ขอแนะนำหมอดู "จอย" ที่กำลังดังมากตอนนี้

การทำหน้าที่เป็นนักพยากรณ์ก็ดี หมอดู ก็ดี เชื่อว่า ไม่มีหมอดูท่านใด? ทายได้ถูกต้องทั้งหมด ทายได้ ประมาณ 70 % ก็เก่งแล้ว ยังไงก็ต้องมีความผิดพลาดเป็นธรรมดา บางคนที่เราท่านได้แม่นเพราะ เทวดาเรากับเขาสัมพันธ์กันเกื้อกูลกัน อุปถัมภ์กัน ส่งเสริมกัน เคยทำกรรมดีร่วมกันมา แต่บางคนที่เราทายเขาไม่ถูก ก็มีเยอะแยะไป เพราะอาจเคยมีวิบากกรรม เศษกรรม ที่ทำร่วมกันมาไม่ดี ไม่ได้มาช่วยส่งเสริม เปรียบเสมือน ลางเนื้อชอบลางยานั้นแหละ ยาบางอย่างถูกขนานกับบางคนแต่ไม่ถูกกับคนอื่นๆ มีถมไป.....เปรียบเสมือนหมอรักษาโรคนั่นแหละ โรคเดียวกัน แต่บางคนบอกว่า หมอคนนี้เก่ง อีกคนบอกว่าหมอคนนี้ไม่เก่ง มันเป็นธรรมดาๆ นั่นเอง แนะนำว่า ให้แก้ด้วยการอธิษฐานจิตในการทำหน้าที่ พยากรณ์ ทุกครั้ง ให้ตั้งจิตอธิษฐานให้เจอแต่คนที่เป็นกัลยาณมิตร คนที่เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมา คนที่เคยร่วมกรรมดีกันมา จึงทำหน้าที่สงเคราะห์เขา ไม่ควรสงเคราะห์สะเปะสะปะ ต้องมีจุดยืนของตนเอง แล้วจะไปรุ่ง ไม่จำเป็นต้องมีลูกค้าเยอะ มีลูกค้าเพียงไม่กี่คน ถ้าเจอแต่คนที่ส่งเสริมเกื้อกูลกับเรา เราก็รุ่งแล้ว ที่แนะนำแบบนี้ เพราะเคยทำหน้าที่พยากรณ์มาแล้ว..

 

เข้มแข็งนะคะ

เอาใจช่วยค่ะ ถ้าคิดว่าสิ่งที่ทำดีอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องน้อยใจในโชคชะตาหรอกค่ะ เป็นเรื่องธรรมดา มีแม่นบ้าง พลาดบ้าง ด้วยหลายเหตุปัจจัยดังที่มีผู้มาโพสต์ไว้หลายท่าน คนเราแต่ละคนก็มีเวรกรรมทำมาต่างกัน เรื่องดวงที่ว่าแน่ก็ยังต้องแพ้กรรมหนักที่ตัดรอนหรือให้ผลทันที แถมยังมีเรื่องเจ้ากรรมนายเวร และเรื่องของการส่งเสริมกันมาแต่อดีตชาติอีก ดังนั้นบางคนที่ดูว่าแม่นแล้ว ก็อาจจะยังสงสัยอยู่ว่ามันจะเป็นอย่างที่ทำนายจริงรึป่าว ดังนั้นแม้จะดูแม่นแค่ไหนมนุษย์ ก็ยังเกิดความสงสัยได้ตลอดอยู่ดีอ่ะค่ะ ทำความดีต่อไปค่ะ

 

อ่านจนหมด ความคิดเห็นส่วนตัวนะ ต่างคนต่างความคิด ถ้าคิดว่าดีก็ดี ถ้าคิดไม่ดีก็ไม่ดี ก็คงต้องเลือกเอา ว่าอยากจะจะเป็นแบบไหน (เห็นใจคุณจอยมากกว่า) ไม่ได้ลำเอียงแต่ว่าไปตามเนื้อผ้า ก็เท่านั้น เป็นกำลังใจให้

 

สวัสดีครับคุณจอยครับ การเป็นนักพยากรณ์ สิ่งที่เราควรจำไว้ก่อนและควรท่องจำให้อยู่ในใจเราก็คือ หมอดูคู่กับหมอเดาครับ จากคำพูดที่ถูกพูดต่อกันมานานแสนนาน ทุกคนรู้จักแต่ทำไมเราไม่ถามตัวเราเองกลับไปว่าถ้าหมอดูคู่กับหมอเดา แล้วเรามาเป็นหมอดูกันทำไม น่าคิดไหมละครับ ผมก็เจอทายถูก 100 % 90 % 80% 70% 60% 50% ไม่ถูกเลยก็มี เอาละที่นี้ก็คือสิ่งที่น่าสนใจไหมละครับคุณจอย เราต้องหาให้เจอครับว่าทำไม ทำไม แล้วก็ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ผมคิดว่าน่าจะเจอนะครับเมื่อเจอแล้วนั่นแหละครับเรียกว่าบุญบารมีครับของผู้ที่เป็นหมอดูคนนั้นๆครับ
ที่นี้หลังจากเราพบว่ามันเกิดอะไรแล้ว มันก็ยังทายไม่ถูก 100 % ที่นี้บางคนเท่านั้นนะครับ ให้สังเกตุปัญหาจะเกิดจาก ตำแหน่งใจของเจ้าชะตาเป็นเลข 1 คืออาทิตย์ เจ้ายศเจ้าอย่าง ไม่ยอมใครต้องการเอาชนะครับ ผมเองเรียนหมอดูก็แค่งูงูปลาปลา เท่านั้นและก็มีแค่ความรู้เพียงวิชา เลข 7 ตัว 3 ฐาน เลข 7 ตัว 4 ฐาน เลข 7 ตัว 9 ฐานเท่านั้นและก็มีอาจารย์ที่สอนเพียงคนเดียว คืออาจารย์ เจษฏา คำไหล เท่านั้น แค่นี้ผมก็หาแทบแย่แล้ว ถ้ามีหลายอาจารย์ ผมคงสมองแตกแน่นอน ผมอยู่ที่จังหวัดอ่างทอง ถ้าอยากมาพบปะเจอกันหรือทักทายกันทางโทรศํพท์ 086 - 344 - 6196 ยินดีต้อนรับครับ

 

คุณรักฯ เล่าให้ฟังหน่อยนะ...
คุณจอยทำนาย เนื้อคู่ของคุณรักฯ ว่า
มีรูปร่างหน้าตาสวยแบบไหน...
และเจอแล้วหรือยัง...

 

วิชาการพยากรณ์มีมาแต่สมัยโบราณคือก่อนสมัยสุโขทัย บนแผ่นดินสุวรรณภูมิ หรือที่เราเรียกว่าแผ่นดินไทย และที่ใช้กันมากก็คือเลข 1 - 7 นี่แหละครับจนทำให้หลายคนได้รู้จัก ถ้าเราจะพูดไปถึงคนต่างประเทศเขาก็มีความรู้เรื่องเลข 1 - 7 เหมือนกันแต่แปลเป็นดาวต่าง ๆ ชาวอียิปใช้ตอนพระเยซูประสูติดูจากดาว ฉะนั้นเราต้องถือว่าการพยากรณ์ด้วยเลข 1 - 7 นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง มาดูในเมืองไทยถ้าพูดเรื่องการพยากรณ์เลข 7 ตัวนั้นผู้ที่กำลังมีชื่อเสียงในการสอนอยู่นี่เห็นจะเป็น อ.เจษฎา คำไหล ซึ่งปัจจุบันสอนอยู่ที่วัดสุวรรคีรี ( วัดขี้เหล็ก ) ที่นี้คนที่เรียนวิชานี้ก็มีมากมายหลายท่านบางท่านก็เก่งบางท่านก็เก่งน้อย บางท่านเรียนแล้วพอได้ไม่สมใจก็เลิกแล้วบอกว่าไม่ถูกโฉลกเรียนอย่างอื่นดีกว่า ผู้เขียนมิได้มีเจตนาเป็นอย่างอื่นแต่กำลังจะบอกว่า ได้เรียนวิชานี้เหมือนกัน ตอนไปเรียนไม่รู้เรื่องอะไรเลย เรียนไปเรียนมาก็จบได้ประกาศนียบัตร โดยมีครูคนแรกที่สอนวิชาพยากรณ์ ให้กับผู้เขียนให้มีความรู้ความสามารถจนถึงทุกวันนี้ คือ อ.เจษฎา คำไหล และผู้เขียนก็มิได้ไปเรียนวิชาอื่นอีกเลย แต่ได้ใช้ความเพียรอยู่ตลอดเวลา ดั่งคำสอนของพระพุทธเจ้า วิริเย ทุกขมเจติ ( คนจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร ) จึงเพียรพยายามฝึกฝนตัวเองตลอดเวลา ก็พอมีความรู้เรื่องการพยากรณ์เลข 7 ตัวพอควรแก่ตัวเองจนปัจุบันสามารถช่วยให้ผู้ที่เรียนแล้วไม่เข้าใจได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น แนะนำวิธีการต่างให้กับผู้ที่เรียนเลข 7 ตัวแล้วต้องการเพิ่มเติม เพราะต้องการให้วิชานี้ของ อ.เจษฎา คำไหล ที่หลายคนเรียนแบบตั้งใจก็ดีไม่ตั้งใจก็ดีได้มีความรู้อย่างกว้างขวาง เพื่อเป็นการเชิดชูครูบาอาจารย์ จึงได้ตั้งใจว่าใครก็ตามที่เรียนวิชานี้แล้วไม่เข้าใจ อาจเป็นเพราะซื้อหนังสือไปเรียนเอง หรือเรียนกับอาจารย์แล้วไม่เข้าใจ แต่บางครั้งอาจไม่สามารถสอบถามไปยังอาจารย์ไม่ได้ ก็ยินดีให้คำปรึกษาและแนะนำ โดยสามารถสอบถามมายัง sms ที่ชื่อ hs1npl@hotmail.com ยินดีที่จะตอบให้ แต่ขอความกรุณาขอให้เป็นท่านที่เรียนแล้วไม่เข้าใจเท่านั้น ส่วนท่านที่ยังไม่เรียนขอความกรุณาไปสมัครเรียนก่อน ที่วัดสุวรรณคีรี ( วัดขี้เหล็ก ) ชึ่งตอนนี้อาจารย์เปิดสอนที่วัดครับ ศิษย์ของอาจารย์เจษฎา คำไหลทุกท่านไม่ต้องกังวนว่าเรียนแล้วจะทำไม่ได้ ยังพอมีศิษย์อาจารย์เจษฏา คำไหล อีกหลายท่านที่คอยประคับประคองท่านอยู่

 

ถึงเวลาร่างทรง

ตอนนี้เราจะเห็นได้ว่าในวงการนักพยากรณ์เกิดขึ้นมากมาย แต่ปัญหาที่พบมากที่สุดคือการทำให้ตัวหมอดูคนนั้นคนนี้เก่งกว่าคนนั้นคนนี้ ทำไม่เรารวมตัวกันไม่ต้องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันละ ทำแบบตอนเรียนหนังสือช่วยกันอ่านชว่ยกันติวยิ่งเป็นหมอดูด้วยกันแล้วยิ่งดีจะทำให้วงการหมอดูพัฒนายิ่งขึ้น แต่ดูเหมือนต่างคนต่างอยู่ตัวเราเก่งกว่าคนอื่น แต่ถ้าผมบอกว่าเราทายกันไม่แม่นละหมอดูทุกคนจะว่าอย่างไร ก็จะพูดว่า โธ่ ไอ้ เข้.... ถ้าเราคิดว่าไม่แม่นเราจะพัฒนาช่วยกันหาคำตอบเริ่มจากกลุ่มเพื่อนเล็ก ๆๆ แล้วต่อเป็นกลุ่มใหญ่ สิ่งที่ผมพูดผมทำอยู่ ตอนนี้มี 4 คน
ที่นี้หมอดูทำเหมือนกันอุ้ย...ทายไม่แม่น ต้องทำพิธีกรรม ต้องเป็นร่างทรง ส่วนใหญ่มีหรือเปล่า อุ้ยร่างทรงรำสวยนะ เอ้าบางคนนั่งสมาธิอุ้ย....ฉันมีฌานหยั่งรู้ การนั่งสมาธิมีครูบาอาจารย์คอยสอนคอยกำกับหรือเปล่า ไม่มีแล้วจะดีได้อย่างไร เฮ้ยฉันมีนะ เอ้าสอนถูกหรือเปล่า ไม่ค่อยถูก เอาแต่....
เพียงแค่นี้ก็บอกว่าเราเป็นนั่นเป็นนี่ คนที่พอจะมีเขาก็ไม่เป็นอย่างที่เขียน ฮืออะไรกันเนี่ย บางคนนั่งสมาธิจิตรเสียไปก็มี กลายเป็น บ้าๆบอๆ ก็หลายคนน่าสงสาร สาเหตุจากการที่อยากเป็นใหญ่ เลยทำให้วงการที่ดีอย่างหมอดู กลายเป็นสิ่งไม่น่าเชื่อถือ บางครั้งผู้หลัหผู้ใหญ่นี่ตัวดีเลยละ บางครั้งตำแหน่งมันก็ทำให้หน้ามืดได้เหมือนกัน ถ้าช่วยกันจรรโลงผลิตภันท์ที่แสนดีอย่างหมอดูน่าจะดีนะ 2500 ปีผ่านไปศิษย์ตะถาคตที่ดูแลศาสนาหมดไป ตามด้วย1250 ปี ร่างทรงเข้ามาเลยลืมคำสอนของพระพุทธเจ้าหมด อย่าลืมซิครับ

 

เสียงโวตแม่นเยอะกว่าน่าลอง แต่ไม่ละทำดีอยู่แล้ว

 

ดูแล้ว แม่นค่ะ ปัจจุบัน อดีตถูกหมด ตรงกับที่ผู้มีญาณหลายท่านเคยดูให้ แต่อนาคตต้องรอดูค่ะ ขอบคุรคุณจอยด้วยค่ะ อ้อ ค่าดูตอนนี้เป็น 500 บาทแล้วค่ะ

 

ผมขอตั้งข้อสังเกตุว่า คุณรักไร้พ่าย น่าจะเป็นทีมงานคนหนึ่งของเวป พลังจิต ที่มีหน้าที่ จัดหาหมอดูหน้าใหม่ๆ แปลกๆ เข้ามาในเวปพลังจิต เพื่อสร้างการตลาดให้กับทางเวปได้อีกรูปแบบหนึ่ง เพราะลองคิดดูตามหลักความเป็นจริง คุณรักไร้ผ่าย แนะนำหมอดูใหม่ๆๆ เข้ามา ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน ผมคิดว่าคงไม่ต่ำกว่า 50 ท่าน ซึ่งแต่ละท่านจะโปรโมตว่า แม่นสุดยอด แตกต่างกันไป แล้วคนทั่วไปก็แห่กันไปดู ซึ่งเราคิดตามความเป็นจริงว่า ถ้าคุณรักไร้ผ่าย ดูหมอดูคนใหนแม่นแล้ว ก็น่าจะหยุดที่คนๆๆ หนึ่งมากกว่า ทำไมต้องสรรหา หมอดูเข้ามาตลอด และกระทู้ต่างๆ ที่มาลงชมเชยหมอดูท่านนั้น ก็อาจจะเป็นกระทู้ที่สร้างกันขึ้นมาเอง เพื่อโปรโมตหมอดูท่านนั้น อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว แล้วแต่ท่านๆๆจะพิจารณากันเอาเอง แต่การดูดวงของน้องจอย ดู วัน เดือน ปี เกิด และไพ่ยิปซี ทางสมาคมโหร ก็ดูแม่นเหมือนกัน ค่าดูแค่ 150 บาท เอง ดูแม่นเหมือนกันนะ สามารถไปดูได้ที่ดิโอสยามและ บางลำภู โทรสอบถามหมายเลขได้ที่ 1133 ได้คับ

 

ผมสนใจอะครับ

ว่างๆเดี๋ยวไปดูกับเพื่อน แม่นไม่แม่นไม่เป็นไร

เพราะเจอแต่ไม่แม่นมาเยอะแล้ว

แต่สรุปสุดท้ายหลังจากดูดวง ก็จะกระตุ้นให้มุ่งทำความดี


เอ่อ คุณ biggun ดูคิดมากจังครับ ถึงมันจะดูเป็นการตลาด

แต่มุมมองของคุณมันดู มองโลกในแง่ร้ายจัง อิอิ

 

ทำไมขึ้นราคาเร้วจัง จาก 300 เป็น 500 แล้วอ่ะ

 

เปิดสอนการพยากรณ์ เลข 7 ตัว 3 - 4 - 9 ฐาน

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD><HR width="100%" color=#ff6666 SIZE=1></TD></TR><TR vAlign=top><TD> เปิดสอนวิชาการพยากรณ์ เลข 7 ตัว 3 - 4 - 9 ฐาน

สวัสดีครับท่านที่มีความสนใจในศาสตร์ การพยากรณ์ เลข 7 ตัว 3 4 9 ฐาน แต่ไม่สามารถเดินทางไปเรียนได้ จึงได้เปิดสอนวิชานี้ให้กับผู้สนใจที่อยากเรียนแต่ไม่มีโอกาส จักได้รับความรู้ เพื่อนำไปประกอบเป็นวิชาชีพ ให้กับตัวเอง เพียงแต่คุณมีคอมพิวเตอร์ก็เข้ามาในกระทู้นี้ก็เริ่มเรียนได้เลย

เกริ่นมาแล้วขอแนะนำตัวก่อน ผมชื่อ วิศิษฐ์ สิงห์ตระหง่าน หรือที่ท่านทั้งหลายรู้จักในนาม หมอศิษฐ์ โจ๊ะเลย ผมอยู่ที่ จังหวัดอ่างทอง บ้านเลขที่ 22/6 ถ.โพธิ์พระยา - ท่าเรือ ต.โพสะ อ.เมือง จ.อ่างทอง 14000 โทร มือถือ 081 - 4069022 ถ้าไม่ติดธุระยินดีเสมอ ถ้าติดธุระต้องกราบขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วย
ส่วนท่านใดจะมาเรียนที่อ่างทอง ยินดี โทรมาก่อนล่วงหน้า ครับ จะได้รู้ว่าอยู่หรือเปล่าการสอนนั้นจะสอนที่ละกระทู้ ก็ต้องติดตามไปเรื่อยๆ ถ้าจะสอบถามก็ตั้งกระทู้ขึ้นมาสอบถามได้ หรือจะโทรมาก็ได้ ยินดีต้อนรับทุกท่าน
เอาละฝอยมายืดยาว ไม่ทราบว่าจะมีใคร อ่านหรือเปล่า เดี๋ยวผมขอไปชงกาแฟก่อน สักครู่เดียวเดี๋ยวกลับมา

อยากเรียนก็ติดตามก็แล้วกัน ค่อย ๆ อ่านค่อยเรียน ผู้สอนคือตัวผม หมอศิษฐ์ โจ๊ะเลย ก็จะค่อย ๆ สอนไปเรื่อย ๆ นะครับ ทุกท่านที่อยากเรียนเตรียมตัวให้พร้อม เรามาเริ่มกันที่ทำสมาธิก่อน คนเรานั้นจะทำอะไรต้องมีสมาธิ จะทำให้เกิดปัญญา ขอให้ทุกคนที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ทำตามขั้นตอนนี้ก่อน
1.สูดลมหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ แล้วกลั้น ลมหายใจ แล้วค่อยๆปล่อยออกทางปากอย่างช้า ๆ เริ่มฝึกการหายใจก่อน เราจะได้รู้ว่าเราหายใจเข้าทางจมูกแล้วปล่อยออกทางปากไงครับ
2.หลับตาทำสมาธิ โดยหายใจเข้าทางปาก ออกทางจมูก

เอาละครับเป็นอันว่าผู้ทำการศึกษาได้เข้าใจในเบื้องต้นแล้ว ต่อไปเรามาเริ่มเรียนกันเลยครับ ในการเรียนการพยากรณ์ เลข 7 ตัวนั้น ผู้ที่ทำการเรียนสามารถนำไปใช้กับการพยากรณ์ ทั้งเลข 7 ตัว 3 4 9 ฐาน ได้เลย อย่ามัวชักช้าอยู่เลย ก่อนที่จะไปเรียนในรายละเอียดอื่น ๆ มาทำความเข้าใจ ในเรื่องของตัวเลขกันก่อนดีกว่า

หลักการเรียนรู้เบื้องต้น
การพยากรณ์ เลข 7 ตัว นั้นบอกอยู่แล้วว่า มีเลขอยู่ 7 ตัว แล้วมันมีเลขอะไรบ้างล่ะ
1 อาทิตย์ หรือ ดาวอาทิตย์ หมายถึง ยศศักดิ์ ความยิ่งใหญ่ ความร้อน
2 จันทร์ หรือ ดาวจันทร์ หมายถึง ความอ่อนโยน บอบบาง บริการ
3 อังคาร หรือ ดาวอังคาร หมายถึง กล้าหาญ วู่วาม ขยัน แข็งแรง
4 พุธ หรือ ดาวพุธ หมายถึง ความปรวนแปร ข่าวสารการปรับตัว คำพูด
ปฏิภาณ ไหวพริบ
5 พฤหัสบดี หรือ ดาวพฤหัสบดี หมายถึง คุณธรรม วิชาการ ผู้ใหญ่ ที่พึ่ง ปัญญา
6 ศุกร์ หรือ ดาวศุกร์ หมายถึง ความร่าเริง ศิลปะ สิ่งสวยงาม ความรัก การเงิน
7 เสาร์ หรือ ดาวเสาร์ หมายถึง ความทุกข์ กังวล เหนื่อยยากตระหนี่ สุขุม
ฉะนั้นในการพยากรณ์ เลข 7 ตัว ไม่ว่าจะเป็น 3 4 หรือ 9 ฐาน เรานำมันมาเป็นอุปกรณ์ หรือเครื่องมือ แทนดวงดาวต่างๆ เอาละที่นี้ เราก็เริ่มรู้มากขึ้นเกี่ยวกับ ดวงดาว ถ้าต้องการท่องจำให้มันขึ้นในสมอง ก็ให้ท่องแบบกันลืม ว่า ยศศักดิ์ทายอาทิตย์ รูปจริตทายจันทร์ กล้าแข็งขยันทายอังคาร เจรจาอ่อนหวานทายพุธ ปัญญาบริสุทธิ์ทายพฤหัสบดี กิเลสกำหนัดทายศุกร์ โทษทุกข์ทายเสาร์
เอาละครับเขียนมาจนถึงขณะนี้บังเอิญเหลือเกินต้องไปทำธุระ แล้วค่อยมาต่อให้นะครับ ถ้าไม่เบื่อเสียก่อน

นอกจากการที่เราเอาเลข 1 - 7 มาแทนดวงดาวแล้วยังเอามาแทน วันอีก
1 วันอาทิตย์ 2 วันจันทร์ 3 วันอังคาร 4 วันพุธ 5 วันพฤหัสบดี 6 วันศุกร์ 7 วันเสาร์
และยังมีเดือนอีก คือเดือน 1 เดือน 2 เดือน 3 เดือน 4
ส่วนปีเราก็เอาเลข 1 -7 มาแทน เช่น ชวด 1 ฉลู 2 ขาล 3 เถาะ 4 มะโรง 5 มะเส็ง 6 มะเมีย 7
สำหรับเลขที่กำหนดว่าเดือน และปีนั้น ถ้าเกินกว่า 7 ให้เอา 7 ลบออก เช่นเดือน 9 เอา 7 ลบ 9 - 7 = 2 ถ้าเป็นปี ปีมะแม = 8 เอา 7 ลบออก 8 - 7 = 1 อย่างนี้เป็นต้น เมื่อเรารู้แล้วว่าเราสามารถใช้เลข 1 - 7 มาแทนวัน เดือน ปี และดาวแล้วนั้นก็สามารถตั้งเป็นแผนภูมิ ได้ถึง 3 แถวซึ่งประกอบด้วย แถว วัน เราเรียกว่าฐานที่ 1 แถว เดือน เราเรียกว่าฐานที่ 2 แถว ปี เราเรียกว่าฐานที่ 3 ฉะนั้นคุณ ๆ ท่าน ๆ ทั้งก็เริ่มรู้แล้วซิว่าที่มาที่ไปอย่างไร
ที่นี้เรามาทำความรู้จัก แต่ละแถว มีตัวเลขกี่ตัว ก็มีตัวเลข เรียงแค่ 7 ตัวไงครับถ้าเรารวม 3 แถว ก็มี 21 ตัว ใน 21 ตัวเราเรียกว่าภพ แต่ละภพมีความหมายที่เราต้องจดจำทั้งสิ้น 21 ภพ 21 ความหมายไงครับ เราจะเริ่มทีละแถวครับตามมาเรื่อยๆ


แถว วัน... 0 0 0 0 0 0 0

แถว เดือน 0 0 0 0 0 0 0

แถว ปี.... 0 0 0 0 0 0 0

ท่านที่นั่งเรียนอยู่ในขณะนี้จะเห็นคร่าว ๆ แล้วนะครับว่า ที่ผมกล่าวมานั้นเป็นอย่างไรบ้าง แล้วอย่าลืมติดตามเรื่อย ๆ นะครับ ช่วงนี้ขอพักก่อนนะครับ
พอได้โอกาสก็เลยมานั่งเขียนให้ได้เรียนกัน พร้อมทั้งเก็บต้นฉบับไว้ด้วย เข้าเรื่องดีกว่าเราเรียนกันถึง แถวที่เราเรียกว่าฐาน ก็มีวัน เดือน ปี และมีโครงสร้างดังที่ได้เห็น คราวนี้จะลองให้ทุกท่านได้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น โดยกำหนดให้เป็น วัน เดือน และ ปี เลย ตามให้ทันนะครับ
การกำหนด แถววัน ก็จะเรียงเลขตามวัน และต่อให้ครบ 7 ตัว ลองทาดูครับ
วันอาทิตย์ 1 2 3 4 5 6 7
วันจันทร์.. 2 3 4 5 6 7 1
วันอังคาร. 3 4 5 6 7 1 2

การกำหนด แถวเดือน ก็จะเรียงเลขตามเดือนให้ครบ 7 ถ้าเกิน 7 ให้เอา 7 ลบเหลือเศษแล้วเอามาตั้ง

เดือน 4............ 4 5 6 7 1 2 3
เดือน 5............ 5 6 7 1 2 3 4
เดือน 6............ 6 7 1 2 3 4 5

การกำหนด แถวปี ก็จะเรียงเลขตามปี ชวด 1 ฉลู 2 ขาล 3 ไปจนครบ 7 ถ้าเกิน 7 ให้เอา 7 ลบ เหลือเศษแล้วเอามาตั้ง

ปีมะเมีย 7 1 2 3 4 5 6
ปีมะแม. 1 2 3 4 5 6 7
ปีวอก.. 2 3 4 5 6 7 1
ปีมะแมและปีวอก 8 และ 9 เกิน 7 ให้เอา 7 ลบ แล้วเอาเศษมาตั้ง

ฉะนั้นเราลองมาตั้งเป็นแผนภูมิกันดีกว่า เรียกว่าตั้งดวง

เกิดวันศุกร์ 6 7 1 2 3 4 5
เดือนเมษา 5 6 7 1 2 3 4
ปีเถาะ..... 4 5 6 7 1 2 3

พอมองอย่างนี้เกิดกิเลสอยากมีอีกสักดวง ตั้งดวง

เกิดวันพฤหัส .5 6 7 1 2 3 4
เดือน 4 มี.ค. 4 5 6 7 1 2 3
ปีฉลู.......... 2 3 4 5 6 7 1

เราวางแผนภูมิ หรือตั้งดวงสองดวง ทุกท่านที่เข้ามาเรียนก็พอเข้าใจบ้างแล้วซินะถ้าให้ดีก็อ่านซ้ำจนกว่าจะเข้าใจแล้วค่อยต่อก็ได้ครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

การกำหนด วัน เดือน ปี ทางโหราศาสตร์ไทย
ตามหลักของเลข ๗ ตัว การผูกดวงชะตา ใช้วัน เดือน ปีเกิด เป็นสำคัญ ส่วนเวลาเกิดหรือเวลาตกฝากนั้นเป็นเพียงส่วนประกอบ

การนับวัน การเปลี่ยนวันเวลาใช้เวลาพระอาทิตย์ขึ้นเป็นเกณฑ์ คือนับตั้งแต่ เวลา ๐๖.๐๐ นาฬิกา ถึงเวลา ๐๕.๕๙ นาฬิกา รวม ๒๔ ชั่วโมง เป็น ๑ วัน ดังนั้นผู้ที่เกิดก่อนเวลา ๐๖.๐๐ นาฬิกา จึงถือว่าเป็นวันเก่าอยู่
การนับเดือน ให้ใช้เดือนทางจันทรคติ คือนับตั้งแต่ขึ้น ๑ ค่ำ จนถึงแรม ๑๕ ค่ำ ตามลำดับชื่อเดือนไทยแต่โบราณ เช่น เดือนอ้าย ( ๑ ) เดือนยี่ ( ๒ ) เดือนสาม ( ๓ ) เดือนสี่ ( ๔ ) เป็นต้น ( ไม่ใช่ตามลำดับชื่อเดือนแบบสุริยะคติ เช่น มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม เป็นต้น นำมาใช้พยากรณ์

การนับปี การเปลี่ยนปีนักษัตร เช่น ชวด ( ๑ ) ฉลู ( ๒ ) ขาล ( ๓ ) เถาะ ( ๔ ) ใช้วันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ เป็นการเริ่มต้นของปีนักษัตรใหม่ตามแบบไทยแต่โบราณ

ข้อสังเกต

ในเรื่องของการนับวัน มักจะเกิดความผิดพลาดบ่อยๆ สำหรับผู้ที่เกิดหลังเที่ยงคืนจนถึงย่ำรุ่ง ( หลัง ๒๔.๐๐ – ๐๕.๕๙ นาฬิกา ) ทั้งนี้เพราะการบันทึกของทางราชการ ผู้ที่เกิดในเวลาดังกล่าวจะถือเป็นการเริ่มต้นของวันที่ใหม่ พร้อมกับการเปลี่ยนชื่อวันใหม่ไปในตัว แต่ในทางโหราศาสตร์ยังถือเป็นวันเก่าอยู่ จึงควรสอบถามให้แน่ชัดเสียก่อน

ในเรื่องของการนับเดือน ให้ถือวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน 5 เป็นวันเปลี่ยนเดือนใหม่ ไม่ควรใช้วิธีประมาณการเอาว่า เดือนธันวาคมเป็นเดือนอ้าย ( ๑ ) เดือนมกราคมเป็นเดือนยี่ ( ๒ ) ควรตรวจสอบจากปฏิทินอยู่เสมอ และอย่าหลงใช้ลำดับเดือนแบบสากลมาผูกดวงชะตา

ในเรื่องของการนับปี ผู้ที่เกิดในช่วงเดือน มกราคมถึงเดือนเมษายน ควรได้รับความสนใจเป็นพิเศษ เพราะในปฏิทินทั่วไปบ้างก็เปลี่ยนปีนักษัตรตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม บ้างก็เปลี่ยนปีนักษัตรตั้งแต่ต้นเดือนหรือวันที่ ๑๓ ของเดือนเมษายน ขอย้ำว่าในการพยากรณ์แบบเลข ๗ ตัว จะเปลี่ยนปีนักษัตร ต่อเมื่อถึงวันขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๕ เท่านั้น
ผู้ศึกษาจึงควรมีปฏิทิน ๑๐๐ ปี ที่ให้รายละเอียดชัดเจนไว้ตรวจสอบด้วย ก่อนที่จะลงมือผูกดวงชะตา เพื่อความมั่นใจในการพยากรณ์

ความเข้าใจเบื้องต้นในเรื่องยามอัฐกาล
ในวิชาเลข ๗ ตัว ได้นำเอาตัวเลขจากยามอัฐกาลมาบรรจุลงไว้ในหลายๆ ฐาน เพื่อประกอบคำทำนายจึงควรที่ผู้ศึกษาจะได้ทำความเข้าใจ ไว้เป็นเบื้องต้นดังนี้
โบราณได้แบ่งวันหนึ่งออกเป็น ๒ ภาค คือ ภาคกลางวันและภาคกลางคืน ในแต่ละภาคยังแบ่งเวลาออกเป็น ๘ ช่วง ช่วงละ ๑ ชั่วโมง ๓๐ นาที ( อัฐกาลแปลว่า ๘ ช่วงเวลา )

ภาคกลางวัน
ตั้งแต่เวลารุ่งเช้า ๐๖.๐๐ น. ถึงเวลาย่ำค่ำ ๑๘.๐๐ น. แบ่งออกเป็น ๘ ยาม ๆ ละ ๑ ชั่วโมง ๓๐ นาที ( จะครบ ๑๒ ชั่วโมงพอดี ) ตัวเลขที่ใช้ระบุชื่อของยามกลางวันเรียงวนต่อเนื่องกันเรื่อยๆ ไปตามลำดับ

( ๑ ) ( ๖ ) ( ๔ ) ( ๒ ) ( ๗ ) ( ๕ ) ( ๓ ) ( ๑ )
( สุริชะ ) ( ศุกระ ) ( พุทธะ ) ( จันเทา ) ( เสารี ) ( ครู ) ( ภุมมะ ) ( สุริชะ )

ตัวเลขยามแรกของแต่ละวันจะวกมาเป็นตัวเลขเดียวกันในยามสุดท้ายเสมอ ขึ้นยู่กับว่าเริ่มต้นด้วยวันใด เลขอะไร
ภาคกลางคืน
ตั้งแต่เวลาย่ำค่ำ ๑๘.๐๐ น .ถึงเวลารุ่งเช้า ๐๖.๐๐ แบ่งออกเป็น ๘ ยาม ๆ ละ ๑ ชั่วโมง ๓๐ นาที
( จะครบ ๑๒ ชั่วโมงพอดี ) ตัวเลขที่ใช้ระบุชื่อยามกลางคืน เรียงวนเวียนต่อเนื่องกันไปตามลำดับดังนี้

( ๑ ) ( ๕ ) ( ๒ ) ( ๖ ) ( ๓ ) ( ๗ ) ( ๔ ) ( ๑ )
( ระวิ ) ( ชีโว ) ( ศะศิ ) ( ศุกะโร ) ( ภุมโม ) ( โสโร ) ( พุทโธ ) ( ระวิ )

ตัวเลขยามแรกของแต่ละวันจะวกกลับมาเป็นตัวเลขเดียวกันในยามสุดท้ายเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าจะเริ่มต้นด้วยวันใด เลขอะไร

หมายเหตุ

1.ชื่อประจำตัวเลข ของยามภาคกลางวัน กับ ยามภาคกลางคืน เรียกแตกต่างกันเพื่อให้เป็นที่สังเกตว่าเป็นภาคใดของวัน
2.รายละเอียดการนำยามอัฐกาลมาร่วมพยากรณ์ในเรื่องราวอื่น ๆ จะกล่าวถึง อีกครั้งในภายหลัง

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD><HR width="100%" color=#ff6666 SIZE=1> </TD></TR><TR vAlign=top><TD>อุ้ยลืมบอกไปวันที่ 18 มี.ค.2553 ผมทำบุญขึ้นบ้านใหม่ เลี้ยงพระเพล และประกอบพิธีไหว้ครู จึงขอกราบเรียนเชิญผู้ที่สนใจเรียนอยู่และจะมาร่วมงานที่จังหวัดอ่างทอง โทรสอบถามได้ ที่หมายเลข 081 - 4069022 ครับ มาเรียนกันต่อดีกว่าครับ

การเขียนตัวเลขลงในผังการวางดวงชะตา
ฐานที่ ๑ ฐานวันเกิด ใช้เลข ๑ – ๗ แทน วันอาทิตย์ ถึง วันเสาร์ ตามลำดับ เขียนลงในฐานที่ ๑ ตั้งแต่ อัตตะ เรียงกันไปจนจบแถว ที่มัชฌิมา ดังนี้

เกิด วันอาทิตย์... ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗
เกิด วันจันทร์..... ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๑
เกิด วันอังคาร.... ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๑ ๒
เกิด วันพุธ........ ๔ ๕ ๖ ๗ ๑ ๒ ๓
เกิด วันพฤหัสบดี.. ๕ ๖ ๗ ๑ ๒ ๓ ๔
เกิด วันศุกร์....... ๖ ๗ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕
เกิด วันเสาร์...... ๗ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖

หมายเหตุ
1.ตัวเลข เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้แทนทั้งชื่อของวันและชื่อของดาวพระเคราะห์ ได้แก่ ดาวอาทิตย์ ดาวจันทร์ ดาวอังคาร ดาวพุธ ดาวพฤหัสบดี ดาวศุกร์ ดาวเสาร์ ตามลำดับอีกด้วย
2.การเรียงของตัวเลขในฐานที่ ๑ หรือฐานวันเกิดนี้ เมื่อเรียงไปถึงเลข ๗ แล้วจะย้อนกลับไปที่เลข ๑ ใหม่เสมอ

ฐานที่ ๒ ฐานเดือนเกิด ใช้เลข ๑ – ๗ แทน เดือนอ้าย ( ๑ ) เดือนยี่ ( ๒ ) จนถึงเดือน ( ๗ ) ตามลำดับ ตั้งแต่เดือน ๘ จนถึงเดือน ๑๒ มีตัวเลขเกินกว่า ๗ จึงให้เอา ๗ ลบออกเสียก่อน เหลือเศษเท่าใด นำไปเขียนลงในฐานที่ ๒ ตั้งแต่เรือน ตนุ เรียงกันไปจนจบแถวที่เรือน ปัตนิ ดังนี้

เกิดเดือนอ้าย และ เดือนแปด. ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗
เกิดเดือนยี่ และ เดือนเก้า..... ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๑
เกิดเดือนสาม และเดือนสิบ... ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๑ ๒
เกิดเดือนสี่ และเดือนสิบเอ็ด. ๔ ๕ ๖ ๗ ๑ ๒ ๓
เกิดเดือนห้า และเดือนสิบสอง ๕ ๖ ๗ ๑ ๒ ๓ ๔
เกิดเดือนหก.................... ๖ ๗ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕
เกิดเดือนเจ็ด................... ๗ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖
หมายเหตุ
เช่นเดียวกับการเรียงตัวเลขในฐานวันเกิดเมื่อถึงเลข ๗ แล้วให้ย้อนกลับไปที่เลข ๑ ใหม่ เขียนมายืดยาวหมดเวลาของผมอีกแล้ว อย่าลืมนะครับ 18 มี.ค.2553 นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ยังเปิดตัวชมรมอาศมเจษฎา ขึ้ที่จังหวัดอ่างทองอีกด้วย ถ้าเป็นกัลยาณมิตรกันก็ขอเรียนเชิญครับ</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><HR width="100%" color=#6666cc SIZE=1></TD></TR><TR vAlign=top><TD>วันนี้มีเวลาค่อนข้างมากเลยมานั่งสอนผู้ที่สนใจอยากเรียนวิชาโรศาสตร์ เลข 7 ตัว 3 - 4 - 9 ฐาน เอาละครับต่อกันเลยดีกว่า
ฐานที่ ๒ ฐานเดือนเกิด ใช้เลข ๑ – ๗ แทน เดือนอ้าย ( ๑ ) เดือนยี่ ( ๒ ) จนถึงเดือน ( ๗ ) ตามลำดับ ตั้งแต่เดือน ๘ จนถึงเดือน ๑๒ มีตัวเลขเกินกว่า ๗ จึงให้เอา ๗ ลบออกเสียก่อน เหลือเศษเท่าใด นำไปเขียนลงในฐานที่ ๒ ตั้งแต่เรือน ตนุ เรียงกันไปจนจบแถวที่เรือน ปัตนิ ดังนี้

เกิดเดือนอ้าย และ เดือนแปด.. ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗
เกิดเดือนยี่ และ เดือนเก้า...... ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๑
เกิดเดือนสาม และเดือนสิบ.... ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๑ ๒
เกิดเดือนสี่ และเดือนสิบเอ็ด.. ๔ ๕ ๖ ๗ ๑ ๒ ๓
เกิดเดือนห้า และเดือนสิบสอง. ๕ ๖ ๗ ๑ ๒ ๓ ๔
เกิดเดือนหก..................... ๖ ๗ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕
เกิดเดือนเจ็ด.................... ๗ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖
หมายเหตุ เช่นเดียวกับการเรียงตัวเลขในฐานวันเกิดเมื่อถึงเลข ๗ แล้วให้ย้อนกลับไปที่เลข ๑ ใหม่

ฐานที่ ๓ ฐานปีเกิด
ใช้เลข ๑ – ๗ แทน ปีชวด ( ๑ ) ปีมะเมีย ( ๗ ) ตามลำดับ สำหรับปีมะแมจนถึงปีกุนนั้น มีตัวเลข มะแม ( ๘ ) กุน ( ๑๒ ) เกินกว่า ๗ จึงให้เอา ๗ ลบออกเสียก่อนเหลือเศษเท่าใดนำไปเขียนลงในฐานที่ ๓ ตั้งแต่เรือน มรณะ เรียงกันไปจนจบแถวที่เรือน ทาสี ดังนี้

เกิด ปีชวด และ ปี มะแม ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗
เกิด ปีฉลู และ ปีวอก.... ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๑
เกิด ปีขาล และ ปีระกา.. ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๑ ๒
เกิด ปีเถาะ และ ปีจอ... ๔ ๕ ๖ ๗ ๑ ๒ ๓
เกิด ปีมะโรง และปีกุน.. ๕ ๖ ๗ ๑ ๒ ๓ ๔
เกิด ปีมะเส็ง............ ๖ ๗ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕
เกิด ปีมะเมีย............ ๗ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖

หมายเหตุ เช่นเดียวกับการเรียงตัวเลขในฐานวันเกิด เดือนเกิด เมื่อถึงเลข ๗ แล้วให้ย้อนกลับไปที่เลข ๑ ใหม่เสมอ

เกณฑ์การพยากรณ์ เลข ๑ - ๗ กำหนดดังนี้
1.ถ้าตัวเลขเป็น ๑ – ๒ – ๓ เกณฑ์การทำนาย ไม่ดี คิดเป็น 10 – 20 – 30 %
2.ถ้าตัวเลขเป็น ๔ เกณฑ์การทำนาย ปานกลาง คิดเป็น 50- 60%
3.ถ้าตัวเลขเป็น ๕ - ๖ – ๗ เกณฑ์การทำนาย ดีมาก คิดเป็น 70 – 100 %


การนำวัน เดือน ปีเกิด มาวางดวงชะตา

ตัวอย่าง ( สมมุติ ) คนเกิดวันพฤหัสบดี เดือนสี่ ปีฉลู

ฐานที่ ๑ วันพฤหัสบดี. ๕ ๖ ๗ ๑ ๒ ๓ ๔
ฐานที ๒ เดือนสี่...... ๔ ๕ ๖ ๗ ๑ ๒ ๓
ฐานที่ ๓ ปีฉลู......... ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๑

ข้อสังเกต พึงระมัดระวังไว้ว่า
ฐานที่ ๑ ผู้ที่เกิดระหว่างเวลาหลังเที่ยงคืน ( ๒๔.๐๑ น. ) จนถึง ( ๐๕.๕๙ น. ) อาจนำเลขแทนชื่อของวันมาตั้งผิดพลาดได้
ฐานที่ ๒ ผู้ที่เกิดตั้งแต่เดือน ๘ ถึงเดือน ๑๒ เมื่อนำ ๗ มาลบออกแล้ว ตรวจสอบผลลัพธ์ให้ถูกต้อง
ฐานที่ ๓ ผู้ที่เกิดตั้งแต่ปีมะแม จนถึงปีกุน ต้องตรวจสอบลำดับของเลขปีให้ดี เมื่อนำ ๗ มาลบออก จะได้ไม่ผิดพลาด

ขอพักสักครู่จิบกาแฟเย็น ๆ ดีกว่าครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เรือนชะตา
ศัพท์ประจำเรือนชะตาของเลข ๗ ตัว
ผู้ศึกษาจะต้องท่องจำให้ขึ้นใจดังนี้

ฐานที่ ๑ อัตตะ หินะ ธนัง ปิตา มาตา โภคา มัชฌิมา
ฐานที่ ๒ ตนุ กดุมพะ สหัชชะ พันธุ ปุตตะ อริ ปัตนิ
ฐานที่ ๓ มรณะ ศุภะ กัมมะ ลาภะ พยายะ ทาสา ทาสี


ความหมายของศัพท์ฐานที่ ๑ ( วันเกิด )

อัตตะ หมายถึง ตัวของเจ้าชะตาเอง ( องค์รวมทั้งหมดที่ประกอบเป็นตัวตนของเจ้าชะตา อันมีผลต่อความ เป็นไปในการดำเนินชีวิต
หินะ หมายถึง ความชั่วร้ายเลวทราม ความดื้อรั้น ความเสื่อม ความเสียหาย ความผิดหวัง
ธนัง หมายถึง ทรัพย์สมบัติข้าวของที่เคลื่อนที่ได้ ( สังหาริมทรัพย์ )
ปิตา หมายถึง พ่อ หรือ ญาติข้างพ่อ ผู้ที่อุปการะเหมือนพ่อ เจ้านาย ผู้บังคับบัญชา ( ชาย )
มาตา หมายถึง แม่ หรือ ญาติข้างแม่ ผู้ที่อุปการะเหมือนแม่ เจ้านาย ผู้บังคับบัญชา ( หญิง )
โภคา หมายถึง ทรัพย์สมบัติที่เคลื่อนที่ไม่ได้ เป็นต้นว่า ที่ดิน เรือกสวน ไร่นา สิ่งปลูกสร้างทั้งปวง ( อสังหาริมทรัพย์ )
มัชฌิมา หมายถึง พอประมาณ ปานกลาง

หมายเหตุ คำว่ามัชฌิมา นี้นอกจากแปลว่า พอประมาณ หรือปานกลาง แล้วยังแปลเป็นเพศตรงข้าม หรือคู่ชู้คู่ครอง ได้อีก ( หมายความว่า ถ้าดวงชะตานี้เป็นชาย มัชฌิมาในดวงก็เป็นหญิง ถ้าดวงชะตานี้เป็นหญิง มัชฌิมาในดวงนี้ก็เป็น
( ชาย )

ความหมายของศัพท์ฐานที่ ๒ ( เดือนเกิด )


ตนุ หมายถึง ตัวของเจ้าชะตาเอง ( ความหมายเช่นเดียวกับอัตตะ )
กดุมพะ หมายถึง เงินทอง เอกสารแทนเงิน รายได้ทุก ๆ ทาง ฐานะทางการเงิน
สหัชชะ หมายถึง เพื่อนฝูง คนคุ้นเคย การสังคม การสื่อสาร
พันธุ หมายถึง ญาติ พี่น้อง คนที่สนิทเหมือนญาติ วงศ์ตระกูล ที่อยู่อาศัย ยานพาหนะ
ปุตตะ หมายถึง บุตรชายหญิง หลาน เด็กที่อุปการะ เรื่องเกี่ยวกับเด็ก
อริ หมายถึง อุปสรรค ความขัดข้อง ศัตรู คู่แข่ง หนี้สิน การฟ้องร้อง คดีความ ของมีตำหนิ
ปัตนิ หมายถึง คู่ครอง หุ้นส่วน คู่กรณี เพศตรงข้าม


ความหมายของศัพท์ฐานที่ ๓ ( ปีเกิด )


มรณะ หมายถึง ความตาย ความเจ็บป่วย ไร้ผล เกิดอุบัติเหตุ การสูญเสีย พลัดพราก เดินทางโดยกะทันหัน การเดินทางระยะใกล้ ๆ
ศุภะ หมายถึง ความดีงาม เกียรติยศชื่อเสียง ยศตำแหน่ง ความสุขสมบูรณ์ ความสวยงาม การเดินทางไปต่างประเทศ
กัมมะ หมายถึง กิจการงานที่เรากระทำ ความขยันหมั่นเพียร เวรกรรมที่ผูกพันมา
ลาภะ หมายถึง ลาภผลที่ได้มา ความสำเร็จ ผลกำไร
พยายะ หมายถึง ความเจ็บป่วย ขี้โรค อ่อนแอ ไม่สมหวัง ของมีตำหนิ ผิดปรกติ ปิดบังซ่อนเร้น
ทาสา หมายถึง ผู้รับใช้ บริวารชาย ผู้มีฐานะด้อยกว่าเจ้าชะตา งานที่ทำเพื่อส่วนรวม
ทาสี หมายถึง ผู้รับใช้ บริวารหญิง ผู้มีฐานะด้อยกว่าเจ้าชะตา งานที่ทำเพื่อตนเองและครอบครัว


หมายเหตุ
๑. ในการเรียงศัพท์ประจำเรือนชะตา เฉพาะเรือนทาสา กับทาสีนั้น หากเจ้าชะตาเป็นเพศชาย ให้เรียงทาสาก่อนแล้วต่อด้วย ทาสี แต่ถ้าเจ้าชะตาเป็นเพศหญิง ให้เรียงทาสีก่อนแล้วต่อด้วย ทาสา
๒. คำว่า ทาสี หือ ทาสา ในเรือนสุดท้ายนี้ นอกจากระบุความหมายดังกล่าวแล้ว ยังหมายถึงเพศตรงข้าม หรือคู่ชู้ คู่ครองได้อีก ได้ใช้พยากรณ์มานานกว่า 20 ปีแล้ว ได้ผลแม่นยำดีมาก
วันนี้สอนค่อนข้างยาวสักนิดหนึ่งพอดีว่าง และสำหรับทุกท่านที่อยากเรียนแต่ไม่สมารถเดินทางมาเรียนได้ ก็คงได้อาศัยทางอินเตอร์เน็ทนี่แหละได้เรียนกัน แต่ถ้าสนใจอยากเรียนกับครูบาอาจารย์ อย่างใกล้ชิดสามารถมาเรียนได้ที่
ชมรมอาศมเจษฎา 1 หมู่บ้านปัญจทรัพย์
ชมรมอาศมเจษฎา 2 วัดมหาบุศย์ ( วัดแม่นาคพระขโนง )
ชมรมอาศมเจษฎา 3 วัดสุวรรณคีรี ( วัดขี้เหล็ก )
ชมรมอาศมเจษฎา 4 สถานีวิทยุ goldenwave 91.40 Mhz จังหวัดอ่างทอง
สำหรับท่านที่เรียนมาแล้วอยากเรียนเพิ่มเติม ให้ลึกซึ้ง สามารถมาเรียนได้ที่ จังหวัดอ่างทอง โทรมือถือ 081 - 4069022 หมอศิษฐ์ โจ๊ะเลย
วันนี้คงต้องจบเพียงเท่านี้ พรุ่งนี้ว่างจะมาสอนผู้สนใจต่อครับ

 

เอาละครับวันนี้มาต่อกันที่เรื่องของ การตั้งดวงชะตาและการอ่านดวงชะตา ท่านผู้เรียนทั้งหลายเริ่มมีความสุขละทีนี้ บังเอิญผมมีดวงของท่านหนึ่งจะนำมาตั้งให้ได้ศึกษากันครับ
.................................. 10
เกิดวันพฤหัสบดี เดือนสี่ ปีฉลู 5 --- 4

อัตตะ หินะ ธนัง ปิตา มาตา โพคา มัชฌิมา
5 6 7 1 2 3 4

ตนุ กดุมภะ สหัสชะ พันธุ ปุตตะ อริ ปัตนิ
4 5 6 7 1 2 5

มรณะ ศุภะ กัมมะ ลาภะ พยายะ ทาสี ทาสา
2 3 4 5 6 7 1
--------------------------------------------------------------

ตอนนี้เราได้ดวงชะตาออกมาตาม วัน เดือน ปี แล้วจึงทำให้เราสามารถที่จะพอมองเห็นตำแหน่งต่าง ๆ ของเลขในดวงชะตาของเจ้าชะตา แต่ก่อนที่เราจะลงมือทำนายดวงชะตานี้เราต้องรู้วิธีอ่านเสียก่อน
วิธีการอ่านถ้าเราเริ่มจาก อัตตะ หมายถึงตัวเราก่อนที่จะเกิดมาลืมตาดูโลก เรียกว่าอดีต
วิธีการอ่านต่อไป ตนุ หมายถึงตัวเราที่ลืมตาดูโลกแล้ว เรียกว่าปัจจุบัน
วิธีการอ่านต่อไป มรณะ หมายถึงตัวเราในอนาคต หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วาสนาชีวิต
ฉะนั้นถ้าเราเริ่มอ่านจาก แถววัน ( ตนุ - มัชฌิมา ) เราก็ต่อด้วยแถวเดือน ( ตนุ -ปัตนิ ) และตามด้วย แถวปี ( มรณะ - ทาสา )

แต่ถ้าเราเริ่มอ่านที่แถวเดือน ( ตนุ - ปัตนิ ) เราจะต้องต่อที่แถววัน ( อัตตะ - มัชฌิมา ) แล้วตามด้วยแถวปี ( มรณะ - ทาสา )

แต่ถ้าเราเริ่มอ่านแถวปี ( มรณะ - ทาสา ) เราจะต่อด้วยแถววัน ( อัตตะ - มัชฌมา ) แล้วตามด้วยแถวเดือน ( ตนุ - ปัตนิ )
เมื่อเราเริ่มรู้อย่างนี้แล้วลองมาเริ่มทายดวงชะตากันดีกว่า
1.ทายตัวเจ้าชะตาในอดีต
2.ครอบครัวความเป็นอยู่
3.ทายตัวเจ้าชะตาในปัจจุบัน
4.การงาน
5.การเงิน
6.ความรัก
7.บุตร
8.บั้นปลายของชีวิต

พอรู้อย่างนี้ก็เริ่มทายดวงชะตากันครับ ตามดวงชะตานี้เริ่มที่ ข้อ 1 เราหยิบเอาเรือนชะตามาเลยครับ

อัตตะ ( 5 ) - กดุมภะ ( 5 ) - ลาภะ ( 5 ) ตามกฎวัน เดือน ปี ในอดีตเจ้าชะตามีบุญเก่าตามมาส่งผลเป็นเงินทองในปัจุบัน ถึง 70 % ( เจ้าชะตา = อัตตะ มีบุญเก่า = กดุมภะ ตามมาส่งผลเป็นเงินทองในปัจจุบัน = ลาภะ

พันธุ ( 7 ) - ธนัง ( 7 ) - ทาสี ( 7 ) ตามกฎ เดือน วัน ปี ครอบครัวจะมีฐานะจากการที่เจ้าชะตาหาเลี้ยงครอบครัว ถึง 100 % ( ครอบครัว = พันธุ มีฐานะ = ธนัง การที่เจ้าชะตาหาเลี้ยงครอบครัว = ทาสี )

ตนุ ( 4 ) - มัชฌิมา ( 4 ) - กัมมะ ( 4 ) ตามกฎ เดือน วัน ปี เจ้าชะตาใช้ปัญญาทางโลกปัจจุบันที่พอมีอยู่ไม่มากเพื่อทำงาน แค่ 40 - 50 % เท่านั้น ( เจ้าชะตาใช้ปัญญาทางโลกปัจจุบัน = ตนุ ที่พอมีอยู่ไม่มาก = มัชฌิมา เพื่อทำงาน = กัมมะ )

กัมมะ ( 4 ) - มัชฌิมา ( 4 ) - ตนุ ( 4 ) ตามกฎ ปี เดือน วัน งานที่เกี่ยวข้องกับการพูดในที่สาธารณะจะส่งผลดีต่อเจ้าชะตา ประมาณ 40 - 50 % เท่านั้น ( งานที่เกี่ยวข้องกับการพูด = กัมมะ ในที่สาธารณะจะส่งผลดี = มัชฌิมา ต่อเจ้าชะตา = ตนุ )

ธนัง ( 7 ) - พันธุ ( 7 ) - ทาสี ( 7 ) ตามกฎ วัน เดือน ปี เงินที่ครอบครัวมีใช้นั้นได้มาจากความเหนื่อยยากของเจ้าชะตา ประมาณ 100 % ( เงิน = ธนัง ที่ครอบครัวมีใช้ = พันธุ มาจากความเหนื่อยยากของเจ้าชะตา = ทาสี )

ปัตนิ ( 3 ) - โภคา ( 3 ) - ศุภะ ( 3 ) ตามกฎ เดือน วัน ปี คู่ครองจะช่วยให้มีทรัพย์ มีที่ดิน มีบ้านเพราะคู่ชีวิตเป็นที่พึงของเจ้าชะตา ประมาณ 30 - 50 % ( คู่ครอง = ปัตนิ ช่วยให้มีทรัพย์ มีบ้าน = โพคา เป็นที่พึ่งของเจ้าชะตา = ศุภะ แต่ถ้าจะแปลว่า คู่รวย มีชื่อเสียง มีทรัพย์ คงจะยากเพราะ เลข 3 )

ปุตตะ ( 1 ) - ปิตา ( 1 ) - ทาสา ( 1 ) ตามกฎ เดือน วัน ปี บุตรจะมีลักษณะคล้ายบิดา หรือ ญาติผู้ใหญ่ ชาย ของเจ้าชะตา และไม่ค่อยให้ความช่วยเหลือเรื่องการงาน ถ้าจะช่วยไม่ยอมเหนื่อยฟรี ประมาณ 30 % ( บุตร = ปุตตะ คล้ายบิดา หรือญาติผู้ใหญ่ ชาย ของเจ้าชะตา = ปิตา ไม่ค่อยให้ความช่วยเหลือเรื่องการงาน ถ้าจะช่วยไม่ยอมเหนื่อยฟรี = ทาสา )

มรณะ ( 2 ) - มาตา ( 2 ) - อริ ( 2 ) ตามกฎ ปี วัน เดือน อุปสรรคที่เกี่ยวกับงานที่ทำเกี่ยวเนื่องกับความสวยงาม น้ำ มักพบอุปสรรค ศัตรู ประมาณ 20 - 50 % อุปสรรค = มรณะ งานที่ทำเกี่ยวเนื่องกับความสวยงาม น้ำ = มาตา แปลได้ว่าเป็นงานที่ทำประจำ มักพบอุปสรรค ศัตรู = อริ )

กดุมภะ ( 5 ) - อัตตะ ( 5 ) - ลาภะ ( 5 ) ตามกฎ เดือน วัน ปี บั้นปลายของชีวิต จะมีเงินเก็บที่มาจากลาภผล ในอดีต ได้ใช้ในชีวิต ประมาณ 70 - 100 %

นี่คือการอ่านดวงชะตา และเตรียมพร้อมที่จะออกคำทำนายให้กับเจ้าชะตา ลองศึกษากันนะครับ สอนยาวเลยหิวข้าวครับขอพักก่อนนะครับ
อย่าลืมกันนะครับขอเรียนเชิญ ทุกท่านร่วมงาน ไหว้ครู ครอบครู ทำบุญบ้าน วันเกิด ของ หมอศิษฐ์ โจ๊ะเลย ที่สถานีวิทยุ goldenwave 91.40 Mhz จังหวัดอ่างทอง โทรมือถือ 081 - 4069022 คนที่สอนการพยากรณ์ เลข 7 ตัว 9 ฐาน ในห้องเรียน มีคนเดียว คือ อาจารย์ เจษฎา คำไหล ครับท่าน ส่วนเลข 7 ตัว 3 ฐาน หลวงพ่อวิทย์ เจ้าอาวาสวัดสารอด ท่านถ่ายวิชาให้ ส่วนที่เหลือครบสมบูรณ์ ได้รับการถ่ายทอดจากหลวงปู่ พรหมนารอด หลวงปู่ วิศิษฐ์ ครับท่า

 

มันกระทู้ของใครกันแน่เนี่ยะ ชักจะออกทะเลแล้ว

 

คนเรามันไม่รู้จักความพอดี
พอไปดูกับหมอคนนั้น คนนี้แล้วก็มาบอกว่าแม่น ไม่แม่นบ้าง
พอเค้าทายแม่นก็ว่า 100เปอร์เซนต์
ผิดไปซักเรื่องสองเรื่องก็หาว่าไม่แม่นแล้ว
ใครมันจะไปรู้ไปหมดซะทุกเรื่อง
ถ้าอยากรู้กันจริงๆ ทำไมไม่นั่งสมาธิวิปัสสนา
จนได้ญาณหยั่งรู้กัน ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลยล่ะ
ไปเสียเงินให้หมอดูกันทำไม
เมื่อคุณไปดูกับเค้าแล้ว แสดงว่าคุณยินดีที่จะเสียเงิน
เพื่อแลกกับความกระหายใคร่รู้ของคุณเอง
แล้วจะไปโทษหมดูทำไม ไม่เข้าใจ?