สรุป คือ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สถิติ ของ เวปพลังจิต ในการทำนาย เหตุการณ์
ระบุ วัน สถานที่
ยังเหมือนเดิม คือ ศูนย์ (Zero) ครับ
ข่าวจากท่านผู้เตือน (2) : เตือนภัยพิบัติ 30 กรกฎาคม 2554 และวิธีเตรียมการอย่างมีสติ
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย karan20, 24 กรกฎาคม 2011.
หน้า 4 ของ 7
-
ก็ดีแล้วครับที่ไม่เกิดจะได้ไม่มีใครเดือดร้อน ผมว่าเมื่อคืนต้องมีเพื่อนๆ อีกหลายๆ คนที่สวดมนต์ ภาวนา ขอไม่ให้มีเหตุร้ายๆ เกิดขึ้น แต่ก็แปลกนะที่มีบางคนอยากให้เกิดเพราะแค่อยากพิสูจน์ความแม่นของคำเตือน ( คิดอะไรอยู่เนี๊ย )
-
ก็สถิติมันเป็นศูนย์มันไม่น่าสนใจ แล้วท่านจะติดตามไปทำไม ไม่เข้าใจเหมือนกัน แถมยังเหมือนเยาะเย้ยกันอีก มันไม่น่าเชื่อถือก็ไม่ต้องเข้ามา ที่ไหนแม่นยำก็ไปไม่มีใครบังคับท่าน ที่นี่คงมีแต่คนงมงายแน่ๆเลย....
-
..เตือนหรือไม่เตือน ดีทั้งคู่ คือไม่ให้เราตกอยู่ในความประมาท
ท่านที่เคยเตรียมตัวแล้ว เหตุการณ์ไม่เกิด ถ้าวันใด เหตุและปัจจัย พร้อมให้เกิด ท่านเหล่านี้ก็จะได้เปรียบในการอพยพเนื่องจากได้มีประสบการณ์ในการเฝ้าระวังมาแล้ว
ขอบคุณทุกท่านค่ะ -
ผมก็พยายามภาวนา ให้ไม่มีเหตุร้าย แต่ยิ่งเลื่อนไปเท่าไร ก็อาจจะแรงเพิ่มขึ้นเท่านั้น ไม่แน่วันที่นี้ ในปีหน้า อาจจะมีผู้โอดครวญว่า ทำไม่เตือนกัน ก็เป็นได้
อย่าอยู่บนความประมาทเป็นดีที่สุดครับ -
มาให้กำลังใจ ท่าน karan20 ครับ
-
มันยังไม่หมดวัน จะรีบไปไหน จะรีบไปไหน และตราบใดที่ยังไม่ตายพวกเราทุกคนบนโลกใบนี้
ก็ยังคงต้องใช้ชีวิต อย่างระวัง หรือท่านอยู่อย่างประมาท ?
ตายแล้วค่อยเลิกระวังภัย บุญกรรมสร้างมาให้พวกเราเจอกันในนี้
ใครมีหน้าที่ช่วยก็ทำไป ใครมีหน้าที่ขัดก็ขัดไป เลือกเอาว่าจะขัดขวาง หรือจะขัดให้เงา
แล้วแต่จังหวะของชีวิต ของแต่ละคน -
ขอบพระคุณสำหรับข้อมูลครับ และกำลังใจ
แม้จะยังต้องติดตามกันต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้
แต่ความจริงก็คือ คำเตือนครั้งนี้ผิดพลาด
เมื่อคำเตือนได้ระบุวัน และเวลา สถานที่ไว้แล้ว
และไม่ได้มีการแจ้งยกเลิกคำเตือน
เมื่อไม่เกิดขึ้นตามนั้น ก็ต้องถือว่า ผิดพลาด
เมื่อคืนผมนอนประมาณ ตี 3 กว่า
ก็พยายามติดตามข่าวทาง TV
รุ่งเช้าก็รีบเปิด TV แต่ไม่เห็นมีข่าวเรื่องภัยสึนามิเกิดขึ้นในประเทศของเรา
เกิดความคิดขึ้นในหัวผมอย่างมากมาย
พอเท่าที่จะจับต้นชนปลายและขอนำมาเล่าแบ่งปันความในใจให้เพื่อนๆทุกท่านฟังดังนี้...
ผมรู้สึกสับสน เพราะทั้งโล่งใจและเสียใจ
ผมโล่งใจที่ไม่เกิดเหตุร้ายขึ้น
แต่มันเป็นเพียงความโล่งใจเพียงประการเดียวที่ถูกทับถมด้วยความเสียใจ
เสียใจที่หลายๆ คน คงดูแคลน เยาะเย้ยปรามาสตัวผมและอาจเลยไปจนถึงท่านผู้เตือน
เมื่อผมรู้สึกอย่างนั้น สติปัญญาก็บอกว่า เราเป็นทุกข์เพราะว่า ถือตัวถือตน ยึดมั่นถือมั่น
เก็บเอาคำเตือนนั้นมาเป็น 'ของตน' ทั้งที่เจ้าตั้งใจแต่แรกว่าจะเป็นเพียงผู้อาสาคาบข่าวมาบอก
แล้วเหตุใดวันนี้จึงยึดเอาสิ่งนั้น เหมือนคำเตือนเหล่านั้นมาจากตน หรือเป็นของตน
เจ้าอยากให้คำเตือนถูกต้องหรืออย่างไร ?
เจ้าอยากให้คำเตือนถูกต้องเพื่อพิสูจน์อะไร ?
เพียงเพื่อพิสูจน์ว่า เจ้าพิเศษหรือสำคัญกว่าคนอื่น รู้ดีกว่าใครๆ ?
เพียงเพื่อเจ้าจะได้มีความสำคัญ และผู้คนคอยเงี่ยหูฟังคำเตือนที่เจ้าจะนำมาบอกครั้งต่อไป ?
แว่บนึงของความคิดคือ ถ้าคำเตือนถูกต้องแล้วผลที่ได้เป็นแบบนั้นก็คงดี
แว่บนึงสติปัญญาออกมาตำหนิทันทีว่า เจ้ายังเลวอยู่มาก เจ้ายินดีหรือที่จะมีคนตายมากมาย
ถ้าเจ้ารู้สึกเสียหน้า แสดงว่า ที่เจ้าออกมาเตือนนี้เพราะอยากได้หน้า
ถึงตอนนี้ผมก็พยามเอาสติปัญญาเข้าไปพิจารณาจิตใจของตน อบรมมันเป็นการใหญ่
ความรู้สึกอีกประการคือ ว้าเหว่ใจ เพราะในยามที่โลกเต็มไปด้วยภัยพิบัติเช่นนี้
ไม่อาจจะหาที่พึ่งคือคำเตือนภัยใดๆ ที่ถูกต้องแม่นยำให้กับเพื่อนๆ และครอบครัวได้เลย
สติปัญญาบอกว่ามีแต่พระรัตนตรัย ศีลและบุญบารมีของแต่ละคนเท่านั้นล่ะที่เป็นที่พึ่ง
ตนย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตน เราไม่อาจช่วยใครๆ ได้เลย หากพวกเขาไม่คิดช่วยเหลือตนเอง
แม้พระรัตนตรัยจะเป็นสรณะ คือที่พึ่งอันประเสริฐ
แต่ถ้าตนไม่เป็นที่พึ่งแห่งตน คือ ตนไม่ปฎิบัติเพื่อน้อมตัวน้อมใจเข้าไปเกาะพระรัตนตรัย
แล้วพระรัตนตรัยหรือสิ่งศักดิ์ใดๆ จะช่วยได้
แม้สื่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะมีเมตตาช่วยก็ตาม แต่ก็คงไม่สามารถดลใจให้ใครเป็นคนดีได้
ความคิดบอกต่อไปว่าต่อไปนี้ คนจะเชื่อคำเตือนต่างๆ น้อยลงเรื่อยๆ แม้แต่ตัวผมเองก็เถอะ
แม้จะมีคำอธิบายว่า สิ่งที่เตือนนั้นจะเกิดขึ้นแน่ๆ แต่เมื่อระบุรายละเอียดต่างๆ ผิดพลาด ก็คือคำเตือนนั้นผิดพลาด
เพราะนี่ไม่ใช่การเตือนด้วยวิทยาศาสตร์ การเตือนด้วยวิทยาศาสตร์แล้วคลาดเคลื่อนนั้นผมว่าเราพอยอมรับได้
แต่ผมไม่กล้าตัดสินว่าท่านผู้เตือนผิดพลาดหรือไม่ แต่ผมตัดสินไปแล้วว่า คำเตือนผิดพลาด
ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรก็เถอะ
ต่อให้บอกว่าเป็นการลองใจมนุษย์ว่าจะเหลือคนที่ทำดีเพราะศรัทธาในศาสนาและความดีจริงๆ เท่าไร
ผมก็รู้สึกว่าเป็นการคาดคั้นจากมนุษย์มากเกินไป
แค่บอกเรื่องภัยพิบัติ มนุษย์ก็ไม่ค่อยเชื่ออยู่แล้ว
ยังจะทดสอบด้วยข่าวหรือคำเตือนที่คลาดเคลื่อนเช่นนี้อีก
ข่าวเรื่องภัยพิบัติ ทำให้ผมเป็นคนนึงในหลายๆคนที่หันกลับมาปฎิบัติ
พวกเราส่วนใหญ่กำลังปฎิบัติเพื่อความเป็นโสดาบัน จนเมื่อถึงจุดนึงเราไม่มีวันหันหลังให้กับโสดาบัน
ผมได้เห็นคนบางคนที่เคยเชื่อเรื่องภัยพิบัติแล้วหันกลับมาทำความดี
แต่จากช่วงเวลาที่ผ่านมา ด้วยคำทำนายและคำเตือนต่างๆ ที่ออกมาล้วนผิดพลาด
แม้ส่วนนึงจะเป็นการตีความผิดพลาดของผู้แปลสาร หรือบางทีก็เป็นเพียงข่าวลือก็ตาม
แต่ผลจากคำทำนายและคำเตือนที่ผิดพลาดมีผลให้หลายคนเริ่มคลายตัวในความดี ศีล 5 เริ่มบกพร่อง
นี่ต่างหากเป็นเรื่องที่ผมกำลังเศร้าสลดใจ
แล้วสติปัญญาก็บอกว่าถ้าจะเศร้าใจ ก็จงเปลี่ยนเป็นสังเวชใจกับเรื่องนี้เถอะ
หรือนี่คือการทดสอบเพื่อการคัดกรองมนุษย์
มนุษย์ที่ยังคงอยู่ในความดี มีศีล 5 ครบถ้วน แม้จะผ่านคำเตือนหรือคำทำนายที่ผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า
หรือมนุษย์ที่ยังมีจิตใจเคารพพระรัตนตรัยอย่างแท้จริงเท่านั้นจึงจะผ่านบททดสอบนี้ไปได้
สติปัญญาก็บอกว่า เป็นทุกข์เพราะหยิบอุเบกขามาใช้ไม่ทัน เมตตาจึงกลายเป็นกิเลส กลายเป็นความอยาก
คืออยากให้คนเหล่านั้นปลอดภัย อยากให้คนเหล่านั้นหันมาสนใจในศีลธรรม
ผมค่อนข้างลังเลใจว่า แล้วต่อไปจะจัดการอย่างไรกับคำเตือนที่ผมอาจได้รับรู้และมีต่อๆมาอีก
ถ้านี่เป็นการทดสอบมนุษย์ ถ้ามีกระบวนการนี้อยู่จริง
ผมก็ไม่พอใจกับวิธีการทดสอบหรือคัดกรองแบบนี้
แต่อีกใจนึงก็บอกว่าเมื่อเจ้าไม่พอใจกับกระบวนการนี้ สิ่งที่จะต้องทำก็คือ จงอยู่ในกระบวนการนี้ต่อไป
เพราะถ้าเจ้าไม่อยู่ในกระบวนการนี้ เจ้าก็จะกลายเป็น 'คนนอก' ที่ไม่มีโอกาสที่จะจัดการอะไรได้อีก
แต่ถ้าเจ้าเป็น 'คนใน' คือยังอยู่ในกระบวนการนี้ อาจยังพอมีโอกาสเตือนสติเพื่อนๆได้บ้าง
ผมรู้ว่าจะมีบางคนออกมาตำหนิ
ในขณะเดียวกันคงมีอยู่บ้างที่จะให้กำลังใจและแนะนำให้ช่วยเตือนต่อไปหากรู้ข่าวคำเตือนใดๆอีก
สติปัญญาบอกว่าจงเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง อย่าไปหวั่นไหวกับโลกธรรม คือ สรรเสริญและนินทาเป็นต้น
แต่ตอนนี้สติปัญญาเท่าที่มีของผมยังบอกไม่ได้ว่า ต้องทำอย่างไรจึงจะเรียกว่าถูกต้อง
หลักเดียวที่ผมพอจะเกาะไว้ได้ และพอจะนึกได้ในตอนนี้คือ พรหมวิหาร
อันประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุฑิตา และ อุเบกขา
เพียงคิดได้เท่านี้ผมก็รู้สึกสงบลงบ้าง -
ต้องการเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ จึงทำหน้าที่เป็นผู้นำสาร อย่าหวั่นไหวนำเรื่องอื่นใดมาคิด เมื่อเรานำสารมาบอกก็ทำหน้าที่ได้ตรงแล้ว คือเสร็จหน้าที่ไปขั้นหนึ่งแล้ว ถ้าตั้งใจก็จงทำหน้าที่ต่อไป ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่ใช่เรื่องที่ควรนำมาใส่ใจ คุณตัดสินใจตั้งมั่นในความเมตตาช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทนแม้ในนามธรรมและรูปธรรมคือหลักสำคัญ ตั้งสติและสมาธิให้มั่น ดำเนินสิ่งที่ดีมีเมตตาต่อไป
ดังที่คุณรู้สึกนี้
"ผมรู้ว่าจะมีบางคนออกมาตำหนิ
ในขณะเดียวกันคงมีอยู่บ้างที่จะให้กำลังใจและแนะนำให้ช่วยเตือนต่อไปหากรู้ข่าวคำเตือนใดๆอีก
สติปัญญาบอกว่าจงเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง อย่าไปหวั่นไหวกับโลกธรรม คือ สรรเสริญและนินทาเป็นต้น
แต่ตอนนี้สติปัญญาเท่าที่มีของผมยังบอกไม่ได้ว่า ต้องทำอย่างไรจึงจะเรียกว่าถูกต้อง"
ขอให้กำลังใจและขออนุโมทนา สำหรับจิตที่มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ค่ะ -
คิดว่าการเตือนเป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่หลังจากเตือนแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นคงต้องวางอุเบกขา เพราะก็จะมีทั้งคนที่เห็นด้วย และ ไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ส่วนภัยพิบัติ จะเกิดเมื่อไหร่ เป็นสิ่งที่คาดการณ์ให้แม่นยำได้ยาก เพราะเหตุปัจจัยมีเยอะ
ขอให้กำลังใจว่าคุณ karan คิดดีแล้วค่ะ:cool: -
เหรียญมักมีสองด้านเสมอครับ ตราบที่เรายังมีกิเลสที่เกาะกุมอยู่มากมาย ผมก็เหมือนคุณ KARAN 20 ที่ทั้งอยากให้มันเกิด และเสียใจที่ตัวเองมีจิตยินดีในตรงนั้น จิตนี้ยังต้องฝึกกันอีกมาก แต่สิ่งที่ผมรับรู้จากปากของบางท่านก็คือ ในปีนี้สิ่งที่แรงๆ ที่คาดว่าจะเกิดเริ่มจะเบาลง แต่ในปีหน้านั้น ผมยังอยากให้คุณ KARAN 20 ติดตามต่อ เนื่องจากตอนนี้ครูบาอาจารย์ท่านพยายามช่วยกันอย่างเต็มที่ แต่ทว่า มันก็ได้แค่ทำให้คนที่ยังหลงระเริง กลับจมลงไปเรื่อยๆ คงจะต้องเฝ้าดูกันต่อไปครับ สุนัขเห่าขโมย เจ้าหัวขโมยถอยหนี เจ้าของบ้านยังด่าว่ามันว่ารำคาญหู
ทำต่อไปหากเรื่องที่เราทำนั้นยังเป็นสิ่งดีครับ -
ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยกันเตือน เป็นการอนุเคราะห์ผู้ที่ไม่สามารถรับรู้ได้อย่างเราๆ อีกทั้งเป็นแรงผลักดันให้ทำความดี และหมั่นปฏิบัติต่อไป ขอบคุณค่ะ
-
Dear Khun Karan20,
You did the best on your job...why upsetting...I'm the 1 in many...many others agree with your periodically warnings...in fact...we should deeply thank you instead of criticize you...please do not worry when you do the right thing...you should be happy that wasn't happened...we will support you...thanks for your kindness...please do not stop warning. -
มารไม่มี บารมีไม่เกิด
-
เป็นกำลังใจให้นะคะ ภัยพิบัติใหญ่ๆมักเกิดขึ้นโดยไม่มีการเตือน ไม่มีใครเดาได้ เพราะเป็นการคัดเลือกของธรรมชาติจริงๆ ดังนั้นเราควรตั้งอยู่ในความไม่ประมาท รักษา ศีล ให้ครบ หมั่นเจริญภาวนาอยู่เสมอ นะคะ ^^
-
ขอเป็นกำลังใจให้กับ คุณ karran20 อีกหนึ่งเสียง สู้ สู้ครับ ท้อได้ แต่อย่าถอยครับ เมื่อคืนก็คอยเฝ้าติดตามข่าวWarroom Falkman ( C5 )เข้านอนก็เกือบตีสองเหมือนกันครับ
ฝากคำสอนของ หลวงปู่หงษ์ ครับ
"ทุกๆอย่างหากเราตั้งใจทำ ทำดี งานอะไรก็สำเร็จ บางคนก็ชอบ บางคนไม่ชอบเขาจะว่าก็ช่างเขา ไม่ต้องไปสนใจ หลายคนอยากทำแต่ทำไม่ได้ เขาก็อิจฉาเจตนาไม่ดี เทวดาไม่ช่วย จึงทำไม่สำเร็จ แต่ลูกๆทำไม่เป็น ไม่เป็นไร เจตนาดีบริสุทธิ์ ครูบาอาจารย์ คอยช่วยเหลืออยู่ ก็ดีใจด้วย ที่ทำสำเร็จ ทำได้ดีแล้ว ให้ทำต่อไป"
"เหนื่อยนักก็พัก ตื่นมาก็ทำต่อ ๆไป ก็สำเร็จ"
"ตาอยู่ส่วนตา หูอยู่ส่วนหู ใจอยู่ส่วนใจ ปากอยู่ส่วนปาก
ให้เราคิดเสมอว่าเราทำอะไรก็พอแล้ว ให้ตั้งมั่นเอาไว้"
"ของอย่างนี้ ใครจะคิด ใครจะพูด ก็ได้ ห้ามไม่ได้ ทั้งหมดมันอยู่ที่ตัวเราเองนั้นแหละว่าดีหรือไม่ ถูกหรือไม่ ที่ทำอยู่ดีหรือไม่นั้น ครูบาอาจารย์ เทวดาจะตัดสินเอง ไม่ต้องกลัว"
ศิษย์มีครู
นะเมติ นะเมติ นะเมติ<!-- google_ad_section_end -->
-
โปรดอย่าหยุดเตือน.......ให้ทำเสมือนหนึ่งพ่อแม่ตักเตือนลูกๆ ซ้ำๆซากๆถึงแม้ลูกๆ จะบ่นเบื่อ แต่พ่อแม่ที่รักลูกก็ไม่เคยคิดที่จะหยุดเตือน ลูกคนไหนเชื่อฟังยั้งคิดก็ได้รับประโยชน์ส่วนดีจากคำเตือนไม่มากก็น้อย ลูกคนไหนคิดต่อต้านก็พลาดโอกาศที่จะได้รับประโยชน์จากคำเตือน
อย่างไรก็ตามพ่อแม่ก็ไม่เคยหวังร้ายกับลูกซักที -
ภาพเหตุการณ์ที่ท่านผู้เตือนนั้นไม่ผิดพลาดหรอก เพราะภาพที่ได้เห็นนั้นเกิดจากฌาณบารมีของผู้รักษาศีลและปฏิบัติหรือที่เรียกว่า"นักมโนมยิทธิ" เป็นภาพเหตุการณ์ที่ขอบารมีของพระเบื้องบนแสดงให้เห็นเป็นการบอกเตือนให้คน (อย่าเรียกว่ามนุษย์เลยนะ) ได้รับรู้เพราะพระเบื้องบนรักลูกทุกๆคน ให้คนที่ไม่อยู่ในศีลในธรรมกลับมารักษาศีลอีกครั้ง ทุกครั้งที่ลูกๆละเมิดศีลก็เท่ากับการกระทำผิดต่อพระพุทธเจ้าโดยตรง กรรมที่เกิดขึ้นทำให้กรงล้อแห่งกรรมเริ่มเคลื่อนที่เข้ามาหาจนเข้ามาทับตัวเองก่อนถึงจะรู้สึกสำนึกผิดแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว การไม่ประมาทนั้นเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าโดยแท้
การที่คนหลายๆคนเริ่มกลับมารักษาศีลมากขึ้นอีกครั้งกรงล้อแห่งกรรมก็จะเริ่มค่อยๆหยุดหมุนช้าลงไปเรื่อยๆ แต่ไม่สามารถยกกรงล้อนี้ออกจากบ่วงของตนเองได้จนกว่าจะสำเร็จมรรคผล ก็คือพระอรหัรตผล มีที่ไปคือพระนิพพาน ซึ่งทุกๆคนมีสิทธิเท่าเทียมกันที่จะไปไม่ใช่เพียงแต่พระสงฆ์เท่านั้น
เราเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มทำงานอริยกิจลับ โดยได้รับคำสั่งจากเบื้องบนโดยมีพ่อใหญ่แห่งพระนิพพานเป็นประธาน และพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ เทพไท้เทวาทั้ง16ชั้นฟ้า15ชั้นดิน ออกทำอริยกิจให้กับทุกๆพระองค์ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ และช่วยให้คนหันกลับมารักษาศีล5 อยู่ในสัมมาปฏิบัติ เป็นการตอบแทนทุกๆพระองค์ที่ได้เลื่อนภัยพิบัติให้กับมวลมนุษย์ขี้เหม็นทุกคน (ถ้าขี้คนไหนหอมแล้วค่อยมาอวดดีนะ)
เหตุการณ์ครั้งนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของอริยกิจเช่นกันกลุ่มเราได้เข้าไปช่วยบรรเทาได้เพียงแค่นั้นไม่สามารถไปหยุดให้เกิดขึ้นได้ตลอดไป ขึ้นอยู่กลับเบื้องบนจะอนุญาตให้แก้ไขหรือไม่ แต่ภัยพิบัติยังต้องมีต่อไปอีกในไม่ช้านานนัก แล้วจะช่วยเข้ามาแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ภาพเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนแล้ว ตามดูได้ที่ http://palungjit.org/threads/สัญญาณฟ้าเตือนภัยพิบัติ.294356/
ขอนำคำสั่งสอนขององค์พระปฐมบรมพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "ลูกช่วยเท่าที่ช่วยได้ ลูกไม่ต้องห่วงคนที่เขาไม่เชื่อหรอก ยังมีพระพุทธเจ้าเสด็จมาตรัสรู้อีกหลายพระองค์" (ยุคพระศรีอาริยเมตไตรยไม่รับ) ก็รอต่อไปก็แล้วกันคงอีกหลาย อสงไขย หลายแสนกัปล์
กลุ่มอริยกิจลับ -
เอ้ยเอ้ย มันกรรมมันจะเก็บกวาดอะไร ก็อย่าไปวิ่งหนีมันให้เหนื่อยเลย
ปล่อยให้มันไปตามธรรม หรือธรรมชาติกันเถอะ
ยิ่งเราเตือน ยิ่งจะบาปเข้าตัวเอง ถึงเราไม่พูดปด แต่สิ่งที่เราพูด
แล้วทำให้คนๆหนึ่ง กลุ้มใจ กังวล สับสน ก็เป็นบาปเหมือนกันนะ
ท่านมาเตือนคุณ แล้วท่านบอกให้คุณไปบอกคนอื่นไหมครับ
ผมว่า เอาตัวเองไ้ว้ก่อน เพราะจะพูดไรไปคนก็ไม่เชื่อกันสักที -
มีผู้เตือนหลายท่าน ที่ผ่านมา ที่เหตุการณ์ไม่เกิดตามนั้น ยังขอแสดงความนับถือท่าน ที่ยังออกมาบอกว่ามันผิดพลาด บางท่านออกมาขออภัย แบบนี้ก็ยังน่าติดตามคำเตือนต่อไป แต่บางท่านไม่ยอมรับ ไม่ขอโทษ แล้วยังโทษผู้อื่น แบบนี้ก็จะขาดความนับถือศรัทธาไป เรารู้ท่านมีความหวังดี แต่ท่านอาจจะลองพิจารณาดูใหม่ว่าวิธีการนี้ แนวทางแห่งความเชื่อนี้ จริงแท้หรือไม่..ปล. เราก็ได้การภาวนา อธิษฐานในทางความเชื่อของเราว่าไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้นเลยตามคำทำนาย
ขอแสดงความนับถือ
หน้า 4 ของ 7