อ่านแล้ว มึนตึบ ไมมีปิ๊งแว๊บ จะตอบเรย มีแต่แป๊ก
สงสัยว่าอ่านแร้ว เราเกิดจิตไม่ว่าง ตอบไปไม่เป็นเรย ขอบอก
ขอ ท่านที่ปฏิบัติธรรมทุกท่านมา เสวนาในหัวข้อ " พลังจิต " มีจริงหรือ
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย จอมยุทธ์หญิง, 15 กรกฎาคม 2008.
หน้า 7 ของ 13
-
ขอบคุณ คุณ แอ๊บแบ้ว มาก มากกกกกก
ที่ เข้าใจความหมายในข้อความของ stefa
ที่ มีความคิดเห็นในทำนองเดียวกันกับ stefa
ที่ ขยายความหมายหรือว่า ตีแผ่ความเข้าใจ ออกไปอีก
ที่ มีความหวังดี อย่างจริงใจ จริงๆ กับ มนุษย์
ที่ ไม่กลัวกระแสต่อต้าน ต่อว่า และ .......
ที่ stefa เจอแล้วล่ะ คนหนึ่ง ที่เหมือน ทีมเวอร์ค คือ เรา -
เล่นสีเยอะไปหน่อย.......ขอประทานอภัยอย่างแรงๆ นะครับ
ถ้าข้อความของกระผมละก็เด๋วจะกลับไปแก้ไข...คือเล่นสีเยอะไปหน่อยเลยทำให้ชวนลายตา..จะปรับปรุงการนำเสนอให้ใหม่...พร้อมกับสรุปเพิ่มเติมให้ด้วย...อ่ะ.......ขอประทานอภัยอย่างแรงๆ นะครับ. -
<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>ฐาณัฏฐ์, แอ๊บแบ้ว+ </TD></TR></TBODY></TABLE>
ท่านกล่าวไว้ดีแล้ว สบายๆไม่ต้องเกร็งครับ -
ผู้มีธรรมในใจคงไม่ถือสานะ
...เค้าล้อเล่นอ่ะนะตัวเอง ...... ^_^! ..... หุหุหุ ....
(บรรยากาศมาคุก่อตัว...บรรยากาศเริ่มขมุกขมัว)
...แล้วอะไรอ่ะที่ว่า "กระแสต่อต้าน ต่อว่า และ .......?! " เค้าเจี๋ยวน้าอ่า...ม่ายข้าวจึยเฮย...ฮ้งฮง!...ฮงอย่างแฮงเฮย..... ..... อิอิอิ
(ล้อเล่นง่านะ...ไม่ต้องตอบนะ ...เพราะที่กล่าว ล้วนบริสุทธิใจ ด้วยหวังว่าหากตนเข้าใจอะไรผิดๆ จะได้มีผู้ชี้แนะน่ะครับ...เราก็เพื่อนธรรมกันก็ถือเป็นการสนทนา...เพื่อเจริญปัญญาซึ่งกันและกัน ...หากจะเริ่มกลายเป็นความขัดแย้ง...ก็ลาล่ะ ...ถ้ามีกรณีต่อต้านดังกล่าว...ถ้าชี้แจงแล้วเกิดประเด็นใหม่หาข้อยุติไม่ได้....ก็ยอมขอโทษแต่เนิ่นๆน่ะมีแค่นั้นนะ...ผู้มีธรรมในใจคงไม่ถือสาหรอกนะ ... อันนี้กล่าวเผื่อไว้นะ ...ถ้าไม่เกิดกรณีก็ดีไป ....)
................................................................................. -
.......................................................................
;30เมื่อสูรู้สูช่วย..........ไม่อดสู.........................................................................
สูเสี่ยงสู้ส่งเสี่ยว......สูงสุดสอย
สูสู้ส่งเสี่ยวสม........เสี่ยวดีใจ
ยามสูไกลใครสู้......ส่งเสี่ยวเอย
.......อนุโมทนาด้วยครับท่านฐาณัฏฐ์ เห็นท่านแต่งกลอน เลยแต่งกลอนเล่นด้วย ..... ^_^ -
สิบเสียงเสียบ เสียดสี
สูส่งเสริม เสี่ยวเสริม
สูสาปสูญ เสี่ยวสลด
เสี่ยวสู่สู สู้สืบเสนาะ -
เสนาะก้องเสียงเทพ พินสามสาย
มหาบุรุษคลายทิพย์ พิจโยนิโส
ทางสุขโขสายกลาง เอกธัมโม
ธัมมะจาโรสุวิสุทธิ์ สุดภัยพาน. -
สรุปความเข้าใจ จบที่๑
๑ ?พลังจิต=กำลังใจ
๒ พลังงานของจิตใจคนที่มีสติ = ?กำลังใจมั่นคง= ?สมาธิ
๓ พลังงานของจิตใจคนมีสติในการพิจารณาในการกระทำ = ?กำลังใจที่(ที่มั่นคงส่ง)รับรู้ตามจริง = ?ปัญญา
๔ พลังจิตที่แข็งแกร่ง = กำลังใจ(ที่ถูก)พัฒนา ..จึงทำให้สามารถอดทนต่อความอยากได้= ?อดทน=ขันติ
๕ ความอยาก = ?กิเลส
๖ พลังจิตที่ส่งออกตามอาการอยาก (ผลคือกระทำให้ผิดศีล) = ?กำลังใจไฝ่ต่ำ (เพราะมีกำลังดึงใจลงสู่ที่ต่ำ)
๗ การยับยั้งชั่งใจตัวเองไม่อยู่ = กำลังใจที่ยังไม่พัฒนา = ?กำลังใจยังต่ำอยู่
๘ ห้ามตัวเองไม่ได้ยังผิดศีลอยู่ = (กำลังใจยังต่ำอยู่ ) ?แต่ก็สามารถพัฒนากำลังใจให้เข้มแข็งได้
๙ แบบนี้เรียกว่า มีพลังจิตหรือ = ข้อ ๑ ถึง ข้อ ๘ = ถ้า " ?.... " ท่านเห็นด้วย ก็ขอตอบว่า " มีพลังจิต " ครับแต่....จะสูงต่ำดำขาวอีกเรื่องหนึ่ง
...................................... จบ๑ ....................................
:z12:z12:z12:z12:z12:z12:z12 -
ส่งสารเสียง...สูเสียงสารส่งสับ...เสี่ยวสงสัย? .......
เสียว ...สอ เสือ.. สาปสูญสิ้นสดสด
เสี่ยว....แสนสุดสลด...?? .....
(เอ่อคือว่า " สอ เสือ " หมดแล้วง่า ใช้ " S : เอส "แทนไม้มั๊ย...ท่านฐาณัฏฐ์ ...ท่านนี่เยี่ยมยุทธจริงๆ นับถือ นับถือ)
เด๋วเจ้าของกระทู้เคืองหาว่าชวนผู้อื่นนอกกระทู้นะครับ
เสี่ยวส่งสารเสียง...สูเสียงสารส่งสับ...เสี่ยวสงสัย? .......
(...แน่ะขอหน่อยๆ มีแถมมีแถม หุหุหุ ) -
<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">
</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>แอ๊บแบ้ว, k.kwan </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- currently active users -->
<!-- popup menu contents -->ขอท่านจงเจริญธรรมยิ่งๆเถิด.....ขออภัยที่นอกกระทู้ไปเล็กน้อยอ่ะนะครับ.... -
ปรับปรุงข้อความ จบ๒
(?นำตนให้พ้นทุกข์=บำเพ็ญประโยชน์ตน)
๒ พลังจิตที่ดี ต้องสามารถขับเคลื่อนจิตใจของผู้อื่นให้โน้มนำ ไปสู่สิ่งดีๆ เป็นคนดี กระทำความดี
(?บำเพ็ญประโยชน์ท่าน....แต่ตนต้องทำให้เกิดมีในตนก่อนจึงจะสำเร็จประโยชน์สมบูรณ์ไม่เป็นโทษ โทษเพราะความที่ตนไม่สมบูรณ์นั่นเอง)
๓ พลังจิตที่ดี ต้องสามารถพัฒนาจิตตนเองและผู้อื่นให้ ใสสะอาด และละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ
(? ถ้าตนสำเร็จประโยชน์ตนสมบูรณ์แล้ว คือใสสะอาดแล้ว พ้นจากความขุ่นข้องแห่งกองทุกข์แล้ว...จึงจะอยู่ในฐานะที่ทำได้...หากใจตนยังไม่ใส...จะนำใครให้ใสได้!)
๔ เมื่อจิตใส ละเอียด กายก็จะใส ละเอียด สะอาด สะอ้าน
บุคลิกลักษณะก็จะดี มีมารยาท วาจาสุภาพ เป็นที่เคารพรักของคนทั่วไป น่าคบหาด้วย
(?เมื่อใจใสแล้ว กาย วาจา มันก็ใสไปด้วยกันหมดเพราะใจมันนั่งเป็นประธานอยู่นี่)
(!....แต่ก็ต้องระวังการมองกิริยาแต่เพียงภายนอก...ที่เห็นว่า บอๆ ในสายตาโลก...แต่ธรรมท่านบริสุทธิแล้วหลงไปปรามาสท่านด้วยแค่เพียงกริยาที่แสดง...อย่างนี้ก็เคยมีปรากฏ...ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดโทษทุกข์แก่ตนต้องคุมใจให้อยู่กับตนเป็นหลัก(สติปัฏฐาน)เพื่อให้เกิดความเคยชิน...การแสดงออกของตนที่แสดงออกไปภายนอกนั้นก็เพียงเพื่อแสวงหาปัญญาเครื่องรู้(และเมตตา กรุณา ด้วยหวังประโยชน์สุขแด่ผู้อื่น หากพบปทปรมะ[ปะ-ทะ-ปอ-ระ-มะ] ก็ต้องถอยเหมือนกัน เพราะไม่อยู่ในวิสัยที่จะแสดงให้เข้าใจได้ )...แล้วโน้มนำมาใส่ตัวมาพิจารณาอีกทีตามสติกำลังของเรา...)
................................................................................
เราก็เข้าใจอย่างนี้อ่ะนะ ..ถูกผิดท่านใช้วิจารณญาณเองและกัน...จะได้ไม่เกิดโทษแก่กระผมผู้แสดง
..........................ขออนุโมทนาด้วยครับ คุณ stefa ..........
:z12:z12:z12:z12:z12:z12:z12 -
ปรับปรุงข้อความ จบ๓
(?มันก็น่าหลงอยู่หรอก...แต่ถ้าอยู่ในสัมมาทิฏฐิก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร...แต่ก็นั่นแหละเมื่อถูกความอยากดี เด่น ดัง ครอบงำแล้ว สิ่งที่เคยเป็นเครื่องรู้ก็กลับกลายเป็นอุปทานไป ก็เพราะจิตมันย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำอยู่แล้วนี่...อีกอย่างคือเมื่อเพียรทวนกระแสได้ระดับหนึ่ง กลับปล่อยลงตามกระแสสู่ที่ต่ำอีกทำไม...แต่ก็ไม่แปลกกิเลสมันมีมายาเยอะนี่ แม้ผู้ปฏิบัติกรรมฐานหวังพระนิพพานหลายๆท่านยังหลงมาแล้ว...หลงว่าตัวเองสำเร็จขั้นนั้นขั้นนี้(เพราะความที่กิเลสระงับลงชั่วคราว) แล้วก็นิ่งนอนใจไม่เพียรต่อ ...ต่อมาญาณเสื่อมสิ่งที่รู้ก็กลับกลายเป็นอุปทานไป หรือมีเหตุอย่างอื่นที่ทำให้กิเลสถูกกระตุ้นแสดงตัว...นั่นล่ะจึงถึงบางอ้อ...แต่ถ้าบางท่านไม่ใส่ใจนำพาจิตก็ลดระดับไปเรื่อยๆ...จนอุปทานครอบงำเหนียวแน่นด้วยคิดว่าข้าแน่...ข้าแน่ๆ...ข้ารู้...ข้าเห็น...เหอๆๆ อะไรประมาณนี้ แล้วก็ยึดเอาอันนั้นไปอวดใครต่อใคร...แล้วยอมใครไม่เป็น...อันนี้สังเกตุได้ไม่อยาก)
๒ แล้วมักสร้างเรื่องราว เหมือนนิยายเผยแพร่ออกสู่ภายนอกให้คนทั่วไป หลงเชื่อ งมงาย โดยอาศัยศาสนาบังหน้า
(?นี่ก็อุปทานขั้นรุนแรง...ทำให้ภาพในมุมมองของศาสนาที่ตนนับถือหมองไปด้วย )
๓ เลือกเอาเทพต่างๆนาๆ มาสิงสู่ตัวเองสวดคาถาอาคมต่างๆไปเรื่อย แบบท่องจำ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างชื่อเสียง
(?นี่ก็อุปทานขั้นแรงน้อยกว่าอันบนหน่อย...อย่างหลังนี่บางพวกพอที่จะยกระดับจิตได้ เพราะอาจจะทำไปก็เพราะความไม่รู้ / หลง ...อย่างเช่นท่านอาจารย์มั่นท่านแนะนำชาวป่าชาวเขาให้เลิกนับถือผี หันมารับไตรสรณคมณ์ ถือศีล เป็นต้น แต่ก็ต้องอยู่ในวิสัยของครูบาอาจารย์แต่ละท่านที่จะแนะนำสั่งสอนด้วย ด้วยเพราะบำเพ็ญบารมีมาไม่เหมือนกันบางท่านมีภูมิที่จะแนะนำได้ บางท่านมีอุบายแนะนำน้อย เช่นท่านพระอาจารย์มั่น กับพระอาจารย์เสาร์ เป็นต้น ...Google)
๔ คนแบบนี้นะ ไม่มีพลังจิต อย่างที่โม้หรอก
(?พลังจิตหรือกำลังใจ...มี...แต่ต้องอาศัยอามิสเข้าหนุนช่วยหรือถ่วงลงก็แล้วแต่...แต่โดยมากสิ่งที่แสดงมักเป็นอุปทาน...เพราะมีกิเลสความอยากเจือ)
๕ บางครั้ง หาสิ่งของมาเสกพลังจิตใส่ อ้างว่าแจกมั่ง ขายมั่ง ทำบุญมั่งพวกนี้ผิดศีล เต็มๆๆ
( ?ถ้าเจตนาหลอกลวงก็ผิด....
?ถ้าเป็นกุศโลบายก็ไม่ผิด....เพราะบางครั้งบุคคลแต่ละคนก็ยึดถืออะไรแตกต่างกัน การที่จะแนะนำโดยตรงเห็นจะไม่เป็นผล..
อย่างเช่นสมเด็จพุฒาจารย์โต ท่านทำพระพิมพ์แจกนี้เป็นต้น ...ท่านเจตนาดี ....
...แต่คนที่รับไปไม่เข้าใจเจตนาท่านก็เท่านั้น (เรื่องนี้ก็พอมีตัวอย่างอยู่ แต่ไม่ขอยกมาอ้าง...Google)....
...และก็มีพวกพ่อค้าหัวใสไปสร้างเรื่องให้ขลังแล้วปั่นราคากันเพลินอย่างนี้ท่านว่าใครผิดใครถูก ก็วินิจฉัยเองและกันใครมีศีลใครไม่มีก็สุดแต่ท่านจะพิจารณา ).
................ สรุปก็ขออนุโมทนากับท่าน stefa ด้วย .............
ที่เขียนแสดงความเห็นไปทั้งหมดนั้นไม่ได้โต้แย้งอะไร
?บางแห่งก็เขียนเพิ่มเพื่อสนับสนุน
?บางแห่งก็เพื่อขยายมุมมอง
?บางแห่งก็เขียนเพิ่มเข้าไปก็ด้วยเข้าใจอย่างนั้น
ผิดถูกประการใดก็หวังว่า กัลยาณธรรม จะช่วยชี้แนะบ้าง.....
...................................... จบ๓ ..................................................
:z12:z12:z12:z12:z12:z12:z12
;aa55 -
ท่านแอ๊บฯ อย่าเข้าใจผิด ข้าพเจ้าเป็นผู้ชม ไม่ได้เป็น ผบทบ.
เชิญท่านตามสบาย คิดว่า ไฮด์ปาร์คในสวนละกัน อิอิ
ที่ว่าปิ๊งแวบ คือตอบแบบไม่คิด มันจะตอบก็ตอบเอง
ไม่มีอะไรจะตอบ ก็ไม่อยากฝืนคิดแค่นั้นแหละท่าน
เชิญ ตามสบาย... ไม่มีถูก ไม่มีผิด มีแต่ความจริงค้าบ
-
พลังจิตสูงมีทั้งพลังจิตดี และพลังจิตที่ไม่ดี
ตย.เช่น พลังจิตด้านเมตตากรุณา ถือเป็นพลังจิตด้านดี
พลังจิตด้านโทสะ ราคะ ถือเป็นพลังจิตด้านไม่ดี
เคยรู้จักคนนึง เค้ามักจะพูดว่าถ้าเค้าทำชั่วทำไมมันเจริญเอาๆ
เด๋วมีคนโน้นมาช่วยคนนี้มาช่วย แต่พอมาทำดีทำไมมันทำไม่ขึ้น
แถมไม่มีคนคอยช่วยอีกเหนื่อยใจแสนสาหัส ข้าพเจ้าคิดว่า(เฉพาะ
คนนี้นะคะ ไม่เกี่ยวกับคนอื่น)เป็นเพราะเขาเจริญแต่โทสะ โมหะ ราคะ
จนมันกล้าแข็ง มีตบะ เพราะฝึกสมาธิมาหลายชาติ จึงมีพลังจิตสูง
กำลังใจกล้าแกร่ง เวลาคิดชั่วทำชั่วพลังจิตก็มากตาม แบบว่าแช่งใคร
ก็เป็นไปตามความคิดของเขาได้ และเพราะถือสัจจะ พลังจิตจึงมีอานุภาพมาก
แต่ของพวกนี้ไม่จีรัง เพราะเป็นโลกียะ ถ้าเขาทำผิดสัจจะ พลังจิตของเขา
ก็จะเสื่อม หรือผิดต่อผู้มีพระคุณ(เนรคุณ) พลังจิตก็จะเสื่อม อภิญญาที่เคยมีก็เสื่อม
ถ้าจะพลิกกลับมาฝึกพลังจิตด้านดีก็ทำได้ แต่ต้องยอมรับความจริงว่ากรรมที่สะท้อนมา
คือสิ่งที่ตนเองทำไว้และยอมรับสิ่งนั้นด้วยความอดทน อุเบกขา ฝึกเจริญเมตตา
กรุณา ฝึกเจริญสติระลึกรู้ตัว ซึ่งคนนี้เขาก็ยอมทำและเขาทำได้ด้วย ทุกวันนี้
ยังมีทั้ง2พลังจิต เช่นเวลาเกิดเหตุมากระทบเขาจะมีจิตหนึ่งเกิดขึ้นแบบนี้
เอาให้ตายเลยไหม จะช่วยทำให้ทีวีหล่นมาใส่ และจะมีอีกจิตหนึ่งเกิดขึ้นมา
ว่าอย่าทำเลย เกิดเขาเป็นอะไรขึ้นมาพ่อแม่ก็ต้องเสียใจ แล้วใครจะดูแลพ่อแม่เขาละ
อะไรประมาณนี้ อะ ถ้าเขาเลือกจิตแรกมันก็จะเติบโตไปเรื่อยๆ พร้อมกรรมไม่ดี
ถ้าเขาเลือกทำตามจิตหลัง เขาย่อมหยุดกรรมนั้นได้ และจิตนั้นก็จะเติบโต
ไปพร้อมกับเขา ทุกวันนี้ก็ต้องรับกรรมที่เคยเบียดเบียนคนอื่นไว้ มีโรคคอยเบียดเบียน
เป็นนั่นเป็นนี่ แต่คนที่ยอมรับได้และเลือกที่จะเปลี่ยนชีวิตจากด้านมืดมาสู่ด้านสว่าง
ยอมรับกรรมโดยไม่บ่น ยอมทำความดีถึงแม้จะยากลำบาก ข้าพเจ้าคิดว่าสิ่งนี้
คือสุดยอดน้ำใจที่เขายอมเสียสละความสุขเฉพาะหน้า เพื่อตัวเขาเองและผู้อื่นใน
อนาคต จะได้มีโอกาสพบความสุข สงบแท้จริงได้
ปล. ก็เพ้อเจ้อไปเรื่อยแหละท่าน อย่าจริงจังมากนะ เล่านิทานให้ฟังเล่นๆ
-
พักดื่มไอศครีมกันก่อนนะครับ สหายแห่งกองทัพธรรมทั้งหลาย เอิ้ก เอิ้ก
บางสิ่งเข้าใจได้ด้วยการหยุด
บางสิ่งชัดเจนได้ด้วยการเห็น
บางสิ่งเข้าถึงได้เมื่อไม่เป็น
บางสิ่งช่างร่มเย็นเมื่อไม่มี -
.................................................................................
พยายามฝึกวางใจกลางปลงลงอุเบกขา เจริญพรหมวิหารให้เกิดมีในใจ.กระผมเองก็ใช้วิธีนี้อยู่...ก็เจริญพรหมวิหารธรรมและเจริญสมาธิร่วมด้วยเป็นปกติน่ะครับ....ก็ได้รับสุขเย็นใจพอควรตามอัตภาพน่ะครับ...ทุกข์ก็มีอยู่ก็พยายามกำหนดรู้รู้ไป...ตามไตรลัษณ์...ก็ได้รับผลพอควร.
.................................................................................
....ก็ดีนะถือเป็นตัวอย่างที่ดี ของการทำดี แล้วหวังว่าจะได้สิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นการตอบแทนโดยทันใจ...แล้วเอากรรมของตนไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น...ซึ่งกรรมวิบากไม่เสมอกัน....แล้วมาโทษว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี.....ทำชั่วซะเลยอย่างนี้..เคยจำท่านพระพยอม กัลยาโณ ท่านเทศนาว่า "แหม...ก็ขนาดทำดีแล้วมันยังไม่ได้ดีเลย!...แล้วทำชั่วมันจะได้ดีเหรอ?"
..................................................................................
....การทำดีแล้วปรากฎว่ายังไม่ได้ดีก็คือมีโทษอยู่ หลวงปู่มั่นท่าน เทศนาไว้ให้ตรวจสอบตนว่า "ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นชื่อว่าดีเลิศ" ....ก็หากเรายังทำดีแล้วยังปรากฎว่าไม่ได้ดี...ก็ชื่อว่าดีนั้นยังไม่ใช่ดีเลิศ...ก็ต้องเพียรทำดีให้ยิ่งๆขึ้นต่อๆไป....
...................................................................................
....ความดีแม้ว่าเล็กน้อยเมื่อทำด้วยเจตนาฝ่ายกุศล...ก็ชื่อว่าดี...และมีผลเป็นสุขเสมอ...ใจนั่นแหละเป็นผู้รู้....แต่ที่ไม่รู้ได้เพราะกิเลสอุปทานปิดกั้นดวงปัญญาอยู่... ............. "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" .....
ถ้าพิจารณาแล้ว......ทำดีก็ได้ดีนั่นแหละมันจะได้อะไร...ทำก็เพื่อธรรม...ทำแล้วความสุขมันจะไปเกิดที่ไหน...มันก็เกิดที่ตนนั่นแหละเพราะตนเป็นผู้ทำนี่ถ้าทำแล้วความสุขไปอยู่ที่อื่นหมด จะชื่อว่ากฏแห่งกรรมหรือ......
.................................................................................
คนเราเมื่อเข้าถึงธรรมแล้วแม้จะมีทุกข์มาเบียดเบียนทางกาย...แต่ก็ยังพอที่จะหาสุขทางใจได้....จะกล่าวไปใยกับผู้ไม่เข้าธรรม...จะหาความสุขที่ไหนได้
แม้จะมีเงินทองของมีค่ากองเป็นภูเขา....สิ่งเหล่านั้นจะมาประกันว่าตนจะไม่ได้รับทุกข์เลย...จะได้หรือ.....
................................................................................
ขออนุโมทนาอีกครั้งกับท่านขัวญที่นำนิทานมาลง....สาธุครับ -
พลังจิต มีความหมายในตัวสมบูรณ์
พลังจิต มีความหมายในด้านดี ด้านเดียว
พลังจิต ไม่นับรวมพลังจิตที่ไม่ดี
พลังจิต ไม่มีโทสะ ราคะ
พลังจิต ไม่มีคิดชั่ว ทำชั่ว -
ขอขยายความหน่อยครับ ที่ไปที่มาเป็นอย่างไร อะไรเป็นเหตุให้ท่านเข้าใจ อย่างนั้นๆ<O:p
<O:p -
หน้า 7 ของ 13