ไหว เป่า ลวกเพ่
หาก อินทรียภาวนามี ที่นี้ เดี๋ยวนี้
หน่วง .... มาพิจารณาได้เลย นะ
ถ้า หน่วงไม่ได้ ส่วนใหญ่ เป็น
เพราะ "การรู้ทุกข์" ยัง สมาทาน
ด้วยอาการข้างๆ คูๆ
ก็อาสัย สดับธรรม สาวก ชี้เรื่องทุกข์บ้าง
หรือ สลดใจ ให้จิตมัน รวมเล็กใหญ่
ใส่ชิ้นสดลงกลางอก แล้ว ถึงจะหน่วง....
ได้บ้าง
หรือบางครั้ง ก็ ตุปัดตุเป๋ กล่าวธรรม
ไปตามกำลัง จน สลดในความ บ่ จี้
แล้วหน่วง...ได้บ้าง
อาศัยเย้าเรือนบ้าง
ไม่มีเย้าเรือนบ้าง
สองอันหลังนี้ ต้อง สมัยโบราณ สมัยนี้
ลองไม่มีเหย้าเรือน เข้าป่า เขายิงทิ้ง
เอาดื้อๆ ข้อหารุกป่า
ขาดบารมีจะซื่อตรงต่อธรรมได้อย่างไร??
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 5 เมษายน 2020.
หน้า 12 ของ 15
-
-
เส้นทาง "พรหมจรรย์" คือ เส้นทางบริสุทธิ์..
ถ้าไม่ขัดเกลาจิตใจตน ถ้าไม่เห็นความผิดตน ยังไงก็ไม่บริสุทธิ์.. -
กะชิวๆเนาะ
ฝึกมาหมดละแบบสุขวิปัสโก
เตวิชโช
กำฝึกแบบฉลภิญโญ
สุดท้ายกะอยู่ที่ใจละ -
-
ปัญหา ของ ลวกเพ่ การ้อง หลักๆ
ก็คือ กดไลค์ กดแชร์ นั่นแหละ
เที่ยว กดไลค กดแชร ให้
เฌรลักเพศปลอมบวช
อาศัยเป็นกาฝากเกาะศาสนา
กรรมมันก็ชักกลับ เวลาจะ โน้มไปนิพพาน
เตือนแล้ว บ่ ฟัง ก็ ช่วยม่ายล่าย -
การไป กล่าวท้า ให้บรรลุมาก่อน
แล้วค่อยมาสอน
ในเชิงละเอียด จะเป็น มิจฉาวาจา
พอ มรรคเดินไป สัมมาทิฏฐิ
สักกัป กัมมัน พอจะ วาจา
ถอยกลับเลย
สมังคีธรรม ความดี เสีย -
ระวังจะกลายเป็น "ชาวนากับงูเห่า"
คนไม่เห็นความผิดตนเอง คนไม่ยอมแก้ไขตนเอง สักวันมันจะแว้งกัดเอาน๊า..
"ลาผู้ซื่อสัตย์" ลูกรักเอ๋ย.. -
-
ต้อง สำรวมให้ แม่นๆ
จะ ใช้ ลีลา ไม่ได้
ลองฝืน ลองละ ดูบ้าง
บางที เสวนามาจนชิน เข้าใจว่า มีอุเบกขาธรรม
พอดี พอตัว แต่เอาเข้าจริงๆ
สังขาร มันหลอก จังหนับ !!! -
-
ชวนได้เยอะครับเหลือแตเวทาอย่างเดียว -
บางทีพวกหลุดไปอรูปไม่รู้ตัวกะเยอะ
-
งดเว้นการสนทนาเถิด "ลาผู้ซื่อสัตย์" ลูกพ่อ..
ให้เขาแก้เองนั้นแหละ..
ให้เขาเห็นความผิดตนเองนั้นแหละ ดีแล้ว..
ถ้าเห็นว่าตนเก่งแล้ว รู้แล้ว ไปต่อได้แล้ว ก็ปล่อยเขาไปเถิด..
ถ้าวาสนาเขามี เขาคงก้าวข้ามมันไปได้.. -
ยังมี ลัทธิพรามณ์ทำฌาณ ทำแฌณ แฝงในจิต
เฌรเฮีย มันเลย เต้นแร้งเต้นกา ทำตัวเป็น
ผู้กำกับ บอกบท สวมทับ ครอบงำ ตลอด
( ชวนเสวนา จะจ๋า ออกรส ตลอด )
สัจจ ข้อเท็จจริง จากใจ สัณทิฏฐิโก เลย
สว่างขึ้นแทนไม่ได้
ตำรา วิสุกกะทิมัด โยนทิ้งไปเลย ฮับ
ของปลอม มันหลอก รับปลาทาน -
คุง การ้อง สังเกต
พวก เฮีย มันจะ ฉลาดในการ ลอกบท
แล้ว เอามา พูดคร่อม
คล้าย ผกาพรหม เห็นอะไรๆ ก็เกิด
จาก ตนดำริ สร้างโองการ
แท้จริง มีแต่ เอาไป ห้อมล้อมด้วย
บัญญัติ สร้างบทละคร บทสภาเฮีย!! ขึ้นมา
เหตุของ พวกมัน มีเท่านี้ -
ทุกกริยาจิตที่ส่งออกนอก ระวังอกุศลเกิด..
ทุกกริยาจิต กล่าวได้ว่า "ดูก่อน" ท่านทั้งหลาย..
ทุกกริยาจิต กล่าวได้ว่า "ดูกร(ณียกิจ)" คือ การกระทำของจิต..
นั้นแล.. -
ได้ด้วยความโง่(อวิชชา) มีเท่าไหร่
มี สามอย่าง มีกายเนื้อจากข้าว กายจากรูปวจร
กายจากอรูปวจร
พระศาสดาก็บัญญัติอย่างนั้น
แต่
สิ่งที่พระศาสดาตรัส จะเป็น ความจริง ที่ เหนือกว่า
กายที่โลกเขาบัญญัติด้วยความโง่ -
เอาอะไรมาอ้างดีนะ
55 -
แล้วแต่ใครจะเห็นธรรม น๊า..
พิจารณาเองเถิด ท่านผู้มีปัญญาทั้งหลาย..
อย่าตามอ่านเพื่อความบันเทิง แต่ถ่ายเดียว..
มีแนวทางแลอุบาย ครบ (ตั๊ก)บริบูรณ์ -
สังเกตไปเลย อาการ "เข้าไปบัญญัติ" ( เข้าไปส่วนสุด / สุดโต่ง ก็เรียก )
อาการ อยากจะ "สร้างคำสอน"
อาการนั้นแหละ พระศาสดาเรียก การหวงศาสดาอื่น
มันหลอกว่า เฮ้ย ตนต้องปรารภ ธรรม ประกาศ
สิ่งที่ เหนือการกล่าวจากผู้อื่น สิ่งที่ผู้อื่นไม่เคย
กล่าวมาก่อน ได้สักคำสองคำสิหน่า
เป็นไปไม่ได้หลอกฮับ
ใน โลกธาตุนี้ พระศาสดาสมณโคดม มีสิทธิ
เพียงผู่เดียว ที่จะกล่าว สิ่งที่ไม่มีผู้อื่นกล่าวถึงมาก่อน
หน้า 12 ของ 15