ขอเชิญร่วมทำบุญโครงการบัตรสีชมพู เผยแพร่งานสมาธิ ร่วมกับพระธรรมมงคลญาณ วัดธรรมมงคล

ในห้อง 'ธรรมทาน - วิทยาทาน' ตั้งกระทู้โดย kamol_s, 10 กรกฎาคม 2013.

  1. kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    “..ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นชื่อว่าดีเลิศ ได้สมบัติทั้งปวง ไม่ประเสริฐเท่าได้ตนเพราะตัวตนเป็นบ่อเกิดแห่งสมบัติทั้งปวง..”

    โอวาทธรรมคำสอนพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต



    https://www.facebook.com/thindham?fref=ts
     
  2. kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    "องค์หลวงปู่มั่น และหลวงตาท่านได้ปรารภไว้ไม่คลาดเคลื่อน ถึงอายุที่องค์ท่านทั้งสองจะละสรีระสังขาร"

    กัณฑ์ที่ ๑.
    เทศน์หลวงตา ณ วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร
    เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓ เรื่อง ใจไม่มีอะไรกดถ่วง

    "อายุเท่าไร (๙๗) ใกล้แล้วนะ บวชตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๗๗ กี่ปีมาแล้วนะ (๗๖ พรรษาครับผม) นู่นละ ขนาดนั้นละ ครองผ้าเหลืองก็ครองมาเลยตั้งแต่วันบวชจนกระทั่งป่านนี้ ไม่เคยสึก ไม่เคยอยากสึก แต่เริ่มบวชมาเรื่อยจนกระทั่งปัจจุบันนี้ไม่เคยอยากสึกนะ ไม่มี ไม่ปรากฏ กิเลสมีอยู่ก็ตามแต่มันไม่มีก็บอกไม่มี อยากสึกอยากหาอยากอะไรไม่เคยมี นี่ก็อายุ ๙๗ แล้ว จะทนไปนานเท่าไร ไม่นานละ

    พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นอายุ ๘๐ นะ ท่านบอกไว้เลยละ บอกตั้งแต่ยังไม่ตาย “เราไม่เลย ๘๐” ท่านบอกไว้เลย “อายุเราแค่ ๘๐” พูดอย่างนั้น พอก้าวเข้านั่นแล้วเริ่มป่วยแล้ว “เออมาแล้วนะทีนี้” ท่านบอกแล้วนะ “เริ่มป่วยครั้งนี้ป่วยจนสุดยอดไม่กลับ” ท่านว่าอย่างนั้น “ป่วยจนตายไม่กลับ” จนตายจริงๆ ท่านบอกไว้แล้วว่าอายุท่านไม่เลย ๘๐ พอดีก้าวเข้า ๘๐ ท่านก็เป็น ท่านก็บอกเลย “ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของเรา ป่วยคราวนี้ไม่หาย แต่มันไม่ตายง่ายๆ นะ โรคทรมาน” ท่านว่าอย่างนั้น “หากครั้งนี้แหละ” ท่านว่า เรื่อยมาจนสิ้นสุด

    อายุของท่านดูว่า ๘๐ นะหลวงปู่มั่น ๘๐ เรานี้มันเท่าไร ๙๗ นู่นน่ะ มันยังขวางโลกอยู่เหรอ เดี๋ยวนี้มัน ๙๗ ปี มันจะไปแล้วแหละ ไม่มีใครห้าม ไม่ฟังเสียงใครละ พอถึงเวลามันแล้วมันก็ไปของมันเท่านั้น จะไปหรืออยู่มันก็ไม่มีอารมณ์นะ เราจะเป็นจะตายก็ไม่มีอารมณ์ จะไปเมื่อไรก็ได้จะตายเมื่อไรก็ได้ไม่มีอารมณ์ อารมณ์ตายไม่มีมากดถ่วงไม่มีเลย เวลาจะไปแล้ว จะไปแล้วเหรอ ปุ๊บเลย อายุเรามัน ๙๗ ตั้ง ๙๖ ๙๗ ปีแล้วจะหาอยู่ที่ไหนอีก"


    กัณฑ์ที่ ๒).
    เทศน์ ณ วัดแสงธรรมวังเขาเขียว จ.นครราชสีมา
    เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓

    "จะไปที่ไหนก็ไปเสียตอนนี้ ไม่นานนะบอกตรงๆ บอกว่าไม่นาน จะไปที่ไหนก็ไปเสีย ตายแล้วมันไม่ได้ไป นี่ก็ไม่นาน อายุ ๙๗ แล้วมันก็ไม่นานเหมือนกัน (ยังไม่ถึงร้อยเลยเจ้าค่ะ) อันนี้มันไม่มีร้อยนะ มันมีอยู่ที่ลมหายใจ พอลมหายใจขาดปุ๊บไปเลย ถ้ายังจะมาวิตก เราเองยังไม่เห็นวิตกเลย เฉย (หลวงตารั้งไว้ก่อนเจ้าค่ะ) เวลานี้รั้งไว้แล้วแต่เวลาจะไปไม่รั้ง ปล่อยเลย"

    https://www.facebook.com/watpabaantaad.luangta?fref=ts
     
  3. kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    เทศน์หลวงตา ณ วัดเขาใหญ่เจริญธรรมญาณสัมปันโน จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ ๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๓

    เรื่อง "ชาติของเราสุดเพียงเท่านี้"

    "บวชคราวนี้เป็นบวชครั้งสุดท้ายด้วย เกิดคราวนี้เป็นเกิดครั้งสุดท้ายด้วย จะไม่กลับมาเกิดอีกและจะไม่กลับมาตายอีกต่อไป สุดขีดแล้วในการบำเพ็ญความดีของเราได้บำเพ็ญเต็มกำลังความสามารถ เรียกว่าสุดกำลังไม่อยากไปไหนล่ะ พอ ลงธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้วพอ หมดเลย พากันเข้าใจเอานะ นี่เข้าถึงขั้นธรรมกับใจเป็นอันเดียวกัน ไม่ไปไหนทีนี้ ไม่เคลื่อนย้ายไปไหน

    เต็มยศในชาตินี้ของเรา ชาตินี้เรียกว่าเป็นชาติสุดท้ายของเรา หมดทุกอย่างในหัวใจ ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้วหมด ไม่มีที่จะเคลื่อนย้ายไปไหนอีกไม่มี เรียกว่าสิ้นสุดเพียงเท่านี้ สมเหตุสมผลบวชคราวนี้นะ สมใจถึงใจเลยบวชคราวนี้ ไม่มีที่สงสัยว่าจะยังบกพร่องอะไรอีกไม่มี หมด

    ชาติของเราสุดเพียงเท่านี้ หมดๆเลย ความเกิดความตายไม่มีเงื่อนต่อล่ะ พอ ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้วพอ เรียกว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา จะไม่ต้องกลับมาเกิดอีกแล้ว ฟังให้ชัดนะ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายจะไม่กลับมาเกิดมาตายอีกต่อไป สิ้นสุดวิมุตติหลุดพ้นกับนิพพานเป็นอันเดียวกัน"

    https://www.facebook.com/watpabaantaad.luangta?fref=ts
     
  4. kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    "..พิจารณาอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาอยู่ตลอดเวลา ใจได้รู้เห็นตามความเป็นจริง จะได้เกิดนิพพิทาความเบื่อหน่าย คายจากความยินดีในสังขารร่างกาย อันไม่เป็นแก่นสาร เมื่อเห็นทุก ๆ อย่าง เห็นเป็นอนัตตาก็ไม่มีที่อยู่ อัตตาคือบ้านอยู่อาศัยของกิเลส เมื่ออัตตาไม่มีอยู่ในหัว กิเลสหมดไปโดยอัตโนมัต ภพชาติหมด.."

    หลวงปู่คำพอง (หลวงตาน้อย) ปัญญาวุโธ “พระอริยสงฆ์ผู้มีปัญญาเป็นอาวุธ”


    https://www.facebook.com/thindham
     
  5. kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    เราเกิดมาเป็นมนุษย์ มีความสูงศักดิ์มาก อย่านำเรื่องของสัตว์มาประพฤติ มนุษย์เราจะต่ำลงกว่าสัตว์ และจะเลวกว่าสัตว์อีกมากมาย อย่าพากันทำ ให้พากันละบาป บำเพ็ญบุญ ทำแต่คุณความดี อย่าให้เสียชีวิตเปล่าที่มีวาสนาเกิดมาเป็นมนุษย์

    ...คติธรรมคำสอนของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต...


    แหล่งอ้างอิง facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  6. kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    โยม : หลวงตาคะ ถ้าฆราวาสถือศีล ๕ หรือถือศีล ๘ อย่างนี้นะคะ ถ้าเทียบกับสงฆ์ซึ่งถือศีล ๒๐๐ กว่าข้อ ในเมื่อถือศีลต่างกัน ในการปฏิบัติธรรมเพื่อให้รู้ได้ถึงที่สุดแห่งธรรม จะถึงได้เท่ากันหรือเปล่าคะ

    หลวงตา : ท่านได้บอกไว้หรือเปล่าล่ะว่านี้นิพพานของศีล ๕ นี้นิพพานของศีล ๘ นี้นิพพานของพระ ๒๒๗ ท่านได้บอกไว้หรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่ได้บอกไว้เราก็อุตริละซิ ถามแบบอุตริเราตอบไม่ได้ตอบแบบอุตริอย่างนั้น เราจะตอบตามหลักความจริงว่า นิพพานมีอันเดียวเท่านั้น ธรรมแท้มีอันเดียวเท่านั้นไม่มีสอง ใครจะปฏิบัติในศีลในธรรมข้อใดก็ตาม ธรรมแท้นั้นสามารถจะปฏิบัติได้ด้วยกันถึงได้ด้วยกันทั้งนั้นไม่ว่าผู้หญิงผู้ชาย เพราะการรักษาศีลนี้เป็นอาการของธรรมแต่ละประเภท ๆ แต่ธรรมแท้ ๆ ที่เข้าไปสู่ความละเอียดนั้นเข้าไปได้เหมือนกัน


    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
    จากหนังสือ คำถามคำตอบปัญหาธรรม

    แหล่งอ้างอิง facebook.com/พุทธมหาเจดีย์หลวงตาพระมหาบัว-ญาณสมฺปนฺโน-ภูผาแดงฯ
     
  7. kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    "น้อมธรรม เข้ามาสู่ใจ
    มาดูที่จิตใจ มาดูที่ตน มาฝึกฝนอบรมที่ตน
    จะเป็นคนฉลาดในการพิจารณาในธรรม
    ฉลาดในการพัฒนาตัวเอง เลยมาแก้ไขตัวเอง
    ตรงนี้แหละการประพฤติปฏิบัติของพวกเรา
    พวกเราจึงจะได้ประโยชน์ในการปฏิบัติ"

    หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป

    แหล่งอ้างอิง facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  8. kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    รำลึกบูชาคุณ ๗๓ ปี พระปรมาจารย์ใหญ่ท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีลเถร

    วันที่ ๓ กุมภาพันธ์เป็นวันคล้ายวันมรณภาพของท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีลเถร "พระปรมาจารย์ใหญ่สายพระกัมมัฏฐาน" ท่านมีความเพียรเป็นเลิศ มีความสงบเสงี่ยม พูดน้อย อ่อนน้อม สุขุม และพอใจแนะนำสั่งสอนผู้อื่นทางนั้นด้วย เป็นผู้ใฝ่ใจในธุดงควัตร หนักแน่นในพระธรรมวินัย ชอบวิเวก ไม่ติดถิ่นที่อยู่ ต้องเดินธุดงค์ไปหาวิเวกเจริญสมณธรรมตามชายป่าดงพงเขาในไทย และลาว

    ท่านพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล ถือกำเนิด ตรงกับวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๐๒ แรม ๑๔ ค่ำ เดือนยี่ ปีระกา ณ บ้านข่าโคม ต.หนองขอน อ.เมือง จ.อุบลราชธานี อุปสมบท ที่วัดใต้ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี และญัตติเป็นพระธรรมยุต ณ วัดศรีทอง(วัดศรีอุบลรัตนาราม) จ.อุบลราชธานี โดยมี ท่านพระครูทา โชติปาโล เป็นพระอุปัชฌายาจารย์

    ปี พ.ศ.๒๔๓๔-๒๔๓๖ หลวงปู่เสาร์ได้ธุดงค์ผ่านหมู่บ้านคำบง อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี ได้เทศนาสั่งสอนท่านพระอาจารย์มั่น สมัยยังเป็นฆราวาสจนเกิดศรัทธาเลื่อมใสติดตามออกบวช จุดนี้เป็นความยิ่งใหญ่ของวงศ์กรรมฐานตราบจนถึงปัจจุบัน

    ท่านพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล ผู้เป็นพระอาจารย์อบรมกรรมฐานให้กับท่านพระอาจารย์มั่น เป็นองค์แรก อันถือว่าเป็นพระปรมาจารย์ใหญ่สายพระกัมมัฏฐาน ผู้ที่ท่านพระอาจารย์มั่น ให้ความเคารพศรัทธา ยอมรับใช้ลงมืออุปัฏฐากหลวงปู่เสาร์ด้วยองค์ท่านเอง เหมือนเป็นพระหนุ่มเณรน้อยคอยรับใช้ครูบาอาจารย์แม้นตนเองจะมีพรรษากาลมากแล้วก็ตาม ข้อนี้เป็นการแสดงถึงความนบนอบของท่านพระอาจารย์มั่น ที่มีต่อหลวงปู่เสาร์ ผู้เป็นพระอาจารย์

    หลวงปู่เสาร์ ท่านประพฤติองค์เป็นแบบอย่างแก่สานุศิษย์มากกว่ากล่าวอบรมสั่งสอน อุปนิสัยโน้มน้าวไปทางพระปัจเจกเจ้า ไม่มีนิสัยเทศนาธรรมสั่งสอนทั่วไป

    ปี พ.ศ.๒๔๘๐ เจ้าจอมมารดาทับทิมนำผ้าป่าทอดถวายและนิมนต์ท่านขึ้นแสดงธรรม ท่านขึ้นธรรมาสน์ตั้งนโม ๓ จบ กล่าวเทศนาสั้นๆว่า "ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค" จบด้วย "เอวังฯ" แล้วก้าวลงธรรมาสน์

    วันหนึ่ง หลวงปู่เสาร์ นั่งพิจารณาอริยสัจ ได้รู้ได้เห็นตามความเป็นจริงนั้น ท่านได้ตัดเสียซึ่งความสงสัยเด็ดขาด จวนจะถึงกาลออกพรรษา ท่านได้บอกกับพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ผู้เป็นศิษย์ว่า... "เราได้เลิกการปรารถนาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว และเราก็ได้เห็นตามความเป็นจริงแล้ว!"

    ท่านพระอาจารย์มั่น ได้ยินดังนั้นแล้วก็เกิดปีติอย่างมาก และได้ทราบทางวาระจิตว่า
    "หลวงปู่เสาร์พบวิมุตติธรรมแน่นแล้วในอัตภาพนี้"

    หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล เข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน ตรงกับวันอังคารที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๘๔ องค์ท่านมรณภาพขณะก้มกราบพระประธาน ในอิริยาบถท่านั่ง มือสองข้างเท้ากับพื้นยันตัวอยู่ ประกอบด้วยสติอันไพบูลย์ ณ วัดอำมาตยาราม เมืองโขง นครจำปาศักดิ์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สิริอายุ ๘๒ ปี ๓ เดือน ๑ วัน ๖๒ พรรษา ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๘๔ จนถึงปีนี้ พ.ศ.๒๕๕๗ จึงเป็นวันครบรอบวันมรณภาพปีที่ ๗๓

    “..ทำให้ดูมันยังไม่ดู ปฏิบัติให้ดูอยู่ทุกวัน มันยังไม่ปฏิบัติตาม เทศน์ให้ฟัง มันจะฟังหรือพวกเจ้า..ข้อยเฮ็ดให้เบิ่ง บ่ เบิ่ง เทศน์ให้พวกหมู่เจ้าฟัง หมู่เจ้าสิฟังฤา..” โอวาทธรรมคำสอนท่านพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล

    จึงขอน้อมนำประวัติและปฏิปทาท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีลเถร โดยภาพประกอบลายเส้นทั้งหมดเป็นฝีมือผมเองครับ จึงขอนำมาเผยแผ่เพื่อน้อมมาเป็นสังฆานุสติ และมรณานุสติครับ


    _/\_ _/\_ _/\_


    https://www.facebook.com/thindham
     
  9. kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    รำลึกบูชาคุณ ๗๓ ปี พระปรมาจารย์ใหญ่ท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีลเถร

    ครูอาจารย์ที่ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตเถร ได้สมาคมอยู่ร่วม มีท่านพระอาจารย์ใหญ่เสาร์ กนฺตสีลเถร เป็นอาทิ องค์ท่านเป็นครูอาจารย์ที่ท่านพระอาจารย์มั่นร่วมแสวงวิเวก ปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานในเขตภาคอีสานตามคามเขตน้อยใหญ่ด้วยกัน ในการพิจารณาสภาวธรรม ได้อาศัยการเจริญสมณธรรมตามโคนไม้บ้าง ภูเขา ถ้ำ เงื้อมผา หรือกลวงแจ้งบ้าง ท่านทั้งสองได้นำหมู่คณะแห่งกองทัพธรรมสายพระกัมมัฏฐานออกเผยแผ่พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ปรากฏเป็นที่แพร่หลาย รวมถึงการยังชนผู้ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิให้เห็นมานับถือสัตถุศาสน์ ถึงพระไตรสรณคมน์ ทำตนให้อยู่ในศีลธรรม

    ท่านพระอาจารย์มั่นได้เห็นความเป็นผู้หนักในศีลหนักในธุดงควัตรของท่านพระอาจารย์เสาร์ ตลอดถึงความเป็นผู้มักน้อย ยินดีในความสันโดษด้วยปัจจัยบริโภคตามมีตามได้ ดำเนินอัปปิจฉปฏิปทา แม้คำกล่าวแห่งองค์ท่านพระอาจารย์ใหญ่เสาร์ก็เป็นคำกล่าวแต่น้อยแต่ประกอบด้วยความศักดิ์สิทธิ์ เป็นธรรมสัจจวาจา



    _/\_ _/\_ _/\_

    https://www.facebook.com/thindham
     
  10. kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    วาระนิพพาน ท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีลเถร

    ขณะหลวงปู่เสาร์ ท่านอาพาธหนักนั้น ท่านสั่งให้พระอาจารย์บัวพา พระอุปัฏฐาก และคณะศิษย์นำท่านไปที่วัดอำมาตย์ นครจำปาศักดิ์ ประเทศลาว โดยมาทางเรือ ตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ ท่านนอนบนแคร่ในเรือประทุน หลวงปู่เสาร์ หลับตานิ่งมาตลอด เพราะตอนนั้นท่านกำลังอาพาธหนัก อันเกิดจากผึ้งที่ได้ต่อยท่านตอนที่อยู่จำพรรษาที่วัดดอนธาตุ เมื่อถึงนครจำปาศักดิ์แล้ว ท่านลืมตาขึ้นพูดว่า... "ถึงแล้วใช่ไหม ให้นำเราไปยังอุโบสถเลย เพราะเราจะไปตายที่นั่น"

    ท่านพระอาจารย์บัวพา และคณะศิษย์ช่วยกันยกแคร่หามพาหลวงปู่เสาร์ เข้าไปในอุโบสถ แล้วหลวงปู่เสาร์สั่งให้เอาผ้าสังฆาฏิมาใส่ แล้วเตรียมตัวเข้านั่งสมาธิ ท่านกราบพระ ๓ ครั้ง พอกราบครั้งที่ ๓ ท่านนิ่งงันโดยไม่ขยับเขยื้อน นานเท่านานจนผิดสังเกต ท่านพระอาจารย์บัวพา และท่านพระอาจารย์เจี๊ยะ จุนฺโท ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เอามือมาแตะที่จมูกท่าน ปรากฏว่าท่านหมดลมหายใจแล้ว ไม่ทราบว่าหลวงปู่เสาร์ท่านมรณภาพไปเวลาใด แต่พอสันนิษฐานได้ว่า ท่านมรณภาพในอิริยาบถนั่งกราบพระ ท่านจึงพูดขึ้นกับหมู่คณะ (ซึ่งตอนนั้นมีพระเถระผู้ใหญ่ และพระเณรมานั่งดูอาการป่วยของหลวงปู่เสาร์) ว่า "หลวงปู่ได้มรณภาพแล้ว"

    ข่าวการมรณภาพ ก็แพร่กระจายไปเรื่อยๆ จนทางบ้านเมือง ญาติโยม พระเณร ชาวนครจำปาศักดิ์ขอทำบุญอยู่ ๓ วัน เพื่อบูชาคุณขององค์หลวงปู่ พอวันที่ ๔ บรรดาพระเถระ ญาติโยมชาวอุบล จึงได้มาอัญเชิญสรีระสังขารขององค์หลวงปู่เสาร์ ไปวัดบูรพาราม จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่เสาร์เคยอยู่มาก่อน วันที่หลวงปู่เสาร์มรณภาพตรงกับวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๘๔

    "แต่นี้จะไกลห่าง เหลือเพียงร่างร้างชีวา
    สุดสิ้นแห่งสังขาร สลายลับดับตามกาล
    สิ้นชีพก็สิ้นห่วง บรรลุล่วงห้วงนิพพาน
    สุขใดไหนจักปาน เปรียบสุขนี้ไม่มีเลย..."

    ขอนอบน้อมกราบบูชาธรรมแห่งดวงอรหันต์

    คัดลอกจากหนังสือฐานิโยวาท หลวงพ่อพุธ ฐานิโย



    _/\_ _/\_ _/\_


    https://www.facebook.com/thindham
     
  11. kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    “ชีวิตที่เป็นมานี้ ก็ได้ด้วยยากยิ่งนัก เพราะอันตรายชีวิตทั้งภายใน ภายนอก มีมากต่าง ๆ นานา และการที่ได้ฟังธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ ก็ได้ด้วยยากยิ่งขึ้นไปอีก เหตุนี้เราทั้งหลาย พึงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด อย่าให้เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนานี้เลย”

    โอวาทธรรมคำสอนจากท่านพระอาจารย์ใหญ่เสาร์ กนฺตสีลเถร พระปรมาจารย์ใหญ่สายพระกัมมัฏฐาน


    _/\_ _/\_ _/\_


    https://www.facebook.com/thindham
     
  12. kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    "มีสุขอยู่ที่ไหน มีทุกข์อยู่ที่นั่น. หาสุขจากกาม หาสุขในโลก. จะได้มาจากไหน. มันคือการหาสุขในทุกข์. สุขไม่มี ตัวของเราไม่มีในนั้น."

    หลวงปู่ท่อน ญาณธโร

    https://www.facebook.com/WatSriRattanawan?fref=ts
     
  13. kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    "มุ่งดีในโลกีย์เป็นทางวนเวียน
    มุ่งดีในทางโลกุตตระเป็นทางพ้นทุกข์"


    หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต

    facebook.com/pages/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  14. kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    "นกบินจากไป ไม่ทิ้งรอยเท้าไว้ในอากาศ
    ผู้้ทำความดีจริง ควรไม่หวัง ลาภ สักการะ แม้ด้วยศรัทธา"


    ท่านพ่อลี ธมฺมธโร

    facebook.com/pages/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  15. kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    ไม่ควรแผ่เมตตาหรืออุทิศบุญขณะอยู่ในสมาธิ

    "ในขณะที่จิตสงบอยู่นี่ แม้ว่าอยู่ในช่วงที่เราสามารถที่จะนึกคิดอะไรได้ ก็อย่าไปรบกวนมัน ให้มันเลิกเสียก่อนจึงค่อยแผ่เมตตา
    การแผ่เมตตาหรือขออโหสิกรรมขณะที่จิตอยู่ในสมาธิ ยังไม่ถูกต้อง เอาอย่างนี้ แผ่เมตตาก่อนค่อยนั่งสมาธิ พอนั่ง สมาธิเสร็จแล้วอุทิศส่วนกุศล เพราะเราได้ทำบุญแล้วคือสวดมนต์นั่งสมาธิ
    ทำไมจึงต้องแผ่เมตตาก่อน
    เผื่อว่าในจังหวะนั้นอาจจะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งคอยรบกวนเราอยู่ พอเรากล่าวขึ้นมาว่า สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ สิ่งที่จ้องจะเล่นงานเราอยู่ พอได้ยินเรานึกว่า สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ เขาจะได้ความรู้สึกว่า ท่านผู้นี้มาดีไม่ได้มาร้าย ขืนเบียดเบียนท่านผู้นี้หัวเราจะแตกเป็นเสี่ยง ท้าวเวสสุวรรณประกาศิตเอาแล้วว่า ผีตัวใดไปรบกวนผู้ปฏิบัติธรรม ให้หัวมันแตกเป็น ๗ เสี่ยงผีมันกลัว กลัวนายมัน

    ดังนั้น ทางที่ดีแผ่เมตตาก่อนแล้วค่อยนั่ง เพื่อประกาศความเป็นมิตรไมตรี"

    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย


    https://www.facebook.com/Thammaphormaekruarjahn
     
  16. kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    "ที่ตั้งแห่งงานมีอยู่ห้าประเภท งานที่จะถอดถอนวัฏจักรออกจากใจเรียกว่า ตจปัญจกกรรมฐาน กรรมฐานมีหนังเป็นที่ห้า แปลออกแล้ว เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ ให้พิจารณานี้"

    เทศน์หลวงตา ณ กุฏิหลวงตา สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
    เมื่อค่ำวันที่ ๑๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๙

    "จิตเป็นสมาธิ คือจิตมีอารมณ์อันเดียวแน่นหนามั่นคง ไม่สนใจกับสิ่งอื่นใดเลย
    จิตอิ่มอารมณ์แล้วนำจิตที่อิ่มอารมณ์นี้ออกพิจารณาทางด้านปัญญา ตอนที่จิตกำลังหิวโหยอารมณ์นี้พาพิจารณาทางด้านปัญญา มันจะเถลไถลไปทางสัญญาอารมณ์ กลายเป็นกิเลสเป็นสมุทัยไปเสีย เพราะฉะนั้นจึงให้พิจารณา ท่านว่าสมาธิปริภาวิตา ปญฺญา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา สมาธิคือความอิ่มอารมณ์ของใจเป็นเครื่องอุดหนุนปัญญาให้เดินได้คล่องตัว ไม่หิวโหยโรยแรง พาทำการงานอะไรพิจารณาเกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ เราบวชแล้วทุกคน มีไหมในหัวของเราตัวของเรา นี่ละทางบุกเบิกแห่งมรรคผลนิพพานอยู่ที่เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ กรรมฐานห้า

    ที่ตั้งแห่งงานมีอยู่ห้าประเภท งานที่จะถอดถอนวัฏจักรออกจากใจเรียกว่า ตจปัญจกกรรมฐาน กรรมฐานมีหนังเป็นที่ห้า แปลออกแล้ว เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ ให้พิจารณานี้ เวลาจิตใจยังไม่สงบก็เอากรรมฐานเหล่านี้มาเป็นอารมณ์ของใจ เพื่อกล่อมใจให้สงบ ใครจะบริกรรมในบทใดเกสาๆ ก็ได้ โลมาก็ได้ นขา ทันตา ตโจ บทใดก็ตาม เป็นเครื่องกล่อมใจให้อยู่กับอารมณ์ที่ว่านี้ใจก็จะสงบลงได้ นี่บทเบื้องต้นเป็นอารมณ์ทำใจให้สงบ อารมณ์ของสมถะก็อยู่กับเกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ

    ทีนี้เมื่อใจมีความสงบร่มเย็นลงไปแล้ว เราจะแยกออกทางด้านปัญญา ก็เอาเกสา โลมา นขา ทันตา ตโจนี้แลเป็นหินลับปัญญา พิจารณาคลี่คลายดูผม ดูขน ดูเล็บ ดูฟัน ดูหนัง ดูเนื้อ เอ็น กระดูก ตับ ไต ไส้ พุง คลี่คลายออกไป นี่เป็นหินลับปัญญาทั้งนั้น ทีนี้เลยเป็นอารมณ์แห่งวิปัสสนาไป เรียกว่าเป็นหินลับปัญญา พิจารณาอันนี้ มันติดมันพันอยู่ด้วยกัน ต้องเอาธรรมประเภทนี้เข้าไปบุกเบิกให้เห็นตามหลักความจริงแล้วปล่อยวางโดยลำดับลำดา หมดสภาพแห่งร่างกายทั้งหมดนี้ ปล่อยวางได้โดยสิ้นเชิง"


    https://www.facebook.com/watpabaantaad.luangta?fref=ts
     
  17. kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    "พวกเราต้องฝึกเอาไว้ อย่าประมาท ชีวิตของคนเรามันไม่มีอะไรแน่นอนทั้งหมด อีกสักวันหนึ่งก็จะต้องตายจากกัน ถึงจะรัก จะเกลียด โกรธขนาดไหนก็เถอะ อีกสักวันหนึ่งก็ไปคนละทิศคนละทาง ไปตามบุญกรรมของแต่ละคน เกิดภพหน้าชาติหน้าก็ลืมหลง เกิดขึ้นมาเสาะแสวงหาอีก หลงกันอีก เป็นวัฏฏะวน ไม่มีที่สิ้นสุดวกวนไป วกวนมาอยู่อย่างนี้ เหมือนกับมดแดงไต่ขอบกระด้งวนไปวนมา วนมาวนไป พระพุทธเจ้าท่านจึงให้ตัดวัฏฏะวน ให้หนีออกจากวัฏฏะวน ไม่มาเวียนว่ายตายเกิด จะตัดที่ไหน ตัดที่ใจ ตัดที่กิเลส ที่จะทำให้วกวนเวียน ตัดกิเลสออกจากใจ เมื่อตัดกิเลสออกจากใจ ใจบริสุทธิ์แล้วนั่นละ จบ"

    ...พระอาจารย์อินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก

    facebook.com/pages/ลูกศิษย์ท่านพ่อลี-ธัมมธโร-วัดอโศการาม
     
  18. kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    "ความตายเป็นธรรมดาของโลก จะแก้ตายให้แก้ที่เกิด ให้เอาพุทโธ หาทางแก้เกิด"

    หลวงปู่อุ่นหล้า ฐิตธัมโม

    https://www.facebook.com/Thammaphormaekruarjahn?fref=ts
     
  19. kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    "วัตถุทั้งหลายที่เราอาศัยเช่น ร่างกายเป็นต้น มันไม่ใช่ของเรา บอกไม่ได้ ห้ามไม่ฟัง มันจะต้องแก่ จะต้องเจ็บ จะต้องตาย เหตุนั้นอันนี้ จึงจะต้องเป็นอนัตตา ไม่มีสาระแก่นสารอะไร เรียกว่า อนัตตา"

    พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์(หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)


    facebook.com/pages/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  20. kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    ธัมโม หเวรักขะติ คะติ ธรรมะจารี

    การที่เราปฏิบัติธรรม พระธรรมต้องคืนมารักษาปฏิบัติเรา ข้อนี้เหมือนกันกับเราปลูกดอกไม้ เมื่อเราปลูกต้นไม้ขั้นแรก เราจะต้องออกแรงช่วยต้นไม้ให้มันโต ใส่ปุ๋ยรดน้ำ ดูแลมันอย่างดี ในที่สุดต้นไม้เหล่านั้นมันก็โตขึ้น มันก็ออกผลให้แก่เรา

    จากหนังสือ แสงสว่าง โดยพระธรรมมงคลญาณ หน้า73

    https://www.facebook.com/VRYMeditationCenter?fref=ts
     

แชร์หน้านี้