะไรต่อกัน หรือไม่มีอะไรต่อกัน เราจะอยู่กันได้อย่างสบายเพราะ ความรักและความเมตตาปราณีนี่เป็นความรักที่บริสุทธิ์สะอาด ถ้าความรู้สึกอันนี้เกิดขึ้นในบรรดาพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายแล้ว สันนิษฐานได้ว่าเราปฏิบัติธรรมได้ผล

    แต่ถ้าปฏิบัติแล้วเบื่อโลกสงสารอยากโกนหัวไปบวช อย่าเพิ่งเชื่อมัน อันนั้นแหละตัวมารร้ายที่สุด บางทีเราหลงเชื่อมัน เราทิ้งครอบครัวไป ไปแล้วในเมื่อมันหายเบื่อแล้วมันก็ไปเจอข้างหน้า ไปมีข้างหน้าอีก สามีของพยาบาลคนหนึ่ง หลวงพ่อไปเทศน์ แกไปโอดครวญกับหลวงพ่ออยู่นั่น เขาบอกว่าสามีของเขาเคยไปปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดหลวงพ่อ หลวงพ่อรู้จักไหม เออ...ช่วงนี้หลวงพ่อก็ไม่ค่อยได้อยู่วัดนะ แต่ก็มีอยู่อุบาสกหลายๆท่านไปปฏิบัติอยู่นั่น แต่ก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร แล้วเดี๋ยวนี้เขาไปยังไง ปรากฏว่าเขาไปมีครอบครัวใหม่อยู่ต่างจังหวัด มาขนเอาแต่เงินทองที่บ้านไปสร้างบ้านให้เมียใหม่อยู่ อันนี้เป็นตัวอย่าง ในเมื่อเราไปด้วยความเบื่อ ในเมื่อมันหายเบื่อแล้วมันไปเกิดชอบ นักวิปัสสนานี่ความเห็นมันดิ่ง เมื่อมันปักลงไปแล้วมันถอนยาก เพราะฉะนั้น ถ้ามันเกิดเบื่อ ดูความเบื่อให้มันจนหายเบื่อ


    <TABLE class=ncode_imageresizer_warning id=ncode_imageresizer_warning_1 width=245><TBODY><TR><TD class=td1 width=20></TD><TD class=td2 unselectable="on"></TD></TR></TBODY></TABLE>​

    หลวงพ่อบวชมาตั้งแต่อายุ ๑๔ ปี ความตั้งใจว่าจะบวชตลอดชีวิต แหม... ถึงเวลามันอยากสึกมา นอนร้องไห้ เอ้า... อะไรที่มันอยากเราจะไม่กินมัน แม้แต่ของตกลงในบาตร ถ้ามองดูแล้วมันชอบ น้ำลายไหล หยิบออก อะไรที่มันไม่ชอบที่สุด เอาอันนั้นแหละมาฉัน เราไม่กินเพื่ออร่อย เรากินเพื่อคุณค่าทางอาหาร อะไรที่มันจะเป็นคุณค่าทางอาหาร เราจะเอาสิ่งนั้น แม้ว่าเราจะไม่ชอบก็ตาม ทีนี้คนที่เรารักเราชอบเราจะไม่เข้าใกล้ เราจะเข้าใกล้คนที่เกลียดขี้หน้าเราที่สุด ถ้าใครด่า ครูบาอาจารย์องค์ไหนด่ามากๆ เราเข้าหาองค์นั้น องค์ไหนยกย่องสรรเสริญเราไม่เข้าใกล้ ครูบาอาจารย์บางองค์ว่า... พระองค์นี้มันจองหอง เราอุตส่าห์เมตตาสงสารมัน มันไม่เข้าใกล้เรา มันเข้าไปหาแต่คนที่ด่ามันเก่งๆ

    คนด่านั่นแหละ...หลวงปู่มั่น เวลาลูกศิษย์ไปขออาศัยทีแรกนี่ ท่านจะดุ...ดุ ทำถูกก็ดุ ทำผิดก็ดุ ภายใน ๑ ปีนี่ต้องทุบกันเสียจนแหลกละเอียด แต่พอ ๑ ปีผ่านไป ถ้าผู้ที่โดนนี่ไม่หลบหน้าหนี มีอะไรถ่ายทอดให้หมด นี่ครูบาอาจารย์ที่ดุเก่งๆ นี่ เวลาท่านดีกับเราแล้ว ก็เรียนถามท่านว่า ขอโอกาสเถอะ เมื่อกระผมมาอยู่กับท่านอาจารย์ ทีแรกทำไมท่านถึงได้ดุนักหนา ท่านว่าไง เขาจะตีเหล็กให้มันเป็นมีดเป็นพร้า เขาจะต้องเผาไฟให้มันร้อน แล้วก็ลงตะเนินหนักๆ เอาฆ้อนเล็กๆ มาทุบ มันจะเป็นมีดเป็นพร้าได้ยังไง ต้องเผาให้ร้อน เอาตะเนินหนักๆ ขนาด ๘ ปอนด์นั่นห้ำมันลงไป มันก็เหยียดออกมาเป็นมีดเป็นพร้าที่สวยงามได้ ท่านว่าอย่างนี้ เมื่อก่อนนี้ยังข้องใจอยู่ว่าทำไมท่านถึงดุ พอท่านชี้แจงให้ฟังแล้ว อ้อเราโล่งอก เพราะฉะนั้นเราได้ดีเพราะอาจารย์ดุ อาจารย์ที่สรรเสริญอะไรนี่ นั่นแหละท่านเอายาพิษเคลือบน้ำตาลให้เรากิน ฉะนั้นจึงได้ถือคติว่า ญาติโยมคนใดพอมาถึงแล้วก็มายกย่องสรรเสริญเยินยอเคารพเลื่อมใสอย่างนั้นอย่างนี้ เท่าที่สังเกตมา หลวงพ่อนี่กลัวที่สุด ถ้าคนไหนมาแล้วก็มามองๆ... พระองค์นี้ใช้ไม่ได้ อยากจะสะพายบาตรวิ่งตามหลัง เสร็จแล้วพวกที่เขาเข้าใจดีนี่ ถึงไหนถึงกัน
    หวยเบอร์

    เรื่องหมอดูหมอเดาอะไรต่าง ๆ นี้ เรื่องหวยเรื่องเบอร์ มันจะถูกแต่ตอนแรก ๆ ภายหลังมันจะโกหก หลวงพ่อทดสอบมามากแล้ว ดูสิว่า เขาเป็นอาจารย์ใบ้หวยกันอย่างไร เราภาวนามาแทบเป็นแทบตายไม่เห็นให้หวยอย่างเขาได้ เอ้า! พออธิษฐานจิตเข้าไปแล้ว หวยมันก็ไล่กันมาเป็นแถว ๆ เลย บางที ๔ งวด ๕ งวด บางที ๗ งวด บางทีนั่งอยู่เฉย ๆ มันก็รู้ ถ้ารู้แล้วเราก็เฉย ๆ ไป แต่บางทีก็ทดลองเขียนเอาไว้ว่ามันจะออกตามนี้ไหม เอาทิ้งเอาไว้ มันออกหมดทุกตัว ทีนี้พอภายหลังมานึกว่า เออ! จะโปรดญาติโยมบ้างละ พอไปนึกเข้ามันก็ไล่เข้ามาเป็นแถวเหมือนกัน มากกว่าเก่า เสร็จแล้วบอกใบ้ตัวไหนจมไปทุกตัว หลังจากนั้นมาก็เลยเข็ดหลาบ เรื่องของจิตนี้มันตลกเก่ง มันหลอกเก่ง เพราะฉะนั้น เราภาวนาแล้วเราอย่าไปอยากรู้อยากเห็น ให้มั่นใจในการประกอบกิจในปัจจุบันนี้ ภาวนาอยู่ในปัจจุบันนี้ อย่าไปอยากรู้โน่นรู้นี่ ถ้าเราตั้งใจอยากจะรู้โน่นรู้นี่มันจะหลอกทันที

    จิตหลอก

    อาจารย์ของหลวงพ่อองค์หนึ่งนี่ท่านว่า เอ!... ในใต้บาดาลนี่มันจะมีอะไร ท่านก็ไปกำหนดจิตพิจารณาดู จิตมันก็หลอก มีพลาญหินเกลี้ยงๆ เป็นพลาญหินใหญ่ขนาดศาลานี่ (ศาลาพื้นหินอ่อนวัดวะภูแก้ว) ท่านบอกฆ้องใหญ่มันอยู่ใต้นี้ หลอกให้พระนวกะขุดก้อนหินนั้น กลางคืนก็ขนฟืนมาเผา ๆ ๆ ขุดลงไปได้วันละคืบ ๆ ๆ มันก็ไม่ทะลุก้อนหินสักที หลวงพ่อก็ไปเรียนท่านว่า ท่านอาจารย์ กิเลสมันหลอกน่า มันไม่มีหรอกฆ้อง ลงผลสุดท้ายก็ขุดไม่ทะลุ ก็เลยไม่เจอฆ้อง
    พวกไปภาวนาอยู่ในป่าในเขา บางทีมันมีถ้ำอยู่ที่สูง ๆ ข้างหน้ามันเป็นเหวลงไป ไปภาวนาแล้วใจมันมีกิเลสอยากได้แก้ววิเศษบ้าง อยากได้อะไรบ้าง ทีนี้พอภาวนาไปแล้วมันจะมีแก้วเป็นแสงลอยมาใกล้ ๆ นั่งอยู่เฉย ๆ มันก็มาคลอเคลียอยู่นั่นแหละ พอเอื้อมมือจะไปจับปั๊บมันก็กระโดดหนีไป พอไล่มันไปมันก็กระโดดไป ๆ ๆ มันหลอกให้ไปตกเหวตายนับไม่ถ้วน เพราะฉะนั้น พระธุดงค์กรรมฐานที่ไปอยู่ในป่าในดง พวกแสวงหาของวิเศษ เพชรนิลจินดา หรือเหล็กหลงเหล็กไหลไปตายกันเยอะแล้ว

    คือว่าสิ่งเหล่านี้ ถ้าพูดถึงว่ากฎหมายปกครองบ้านเมืองในปัจจุบันนี้ มันไม่เหมือนอย่างแต่ก่อน ประเทศอินเดีย พระเจ้าแผ่นดินองค์ใดนับถือพระศาสนา ท่านจะประกาศว่า ดินก็ดี น้ำก็ดี ภูเขาเถาวัลย์ก็ดี ทรัพยากรในอาณาจักรของเรา ขอยกถวายพระศาสนา พระสงฆ์ ถ้าอย่างในเมืองไทยเรานี่มีกฎหมายพิทักษ์ธรรมชาติ ทรัพยากรในผืนแผ่นดินอันนี้ ใครจะไปเอามาต้องขออนุญาตเสียภาษี ถ้าพระไปแสวงหาทรัพย์ในดินสินในน้ำ แม้แต่โบราณวัตถุอยู่ในเจดีย์เก่า ๆ ร้าง ๆ อะไรพวกนี้ พระจะไปเอาไม่ได้มันผิดกฎหมาย สิ่งใดที่มันผิดกฎหมายก็ผิดวินัย เมื่อสิ่งที่ผิดวินัยพระไปละเมิดวินัยมันก็เกิดวิบัติ


    นักเลงพระ

    เรื่องของนักเลงพระนี่หลวงพ่อก็ยังเคยโดน เมื่อก่อนมีคนเขาชอบให้พระหลวงพ่อมา เป็นของเก่าของแก่โบราณประจำตระกูล เขาให้มาก็เก็บเอาไว้ มีคนมาขอดู เขาบอกว่าพวกนี้มีแต่พระเก๊ แต่เก๊เขาก็อยากได้เขาออกปากขอ "โอ๊ย! ของเก๊ คุณอย่าเอาไปเลย" หลวงพ่อรู้ทัน "เอาอย่างนี้ คุณอยากได้ของฉันจริง ๆ ฉันไม่หวงหรอก บอกมาเลย ที่คุณดูอยู่นี่องค์ไหนดียอดเยี่ยมคุณดูแล้วพอใจบอกมาเลย ฉันจะหยิบให้คุณทันที" แกก็กราบขอโทษ ผมเล่นไม่ซื่อกับครูบาอาจารย์ "นั่นแหละ ทีหลังคุณอย่าไปทำอย่างนั้น คุณเล่นไม่ซื่อ คุณได้ไปแทนที่พระจะเป็นมงคลแก่คุณ กลับจะให้ความวิบัติแก่คุณ บอกมาเลยคุณต้องการองค์ไหน แต่ว่าคุณจะเอามากไม่ได้เพราะว่าลูกศิษย์ลูกหาญาติโยมฉันยังมีตั้งเยอะ นอกจากคุณแล้วเขายังจะมาขอฉันอีก" เขาก็หยิบองค์ที่ต้องการไป มาภายหลังเขาก็มาบอกว่า "พระที่หลวงพ่อให้ผมไป มีคนเขามาให้ผมตั้งห้าแสน" หลวงพ่อว่า "คุณอย่ามาคุย ฉันไม่เสียดายหรอก คุณอย่าเข้าใจว่าฉันไม่รู้นะ พวกคุณอย่างดีก็รู้แต่เพียงแค่ว่าพระนี้เนื้อผงเข้าแบบเข้าตำราเท่านั้น ส่วนทางในพวกคุณไม่รู้หรอก จะเป็นอะไรก็ตาม แม้แต่เปลือกหมากที่ฉันเจียนเอาเนื้อมันมาเคี้ยวแล้วฉันโยนไปมันก็ยังดีนะ"

    เครื่องรางที่แท้จริง

    เครื่องรางของขลังเป็นที่นิยมชมชอบในหมู่คนไทยทั่วๆ ไป แต่หลวงพ่อแปลกใจอยู่อย่างหนึ่งว่าคนเก่งของเมืองไทยทำไมมันเบียดเบียนคนไทยด้วยกัน แทนที่จะคุ้มครองคุ้มกันคนไทยด้วยกันมันกลับเอาไปเป็นเครื่องมือเบียดเบียนซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้น สิ่งที่เป็นเครื่องรางของขลังที่ดีที่สุดก็คือความมีศีลมีธรรม เมื่อเรามีศีลมีธรรม เราไม่เบียดเบียนใคร ก็ไม่มีคนมาเบียดเบียนเรา แต่บางทีเดินทางไปโดนลูกหลงเขาเข้าก็แสดงว่ากรรมเก่าของเรามันให้ผล เช่นอย่างพระธุดงค์องค์หนึ่งเดินไปในป่า มีนายพรานหอกมันถือหอกไปเที่ยวล่าสัตว์ในป่า พอเห็นพระมันเกิดเลื่อมใสจะเข้าไปกราบพระ พระเห็นมันถือหอกเดินเข้าไปก็กลัวจะถูกทำร้ายเลยเดินหลบหนีไป พอเห็นว่านายพรานถือหอกเดินตามก็เข้าใจว่าเขาจะตามมาทำร้ายก็เลยมุดเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้รก พอไปถึงจุดที่พระเข้าไปซ่อนอยู่ นายพรานก็นึกขึ้นว่า เอ.... นี่พระท่านคงจะเห็นเราถือหอก ท่านกลัวจะทำร้ายท่านกระมังท่านจึงเดินหนีเราไป ก็เลยซัดหอกเข้าไปในพุ่มไม้ที่พระซ่อนตัวอยู่ ไปถูกพระตายพอดี อันนี้แสดงว่ากรรมเก่ามันให้ผล กรรมเก่าของพระองค์นี้ คืออะไร คือเมื่อก่อนนี้ ท่านเอาหอกไปเที่ยวซัดกบตายมานับไม่ถ้วน แล้วกรรมอันนั้นมาให้ผล

    เพราะฉะนั้น ทางที่ดี ใครประสบความทุกข์ยากลำบากอะไรก็ตาม ให้นึกว่ามันเป็นกรรมเก่าของเรา อย่างหลวงพ่อในทุกวันนี้ หลวงพ่อนึกว่าเสวยกรรมเก่า ลูกที่เขาให้กำเนิดไว้ ๕-๖ คนไม่มีใครเลี้ยง เวลานี้หลวงพ่อรับเลี้ยงอยู่ ก็ยอมทนเอา ชาวบ้านเขาจะตราหน้าว่าเอาลูกเอาหลานมาเลี้ยงก็ยอม เพราะเด็กมันไม่มีที่พึ่งจริง ๆ เดี๋ยวนี้มันก็เริ่มโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันบ้างแล้ว ก็เกือบจะหมดภาระแล้ว บางทีนึกว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ นึกจะสลัดมันทิ้งไปก็กลัวกรรมเวรมันจะไม่หมด เพราะฉะนั้น จะต้องต่อสู้จนกว่ามันจะช่วยตัวเองได้ พอเขาช่วยตัวเองได้เมื่อไร หลวงพ่อก็หมดภาระหมดกรรมหมดเวรไป


    จบ


    บทความนี้นำมาจาก
    http://www.agalico.com/board/showthread.php?p=12462
     
  17. chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    WEB Site ที่จดใหม่นี้

    ผมขอส่งตังค์ช่วยด้วยครับ ยินดีครับ

    แต่ขอเป็นปลายปีนะครับ

    ช่วยค่าหนังสือให้ก่อนครับ

    สาธุครับ
     
  18. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 14 พฤษภาคม 2551 2:08:43 น.-->พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๗๐ | ทรงปลงกรรมฐาน ชักผ้าบังสุกุล
    <!-- Main -->พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๗๐ : ทรงปลงกรรมฐาน ชักผ้าบังสุกุล

    ทรงปลงกรรมฐาน ชักผ้าบังสุกุล

    ขณะโปรดชฎิลในครั้งนั้น นางปุณณทาสี ถึงแก่กรรม เขาห่อศพด้วยผ้าขาวผืนใหญ่ ทิ้งไว้ ณ ป่าช้าผีดิบ พระพุทธองค์จึงทรงเสด็จไปนำผ้าขาวห่อศพนั้นมาใช้ โดยเสด็จพระพุทธดำเนินไปชักผ้าบังสุกุล ซึ่งห่อศพนางปุณณทาสีที่ทอดทิ้งอยู่ในอามกสุสานะ ป่าช้าผีดิบ แต่เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นกษัตริย์อุภโตสุชาติเสด็จจากขัตติยราชสกุลอันสูงด้วยเกียรติศักดิ์ ทรงตรัสรู้อนุตตรสัมโพธิญาณเป็นพระสัมพุทธเจ้า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ เป็นโมลีของโลก เห็นปานนี้แล้ว ยังทรงลดพระองค์ลงมาซักผ้าขาวที่ห่อศพนางปุณณทาสี ที่ทอดทิ้งอยู่ในป่าช้า เพื่อทรงใช้เป็นผ้าจีวรทรงเช่นนี้ เป็นกรณียะที่สุดวิสัยของเทวดาและมนุษย์ซึ่งอยู่ในสถานะเช่นนั้นจะทำได้



    พระพุทธรูปปางปลงกรรมฐาน เป็นพระพุทธรูปยืน พระหัตถ์ซ้ายถือธารพระกร สำหรับคอยค้ำดันศพออก เมื่อเวลาที่ชักผ้าบังสุกุลที่พันอยู่กับศพ



    มหาปฐพีใหญ่ก็กัมปนาทหวั่นไหวเป็นมหัศจรรย์ถึง ๓ ครั้ง ครั้นทรงพระดำริว่า ตถาคตจะซักผ้าบังสุกุลนี้ในที่ใด? ขณะนั้นท้าวสหัสนัยอมรินทราธิราชทรงทราบในพุทธปริวิตก จึงลงมาขุดสระโบกขรณีด้วยพระหัตถ์ในพื้นที่เป็นศิลา และบันดาลให้มีน้ำใสสะอาดด้วยเทวฤทธิ์ แล้วกราบทูลพระชินศรีให้ทรงซักผ้าบังสุกุลในที่นั้น พระพุทธองค์จึงทรงชักผ้าบังสุกุลบนแผ่นศิลาที่ท้าวโกสีย์นำมาถวาย ขณะที่ทรงซักก็ทรงพระดำริว่า จะทรงขยำในที่ใดดี ท้าวโกสีย์ก็เอาแผ่นศิลาใหญ่เข้าไปถวาย ทรงขยำด้วยพระหัตถ์จนหายกลิ่นอสุภ แล้วก็ทรงพระดำริว่าจะห้อยตากผ้าบังสุกุลจีวรในที่ใดดี ลำดับนั้นรุกขเทพยดาซึ่งสิงสถิตอยู่ ณ ไม้กุ่มบก ก็น้อมกิ่งไม้ลงมาถวายให้ทรงห้อยตากจีวร ครั้นทรงห้อยตากแล้วก็ทรงพระจินตนาว่าจะแผ่พับผ้าในที่ใด ท้าวสหัสนัยก็ยกแผ่นศิลา อันใหญ่มาทูลถวายให้แผ่พับผ้ามหาบังสุกุลนั้น

    เพลารุ่งเช้า อุรุเวลกัสสปไปเฝ้าพระบรมศาสดา เห็นสระและแผ่นศิลาทั้งสอง ซึ่งมิได้ปรากฏมีในที่นั้นมาก่อน และกิ่งไม้กุ่มน้อมลงมาเช่นนั้น จึงทูลถาม พระบรมศาสดาตรัสบอกความทั้งปวงให้ทราบ เมื่ออุรุเวลกัสสปได้ฟังก็สะดุ้งตกใจ ดำริว่า พระสมณะองค์นี้มีเดชานุภาพมากยิ่งนัก แม้ท้าวมัฆวานยังลงมากระทำไวยาวัจกิจถวาย แต่ก็ไม่เป็นพระอรหันต์เหมือนอาตมา

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE height=30 cellSpacing=3 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BACKGROUND-POSITION: right bottom; BACKGROUND-IMAGE: url(../bg/pagebg18.jpg); BACKGROUND-REPEAT: no-repeat">


    <TABLE height=400 align=center border=0><TBODY><TR><TD>@โลกแสนดาดดื่นเจ้า.....มายา
    ดื่มด่ำผัสกายา......ยั่วเย้า
    ลิ้มรสรื่นตัณหา.....แสนสุข นั้นนา
    เพลินเพลิดอัตตาเคล้า....ลุ่มหล้า ลืมเลือน

    โศลกเพลงรักโลก......กามา
    หลงลุ่มสุขชั่วครา........ติดแร้ว
    แก่-เจ็บ-จากพลัดลา.....ประสพ สิ่งข้อง
    ทุกข์นี่ใยมิแคล้ว..........ตื่นฟื้น พ้นมาร

    เกิดอีกยังลุ่มหลง........เพลงเพลิง
    ภพยิ่งย่ำจิตเหลิง........โหมเร้า
    ชาติชรามารเถกิง........โรยร่วง มรณา
    โศกนี่เจ้ายังเฝ้า...........ร่ำร้อง กลกาม

    ทุกข์-โศกวัฏฏาเคล้า.......หาเหตุ
    เพียงลิ้มรสอาลัยเศษ......เสี้ยวเย้า
    ตัณหาอยากอาเพท....... เนาจิต พล่านนา
    กรรมจึ่งก่อตามเร้า..........ยิ่งย้ำ สังสาร

    ผุดคิดจากตมแล้ว.........น้อมธรรม พุทธา
    หนุนนำข้าฯกระทำ........มรรคถ้วน
    คอยสดับธรรมล้ำ..........ภาวนา แจ้งพา
    วิมุติสู่ปัญญาล้วน.........สูญสิ้น หมดทุกข์ นั้นแฮ..


    เจริญในธรรมเจ้าค่ะ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=3 width="100%" align=center bgColor=#eeeeee border=0><TBODY><TR><TD align=right>หนูนิด </TD></TR></TBODY></TABLE>


    นำมาจาก
    http://www.dhammathai.org/kaveedhamma/view.php?No=2220
     
  20. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ใกล้จะถึงวันพระราชพิธีแล้ว...............


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ffffff background=../bg/_bg1.gif border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=12></TD><TD background=../pic_rec/m11.gif></TD><TD width=12></TD></TR><TR><TD width=12 background=../pic_rec/m44.gif></TD><TD vAlign=top>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=9 bgColor=#333333></TD><TD bgColor=#333333><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR align=middle><TD>คำอธิษฐานจิตอุทิศพระราชกุศลแด่...สมเด็จพระพี่นางเธอฯ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top align=right width=9 bgColor=#333333></TD></TR><TR><TD vAlign=top width=9 background=pic/b_line_left.gif></TD><TD style="BACKGROUND-POSITION: right bottom; BACKGROUND-IMAGE: url(../bg/pagebg0.jpg); BACKGROUND-REPEAT: no-repeat"><TABLE height=400 align=center border=0><TBODY><TR><TD>


    คำอธิษฐานจิตอุทิศพระราชกุศลแด่...สมเด็จพระพี่นางเธอฯ

    **************************************

    อิทัง โน ปุญฺญะภาคัง กัลยาณิวัฑฒะนา-โสทะระเชฏฐาภะคินิยา เทมะ.


    ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอแผ่ส่วนบุญส่วนกุศล ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาแล้วนี้

    อุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่...

    สมเด็จพระพี่นางเธอเจ้า ฟ้ากลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์


    ขอพระองค์จงครรไลมไหสวรรค์

    สถิตมั่นขวัญฤทัยทรงได้เห็น

    วิมานทองครองเทพยศโปรดร่มเย็น

    ทรงโดดเด่นเป็นเทพขวัญนิรันดร์เทอญฯ


    **************************

    @ คลิกชมภาพประกอบที่นี่...

    http://banrongkheelek.com


    http://www.mahapruettharam.com/webboard/index.php?showtopic=490



    ********************



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top align=right width=9 background=pic/b_line_right.gif></TD></TR><TR><TD vAlign=top width=9 background=pic/b_line_ver1.gif></TD><TD background=pic/b_line_ver2.gif></TD><TD vAlign=top align=right width=9 background=pic/b_line_ver2.gif></TD></TR><TR><TD vAlign=top width=9 background=pic/b_line_left.gif></TD><TD align=right>พระมหานพดล ปุญฺญสุวฑฺฒโก [DT07492] [ วันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม 2551 เวลา 09:22 น. ]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    http://www.dhammathai.org/kaveedhamma/view.php?No=2215
     

แชร์หน้านี้