ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ยังคงเป็นการช่วยเหลือกัน จัดภัตราหารครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    และกิจกรรมต่อด้วยไปบริจาคที่ รพ. สงฆ์ครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    สาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SDC11396.JPG
      SDC11396.JPG
      ขนาดไฟล์:
      128 KB
      เปิดดู:
      1,025
    • SDC11398.JPG
      SDC11398.JPG
      ขนาดไฟล์:
      113.9 KB
      เปิดดู:
      1,000
    • SDC11399.JPG
      SDC11399.JPG
      ขนาดไฟล์:
      108.5 KB
      เปิดดู:
      1,015
    • SDC11400.JPG
      SDC11400.JPG
      ขนาดไฟล์:
      101.3 KB
      เปิดดู:
      1,010
    • SDC11402.JPG
      SDC11402.JPG
      ขนาดไฟล์:
      104.3 KB
      เปิดดู:
      1,004
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มิถุนายน 2009
  2. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ตอนที่ 3 มาต่อกันที่บริจาคครับ ของพี่สองหล่อ

    [​IMG]

    เดือนนี้ยอดตามใบเสร็จ 15000 บาทครับ

    [​IMG]

    และถ่ายรูปพร้อมกันที่หน้าตึกกัลยาณิวัฒนาครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    และการมอบเงินร่วมทำบุญให้แก่รองประธานครับ

    [​IMG]

    สาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SDC11403.JPG
      SDC11403.JPG
      ขนาดไฟล์:
      112.2 KB
      เปิดดู:
      983
    • SDC11405.JPG
      SDC11405.JPG
      ขนาดไฟล์:
      88.5 KB
      เปิดดู:
      991
    • SDC11408.JPG
      SDC11408.JPG
      ขนาดไฟล์:
      108.2 KB
      เปิดดู:
      970
    • SDC11412.JPG
      SDC11412.JPG
      ขนาดไฟล์:
      109.8 KB
      เปิดดู:
      948
    • SDC11413.JPG
      SDC11413.JPG
      ขนาดไฟล์:
      86.4 KB
      เปิดดู:
      934
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มิถุนายน 2009
  3. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ต่อด้วยภาพแสดงถึงการอธิฐานจิตร่วมกันครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    ภาพนี้พ่อแม่ลูก อธิฐานจิตร่วมกันครับ

    [​IMG]

    การทำพิธีสังฆทานครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    สาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SDC11414.JPG
      SDC11414.JPG
      ขนาดไฟล์:
      117 KB
      เปิดดู:
      912
    • SDC11416.JPG
      SDC11416.JPG
      ขนาดไฟล์:
      114.9 KB
      เปิดดู:
      910
    • SDC11418.JPG
      SDC11418.JPG
      ขนาดไฟล์:
      105.6 KB
      เปิดดู:
      925
    • SDC11419.JPG
      SDC11419.JPG
      ขนาดไฟล์:
      103.1 KB
      เปิดดู:
      916
    • SDC11420.JPG
      SDC11420.JPG
      ขนาดไฟล์:
      108.1 KB
      เปิดดู:
      911
    • SDC11422.JPG
      SDC11422.JPG
      ขนาดไฟล์:
      104.9 KB
      เปิดดู:
      898
    • SDC11424.JPG
      SDC11424.JPG
      ขนาดไฟล์:
      102.5 KB
      เปิดดู:
      878
    • SDC11425.JPG
      SDC11425.JPG
      ขนาดไฟล์:
      120.9 KB
      เปิดดู:
      878
    • SDC11427.JPG
      SDC11427.JPG
      ขนาดไฟล์:
      126.7 KB
      เปิดดู:
      70
    • SDC11428.JPG
      SDC11428.JPG
      ขนาดไฟล์:
      113 KB
      เปิดดู:
      880
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มิถุนายน 2009
  4. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471

    ด้วยไม่ค่อยได้ท่องเที่ยวแต่ละกระทู้ได้กว้างไกล เมื่อวันวาน บุญจัดสรรได้พบ คุณกะทิแคท ที่วัดราชสิทธาราม จึงได้รู้จักกองบุญมหากุศลครั้งนี้ และจะยินดีร่วมในโอกาสต่อไปค่ะ


    เห็นภาพแล้ว น้อมนึกถึงพระสูตร คีริมานนทสูตร ค่ะ
    กราบสาธุการ อนุโมทามิ ท่านเจ้าของกระทู้ และทุก ๆท่าน ทุก ๆ ประการ นะคะ
    ข้าพเจ้าขอกราบมหาโมทนาในบุญกุศลทั้งหลายเหล่านี้ด้วยความจริงใจ ขอให้อำนาจแห่งการมหาโมทนามัยนี้จงส่งผลเป็นกระแสบุญอันบริสุทธิ์หลั่งไหลสู่ดวงจิตของทุก ๆ ท่าน ที่มีส่วนร่วม และข้าพเจ้านับแต่นี้ด้วยเทอญ<O:p</O:p
     
  5. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ชุดสุดท้าย ส่งท้ายด้วย การถวายภัตราหารครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    และปิดท้ายด้วยพระท่านให้พรครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    พบกันใหม่ในรอบการทำบุญ เดือนกรกฎาคม 2552 ครับ

    ขอบุญคุ้มครองทุกท่านครับ

    สาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SDC11430.JPG
      SDC11430.JPG
      ขนาดไฟล์:
      107.8 KB
      เปิดดู:
      907
    • SDC11431.JPG
      SDC11431.JPG
      ขนาดไฟล์:
      101.2 KB
      เปิดดู:
      882
    • SDC11432.JPG
      SDC11432.JPG
      ขนาดไฟล์:
      113.9 KB
      เปิดดู:
      893
    • SDC11433.JPG
      SDC11433.JPG
      ขนาดไฟล์:
      113.8 KB
      เปิดดู:
      72
    • SDC11438.JPG
      SDC11438.JPG
      ขนาดไฟล์:
      115 KB
      เปิดดู:
      874
    • SDC11440.JPG
      SDC11440.JPG
      ขนาดไฟล์:
      111 KB
      เปิดดู:
      854
    • SDC11441.JPG
      SDC11441.JPG
      ขนาดไฟล์:
      105.5 KB
      เปิดดู:
      872
    • SDC11442.JPG
      SDC11442.JPG
      ขนาดไฟล์:
      114.2 KB
      เปิดดู:
      859
    • SDC11443.JPG
      SDC11443.JPG
      ขนาดไฟล์:
      108 KB
      เปิดดู:
      865
    • SDC11444.JPG
      SDC11444.JPG
      ขนาดไฟล์:
      101.1 KB
      เปิดดู:
      844
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มิถุนายน 2009
  6. kratium

    kratium เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +3,670
    ขอร่วมอนุโมทนาสาธุการ กับทุกท่านค่ะ ได้เห็นภาพที่นำมาลงไว้แล้วรู้สึกดีจัง ได้ทั้งความอิ่มเอมใจ และความน้อมใจในบุญของผู้อื่น ช่วงนี้การงานช่างรุมเร้า โดนทวงงานและตามงาน มาดูภาพงานบุญ ใจค่อยคลายจากการหมกมุ่นเรื่องงานประจำไปบ้าง (แอบบ่นนิดนึง)
     
  7. teerins

    teerins เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,796
    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ

    วันนี้ผมโอนเงินร่วมทำบุญ กับ ทุนนิธิ จำนวน 409 บาทครับ
     
  8. supakid79

    supakid79 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ร่วมทำบุญช่วยพระสงฆ์อาพาธ

    ร่วมสมทบบริจาคเงินเพื่ออนุเคราะห์พระสงฆ์อาพาธคะ จากนาง ชัชฎาพร อุปถัมพันธุ์ และ นาย อานุภาพ อุปถัมพันธุ์ ร่วมเงินบริจาค 800 บาท โอนเข้าวันที่ 30 มิถุนายน 2552 เวลา 06.38 จากตู้ ATM ธ.กรุงเทพ และ เวลา 08.51 จากตู้ ATM ธ.กสิกรไทย ขอโมทนาสาธุคะ
     
  9. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    รูปภาพเพิ่มเติมครับ

    [​IMG]
    ขอโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านครับทั้งท่านที่ช่วยออกกำลังทรัพย์และกำลังกาย-ใจ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 001.jpg
      001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      194.4 KB
      เปิดดู:
      355
  10. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    [​IMG]
    อาหารและน้ำปานะที่ได้นำมาถวายพระครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 002.jpg
      002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      159.8 KB
      เปิดดู:
      360
  11. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    [​IMG]
    บรรยากาศยามเช้าก่อนจะขึ้นไปทำบุญกัน ;aa46
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 003.jpg
      003.jpg
      ขนาดไฟล์:
      198.7 KB
      เปิดดู:
      358
  12. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 004.jpg
      004.jpg
      ขนาดไฟล์:
      184 KB
      เปิดดู:
      345
  13. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    [​IMG]

    แต่ละท่านต่างร่วมแรงร่วมใจ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 005.jpg
      005.jpg
      ขนาดไฟล์:
      197.7 KB
      เปิดดู:
      354
  14. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 006.jpg
      006.jpg
      ขนาดไฟล์:
      126.9 KB
      เปิดดู:
      363
  15. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    [​IMG]
    งานนี้สมาชิกตัวเล็กตัวน้อยเยอะเหมือนกันครับ ที่อยู่ยังไม่ลืมตาดูโลกก็ยังมาครับ (อยู่ในครรภ์) ;38
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 008.jpg
      008.jpg
      ขนาดไฟล์:
      139.5 KB
      เปิดดู:
      339
  16. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    [​IMG]

    รูปคุณปุ๊มอบเงินให้กับร้านค้าที่ทำข้าวกล่องให้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 009.jpg
      009.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.7 KB
      เปิดดู:
      348
  17. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    [​IMG]
    พอดีวันที่ไปเยี่ยมท่าน สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (พุฒ สุวัฑฒโณ) วัดสุวรรณาราม
    ทางลูกศิษย์บอกว่าหลวงปู่ท่านกำลังสร้างอุโบสถแต่ก็ใกล้เสร็จแล้วก็เลยได้ร่วมทำบุญสร้างอุโบสถกับหลวงปุ่
    และได้รับเหรียญนี้มาครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 010.jpg
      010.jpg
      ขนาดไฟล์:
      145.2 KB
      เปิดดู:
      288
  18. natta_pea

    natta_pea เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +1,515
    วันนี้ เวลา 16.50 น. ผมได้โอนเงินผ่าน ATM
    ร่วมทำบุญฯ จำนวน 200 บาท
    ขอโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ
     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    ใครไปร่วมทำกิจกรรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ได้ไป
    พระองค์ท่านมีบารมีเกริกไกรจนน่าเกรงขาม
    "ท่านพระบรมมหาโพธิสัตว์กวนอิม"



    [​IMG]


     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    สวัสดีวันพระ อีกครั้งกับ "หลวงตามหาบัว"

    [​IMG]

    ทหารเรือ ผู้ไม่มีวาสนา


    สมัยก่อนผมไม่เคยรู้จักหลวงตามหาบัวมาก่อน ผมได้เคยไปทำบุญทางสายหลวงปู่ดุลย์กับท่านอาจารย์จันทร แต่มันน่าแปลกที่ผมไม่เคยรู้จักหลวงตาเลย ผมจึงมานึกคิดทีหลังว่า มันมีสายใยเชื่อม คือว่า ตอนที่ผมบวชเมื่ออายุ 20 ปี เป็น พระมหานิกาย แล้วคิดในใจว่า เรามาบวชแบบนี้มันไม่ได้บุญ บังเอิญผมได้รู้จักกับลูกศิษย์ท่านอาจารย์ใช่ ที่วัดเขาฉลาก ผมก็ปรึกษากับเขาว่า ผมบวชแบบนี้มันไม่ได้บุญ ผมจะต้องไปบวชแบบไหนมันถึงจะได้บุญเต็มที่ ลูกศิษย์คนนั้นก็บอกมาว่า ถ้าอยากได้บุญจริง ๆ เดี๋ยวจะพาไปหาท่านอาจารย์ใช่ ระหว่างนั้นผมเพิ่งบวชกำลังเป็นพระบวชใหม่ ห้ามไม่ให้ออกจากนอกวัด แต่บังเอิญลุงของผมเป็นเจ้าคณะจังหวัด ผมจึงขอท่าน แล้วท่านก็อนุญาต หลังจากนั้นมาผมจึงไปอยู่กับท่านอาจารย์ใช่ ที่เมืองชลบุรี 1 พรรษา ปรากฏว่าท่านอาจารย์ใช่ ท่านได้ปฏิบัติธรรมกับพระมหานิกาย แต่ถือคติแบบธรรมยุต คือ ไม่จับเงิน ฉันอาหารมื้อเดียว บิณฑบาตเป็นวัตร ฉันข้าวในบาตร และท่านได้เคยเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่บัว เคยอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด และก็ออกไปตั้งวัดอยู่ที่วัดเขาฉลาด แต่ท่านบอกว่าไม่ต้องมาเปลี่ยนนิกายหลอก พระมหานิกายแบบนี้มันเหมือนกัน ระหว่างที่ผมอยู่กับท่าน ท่านได้อบรมสั่งสอนและได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับวัดป่าบ้านตาดและหลวงตามหาบัวให้ฟัง ในสมัยก่อนจะเป็นป่า ไฟฟ้าไม่มีใช้ จะใช้ตะเกียงตั้งโต๊ะ ลำบากมากแต่ก็ได้ความสุขมาก สิ่งเหล่านี้ก็อาจจะเป็นสายใยเชื่อมถึงกัน

    แล้วส่วนมากผมก็จะไปเรื่อยเปื่อยตามประสาของผม เช่น ไปหา หลวงปู่ดุลย์ ท่านอาจารย์จันทร หลวงพ่อคำพอง ไปถวายสังฆทานบ้าง ไปรอบ ๆ เกือบทุกที่บริเวณนั้น แต่ผมก็ไม่เคยเข้าไปที่วัดป่าบ้านตาด เป็นเรื่องแปลกนะ จนกระทั่ง ลูกศิษย์ของผมทนไม่ได้ เข้ามาอ้อนวอนว่า “ครู...ไปหากราบท่านอาจารย์หลวงตามหาบัวเถอะ” ผมก็คิด เอ๊ะ...บัวไหนไม่รู้จัก จนลูกศิษย์ผมก็เข้ามาอ้อนวอน บ่อย ๆ ครั้งเข้า ผลสุดท้าย ลูกศิษย์บอก “ครู ผมกราบครูแล้วนะครับ ขอให้ครูไปสักครั้งเถอะ” ผมก็รู้สึกรำคาญแล้วตอนนั้น พอดีท่านหลวงตาตอนนั้นไม่ได้อยู่ที่อุดรธานี ท่านมาอยู่ที่สวนแสงธรรม ผมก็ไม่รู้จักจึงให้เขาพามากราบ พอตอนเย็นผมจึงมาดูสถานที่ก่อน ว่าที่ตรงไหนบ้างได้อยู่ตรงไหนและใช้ทำอะไรบ้าง เวลาเท่าไร วันรุ่งเช้าผมก็มาเลย มายืนเข้าแถวใส่บาตรตามอย่างคนอื่น ซึ่งมีคนมากันมากในวันนั้น ผมจำได้ หลวงตาท่านเดินนำหน้าออกมาจากวัด หลวงพ่อเพียรเดินตามหลัง ท่านดิกส์เดินตามมา พอผมเห็นทันใดนั้นก็เกิดความศรัทธาขึ้นมา เพราะท่านจะเดินลำตัวตรง ดูสง่างาม น่ากลัว จึงคิดในใจว่า พระองค์นี้ไม่ใช่พระธรรมดาแน่ ลักษณะที่ท่านเดินไม่ใช่พระธรรมดาเขาเดินกัน ท่านเดินเหมือนกษัตริย์ จะเดินนิ่ง ๆ เหมือนตัวท่านลอยอยู่ ท่านก็เดินรับบาตรมาเรื่อย ๆ จนมาถึงผม ปรากฏว่าท่านปิดฝาบาตรทันทีเลย แล้วถามว่า “อยู่ที่ไหน ทำงานอะไร” ผมก็กราบเรียนท่าน ท่านถามมาอีกว่า “แล้วมัวไปตกนรกขุมไหนอยู่ ทำไมถึงเพิ่งมา” แล้วท่านก็เปิดฝาบาตรให้ผมใส่ ก่อนผมจะใส่บาตรความรู้สึกในใจคิดสวนทางขึ้นมาทันทีว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผมจะมาหาท่านไม่ให้ขาด” ซึ่งผมไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดตอบท่านนะ แต่ใจมันพาคิดไปเอง แล้วผมก็ใส่บาตร ท่านก็มองหน้าผมแล้วก็เดินต่อไป นับตั้งแต่วันนั้นมาผมก็ได้มาหาท่านไม่เคยขาดเลยเกือบระยะเวลานาน 20 ปี มาแล้ว

    พอวันรุ่งขึ้นจากวันนั้นมา ผมไม่ได้ใส่บาตรแล้ว ถือกระป๋องแทน เพื่อที่จะคอยเดินรับของที่ใส่บาตรให้ท่าน พอของเต็มบาตรแล้วจึงคอยรับของจากบาตรท่าน และเทใส่กระป๋อง เดินตามหลังท่านต้อย ๆ ทำแบบนี้ทุกวัน ๆ แล้วจึง ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นไปรับบาตร พอท่านเทเสร็จแล้ว ขากลับก็จะมีคนถือบาตร สมัยนั้นจะมีผู้กำกับสารวัตรกับคุณเกรียงชัย

    ตั้งแต่ที่ผมได้มาอยู่รับใช้ท่าน ท่านจะเมตตาผมมาตลอด ไม่เคยถูกท่านว่ากล่าว จนกระทั่งวันที่ได้ใกล้ชิดท่านมากที่สุด คือ วันที่ได้มีโอกาสประเคนอาหารให้ท่าน เพราะคุณหลวงไม่ได้มา ท่านก็ถามผม “รู้จักคุณหลวงไหม” ผมก็มองหน้าท่านไม่ตอบ ท่านถามต่ออีก “อ้วน ๆ หัวล้าน ๆ น่ะ รู้จักไหม” ผมยกมือไหว้แล้วตอบท่านไป “รู้จักครับ” ท่านก็ไม่พูดต่อ แล้วปัจจุบันผมกับคุณหลวงก็ได้รู้จักมาจนถึงทุกวันนี้

    มีอยู่วันหนึ่ง ผมขับรถยี่ห้อเฟียส128 สีขาวคันเล็ก ๆ สภาพเก่า ๆ จะไปที่สวนแสงธรรม ซึ่งรถคันนี้ชอบมาเสียกลางทางประจำ ช่วงนั้นผมเล่นดนตรีที่ โรงแรมรีเจนท์ ผมก็คิดว่าเงินเดือนจะออกให้แต่ไม่ออกในวันนั้น น้ำมันไม่มีเติมรถ พอขับ ๆ ไปในใจคิดระแวงกลัวน้ำมันจะหมดกลางทาง พอขับมาถึงพาต้าน้ำมันก็เริ่มจะหมดแล้ว เพราะรถมันสบัดคลื่ด ๆ ผมก็รู้ว่าน้ำมันหมดแล้วแน่ ๆ ผมก็พูดในรถว่า “หลวงปู่ครับช่วยให้ถึงวัดนะครับ ผมไม่มีเงินเติมน้ำมันนะครับ” ผมก็พูดของผมเสียงดังอย่างนี้ในรถ ขับไปรถมันเริ่มจะคร่อกแคร่ก ๆ พอมาถึงประตูวัดยังไม่ทันได้เข้าไป รถเกิดดับน้ำมันหมดแน่ ๆ เลยร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็สบายใจแล้ว เพราะถึงวัดแล้ว ผมจอดรถไว้ข้างนอก เดินเข้าไปในวัด เห็นท่านยืนอยู่หน้าศาลา ใส่อังสะ ผมจึงเดินเข้าไปกราบเท้าท่าน ท่านก็เรียก “หวัด ๆ เอาเงินให้ทหารเรือ 1,000 บาท ที” ด้วยความตกใจ ผมบอก “ไม่ ๆๆ ครับ” ท่านทุบหลังผมดังตุ๊บเลย แล้วท่านบอก “เอาไปเติมน้ำมัน” แล้วท่านก็เดินขึ้นกุฏิไป ความรู้สึกของผมในตอนนั้นเป็นแบบว่า ใจถึงใจเลยทีเดียว

    เวลาที่ท่านมากรุงเทพฯ ผมจะไม่กินเหล้าเลย จะเป็นคนดี คอยรับใช้ท่านทุกอย่างไม่มีไปไหน แต่พอท่านเดินทางกลับเมื่อไหร่นะ วันนั้นผมจะกินเหล้ากินเบียร์ ซึ่งผมจะกระทำแบบนี้เป็นประจำ มีอยู่วันหนึ่ง ผมขึ้นบันไดกุฏิท่าน ก็โผล่หน้าไป ท่านพูดออกมาลอย ๆ ว่า “อ้าว สะแตกเข้าไปนะเหล้า ๆ” คนในกุฏิก็หันมองกันสิ คิดว่า ท่านได้ว่าใครกัน ผมเลยหลบ ๆ ท่านเงียบไม่พูดอะไรต่อ พอผมโผล่หน้าไปอีกที ท่านชี้หน้าแล้วพูด “เอ้า แดกเข้าไปสิเหล้า แดกเข้าไปสิเหล้า” พอท่านพูดจบเท่านั้นแหละ คนในกุฏิหันมามองที่ผมคนเดียวเลย ขณะนั้นใจผมมันตั้งสวนขึ้นมาทันทีว่า แปลกเหมือนกันนะ เป็นบุญของเราที่จะเลิกกินเหล้าได้ เลิกเด็ดขาดไม่แตะต้องอีก หลังจากนั้นมาผมจึงเลิกกินเหล้าและอบายมุขได้ ชีวิตผมก็ดีขึ้น

    เวลาที่บุญจะส่ง ท่านก็มีเมตตาผม มีอยู่วันหนึ่ง รถของผมคันเดิม เฟียส128 ได้จอดอยู่ พอตอนบ่ายท่านเดินลงมาจากกุฏิ เข้ามาที่ผม ถามว่า “รู้จักมูลนิธิหลวงปู่มั่นไหม” ผมตอบรู้จักครับ แล้วท่านก็เดินขึ้นไปนั่งรถของผมเลย ผมพูดว่า “อู๊ย...หลวงปู่ครับรถผมไม่มีแอร์นะครับ” ท่านบอก “เกิดมาก็ไม่ได้เอาแอร์มาด้วย” หลวงพ่อเพียรนั่งหลัง ส่วนหลวงปู่นั่งหน้า ผมก็เปิดกระจกออก พอขับ ๆ ไปผมก็ระวังไปด้วย ลมพัดจีวรปลิวเลย นี่คือความเมตตาของท่านที่ท่านได้ให้ผม

    แล้วรถคันนี้ซึ่งปรากฏว่า ผมได้มาวัดสายในวันนั้น ซึ่งผมจะทำหน้าที่ประเคนของให้ท่าน ก็รีบด้วย มาถึงก็รีบจอดรถไม่ได้ใส่เกียร์ จอดไว้ข้างสระน้ำใหญ่ ขณะที่ผมกำลังประเคนของอยู่ รถเกิดไหลลงน้ำ มีคนเห็นเข้าจึงร้องตะโกนว่า “รถตกน้ำ ๆ” อย่างตกใจ ผมได้ยินจึงหันไปมอง นี่รถเราเอง สีขาว ๆ คันเล็ก ๆกำลังจมลงน้ำแล้ว ผมก็เฉย ๆ นึกในใจ เราไม่มีเงิน มีอยู่ 1,000 กว่าบาท ผมยังเฉยอยู่ ก็ประเคนของ ช่วยงานอย่างอื่นบนศาลาจนเสร็จเรียบร้อย แล้วท่านก็มายืนดูถามว่า “รถของใคร” ผมบอกว่า “รถของผมครับ” ด้วยความเมตตาของท่าน ปรากฏว่า คนในสวนแสงธรรมได้มาช่วยกัน พี่ปุกก็ถือซองถุงก๊อปแก๊ปเข้ามาเรี่ยไร บอกให้ช่วยคุณชาญณรงค์หน่อย ช่วยกันคนละนิดละหน่อย และมีป้าอยู่คนหนึ่งเข้ามาบอกว่า “คุณชาญณรงค์ขา...ป้าไม่มีเงินเลยนะคะ มีอยู่ 50 บาท คุณชาญณรงค์เอาไปเลยนะคะ” ตอนนั้นทำให้ผมรู้สึกซาบซึ้งมาก บางคนก็ไปตามหน่วยบรรเทาสาธารณภัยมา ยกรถขึ้น รถเสียหายมาก เอาไปซ่อมโดยต้องเสียเงินเลย เพราะมีบางคนเขารับอาสานำไปซ่อมเพื่อทำบุญถวายท่าน ได้เงินที่รับบริจาคมาอีก 30,000 กว่าบาท เพราะความเมตตาของท่าน หลังจากซ่อมรถเสร็จ รถอยู่ในสภาพที่แย่มากแล้ว จึงนำรถไปขาย ได้ราคา 25,000 บาทนำไปรวมกับอีก 30,000 กว่า ตอนนั้นผมมีเงินอยู่ 60,000 บาท บังเอิญน้องชายของภรรยาเขาขายรถมาสด้า 323 ให้ผม 180,000 บาท มีเงินอยู่ 60,000 บาท มีคน ๆ หนึ่งเขารู้ว่าผมไม่มีเงิน ซึ่งเขาไม่ให้เอ่ยชื่อของเขา เป็นพระคุณกับผมมาก เขาเรียกให้ผมไปที่บ้านเขาให้ไปเอาเงินมาซื้อรถ ผมก็รวมเงินมาซื้อรถได้ พอถึงตอนเย็นผมไปรับใช้ท่าน คอยไล่ยุงให้ท่าน ท่านเทศน์ให้ฟัง “คนไหนที่เขามีบุญคุณให้เงิน ให้ทองมา โดยที่เขาไม่ได้คิดดอกเบี้ยหรือคิดอะไรเลยกับเรานี่นะ ถ้าเรามีน่ะเราให้คืน ควรจะตอบแทนบุญคุณเขา” ท่านเทศน์ให้เราฟังลึกซึ้งมาก ในใจผมก็นึก ผมจะปฏิบัติตามที่ท่านสอน ถ้าผมมีเงินผมก็จะใช้คืนให้เพื่อทำตามที่ท่านเทศน์สอนผม

    หลังจากที่ซื้อรถมา พอรุ่งเช้าเลิกงานผมเอารถมาขับ ผมก็ไปรับคนมีพระคุณก่อนเลยที่ให้เงินผม บอกพี่มานั่งปฐมฤกษ์ก่อนที ผมให้พี่นั่งคนแรกเลยนะ ขับมาจอดที่สวนแสงธรรม ท่านเดินรับบาตรผมเดินตามท่าน ท่านก้มรถดูท้ายรถผม ผมบอก “รถผมครับ” แล้วท่านก็เดินรับบาตรไปจนถึงสุดทางของท่าน ขากลับผมก็อุ้มบาตรท่านมา พอเดินมาถึงรถผม ปรากฏว่าท่านก็หยุดดูอีก ผมบอก “รถผมครับ” ท่านเฉยไม่ได้พูดอะไรเลยนะ แล้วท่านก็เดินเข้าวัด แต่มีคนเห็นว่าท่านได้มองรถผม 2 เที่ยวไปกลับ ท่านมองที่ทะเบียนรถผม ทุกคนในวัดคอยสังเกตท่านอยู่ตลอดเวลา เอาเลขทะเบียนของผมไปซื้อล็อตเตอรี่กันเกือบทั้งศาลา วันรุ่งขึ้นผมขับรถเข้ามาในสวนแสงธรรมตามปกติ ทุกคนปรบมือให้เกียรติผม ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับทักทายด้วยความยินดีว่า “คุณชาญณรงค์รวยแล้ว” แต่เปล่าเลย ผมไม่ได้คิดว่าล็อตเตอรี่จะออกตามเลขทะเบียนรถ ซื้อเล่น ๆ เพียงไม่กี่บาท คนอื่นเกือบทั้งวัดถูกกันทั้งศาลา พอถึงกลางคืนท่านเทศน์เรื่อง “ผู้ไม่มีวาสนา” ผมได้แต่ก้มหน้ารับฟังเทศน์ของท่านด้วยความเลื่อมใสในชะตาชีวิตของผมไม่มีวาสนา

    ผมได้ดีเพราะคำสอนของท่านนั้นสำคัญมากที่สุด ท่านเคยเรียกผมเข้าไปนั่งใกล้ ๆ แล้วท่านก็สอนผมว่า “เลิกซะนะ อย่าทำนะ เลิกซะนะ” ท่านทำให้ผมคิดว่าต้องเลิกทำในสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายนั้นให้ได้ ท่านรู้ถึงความในใจของผมตลอด ตั้งแต่นั้นมาชีวิตของผมก็เริ่มดีขึ้น ๆ มา

    มีสามีภรรยาคู่หนึ่งเป็นคนดีมาก ซึ่งเป็นเพื่อนของผมและเป็นแฟนเพลง เวลาที่ผมไปเล่นคอนเสริตที่เสรีเซ็นเตอร์พวกเขาก็จะไปนั่งฟังผมเล่นดนตรีตลอด พอผมเล่นดนตรีเสร็จก็นัดกันว่าอีก 2-3 วันจะมานั่งกินข้าวด้วยกัน คุยกันเหมือนครอบครัว พอถึงเวลาผมก็โทรศัพท์ไปหาพวกเขา ปรากฏว่าพวกเขามาทานข้าวไม่ได้เสียแล้ว เพราะว่าลูกสาวของพวกเขาได้ถูกรถสิบล้อมันปีนเกาะข้างถนนขึ้นมาชนแถวหน้าบ้าน ซอยลาดพร้าว ปกติเขาต้องไปส่งลูกสาวเขาทุกวัน แต่วันนั้น ตอนตี 5 ครึ่งไม่ได้ไปส่ง ลูกออกมายืนรอรถเมถ์ รถสิบล้อมันเบรคแตกปีนเกาะมาชนตู้โทรศัพท์พังแล้วก็มาชนลูกสาวเขาเข้า ล้มหัวฟาดถนนกระโหลกร้าว ต้องเข้าโรงพยาบาลลาดพร้าว ผ่าตัดสมอง เมื่อผมได้ทราบจึงเอ่ยปากถามด้วยความตกใจไปว่า ลูกสาวชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ พักอยู่ห้องไหน แล้วผมก็บอกเดี๋ยวจะกราบเรียนท่านอาจารย์ให้ เขาก็บอกกลับมาว่า คุณชาญณรงค์ช่วยหน่อยครับ ๆ ช่วยกราบเรียนพระให้หน่อย เขาคงคิดว่าผมต้องไปกราบเรียนท่านที่วัดป่าบ้านตาดจริง ๆ แต่เปล่าเลยผมเข้าห้องพระ ในความที่จิตผมปรารถนาจะช่วยเขา ก็จุดธูปกราบเรียนท่าน ขอให้เมตตาช่วยลูกสาวของพี่คนนี้ ชื่อนี้ นามสกุลนี้ พักอยู่ที่ห้องนี้ ที่โรงพยาบาลลาดพร้าว แม่ชื่อเล็ก พ่อชื่ออนุชิตและลูกสาวชื่ออรัญญา เกิดความอัศจรรย์ว่า ตอนกลางคืนแม่นั่งเฝ้าลูกอยู่ ก็เห็นพระองค์หนึ่งเดินเปิดประตูเข้ามาในห้อง ห่มจีวรสีคล้ำ ๆ เหมือน พระป่า ผมขาว ๆ เดินตัวตรง ๆ เข้ามา เดินวนรอบเตียงลูกสาวเขาลูกเขาก็ยังไม่ได้สติ เดินวนดูนู่นดูนี่ เขาก็นั่งพนมมือ พระมาเยี่ยม ไม่ได้พูดอะไรมองท่าน แล้วท่านก็เดินออกไป เขาก็คิดว่าพระที่อยู่ห้องตรงข้ามมาเยี่ยม เพราะห้องตรงข้ามจะมีพระป่วยอยู่องค์หนึ่ง เขาจึงคิดว่าพระองค์นั้นมาเยี่ยม เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะนำอาหารไปถวายให้ท่านฉัน จึงโทรศัพท์สั่งให้สามีเตรียมอาหารพรุ่งนี้จะเอาไปถวายพระ หลังจากท่านเดินออกไปสักครู่หนึ่งลูกสาวได้ฟื้นขึ้นมา บ่นบอกมาว่า อยากทานโจ๊ก แม่ก็โทรศัพท์หาพ่อเขาทันที ให้ต้มโจ๊กมาเดี๋ยวนี้มาในคืนนี้เลย เพราะลูกฟื้นแล้วบ่นอยากทานโจ๊ก พอถึงตอนเช้าเขาก็นำอาหารไปถวายพระองค์นั้น ปรากฏว่าพระองค์นั้นผอมดำ กำลังให้อ๊อกซิเย่น ก็คิด ไม่ใช่องค์ที่เห็นเมื่อคืนนี้เลย จึงไม่รู้ว่าเป็นพระองค์ไหน ตั้งแต่ตอนที่ลูกบ่นว่าอยากทานโจ๊ก อาการของลูกก็ดีขึ้น ๆ มาเรื่อย ๆ จนหายเป็นปกติ พวกเขาก็มาฟังดนตรีผมอีก แล้วบอกว่า ลูกสาวได้หายป่วยแล้ว ขอบใจอาจารย์นะที่อุตส่าห์ไปกราบเรียนท่านให้ช่วยเหลือลูกสาวผม ผมขอฝากเงินไปถวายท่านหลวงตามหาบัวให้ด้วยสิ ผมจึงบอกให้เขาเขียนจดหมายไปหาท่านเอง จ่าหน้าซองถึงพระอาจารย์หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด อำเภอบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี ส่งถึงอยู่แล้ว แล้วเขาบอก อาจารย์ผมขอรูปท่านสักใบได้ไหม ผมบอกได้ ๆ ไม่มีปัญหา แล้วพรุ่งนี้มาเอาที่เสรีเซ็นเตอร์ผมจะไปเล่นดนตรีที่นั่น วันนั้นเขาก็มา ผมก็เอารูปหลวงตาให้เขา ในระหว่างที่คนดูกำลังเยอะ ๆ ตอนนั้น พอเขาได้เห็นรูป เขาก็บอก “องค์นี้แหละใช่แล้ว ๆ องค์ที่ได้มาหาในห้องคืนนั้น” เขายืนยันเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงว่า เป็นองค์เดียวกันกับที่อยู่ในรูป ก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ท่านไปได้อย่างไร ปัจจุบันครอบครัวนี้ได้เป็นลูกศิษย์ท่านมาตลอด

    ตลอดระยะเวลา 20 ปี ที่ผมได้ไปกราบท่านความรู้สึกของผมไม่เคยเปลี่ยนแปลง ท่านมีความเมตตาต่อผมมาตลอด และสังขารของท่านชราลงไป แต่ความเข้มข้นของท่านยังเหมือนเดิม ใจดีถ้าเราไม่ได้ทำผิดท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ตั้งแต่ที่ผมได้อยู่กับท่านมา ผมถูกท่านดุแค่ 2 ครั้ง คือ ครั้งแรกผมถูกท่านดุด้วยวาจามีแม่ชีมาฝากหนังสือหลวงปู่หลุยส์ไว้จะให้ท่านแจกให้ เผอิญท่านขึ้นกุฏิไปแล้ว ผมก็เอาหนังสือวางไว้ก่อน ยังไม่ได้ถวายให้ท่าน แล้วผมได้ออกไปข้างนอกวัด ท่านถามท่านดิกส์ว่า “หนังสือของใคร” ท่านดิกส์ได้บอกว่าเป็นของผม ท่านสั่งท่านดิกส์ไว้ ถ้าผมกลับมาแล้วให้ขึ้นไปพบท่าน พอไปพบท่านใจผมแว๊บเลย ท่านถาม “หนังสือพวกนี้มาจากไหน” ใจผมมันตุ๊บ ๆ ผมตอบ “แม่ชีฝากมาถวายหลวงปู่ให้แจกให้” ท่านบอกกลับมาว่า “ท่านรู้ไหมมันใช้เรา” เราไปรับไว้ได้ยังไงสุ่มสี่สุ่มห้า ลูกศิษย์ใช้อาจารย์ ท่านเป็นผู้ที่ละเอียดรอบคอบจริง ๆ ท่านให้เอาหนังสือไปคืน แล้วไม่ได้ว่าอะไรอีก สอนผมว่าทำอย่างนี้ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสมนะ และครั้งที่ 2 ท่านดุด้วยกริยา สมัยก่อนอาสนะข้างบนที่ฉันอาหารเวลาท่านฉันเสร็จแล้วจะไม่มีพระเข้าไปยุ่งมีแต่ฆราวาส มีผมกับคุณหลวงที่คอยทำหน้าที่เก็บกระโถน เก็บอาหาร ทำความสะอาดเช็ดถูให้เรียบร้อย ยาคูลท์ท่านก็วางไว้ คนข้างล่างเห็นเข้าจึงพูดว่า “ คุณชาญณรงค์ขา ขอยาคูลท์ขวดค่ะ” ผมก็หยิบส่งให้ ท่านก็มองผมอยู่แล้ว พอคนอื่นเห็นอีกทีก็ขอ “คุณชาญณรงค์ขา ขอยาคูลท์อีกขวดค่ะ” พอผมจะเอื้อมมือหยิบส่งให้ ท่านก็เอามือตีมือผม พั๊ว แล้วบอกว่า “เราทำได้คนอื่นก็ต้องทำได้อย่างเราเหมือนกัน” ผมก็รู้ขึ้นมาเลยว่าเราทำไม่เหมาะสม เรามีหน้าที่ตรงนี้ เราทำอย่างนี้ได้คนอื่นเขาก็อยากจะทำอย่างเราได้เหมือนกัน ไม่ใช่หน้าที่เรา เวลาท่านฉันเสร็จก็จะบอกเองว่า เอ้า มาเอาไปแจกกัน ถ้าท่านสั่งเองแบบนี้เราถึงจะทำได้ ไม่รู้จักการควรหรือไม่ควร ผมจึงถูกดุถึง 2 ครั้ง และอีกครั้งหนึ่งท่านดุด้วยสายตาคือ การวางกระโถนหมากให้ท่านต้องระวังอย่าวางให้มีเสียงดัง ผมก็ฝึกวิธีการวางอยู่หลายวัน พอผมวางกระโถนมีเสียงดังโป๊กท่านก็จะมองหน้า ทีหลังพอผมวางเงียบท่านก็ไม่เคยมองอีกเลย ท่านจะฝึกสติแล้วสอนด้วยสติ จะทำการอะไรต้องมีสติ อย่าทำด้วยความคุ้นเคย และมีอีกเรื่องหนึ่งคือ ท่านจะมีมีดอยู่อันหนึ่งไว้เฉือนหมากของท่านเอง สมัยก่อนหมากจะเป็นลูก ๆ ท่านก็ให้ผมหยิบมีดให้ ผมก็หยิบมีดแล้วส่งทางปลายมีดให้ท่าน ท่านก็ไม่รับ มองหน้าผม ผมจึงคิดได้ว่า เอ๊ะ ทำไมท่านถึงไม่รับมีดที่เราส่งให้ เป็นเพราะผมได้ส่งผิดทาง ส่งปลายมีดให้ท่าน ดังนั้นผมจึงเปลี่ยนวิธีส่งให้ใหม่ คือหันทางด้ามส่งให้แทน ท่านถึงจะรับ ทำให้เรารู้ว่าการส่งมีดให้ผู้ใหญ่ต้องส่งอย่างไร ท่านจะมีวิธีการสอนที่แตกต่างกัน จากการสังเกตของผมถ้าใครเป็นลูกศิษย์ของหลวงตาจริง ๆ มักจะเป็นผู้ให้ตามที่ท่านปฏิบัติ การเป็นผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของทุกคน มีอยู่วันหนึ่งคุณหลวงแต่งชุดซาฟารีสีน้ำเงิน จะเดินทางไปลำปาง วันนั้นก็ใกล้วันเกิดของคุณหลวง เนื่องจากผมกับคุณหลวงก็รักใคร่นับถือกันมานาน ผมจึงให้เหรียญหลวงปู่มั่นโดยมีรูปของหลวงตานั่งสมาธิอยู่ข้างหลัง ซึ่งรูปนี้คุณหลวงได้เป็นคนทำ โดยนำมาจากหน้าปกวีดีโอ และพี่ศิริได้ทำเป็นรูปเล็กมาแจกในวันเกิดหลวงตา ผมได้มารูปหนึ่งก็เอามาตัดปรับเข้ากับรูปเหรียญและตัดแปะเข้าไว้ แล้วนำไปเลี่ยมทองมอบให้ในวันเกิดของคุณหลวง แล้วคุณหลวงได้ใส่ไว้ในกระเป๋าและมากราบลาหลวงตาเพื่อที่จะเดินทางไปจังหวัดลำปาง ในวันรุ่งขึ้น จุ๋มโทรมาบอกว่า “คุณหลวงถูกรถชนที่นครสวรรค์” ผมจึงไปกราบเรียนหลวงตา ท่านก็เดินออกจากห้องมา แล้วบอกท่านไปว่า “หลวงปู่ครับ คุณหลวงถูกรถชนครับ ที่นครสวรรค์ครับ อาการยังไม่ทราบเป็นอย่างไรครับ” ท่านหยุดนิดหนึ่งแล้วพูดว่า “เราไม่คิดว่าจะกลับมา” แล้วท่านก็เดินเข้าไปในกุฏิปิดประตูเงียบเลย และท่านออกมาตอนค่ำ ๆ แล้วบอกว่า “ไม่เป็นไร” พอวันรุ่งขึ้นคุณหลวงก็เดินโผเผก้มกราบเท้าหลวงตาด้วยน้ำตา ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาชีวิตคุณหลวงเหมือนตายไปแล้วแต่ที่ ไม่ตายเพราะบารมีของหลวงตาคุ้มครองอยู่ตลอดเวลาช่วยจนกระทั่งคุณหลวงได้ฟื้นขึ้น เพราะสาเหตุนี้คุณหลวงจึงทำล็อคเก็ตเป็นครั้งแรก

    ผมกับคุณหลวงก็ได้ปรึกษาหารือว่าจะทำล็อคเก็ตกัน และให้สันติเป็น คนทำ ได้ทำขึ้น 2 แบบ คือ ขนาดเล็กกับขนาดใหญ่เป็นของผู้ชายกับผู้หญิง ผมกับคุณหลวงก็ขึ้นไปหาท่าน และคุณอภิชาติ คุณหลวงขึ้นไปกราบเรียนท่าน พูดถึงผมแล้วหยิบเหรียญองค์นั้นมาให้ท่านดูเล่าถึงความเป็นมาว่าได้รอดตายมาเพราะมีรูปท่านอยู่ข้างหลัง ก็ขออนุญาตจะทำล็อคเก็ตเพื่อนำไปป้องกันอันตราย ท่านบอก “อย่าพูดอย่างนั้นสิ” ท่านเตือน มันไม่ใช่อย่างนั้นเดี๋ยวจะกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไป คุณหลวงได้กราบเรียนว่า ไว้ให้ลูกศิษย์ได้กราบไว้บูชา ท่านบอกว่า “ไหนเอามานี่ซิ” แล้วท่านก็พิจารณาเมตตาทำให้อย่างดี ผมจำได้ว่า ท่านจะเอามือเคล้าไปมา พอเสร็จแล้วท่านก็ให้ผมมา อุ้มลงมาพอเห็นท่านน้อย ท่านน้อยบอก “เอามานี่แบ่งกันบ้าง” ผู้กำกับโชคดีมาพอดีได้ไปด้วย นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้ทำล็อคเก็ตแจก

    พิธีงานบุญประทายข้าวเปลือกมีอยู่ว่า ชาวนาเอาข้าวเปลือกส่วนหนึ่งมาถวายท่านอีกส่วนหนึ่งจะนำไปหว่านเพาะต้นกล้าเพื่อที่จะปลูก ขอให้ท่านทำน้ำมนต์ท่านก็เมตตาทำน้ำมนต์ให้แล้วพรมข้าวเปลือกที่จะเอาไปหว่าน หลังจากนั้นชาวนาก็เอาไปหว่านกัน ปรากฏว่า ต้นกล้าเจริญงอกงามดีไม่มีแมลงมารบกวน ชาวนาก็เกิดความศรัทธาจึงนำข้าวเปลือกมาถวายกันทุกปี ๆ มากขึ้น ๆ จนกลายเป็นงานใหญ่ขึ้นมา พอถึงวันงานบุญจะมีชาวนาเอาข้าวเปลือกมาถวาย แล้วท่านก็จะเอาเข้าโรงสี สีข้าวออกมาเป็นข้าวสารเพื่อแจกจ่ายให้ตามโรงพยาบาล คนยากจนต่าง ๆ ที่เดือดร้อน ส่วนพิธีคือ เช้าขึ้นมาท่านก็จะทำน้ำมนต์ระหว่างนั้นพระจะสวดแล้วนำน้ำมนต์ไปประพรมข้าวสาร ในงานของท่านจะมีโรงทานมาเปิดกันมากมายจะมีผู้คนมากินกันมากด้วย ผมเองก็ได้ร่วมเปิดโรงทานด้วยเช่นกัน

    งานสามแดนโลกธาตุ ท่านจะเอาวันที่โยมแม่ท่านเสีย ท่านจะต้องทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้โยมแม่ของท่านในวันนั้น และอัฐิของโยมแม่ท่านจะนำไปไว้ที่ต้นโพธิ์ถือว่าเป็นศูนย์กลางของวัด ท่านได้เล่าให้ฟังว่า “ในวันนั้นทำไมถึงเรียกว่างานสามแดนโลกธาตุหมายความว่า เมื่อเขาอุทิศบุญให้แล้ว พวกที่ควรจะรับบุญก็จะมาคอยรับกุศล ถ้าญาติที่มาในงานนั้นหรือญาติที่อยู่ส่วนไหนก็แล้วแต่อุทิศบุญอนุโมทนาให้ เขาก็จะชื่นใจที่ได้รับกุศลนั้นไป แต่มีญาติบางพวกที่ไม่มีญาติมาอุทิศบุญให้เขาก็กลับไปด้วยความสลดใจ พวกที่รู้ก็รีบมากันอย่างตื่นเต้นดีใจ เมื่อญาติไม่ได้มาอุทิศกุศลให้ท่านจึงเกิดความเมตตาสงสาร จุดนี้จึงเป็นเหตุทำให้เกิดทำการสามแดนโลกธาตุเพื่อที่ให้ญาติทั้งหลายได้รับบุญกุศลนั้นอย่างถ้วนหน้ากัน จุดมุ่งหมายของท่านคือ ให้ลูกศิษย์ทั้งหลายมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติทั้งหลายที่ตายไปแล้ว ให้ระลึกถึงบรรพบุรุษที่ได้ล่วงลับไปแล้ว

    สิ่งต่าง ๆ ที่ท่านทำทั้งหมด ท่านไม่ได้ทำเพื่อตัวของท่านเอง ถ้าเราคิดให้ดีแล้ว เมื่อเราเอาสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปถวายท่าน ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเงินทองทั้งหลายท่านไม่ได้รับแต่เราต่างหากที่เป็นผู้ได้รับแทนและยังจะออกไปสู่มวลชนต่าง ๆ ด้วย สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นที่ท่านได้รับบริจาคมา ท่านจะเมตตาให้แด่สัตว์โลกที่มีความเดือดร้อน เช่น กรมราชทัณฑ์ ประเทศลาว และทุกที่ที่ต้องการความช่วยเหลือ

    สิ่งที่ผมประทับใจหลวงตา ตอนนี้ท่านอายุ 95 ปีชราภาพลงมากแล้วแต่ท่านต้องทรมานสังขาร ความเป็นอยู่ในห้องนอนของท่านจะมีผ้าปูอยู่ 1 ผืน, หมอนขอน 1 ใบ, กาน้ำ 1 ใบ, โจกและกระโถน 1 ใบ มีอยู่แค่นี้แล้วไม่มีอย่างอื่นอีกเลย แต่ท่านพูดเลยว่าท่านมีเงินเป็นหมื่น ๆ ล้านมหาศาลแต่ท่านนอนอยู่แค่นี้ไม่มีอะไรเลย สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมประทับใจจากความมัธยัสถ์ ความไม่เห็นแก่ตัวของท่าน และความเมตตาต่อสัตว์เล็กสัตว์น้อย ตอนนั้นผมอยู่ที่สวนแสงธรรม ท่านนอนนวดผมเป็นคนปัดยุงให้ท่าน ปรากฏว่ามีแมลงบินเข้าหูท่าน ท่านก็ให้พระเอาน้ำมากรอกหูท่านแล้วเอียงหูให้แมลงออกมา มันยังไม่ตายท่านบอก “เขี่ยขึ้นมา ๆ ชีวิตเท่ากัน ๆ” คือมันมีชีวิตหัวใจ มีความต้องการเหมือนเราทุกอย่าง แต่มีคุณธรรมเท่านั้นที่มันต่างกัน คืนนั้นได้ทำให้ผมรู้สึกว่าความเมตตาของท่านมันมหาศาลจริง ๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมเห็นว่าท่านจะมีความเมตตาอย่างนี้มาตลอดไม่เคยเปลี่ยน เวลาท่านดุท่านจะไม่ดุด้วยความเกลียด โกรธ แต่ท่านจะดุกิเลส ความทะเยอทะยานของเรา และคำสอนของท่านจะสอนกินใจ สอนแล้วเอาไปใช้ได้เลยใช้ได้ตรง ๆ

    มีอยู่คืนหนึ่งผมได้ขึ้นไปไล่ยุงให้ท่าน ซึ่งคืนนั้นท่านเรียกผมอย่างไพเราะเลยนะท่านเรียกผมว่า “คุณชาญณรงค์ แล้วบอกต่อว่าพรุ่งนี้เช้าไปนับรถที่จอดอยู่ในสวนแสงธรรมว่ามีกี่คัน” ผมรับปากท่าน พอรุ่งเช้าผมได้ไปนับรถตามที่ท่านสั่ง ผมนับได้ 191 คัน พอถึงตอนเย็นท่านลงมาจากศาลาผมกราบเรียนท่าน แล้วถามว่า “นับได้กี่คันล่ะ” ผมตอบท่าน “นับได้ 191 คันครับ” ท่านบอก “เอ๊ะ ไม่ใช่ 192 คันเหรอ” ผมก็เถียงท่านไม่ใช่ครับ ผมจึงหยิบกระดาษที่จดจำนวนรถมาแสดงให้ท่านดู ท่านเห็นก็เฉยไม่พูดอะไรต่อ พอเช้าขึ้นมาอีกวันหนึ่งปรากฏว่า ล็อตเตอรี่ได้ออกเลข 192 ที่หลวงตาท่านบอกว่ามีรถทั้งหมด 192 คันจริง ในใจผมก็นึกดูถูกท่านนะว่าท่านรู้ได้อย่างไรผมนับแต่ท่านไม่ได้ไปนับ จึงคิดขึ้นได้ ว่าท่านเมตตาเราซึ่งช่วงนั้นผมกำลังยากจนมากอยู่พอดี แต่บุญของเราไม่มี

    ผมมีเพื่อนรักอยู่คนหนึ่ง มีฐานะดีมีความสุขอยู่กับกิเลส ตัณหา เหมือนคนอื่น ๆ ทั่วไป ที่อุดมไปด้วยทรัพย์สินเงินทองและสุดท้ายลงเอยด้วยผู้หญิง ลึกซึ้งถึงขนาดได้สาวมาเชยชมสมใจ ควงไปไหน ๆต่อไหนด้วยความลำพองว่าแน่ ยังมีกำลังวังชาพอที่จะมีกุ๊กกิ๊กได้ เป็นที่อิจฉาของเพื่อน ๆ วัยเดียวกัน ที่ไม่อาจเทียบฝีมือและอาวุธได้ วันหนึ่งเพื่อนผู้สูงวัยมีความจำเป็นต้องมาวัด พร้อมทั้งกิ๊กคู่ใจ ก้าวขึ้นบนศาลาด้วยความมั่นใจ เอากิ๊กไว้ให้อยู่ใต้ศาลา พบหลวงตาก้มลงกราบ หลวงตามองดูเพื่อนด้วยสายตาแหลมคมพร้อมทั้งกล่าวว่า “เลิกซะนะ เลิกซะ” ได้ยินไม่ถนัดเอียงหน้าเข้าใกล้หลวงตาอีกนิด “ไหนครับ” ถามกลับไปที่หลวงตาเพื่อความแน่ใจว่าหลวงตาพูดถึงใครเมื่อกี้นี้ หลวงตากล่าวขึ้นเหมือนเดิม “เลิกซะ เลิกซะนะ” ใจหายลงตาตุ่ม หน้าซีดเหมือนไก่ต้ม เหงื่อแตกท่วมตัวกราบลงตรงหน้าหลวงตา รีบลงจากศาลา ผมติดตามลงมาติด ๆ ใต้ศาลา เพื่อตรงเข้าพบกับ “กิ๊กสาว” พร้อมทั้งกล่าวกับเธอว่า “เราเห็นจะต้องเลิกกันแล้ว หลวงตารู้แล้วล่ะ” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพื่อนผมเข้าวัดอย่างสม่ำเสมอ

    พูดถึงถ้ำสาริกา จะมีรูปหล่อหลวงปู่มั่นอยู่ ท่านไปดูแล้วบอกว่า “เหมือนมาก” สมัยก่อนนั้นจะมีต้นไม้ใหญ่อยู่มากมายและปรากฏว่าตอนนี้ไม่มีอยู่อีกแล้ว พระบ้านขึ้นไปอยู่แทนไม่ใช่พระกรรมฐาน ท่านจะไปกราบและสมัยก่อนจะมีถ้ำเล็ก ๆ อยู่ถ้ำหนึ่งลึกมากแต่ตอนนี้เขาเอาปูนเททับไปหมดแล้วและจะมีพระพุทธรูปมาตั้งแทน ท่านจะเล่าให้ฟัง และเวลาลิงมันคุยกัน ท่านจะนั่งกำหนดจิตดูแล้วท่านก็รู้ แปลภาษาลิงออกมา ได้เขียนไว้ในหนังสือประวัติหลวงปู่มั่น ปัจจุบันนี้ท่านก็ได้ไปที่ถ้ำสาริกาอยู่เรื่อย ๆ เมตตาเอาเงินไปให้ เอาของใช้ข้าวสารอาหารแห้งไปแจกครอบครัวของพวกอนุรักษ์สัตว์ป่า เงินแต่ละครอบครัวจะได้ 1,000 บาท เพราะด้วยความสงสารพวกเขาท่านเรียกการให้ทานเหล่านี้ว่า “การสงเคราะห์โลก

    ผมมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อ เสี่ยไช้ เป็นเจ้าของโรงงานผ้าขนหนู แต่เดิมคุณไช้ได้มาอยู่ในช่วงที่ผมเป็นคนถือกระป๋องเดินตามหลวงตาในตอนนั้น เขาก็มีเงินอยู่ 30,000 บาทติดตัวมา และภรรยากำลังท้องแก่ เขาก็พากันมาใส่บาตรท่านผมก็ชวนเขามาถือกระป๋องกันแล้วผมได้สอนเขา ถ้าเอ็งจะทำอะไร เมื่อท่านให้พร ก็ให้ขอเอาอย่างเดียวตั้งใจขอไว้อย่างเดียวนะจนท่านให้พรจบ เขาก็บอกเขาอยากจะทำโรงงานผ้าขนหนูและปรากฏว่าเขาก็ขอไว้อย่างดียว คืออยากจะทำโรงงานผ้าขนหนู เมื่อเขาได้ตั้งใจขอพรไปแล้ว เขาก็ได้ทำโรงงานผ้าขนหนูขึ้นจริง ๆ ไปกู้เงินทำโรงงานได้ พอวันแรกเขาผลิตผ้าขนหนูขึ้นมา ผมรีบบอกเขาเลยว่า “ไช้ อย่าขายนะ ผลิตเท่าไหร่แล้วได้เท่าไหร่เอาไปถวายให้หลวงปู่ก่อนเลย” เพื่อความเป็นศิริมงคล จากความเชื่อที่เขามีอยู่แล้ว เขาจึงนำผ้าขนหนูทั้งหมดมาถวายหลวงตาที่วัด ผมไปกราบเรียนท่าน นับจากวันนั้นมาเขาได้เป็นถึงเสี่ยไช้ ชีวิตเริ่มดีขึ้นมีเงินมีทองเพิ่มมากขึ้น พอเข้ายุคเศรษฐกิจเริ่มแย่เสี่ยไช้ก็รวยอย่างเดียวเลย เพราะว่าสินค้าที่เขาได้ซื้อมาไว้ก่อนมันถูกมากสมัยนั้น แล้วเขาได้เอาสินค้าพวกนั้นมาขายได้ราคาสูง ดังนั้นถ้าเวลาหลวงปู่มีอะไรให้รับใช้เสี่ยไช้จะทุ่มเทเต็มที่ เป็นเพราะอานิสงฆ์ของเสี่ยไช้เอง


    อาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ได้มาทางสายคุณเหลียงไม่ได้มาทางสายผมโดยตรงและก็มาทางสายท่านอาจารย์ไท ท่านก็มีความประทับใจคลุกคลีสนิทสนมกันมา จนคุณหลวงก็ได้กราบเรียนให้หลวงตาได้รู้จัก ปัจจุบันเขาได้ดูแลงานเพลง อัดเทป แต่งเพลงช่วยชาติถวายให้กับหลวงตา เปรียบเสมือนหัวเรือใหญ่ในวัด

    มีงูจงอางชื่อไอ้ขี้ดื้ออยู่ในวัดตัวหนึ่ง แล้ววันหนึ่งมันได้หายไป ท่านก็ถามว่ามันหายไปไหนเพราะว่าธรรมดามันจะอยู่แถวกุฏิท่านตลอด และมีคนไปเห็นมันเลื้อยออกไปนอกวัด พอชาวบ้านเห็นเข้าก็ได้ฆ่ามันเพราะไม่รู้ว่าเป็นงูวัด ท่านก็บอกว่า “เห็นไหม สัตว์อยู่ในวัดก็ปลอดภัย อย่าว่าแม้แต่สัตว์เลย คนถ้าออกไปนอกวัดก็ตายเหมือนกับงูขี้ดื้อ” ได้

    มีอยู่วันหนึ่งท่านสั่งผมว่า “เราจะไปสุพรรณ” ซึ่งบ้านหลังที่จะไปนี้ พี่หวัดเขาจะรู้ทางดี แต่ผมไม่รู้รู้แต่ว่าท่านจะไปสุพรรณ ขับเข้าไปในทุ่งนา เส้นทางคดเคี้ยวลำบากมาก ท่านไปจะไปโปรดชายคนนี้เพราะว่าเขากำลังมีปัญหาชีวิตมาก พอถึงที่หมายพี่หวัดก็อยู่บนรถ ท่านก็ลง ผมก็เดินตามหลังท่านไปและมีหมาอยู่ตัวหนึ่งมันดุมากจะกัดหลวงตา ผมจึงถือไม้จะไล่มัน ท่านได้บอกว่า “เฉย ๆ แล้วท่านมองมัน” ปรากฏว่าหมาตัวนี้มันยืนนิ่งมองตาเฉยเลยนะ แล้วท่านก็เดินผ่านมันไปผมจึงเดินติดท่านกลัวหมามันจะวิ่งมากัด จนถึงบ้านแล้วท่านเรียก ชายคนนี้ก็รีบออกมาพร้อมกับพูดว่า “ท่านอาจารย์มาได้ยังไงครับ หมาไม่กัด หมาของผมมันดุมากนะครับ” ผมก็ถอยออกมาข้างนอกเพื่อให้หลวงตากับชายคนนี้ได้พูดคุยกัน พอท่านได้พูดคุยกันเสร็จ แล้วผมก็เข้าไปรับท่านและได้เห็นว่าชายคนนี้ก้มลงกราบที่เท้า หลวงตา แล้วพูดออกมาว่า “ผมได้ท่านอาจารย์ช่วยชีวิต ถ้าอาจารย์ไม่มาผมคงตายแน่” แล้วท่านก็กลับสวนแสงธรรมไม่ได้ไปที่ไหนต่ออีกเลย ท่านมาโปรดชายคนนี้โดยเฉพาะ ชายคนนี้มีอายุประมาณ 60-70 ปีอยู่ที่บ้านเพียงคนเดียว เรื่องนี้ได้ทำให้ผมทราบว่า “ไม่สัมผัสไม่รู้” เพราะผมได้รู้ ได้เห็นด้วยตัวเองกับตา

    คืนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลาตี 3 อาการเจ็บที่หน้าอกข้างซ้ายของผมได้เกิดเจ็บขึ้นหนักมากตอนผมนอน ขณะนั้นผมได้เปิดแอร์ไว้ที่ 20 องศาแต่เหงื่อผมได้แตกมาก จะเป็นลม หายใจไม่ออก ผมจึงรีบควานหาวิทยุแล้วมาเปิดฟังคลื่น ของหลวงปู่ทันที คลื่น FM 103.25 เพราะจะเปิดเทปคำสอนของท่านทั้งคืน ผมจึงมีสติขึ้นมาเวลานั้น ท่านได้เทศน์สอนว่า “ถ้าเรากลัวตาย มันจะไปกระตุ้นให้เราตายเร็วจริง ๆ ถ้าไม่กลัวตาย มีสติ การตายมันฆ่าเราไม่ได้” ผมจึงเดินออกมานอกห้องเพราะรู้สึกเวียนหัวมากแล้วก็ถือวิทยุออกมาด้วย ฟังเสียงเทศน์ของท่าน นั่งฟังอย่างนิ่ง ๆ ปรากฏว่าใจมันเริ่มชุ่มชื่นขึ้นมาช่วงหนึ่งทำให้หายใจเข้าเต็มที่แล้วก็รู้สึกโล่งขึ้นมาทันทีจนหายเป็นปกติ ถ้าตอนนั้นผมไม่ได้ฟังเทศน์ของท่าน ผมคงต้องตาย แน่ ๆ ท่านได้สอนผมให้มีสติ พอผมหายดีแล้วเวลาประมาณตี 4 ผมก็เข้าห้องพระทันทีเพื่อสวดมนต์คิดถึงคำสอนของท่านที่กล่าวว่า “อัตตาหิ อัตโน นาโถ แปลว่า ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน” ผมจึงนับถือท่านและขออยู่กับท่านจนวาระสุดท้าย

    ชาญณรงค์ แดงกูร
    <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100"> <tbody><tr> <td>[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table align="center" bgcolor="#f4f4f4" border="0" bordercolor="#ffffff" cellpadding="5" cellspacing="1" height="36" width="248"> <tbody><tr> <td align="center" bgcolor="#ffffff">
    </td></tr></tbody></table>ขอขอบคุณสำหรับบทความที่ดี และยังมีบทความของหลวงตาให้อ่านได้อีกใน
     

แชร์หน้านี้

Loading...