ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097


    พระอธิการอัครเดช ถิรจิตฺโต

    วัดบุญญาวาส จ. ชลบุรี

    หลายครั้งหลายวาระในการแสดงธรรมอบรมพระภิกษุสามเณร หลวงพ่อชากล่าวว่า "อย่าเป็นบัณฑิตสกปรก" ซึ่งหมายถึงบุคคลที่เข้ามาบวชแต่ยังไม่ได้บรรลุมรรค ผล นิพพาน มักตั้งต้นเป็นเจ้าลัทธิ เป็นอาจารย์สอนธรรม ทั้ง ๆ ที่ไม่มีธรรมอยู่ในใจของตน มักยกตนข่มท่าน อวดอ้างตัวเองว่าเป็นบัณฑิตให้ผู้อื่นหลงเชื่อ ท่านจึงกล่าวว่า พวกท่านทั้งหลาย "จงอย่าเป็นบัณฑิตสกปรก"

    "ระเบิดภูเขาให้ทะลายเป็นจุล (แหลกละเอียด) บางครั้งยังง่ายกว่าการที่จะเปลี่ยนความเห็นของคน"

    หลวงพ่อชาเคยกล่าวว่า คนบางคนมีทิฐิมานะมากเหลือเกิน แม้จะอายุ ๗๐-๘๐ ปี ก็ยังแบกทิฐิมานะ บางครั้งการสอนของเราก็ไม่อาจจะเปลี่ยนความคิดเห็นของเขาได้ คนบางคนถือทิฐิมานะจนตลอดชีวิต และมีความเห็นผิดอย่างแรงกล้า "ระเบิดภูเขาให้เป็นจุล บางครั้งใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีก็พังทลายราบเรียบลงหมด ง่ายกว่าการเปลี่ยนความเห็นผิดของคนให้มาเห็นถูกต้อง"

    เกี่ยวกับความเพียร ท่านกล่าวว่า "ขยันก็ทำความเพียร แม้ขี้เกียจก็ให้ฝืนทำความเพียรให้ได้สักครึ่งหนึ่งของวันที่ขยันก็ยังดี"
     
  2. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097



    "กุฏิที่อาตมาพำนักนั้น อยู่ด้านหน้ากุฏิหลวงปู่ชา เมื่อมีพระเถระหรือญาติโยมมากราบหลวงปู่ อาตมาก็ต้องเป็นผู้ต้อนรับขับสู้ หรือถ้าหลวงปู่ไม่อยู่ ก็ต้องทำหน้าที่รับแขกแทน เมื่อมีความคุ้นเคยในการอุปัฏฐาก เราก็ทำได้ทุกอย่าง ถ้ามีโยมนำของมาถวาย เราก็ต้องพิจารณาว่าสิ่งใดควรถวายท่านหรือควรส่งเข้าเรือนคลังสงฆ์

    เรื่องมีอยู่ว่า มีมีดพับเอนกประสงค์อยู่อันหนึ่งในย่ามของหลวงปู่ เมื่ออาตมาเห็นก็อยากจะได้ เพราะมันทำหน้าที่ได้หลายอย่าง ทั้งเปิดกระป๋อง ตัดเล็บ เป็นกรรไกร อาตมาไม่เคยเห็น เพราะอยู่ตามบ้านนอก ก็พยายามคิดหาวิธีที่จะได้ครอบครอง แม้เดินจงกรมก็ยังคิดหาวิธี

    วันหนึ่งมีโอกาสอยู่กับท่านตามลำพัง จึงกราบขอมีดเล่มนั้น หลวงปู่ตอบว่า นั่นมันของผม จะเอาไปทำไม? ก็คิดเลยว่า แค่มีดเล่มเดียว ทำไมให้เราไม่ได้ ของมีค่าอย่างอื่นเช่นนาฬิกา หลวงปู่ยังแจกได้

    เมื่อหลวงปู่ตอบแบบนั้น ความหวังก็พังทลาย เราเองนึกว่าจะได้มาง่าย ๆ เรื่องปรุงแต่งที่มีมาตลอด ๔-๕ วัน เกี่ยวกับมีดหายไปหมด มันเลยไม่คิดจะได้ ไม่เอาอีกแล้ว

    แต่ต่อมาอีก ๒-๓ วัน ท่านก็เรียก จันทร์ๆๆ มาเอามีดไปซะ นี่คือพอหมดความอยากแล้ว ท่านจึงมาให้ ถ้าอยากท่านไม่ให้ มันกลับตาลปัตรกัน ตอนที่เราอยู่กับพ่อแม่ พ่อแม่จะตามใจ แต่เมื่อบวชแล้วมันไม่ได้ตามใจ ครูบาอาจารย์ท่านทรมานกิเลสลูกศิษย์ เพราะลูกศิษย์ไม่รู้ตัว มีแต่ความลุ่มหลง เพลิดเพลิน เรื่องนี้ก็เป็นความประทับใจเรื่องหนึ่ง"
     
  3. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ส่วนท่านใดที่สนใจในวัตถุึมงคลของท่าน ตามหาอ่านได้ในนี้ครับ (ผมว่าเขียนได้ละเอียดมากกว่าท่านใดมากเพราะเป็นคนพื้่นที่ และเป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดคนหนึ่งที่ได้เคยให้ท่านได้เรียกใช้สอยยามเมื่อท่านยังเป็นครูอาจารย์ที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก)

    บุญฤทธิ์พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง)
     
  4. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
  5. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เพิ่งเจอเมื่อวานนี้ หามานาน พระพิมพ์สมเด็จ สกุลปัญจสิริ ผงทองนพคุณแท้ๆ ถือว่าเยอะและหาได้ยากแล้ว เลยสั่งไว้ห้าสิบองค์ เก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวครับ


    ที่เห็นสีขาวๆ และทองๆ นั่นละครับ ผงทองนพคุณบางสะพานที่ค่อนข้างมีสีสุกกว่าทองในปัจจุบันมาก พระพิมพ์ฯ ชุดนี้ เจอในร้านที่รู้จักกันเมื่อวานนี้ คนขายบอกชุดสุดท้ายแล้ว เลยให้ไว้ดู ถ่ายด้วยกล้องคอมแพคธรรมดาความคมชัดเลยมีน้อยครับ ดูเป็นไอเดียก็แล้วกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1050848.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.6 MB
      เปิดดู:
      66
    • P1050854.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.4 MB
      เปิดดู:
      54
    • P1050861.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.4 MB
      เปิดดู:
      52
    • P1050862.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.6 MB
      เปิดดู:
      44
    • P1050863.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.5 MB
      เปิดดู:
      67
    • P1050864.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.6 MB
      เปิดดู:
      45
  6. SilentSoar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    481
    ค่าพลัง:
    +2,384
    แจ้งโอนเงินทำบุญครับ ^_^ 100 บาท

    โอนเงินต่างธนาคาร - สถานะการทำรายการ
    สถานะการทำรายการ ธนาคารได้ทำรายการของท่านเรียบร้อยแล้ว
    หมายเลขอ้างอิง KBKR130123285879772
    รายละเอียดการทำรายการ
    วิธีโอนเงิน ออนไลน์ (ตลอด 24 ชั่วโมง)

    ธนาคารเจ้าของบัญชี ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
    เพื่อเข้าบัญชี 348-1-23245-9 ศ. ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร
    ชื่อเจ้าของบัญชีในฐานข้อมูล PRATOM F.
    จำนวนเงิน (บาท) 100.00
    ค่าธรรมเนียม (บาท) 25.00
    วันที่โอนเงิน 23/01/2013 [00:33:02]
    บันทึกช่วยจำ ร่วมทำบุญและร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ รวมถึงร่วมทำบุญทุกอย่าง รวมร่วมบุญจำนวน 100 บาท




    แจ้งโอนเงินทำบุญครับ ^_^ 100 บาท

    ร่วมทำบุญและร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ
    รวมถึงร่วมทำบุญทุกอย่าง
    รวมร่วมบุญจำนวน 100 บาท

    และขอร่วมทำบุญเป็นสังฆทาน และเพื่อชำระหนี้สงฆ์ นับตั้งแต่อดีตชาติถึงปัจจุบันชาติ
    ขออนุโมทนาบุญ ทั้งหลายทั้งปวงให้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทพ เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่มีตั้งแต่ต้น บิดามารดาของข้าพเจ้าทั้งชาตินี้และทุกๆชาติ
    พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
    พระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์ พระยายมราช เจ้าการบัญชี ลุงพุฒิ
    พระศรีอารียเมตไตรย และสมเด็จองค์ปฐมอันเป็นที่สุด

    ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุขสมหวังในเรื่องความรักทุกประการ นับตั้งแต่บัดนี้ตลอดเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
    ขอให้ข้าพเจ้ามีดวงตาเห็นธรรม และเป็นคนดีนับตั้งแต่บัดนี้ตลอดเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
    ขอให้ ความไม่มี ความไม่รู้ และความไม่ได้ จงอย่าได้บังเกิดกับข้าพเจ้านับตั้งแต่บัดนี้ตลอดเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วย เถิด สาธุ สาธุ สาธุ ...

    ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับผู้ร่วมทำบุญทุกท่านด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ...
    อนุโมทนาบุญครับ,
    SilentSoar
     
  7. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    กิจกรรมที่ รพ.สงฆ์ ประจำเดือนนี้คือวันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม 2556 โดยนัดพบเพื่อจัดเตรียมสังฆทานอาหารที่โรงอาหารด้านข้าง รพ.สงฆ์ในเวลา 7.30 น.-8.00 น. เหมือนเช่นเคย

    จึงขอแจ้งให้ผู้ที่สนใจได้ทราบทั่วกัน โดยผมและกรรมการของทุนนิธิฯ ได้เบิกเงินจากบัญชีของทุนนิธิฯ และได้ทยอยบริจาคไปยัง รพ.ต่างๆ โดยเรียบร้อยแล้ว โดยมีรายละเอียดการบริจาคสำหรับเดือนมกราคม 2556 มีดังนี้ (สำเนาการโอนเงินจะได้นำมาลงให้อนุโมทนากันในวันศุกร์นี้)

    1 รพ.สงฆ์

    - ถวายค่าสังฆทานอาหาร 6,000.- (ประมาณการพระสงฆ์ไว้200 รูป โดยจะถวายเป็นอาหารกล่องๆ ละ 30.-)
    - ถวายค่าเวชภัณฑ์ส่วนกลาง 5,000.-
    - ถวายค่าโลหิต 5,000.-

    รวม 16,000.-

    2 รพ.ภูมิภาค

    - รพ.แม่สอด จ.ตาก 8,000.-
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว 5,000.- จ.น่าน
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย 8,000.- จ.เลย
    - รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ 5,000.- (ผ่านบัญชีทุนนิธิสงฆ์ของรพ.มหาราชเอง)
    - รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 8,000.-(ผ่านบัญชีกองทุนหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
    - รพ.50 พรรษาฯ จ.อุบล 5,000.-
    - รพ.สงขลา จ.สงขลา 8,000.-
    - รพ.ปัตตานี จ.ปัตตานี 5,000.-

    รวม 52,000.-

    รวมประมาณการเงินบริจาคของทุนนิธิฯ ตามข้อ 1.+2.+ = 68,000.- (หกหมื่นแปดพันบาทถ้วน)

    โดยในเดือนนี้ ทุนนิธิฯ จะได้มอบรูปของท่านหลวงปู่หมุน จากวัดบ้านจาน ขนาดกระดาษเอ-4 และขนาดพกพาในกระเป๋า ที่ีผ่านการอธิษฐานจิต โดยการเชิญอทิสมานกายของหลวงปู่มาทำให้จนสำเร็จ เรียบร้อย เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงท่านให้แก่ผู้ที่เข้่าร่วมกิจกรรมทุกท่านในวันปีใหม่นี้ด้วย

    ขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่ไ้ด้บริจาคเงินช่วยพระสงฆ์อาพาธโดยผ่านกระทู้นี้ด้วยความเคารพในจิตใจของท่าน และผมขอสัญญาว่าจะนำเงินของท่านทุกบาททุกสตางค์นำไปช่วยพระสงฆ์อาพาธตามโรงพยาบาลต่างๆ ข้างต้นอย่างดีที่สุดครับ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านอีกครั้ง

    พันวฤทธิ์
    23/1/56




    นำเอกสารการโอนเงินและใบอนุโมทนาบัตรมาลงเพิ่มเติมตามข้างล่างนี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    มองเห็นเส้นทางธุดงค์ของพระธุดงค์ที่จะเดินผ่านเข้ากรุงเทพฯ นับพันรูปแล้ว ใจก็เลยนึกถึงบริขารของพวกท่าน แล้วก็เลยเกิดคำถามว่า โอ..ท่านจะปักกลดที่ไหนกันหนอ? บาตรท่านจะใหญ่เหมือนพระธุดงค์ที่เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์สมัยก่อนไหมหนอ? เลยนำมาลงให้ดูกันก่อน


    • บาตรของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร •

    ถ้าหากสังเกตจากภาพข้างต้น
    หรือหากได้เยี่่ยมชมเจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
    ณ วัดป่าอุดมสมพร ต.พรรณา อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
    เราจะเห็นบาตรเหล็กใบจริงของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร
    ซึ่งมีขนาดที่ใหญ่ยิ่งกว่าบาตรพระทั่วๆ ไปที่พบเห็นกันในปัจจุบัน
    บาตรเหล็กของหลวงปู่ฝั้นดังกล่าว
    ถือเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนถึงบาตรของพระธุดงคกรรมฐาน

    ดังที่หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้อรรถาธิบายไว้
    เมื่อวันที่ ๙ เมษายน ปีพุทธศักราช ๒๕๒๒ ดังนี้

    “พระกรรมฐานไปไหน จึงไม่มีห่วงหน้าห่วงหลัง มีแต่บริขาร ๘ เท่านั้น
    สิ่งที่เลยบริขาร ๘ ไปก็คือกาน้ำ พวกมุ้ง พวกกลด
    ขนาดนั้นก็เอาไปได้สบายๆ ไม่เห็นมีอะไร ไปอยู่ที่ไหนก็สบาย
    ถ้าว่าจะไปก็จับของเหล่านั้นมาใส่บาตร บรรจุในบาตรปั๊บเต็มบาตร
    พอดีสะพายบาตร เพราะฉะนั้นพระกรรมฐานจึงมีบาตรใหญ่กว่าปกติอยู่บ้าง

    บางคนเขาไม่เข้าใจว่า เอ๊ะ พระกรรมฐานนี่ว่าเป็นผู้มักน้อยสันโดษ
    ทำไมจึงต้องมีบาตรใหญ่นักหนา เขาไม่เข้าใจความหมายของพระกรรมฐาน
    ว่าทำบาตรใหญ่เพื่อที่จะได้อาหารมากๆ มาฉัน
    ความจริงบาตรใหญ่นั้นใช้แทนกระเป๋าเดินทาง
    ถ้าบาตรลูกเล็กๆ ใส่สังฆาฏิตัวเดียวมันก็หมดแล้ว
    ทีนี้ของนั้นจะเอาใส่ที่ไหน ไม่มีที่ใส่ เมื่อบาตรใหญ่มุ้งก็ลงที่นั่น
    สังฆาฏิก็ลงที่นั่น แน่ะ โคมไฟก็เอาลงที่นั่นพอดี
    เทียนไข ไม้ขีดไฟที่มีติดตัวไปบ้างก็เอาลงที่นั่น สะพายพอดีเลย
    หนักก็พอดี ไม่หนักมาก กลดก็แบกเสีย บาตรก็สะพายเสีย
    ย่ามเล็กใส่ทางบ่าข้างหนึ่งแล้วไปธุดงคกรรมฐานได้อย่างคล่องตัว”

    และที่สำคัญเวลาออกธุดงคกรรมฐาน แล้วเกิดฝนตก
    ของที่เก็บรักษาไว้ในบาตรใบใหญ่ก็จะไม่เปียกด้วย

    --------------------------------------


    ...จากภาพประกอบข้างต้น...
    หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ฉันจังหันร่วมกับ “หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี”
    เราจะเห็นขนาดบาตรเหล็กใบใหญ่ของหลวงปู่ฝั้นได้อย่างชัดเจน
    หลวงปู่ทั้ง ๒ องค์ท่านเป็นสหธรรมิกที่สนิทสนมกันมาก

    แสดงกระทู้ - ประมวลภาพ “หลวงปู่ฝั้น อาจาโร” วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร • ลานธรรมจัก
     
  9. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097


    ความยากจน ความโง่ ตระกูลต่ำ
    อายุสั้น มีโรคมาก ไร้บริวาร ขี้เหร่
    เป็นผู้หญิงบัณเฑาะก์ เป็นใบ้บ้า
    ตาบอด หูหนวก ทรัพย์วิบัติ
    การเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เปรต อสูรกาย สัตว์นรก

    ------> ล้วนชื่อว่าเป็น “อาถรรพ์”
    ตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา

    บริจาคทาน แก้อาถรรพ์ข้อยากจน
    การรับฟัง แก้อาถรรพ์ข้อโง่เขลา
    การอ่อนน้อม แก้การเกิดในตระกูลต่ำ
    การรักษาศีล แก้อายุสั้น (ศีลข้อ ๑)
    การไม่เบียดเบียนสัตว์ แก้การมีโรคมาก
    การสงเคราะห์สัตว์ แก้การไร้บริวาร
    การรักษาศีลไม่ขี้โกรธ แก้การเกิดเป็นคนขี้เหร่
    การรักษาศีลข้อ ๒ แก้ทรัพย์วิบัติ
    การรักษาศีลข้อ ๓ แก้การเกิดเป็นผู้หญิงบัณเฑาะก์
    การรักษาศีลข้อ ๔ แก้ตาบอด หูหนวก ไม่มีคนเชื่อถือ
    การรักษาศีลข้อ ๕ แก้เป็นใบบ้า มีสติปัญญาดี

    การรดน้ำมนต์ เสกเป่า ล้างอาถรรพ์ให้ชีวิตไม่ได้
    การบำเพ็ญบารมีเท่านั้น จึงแก้อาถรรพ์ให้ชีวิตได้


    หมายเหตุ : บัณเฑาะก์ [บันเดาะ] หมายถึง
    กะเทย, คนไม่ปรากฏว่าเป็นเพศชายหรือเพศหญิง ได้แก่
    กะเทยโดยกำเนิด ๑
    ชายผู้ถูกตอนที่เรียกว่าขันที ๑
    ชายมีราคะกล้าประพฤตินอกจารีตในทางเสพกาม
    และยั่วยวนชายอื่นให้เป็นเช่นนั้น ๑ ​


    นำมาจากบอร์ดเก่า โพสต์โดย คุณลูกโป่ง สาธุๆๆ นะค่ะ
    ::
     
  10. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    จงทำใจให้เหมือนแผ่นดิน
    เพราะว่าแผ่นดินที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้
    ไม่ได้เคยโกรธใคร ทำอะไรใครเลย

    จงทำใจเหมือนน้ำ
    เพราะธรรดาของน้ำย่อมเป็นของสะอาด
    ชำระของสกปรกได้ทุกเมื่อ และเป็นของดื่มกิน
    เพื่อมีชีวิตช่วยเหลือแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง

    จงทำตนให้เหมือนผ้าเช็ดเท้า
    เพราะธรรดาของผ้าเช็ดเท้า
    ย่อมไม่มีความรักความชังฉันใด
    ใจเราก็ทำเหมือนกันฉันนั้น

    เมื่อเราตั้งใจฝึกฝนอบรมได้เช่นนี้แล้ว
    ไปอยู่ที่ไหนก็มีแต่ความสุข ความทุกข์ในใจก็จะไม่เกิด
    ดังสุภาษิตที่ท่านกล่าวไว้ว่า “จิตตัง ทันตังสุขาวหัง”
    จิตที่ฝึกฝนมาดีแล้ว นำมาซึ่งความสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า

    • หลวงปู่ขาว อนาลโย •
    http://www.dhammajak.net/dhamma/dhamma03.php
     
  11. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    หลวงตาเดินจงกรมใด้ดูเป็นคติตัวอย่างเช้าวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2548
    พระธรรมท่านเตือนภายในใจขององค์หลวงตาท่านว่า "ถ้ามีจุดมีต่อมแห่งผู้รู้อยู่ที่ไหนนั้นแลคือตัวภพ" ในขณะอิริยาบถหลวงตาท่านเดินจงกรม

    จึงนำคลิปสั้นๆ ขณะท่านเมตตาเดินจงกรมเป็นคติตัวอย่างให้พวกเราได้ถือปฏิบัติมาให้ชมกัน

    (เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒ เรื่อง ปฏิบัติแบบพระสมบูรณ์แบบ)

    "เรื่องภาวนาสำคัญมากนะ นักภาวนาจะเห็นความแปลกประหลาดอัศจรรย์นี้ขลังในตัวเองเห็นที่ภาวนา ภาวนาเวลาจิตสง่างาม แหม สว่างจ้า อำนาจของจิตตภาวนา มีแต่ชื่อกรรมฐานเฉยๆ ไม่ภาวนาไม่เหมาะ ให้ภาวนา เวลาภาวนาจิตสว่างไสวขึ้นมานี่ โอ๋อัศจรรย์ พูดอย่างนี้เราก็ได้พูดที่วัดดอยธรรมเจดีย์ เดินจงกรมอยู่..ยาวถึงนู่นต้นค้อนู่นน่ะ จากนี้ไป ทางมันตรงแน่ว เราไปเดินตอนตีสี่ตีห้า ตอนนั้นจิตของเรามันเข้าถึงขั้นว่างแล้ว อสุภะอสุภังมันข้ามหมดแล้ว มันไม่มีอสุภะอสุภัง มีแต่เกิดแล้วดับ เกิดแล้วดับ จิตของเรามันว่างตอนนั้น ได้ไปอัศจรรย์จิตตัวเอง มันน่าอัศจรรย์ก็อัศจรรย์ซิ

    เดินจงกรมอยู่ตอนตีสี่ จิตตอนนั้นมันว่างนะ ไม่มีรูปไม่มีอะไร อะไรมีแต่เกิดพับดับพร้อมๆๆ จิตนี่ว่าง โอ้โหจิตของเราทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ว่างอะไรนักหนา พระธรรมท่านกลัวเราหลงนะ คือเราอัศรรย์จิตของเราที่มันว่างๆหมดจริงๆ คือเรื่องอสุภะอสุภังไม่มี คือมันข้ามไปแล้วมันไม่เอา มีแต่เกิดดับๆๆ จากนั้นก็ว่าง ดับแล้วว่าง ดับแล้วว่าง พอเราอัศจรรย์จิตของเราไม่นานนักธรรมะก็เกิดขึ้นมาล่ะ ท่านเตือนภายในใจ ถ้ามีจุดมีต่อมแห่งผู้รู้อยู่ที่ไหนนั้นแลคือตัวภพ คือจุดแห่งความว่างเปล่าเต็มอยู่ที่หัวใจ จิตมันว่างเต็มที่หัวใจ

    ถ้ามีจุดมีต่อม จุดก็คือจุดผู้รู้ ต่อมคือต่อมผู้รู้ เป็นไวพจน์ของกันและกัน ถ้ามีจุดมีต่อมแห่งผู้รู้อยู่ที่ไหนนั้นแลคือตัวภพ มันยังมีตัวภพอยู่นั่น พระธรรมท่านเตือน จิตสะดุดกึ๊กเลยนะ เอ๊จุดต่อมมันต่อมอะไรน้า เอาอีกนะเป็นบ้าไปอีก บทเวลามันผ่านแล้วถึงรู้ ผ่านนะ เวลามันมีจุดมีต่อมของผู้รู้มันสง่างามอยู่กับผู้รู้นะ บทเวลามันว่างไปหมด ว่างทั้งข้างนอกว่างทั้งข้างในนั่นจึงได้เห็นฤทธิ์ของที่ว่าถ้ามีจุดมีต่อมของผู้รู้อยู่ไหนนั่นแลคือตัวภพ มีจุดอยู่ พอมันผ่านจากนั้นแล้วไม่มีจุดมีต่อม สว่างจ้าเลย ก็เราเป็นเองตอนมีจุดมีต่อม ตอนจิตว่างก็ตัวเราเอง ตอนที่ธรรมะท่านเตือนว่าถ้ามีจุดมีต่อมแห่งผู้รู้อยู่ที่ไหนนั้นแลคือตัวภพ จุดก็คือจุดผู้รู้ที่สว่างไสว เราเลยไม่ลืม

    ครั้นเวลามันผ่านไปแล้วมันไม่มีนะ ที่จุดไหนต่อมไหนไม่มี สว่างจ้า กำหนดไม่ได้เลยตรงไหนเป็นจุดเป็นต่อมไม่มี มันสว่างไปหมดเลย นี่มันก็มาเข้ากันได้ อ๋อที่ท่านสอน แล้วพอมาถึงจุดนี้ได้ความแล้วยอมรับ แน่ะ พระธรรมท่านเตือน (พอว่างไปหมดแล้วผู้รู้อยู่ตรงไหน) ถ้ามีจุดมีต่อมแห่งผู้รู้อยู่ที่ไหนนั้นแลคือตัวภพ จุดก็คือจุดผู้รู้ผู้สว่างไสวนั่นละ นั่นละคือตัวภพ บทเวลาผ่านไปแล้วมันไม่มี จุดต่อมที่ว่านี่ไม่มี ก็ยอมรับละซิว่าท่านสอนถูกต้องแล้ว ธรรมะนะท่านสอนขึ้น สอนตรงนั้นละ แล้วมันไม่มีจุดมีต่อมนะ เหมือนว่าดวงสว่างไสวมันไม่มี มันว่างเป็นอันเดียวกันหมด (แต่ยังมีผู้รู้ไหมค่ะ) รู้หากจับไม่ได้นะ รู้จับไม่ได้ นี่ละท่านว่าอย่างนั้นแล้วเวลามาเป็นมาเป็นอย่างที่ท่านว่ามันลงเลย ยอมเลยนะ อ๋อเป็นอย่างนี้จุดต่อมแห่งผู้รู้ทั้งหลายเป็นอย่างนั้น รู้ แต่ก่อนไม่รู้ งง เอาละ"
     
  12. kratium เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +3,670
    เมื่อวานนี้ 23 มกราคม 2556 เวลา 19.30 น. โอนเงินร่วมบุญกับทุนนิธิฯ จำนวน 500 บาท หากอาทิตย์นี้สะดวกจะไปร่วมบุญที่โรงพยาบาลสงฆ์ด้วยค่ะ
    โมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ
     
  13. ซึ้งบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +377
    ติดตามอ่านหาความรู้มาระยะหนึ่ง วันนี้ขอร่วมทำบุญกับทุนนิธิฯ จำนวน 300 บาท โอนเข้า บ/ช ธ.กรุงศรีฯ วันที่ 25/01/56 เวลา 17.35 น. เรียบร้อยแล้วครับ

    ขออนุโมทนาบุญทุกประการ กับผู้ร่วมบุญทุกท่านด้วยครับ
     
  14. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    สืบหาพระเครื่องดีวันนี้ ขอแนะนำของดีในเวบนิดนึง พอดีตะกี้แวบเข้าไปในมุมพระเครื่อง วัตถุมงคล เห็นมีหัวข้อตระกรุดของหลวงพ่อตัดวัดชายนา เพชรบุรี อยู่กระทู้นึง ลองเข้าไปดูในกระทู้เห็นมีรูปอยู่ด้วย เอามือไปลูบคลำๆ ดู อ๊ะ แข็งแรงดีจริงๆ ขนาดรูปยังจี๊ดจ๊าดดี ครูอาจารย์เล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อตัดองค์นี้ ท่านไม่เบาอยู่แล้ว ตระกรุดท่านอยู่ปืนดี เพราะท่านสำเร็จกสิณไฟ ส่วนของท่านในกระทู้ข้างต้น ราคาไม่แพงซะด้วย ดอกละ 250.- เท่านั้น ผมไม่รู้จักกับคนที่นำมาให้บูชา เห็นมีอยู่แค่ 3 ดอก บอกแค่นี้ เข้าไปบูชาเอาก็แล้วกัน เผอิญผมมีของท่านอยู่แล้ว 1 ดอก เลยขอบายให้แต่ละท่านวัดดวงเอาเอง เอ้า...ของดีๆ ครับ อ่านแล้วไปจองเลยก็แล้วกัน สัปดาห์นี้เอาแค่นี้่ก่อน...

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%94-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5-%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A.425774/


    พันวฤทธิ์
    25/1/56


    แถมอีกนิดนึง ใครชอบเนื้อผง นี่ก็ไม่เบาครับ ครูบาชุ่ม แข็งแรงดีเหมือนกัน แต่เเพงไปนิดนึง


    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%A5%E0%B8%9B-%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%8D%E0%B8%88%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%AF%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B9%86%E0%B9%86%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A.333428/page-43
     
  15. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    สวดมนต์กันเยอะเน้อ...เทวดาท่านชอบฟัง




    หลวงปู่ชอบ ได้เล่าและบอกเตือนลูกศิษย์ลูกหาเรื่องการสวดมนต์ต่อไปว่า :

    " เทวดาในแต่ละสถานที่เขาชอบบทสวดมนต์ที่แตกต่างกัน
    บางสถานที่ก็ชอบบทธัมมะจักกัปปะวัตตสูตร บางสถานที่ก็ชอบบทกะระณียะเมตตะสูตร บางสถานที่ก็ชอบบทมาติกา บางสถานที่ก็ชอบบท เมตตาสังนะสูตร

    พอสวดฮอด(ถึง) บทที่พวกเขาชื่นชอบละก็ เขาจะพากันเปล่งเสียงสาธุการดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว

    เทวดาเขาพากันออนซอนสะออนหลาย (พากันชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง)"

    หลวงปู่ บอกเน้นย้ำเรื่องการสวดมนต์ว่า :

    เวลาสวดมนต์ไหว้พระ อย่าพากันทำเป็นเล่นเห็นเป็นของสนุกคะนองปาก ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นของสูงควรค่าต่อการเคารพเป็นอย่างยิ่ง หากพากันเห็นเป็นของเล่นแล้ว ก็จะเป็นบาปเป็นกรรมกับตัวเอง นักปราชญ์ได้ยินท่านก็ตำหนิ เทวดาเขาก็พากันตำหนิ

    เวลาไหว้พระสวดมนต์ ให้พากันตั้งใจสวดจริงๆ เวลาสวดก็ให้มีสมาธิจดจ่อลงไปในบทหรือสูตรนั้นๆ มันถึงจะมีอานิสงส์เกิดขึ้นกับตัวเจ้าของ ( ตัวเราเอง )

    การสวดมนต์ไหว้พระเป็นการทำสมาธิไปในตัว บางทีข้ออรรถธรรมต่างๆ มันก็จะผุดขึ้นมาในขณะที่สวดมนต์ก็มี

    เทวดาทั้งหลายนั้น เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกับพวกเรามาก่อน มีจิตใจฝักใฝ่ในบุญกุศล พอตายทำลายขันธ์จากโลกนี้ไปแล้ว ก็ได้ไปจุติในสวรรค์ชั้นต่างๆ สูงบ้างต่ำบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับบุญกุศลที่ตนเองได้สั่งสมมาในตอนเป็นมนุษย์
    ถึงแม้ว่าจะเป็นเทวดาอยู่ก็ตาม จิตของพวกเขายังฝังไว้ในบุญกุศล พอได้ยินหรือได้เห็นผู้ใดเขาทำคุณงามความดี พวกเขาก็จะพากันมาร่วมอนุโมทนาด้วย

    หากว่าเรามีจิตที่ละเอียดเป็นสมาธิบ้าง เราก็จะเห็นเขามาร่วมอนุโมทนากับเราด้วย

    อย่างหยาบๆที่พวกเราจะรับทราบได้ ก็คือ ขนพองสยองเกล้าเป็นต้น "

    ด้วยหลวงปู่ท่าน ให้ความสำคัญเรื่องการสวดมนต์ไม่น้อยกว่าการทำสมาธิภาวนา จึงจะเห็นได้ว่า แม้ในช่วงปัจฉิมวัยขององค์ท่าน ยามกลางค่ำกลางคืน ท่านก็ยังออกมานั่งรถเข็นจงกลมไปในบริเวณวัด ฟังพระเณรลูกหลานสวดมนต์ไหว้พระกัน เหมือนกับเป็นการให้กำลังใจลูกหลานพระเณรไปในตัว
    พอหลังจากไหว้พระสวดมนต์กันเสร็จแล้วในบางคืน ลูกหลานพระเณรก็จะได้กราบเรียนสอบถามองค์ท่าน " หลวงปู่ครับ ! วันนี้เทวดาเขามาร่วมสวดมนต์ไหว้พระด้วยไหมครับ ? "
    หลวงปู่ท่านก็มักจะตอบว่า " มีมาทุกวัน " ในวันไหนมีมากเท่าไร ท่านก็จะบอกจำนวนให้ทราบด้วย

    หรือ บางครั้งท่านจะระบุชื่อพระเณรเป็นรายคนด้วย

    " เทวดาเขาชมว่า พระ....เณร....องค์นี้ สวดมนต์ม่วนหลาย เสียงดังกังวานไปไกล เทวดาเขาได้ยิน เขาขออนุโมทนาด้วย "

    พอได้ยินหลวงปู่ท่านว่าให้ฟังเช่นนี้ พระเณรลูกหลานก็พากันปลื้มอกปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง พอถึงเวลาไหว้พระสวดมนต์ จึงพากันตั้งอกตั้งใจสวดกันอย่างเต็มที่

    สาธุครับ !



    จากหนังสือ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย

    โครงการหนังสือบูรพาจารย์เล่ม ๙

    เรียบเรียงโดย รศ.ดร.ปฐม -รศ.ภัทรา นิคมานนท์

    เครดิต VANCO


    หมายเหตุจากผู้โพสท์ ครูอาจารย์บอกว่า ผีบ้านผีเรือนก็ชอบฟังเสียงสวดมนต์เหมือนกัน แต่การรับรู้จะต่างจากเทวดา ซึ่งเป็นด้วยกรรมต่างๆ บางครั้งก็ต้องเจาะจง โดยเรียกให้ฟังบ้างเพื่อให้มาโมทนาบุญกัน จะได้มีภพภูมิที่สูงขึ้น วิธีเรียกก็คือ ตบพื้น 3 ครั้ง แล้วเรียกท่านให้ฟังสวดมนต์และโมทนาบุญด้วย จึงจะดี แต่ห้ามเชิญผีอื่นหรือสัมภเวสีนอกบ้านเข้ามาด้วยเป็นอันขาด เพราะเข้ามาแล้ว ไม่ยอมออกง่ายๆ ดีไม่ดี ทำให้่บ้านเดือดร้อนอีก ให้ฟังอยู่แค่รั้วบ้านพอ หรือให้รอรับบทแผ่เมตตาก็พอ ไม่ต้องเรียก (เคยเจอกับตัวเองมาแล้ว มาเดินกันทั้งคืนต้องให้ครูอาจารย์เชิญท่านท้าวเวสฯ มาตะเพิดจึงสงบลงได้)
     
  16. พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097


    ทำบุญทำไมต้องอธิษฐาน

    ถาม : "หลวงพ่อคะ การทำบุญทุกอย่าง แต่ไม่ได้ปรารถนาอะไรเลย จะได้ไหมคะ...?"

    ตอบ : ได้โยม ทำไมจะไม่ได้ คือถ้าไม่ตั้งมโนปณิธานปรารถนา บุญมันก็ต้องเป็นบุญ แต่ว่าอานิสงส์เบื้องปลายมันไม่เหมือนกัน

    ถาม : "เป็นไงคะ...?"

    ตอบ : การปรารถนาจัดเป็นอธิษฐานบารมีนะ ตั้งใจว่าการทำบุญอย่างนี้เพื่อผลอะไร อย่างที่ไม่ปรารถนาพุทธภูมิ ไม่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ปรารถนาเป็นอัครสาวก แต่ปรารถนาเพื่อการหมดกิเลส ก็ชื่อว่ายังปรารถนาอยู่

    ถาม : "ถ้าหากว่าทำเฉย ๆ เล่าคะ...?"

    ตอบ : ถ้าหากว่าทำเฉย ๆ ไม่ปรารถนาอะไรเลย ตัวอย่างก็มีท่าน อาฬวีเศรษฐี

    คือว่าท่านอาฬวีเศรษฐีพ่อท่านเป็นมหาเศรษฐี พอพ่อท่านตายลงท่านก็เป็นเศรษฐีแทน

    เศรษฐีสมัยนั้นพระราชาต้องแต่งตั้ง แล้ว ต่อมาพวกขี้เมาก็ชวนกินเหล้าเมายา ในที่สุดทรัพย์สินก็หมดไป จนกระทั่งกลายเป็นขอทาน

    วันหนึ่งพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์เสด็จไปที่เมืองอาฬวี เห็นอาฬวีเศรษฐีนั่งขอทานอยู่ข้างฝาเรือนชาวบ้าน พระพุทธเจ้าก็ทรงแย้มพระโอษฐ์

    พระพุทธเจ้าตามปกติจะไม่แย้มพระโอษฐ์ ถ้ายิ้มแล้วต้องมีเรื่อง

    พระอานนท์จึงทูลถามว่า

    "พระองค์ยิ้มด้วยเรื่องอะไร พระพุทธเจ้าข้า...?"

    พระพุทธเจ้าถามว่า

    "อานนท์ เธอเห็นอาฬวีเศรษฐีไหม...?"

    พระอานนท์มองไปมองมาไม่เห็น เห็นแต่ขอทาน พระพุทธเจ้าก็บอกว่า ขอทานนั่นแหล่ะคืออาฬวีเศรษฐี

    แล้วพระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า

    ถ้าอาฬวีเศรษฐีสมัยเมื่อเป็นเศรษฐี ถ้าฟังเทศน์ของเราเพียงจบเดียวจะได้บรรลุพระอนาคามี

    เมื่อเงินน้อยลงมาเป็นอนุเศรษฐี ถ้าฟังเทศน์จากเราเพียงจบเดียวจะได้เป็นพระสกิทาคามี

    เมื่อมีฐานะเป็นคหบดี ถ้าฟังเทศน์จากเราเพียงจบเดียวจะได้เป็นพระโสดาบัน

    แต่ว่านี่อาฬวีเศรษฐีเป็นขอทานเสียแล้ว เราเทสน์จึงไม่มีผล

    ตอนนี้พระอานนท์ทูลถามว่า

    "ตามธรรมดาคนจะบรรลุมรรคผล องค์สมเด็จพระทศพลเคยตรัสว่าจะตายก่อนก็ยังไม่ได้ ต้องบรรลุมรรคผลก่อนนี่ พระพุทธเจ้าข้า...?"

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า

    "นั่นเขามี อธิษฐานบารมี"

    ตอบ : เป็นอันว่าอาฬวีเศรษฐี ไม่มีอธิษฐานบารมีใช่ไหมโยม

    ถาม : "ใช่ค่ะ"

    ตอบ : คนจะได้ดี เลยไม่ได้ดี ต่อไปอธิษฐานเสียนะ.
     
  17. Limtied เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    822
    ค่าพลัง:
    +3,662
    บริจาคเข้า บัญชี "ศ. ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร" (pratom foundation) บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาถนนวิภาวดีรังสิต (ซันทาวเวอร์ส) บัญชีออมทรัพย์ หมายเลข 348-1-23245-9

    date 30/01/13
    time 13.30
    amount 505

    ขอโมทนาบุญกับผู้ร่วมบุญทุกท่าน

    เว็บบอร์ด
     
  18. kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    คุณอภิวัฒน์ อ่อนคำ - ฝากผมแจ้งร่วมบุญกับทุนนิธิฯ จำนวน 1000 บาทครับ ขอเรียนเชิญร่วมโมทนาบุญด้วยกันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • photo.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.5 KB
      เปิดดู:
      22
  19. CHAN99 CHAN

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +329
    โอนเงินร่วมทำบุญ 500 บาทครับ วันที่ 31/1/56 เวลา 11.55 น.
     
  20. aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    เมื่อวาน ผมและครอบครัวร่วมโอนทำบุญ 300 บาทครับ
    ขอบคุณครับ
    มหาโมทนาบุญด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้