ข่าวสาร วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี โดยเพจมูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ, 19 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๑ หลังจากทำวัตรเย็นนั่งกรรมฐานแล้ว ท่านพระครูปลัดสมนึก คณะพระสงฆ์วัดท่าซุง คณะครูนักเรียนโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา และญาติโยม ช่วยกันทำความสะอาดกระจก โคมไฟ ม่านด้านหน้าพระศพหลวงพ่อพระราชพรหมยาน จนถึงเวลาประมาณ ๒๓.๐๐ น. จึงแยกย้ายกลับที่พัก

    -๗-กันยายน-๒๕๖๑-หลั.jpg
    1536370565_218_วันที่-๗-กันยายน-๒๕๖๑-หลั.jpg
    1536370566_67_วันที่-๗-กันยายน-๒๕๖๑-หลั.jpg
    1536370566_227_วันที่-๗-กันยายน-๒๕๖๑-หลั.jpg
    1536370566_246_วันที่-๗-กันยายน-๒๕๖๑-หลั.jpg
    1536370566_94_วันที่-๗-กันยายน-๒๕๖๑-หลั.jpg
    1536370567_482_วันที่-๗-กันยายน-๒๕๖๑-หลั.jpg
    1536370567_127_วันที่-๗-กันยายน-๒๕๖๑-หลั.jpg
    1536370568_63_วันที่-๗-กันยายน-๒๕๖๑-หลั.jpg
    1536370568_194_วันที่-๗-กันยายน-๒๕๖๑-หลั.jpg
    1536370569_555_วันที่-๗-กันยายน-๒๕๖๑-หลั.jpg
    1536370570_42_วันที่-๗-กันยายน-๒๕๖๑-หลั.jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  2. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    วันเสาร์ที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๑ ท่านพระครูปลัดสมนึก เจ้าอาวาสวัดท่าซุง พระสงฆ์วัดท่าซุง และครูนักเรียนโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา มาช่วยเช็ดกระจก ติดตั้งโคมระย้า หลังจากเสร็จงานแล้ว ทางท่านพระครูปลัดสมนึก ได้เลี้ยงลาดหน้า. แก่นักเรียน และคนช่วยงาน

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  3. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    วันนี้วันพระตรงกับวันอาทิตย์ แรม ๑๔ ค่ำ เดือนเก้า(๙) ปีจอ

    ขอให้ทุกท่านมีความสุขในธรรม

    เรื่อง..พิสูจน์คำสอน

    พิสูจน์คำสอนของท่าน คำว่า “พิสูจน์คำสอน” ก็หมายถึงว่า ปฏิบัติตาม ใช่ไหม ถ้าปฏิบัติตามแบบสุกขวิปัสสโกก็รู้ยาก ใช่ไหม หมอ!..พระท่านเทศน์ ใส่บาตรก็ไปสวรรค์ สร้างโบสถ์ก็ไปสวรรค์ สร้างศาลาก็ไปสวรรค์ ไม่รู้เรื่องเลย ดีไม่ดีก็ไปเจอะอีกพวกหนึ่ง โอ๊ย!..ไม่จริงหรอกตายแล้วสูญ อ้าว! ชักเป๋แล้วเรา ใช่ไหม ถ้าเราพิสูจน์ด้วยวิชชาสามหรืออภิญญา นี่เราแน่นอน ด้านวิชชาสามเราเห็นได้แต่ไปไม่ได้ นั่นไม่เป็นไร นรกมีจริง!
    คนนี้ตายแล้วไปไหน ฟังข่าวคนตายปั๊บตามไปดูเลย อ้อ..ลงนรกไปแล้ว ลงนรกเพราะกรรมอะไรขอทวนดู คนนี้ตายแล้วไปสวรรค์ ไปเพราะอะไร ใช่ไหม แล้วก็ตามดู ก็เอาอย่างเขา ถ้าเราเคยทำบาปอย่างเขา เขาลงนรกเราก็เลิก ใช่ไหม เราเกาะบุญก็ต้องไปดูตัวอย่างเทวดา นางฟ้าหรือพรหม ต้องไปถามท่านว่า ที่ท่านอยู่บนสวรรค์น่ะยังมีบาปไหม ขอดูภาพหลังของท่าน ทุกองค์ท่านมีบาปหมด แล้วทำไมท่านไม่ลงนรก อีตอนหลังท่านดีหนีบาป ต้องซ้อมกำลังไว้นะ ระวังถอยนะ ถ้าหมดแรงเมื่อไรลงเมื่อนั้น
    แล้ววิธีที่เราหนีเวลานี้ก็ง่าย เราก็ทำบุญอย่างคนโง่ เราทำบุญอย่างคนโง่ซิ! พระพุทธเจ้าว่าอย่างไรเราเชื่อตามท่านซะ ใช่ไหม พระพุทธเจ้าท่านบอกว่ากัปนี้ยังมีพระพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งคือ พระศรีอาริย์ จะมา
    ทีนี้การทำบุญทุกครั้งเราก็ไม่ตั้งเขตไปไหน เราตั้งเขตไปนิพพานจุดเดียว เราตั้งจุดไว้ให้สูง…
    อย่าง หลวงพ่อวัดปากนํ้าภาษีเจริญ หลวงพ่อสด เคยไปอบรมกับท่าน เคยไปอยู่กับท่านมาเดือนหนึ่ง ท่านบอกว่า “ถ้าเราปฏิบัติกรรมฐานเราต้องหวังนิพพาน” เคยถาม “หลวงพ่อครับ! ถ้ามันไปไม่ถึงนิพพาน?” “เฮ้ย! ไปไม่ถึงนิพพานก็ค้างพรหมซิโว้ย!..กำลังอ่อนหน่อยก็ค้างสวรรค์ อ่อนมากเกินไปค้างมนุษย์ยังไม่ลงนรก” ท่านพูดของท่านถูกนะ ท่านบอก “เราต้องหวังนิพพาน”
    ทีนี้มานั่งใคร่ครวญดูก็จริงของท่าน ให้ตั้งใจไปนิพพานตรงไม่ไปไหนล่ะ! ทีนี้ถ้าบังเอิญบุญวาสนาบารมีของเรายังไม่ถึงนิพพาน มันก็ไปค้างสวรรค์บ้าง พรหมบ้าง ใช่ไหม ถ้าไปค้างสวรรค์ค้างพรหมก็ทัน พระศรีอาริย์ แหงๆ ทันกันแน่นอน พระศรีอาริย์ เทศน์จบเดียวไปนิพพาน
    ทีนี้การตั้งเขตต้องตั้งยันนิพพานสุดไว้ก่อน อย่าถอยหลัง ถ้าหากว่าบังเอิญมันไม่ถึงนิพพาน ไปค้างที่สวรรค์ก็ดี ที่พรหมก็ดี ไอ้จิตดวงเดิมมันไป ที่เราไปจิตมันไป จิตมันก็อยากไปนิพพานต่อไป ทีนี้เมื่อจิตมันอยากไปนิพพานต่อไป ถ้าฟังเทศน์จาก พระศรีอาริย์ จบ พระพุทธเจ้าเทศน์ท่านจะจี้จุดบุญเก่าเรา บุญเก่าเรามีความเข้มข้นตรงไหน ท่านจะจี้จุดนั้นก็ถึงนิพพานทันที ก็เท่านี้ไม่ยาก
    ก็รวมความว่าเราทำบุญอย่างคนโง่ ยอมโง่กว่าพระพุทธเจ้า ฮึหมอ!..อาจจะไม่ยอมโง่คนอื่นก็ได้นะ (หัวเราะ) ใช่ไหม เรายอมโง่พระพุทธเจ้าองค์เดียว พระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ก็ดี เรายอมโง่กับท่าน แต่คนอื่นไม่แน่ ใช่ไหม เดี๋ยวบอกตายแล้วสูญ ข้าไม่เอากับแกหรอกโว้ย!…ไอ้พวกตายแล้วสูญ พวกนี้สูญหมด ลง โลกันต์ หมด!
    เอานักบาปนะ อย่าง สุปติฏฐิตเทพบุตร นักบาปตัวยง นี่นักบาปตัวยงเลย เพราะบาปของพวกเราทั้งหมดที่นั่งอยู่ที่นี่รวมกันนี่ รวมกันหมดแล้วยังไม่เท่าคนนี้คนเดียว แต่ว่าท่านยังไม่ได้ทำแค่ “อนันตริยกรรม” เท่านั้นเอง ใช่ไหม นั่นแหละบาปเต็มอัตรา มารู้สึกตัวเมื่อจะตาย ไปนึกถึงพระพุทธเจ้าขอให้ช่วยหายโรค ตายแล้วก็เป็นเทวดา แล้วฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าจบเดียวเป็นพระโสดาบัน อันนี้ไม่ต้องลงแล้ว โสดาบันล่ะนะ มีทางอย่างเดียวก้าวไปหานิพพานง่ายนิดเดียว
    เอาอย่างพระพุทธเจ้าท่านบอก ท่านบอกว่าขึ้นชื่อว่าความชั่วคือบาปที่ทำมาแล้วแต่หนหลังอย่าตามนึกถึง ปล่อยลอยทิ้งไปเลย นึกถึงอย่างเดียวคือบุญ แต่ก็มีจุดอยู่จุดหนึ่งกำลังใจของเราอาจจะห่วงบาป บางครั้งนะ เวลาทำบุญอุทิศส่วนกุศลอะไรก็ตามอุทิศให้แก่พวกบาปที่เราทำมาแล้วทั้งหมด เจ้ากรรมนายเวรให้มาโมทนา และขอให้อโหสิกรรมตั้งแต่บัดนี้ไป จนกว่าจะเข้านิพพานทำอย่างนี้ทุกวันใจจะเบา ใจเราคิดไม่ผูกพันแล้วใช่ไหม จิตก็ไม่ติดอยู่เท่านั้นก็ไปได้ทันที
    โยม! นรกมีจริงไหม? (มีครับ) เคยไปมาแล้วหรือ? (หัวเราะ) เมืองนรกเขาว่ามันดีกว่าเมืองเรา ค่ากระแสไฟฟ้าไม่ต้องเสีย (หัวเราะ) ของเขาร้อนตลอดวัน สว่างจ๊าด! ไฟพุ่งมาจาก ๔ ทิศ ใช่ไหม เราเดินไปไหนไฟพุ่งถึงตัว ตัวแดงฉาน โอ๊ย! มันสวยมากไปฉันเลยไม่อยากไป พูดถึงนรกฉันพบนรกครั้งแรก เอาครั้งแรกเลยนะ ตอนบวชใหม่ๆ ไม่กี่วัน พอเริ่มบวชก็เจริญกรรมฐานกับ หลวงพ่อปาน หลวงพ่อปาน สอนแต่วันแรกให้อยู่ป่าช้าเลย
    ก็มีอยู่วันหนึ่งชาวบ้านเขานิมนต์ไปสวดมนต์เย็น ฉันเช้าที่จังหวัดสมุทรสาคร ทีนี้เมื่อสวดมนต์เย็นเสร็จและชาวบ้านเขาต้องค้างคืน เวลาเขาคุยกันเขาไม่คุยเรื่องบุญ คุยอะไรๆ ก็ตามเรื่องตามราวก็ขี้เมาด้วย ใช่ไหม เมาบ้างไม่เมาบ้าง ไอ้เราก็จะว่ารำคาญก็ไม่แน่ เห็นเขาพูดกันคนละเรื่อง พระก็ขอตัว ไปนั่งเพิงหลังบ้าน
    บังเอิญบ้านหลังนี้มีเพิงด้านหลัง พอมีเพิงด้านหลังก็ไปนั่งลมพัดเย็นสบาย นั่งห้อยขาพิงเสาก็นั่งภาวนา พอจับลมหายใจเข้าออกสัก ๓-๔ ครั้งได้มั้ง ไม่นานเลย จิตมันตกวูบลงไปเลย ไปอีกแดนหนึ่ง คิดว่ามันเป็นแผ่นดินๆ หนึ่ง ก็เดินเรื่อยๆ เป็นที่โล่งบ้านช่องไม่มี ก็เดินๆ ไป มีปล่องอยู่ปล่องหนึ่ง ปล่องดินลงไป เข้าถึงปล่องดินนั่นปล่องไม่โตนักหรอก เขาบอกว่า ปล่องนี้ลงอเวจี
    แหม..ถ้าหมอจะลงไหม เสียงบอกปล่องนี้ลงอเวจี ก็เลยลงไปนึกๆ ในใจว่า อเวจีปล่องเล็กนิดเดียวจะจุคนได้กี่คน พอลงไปแล้วที่ไหนได้ โอ้โฮ! มันกว้างยาวใหญ่ไม่รู้ที่สุดๆ ที่ไหน เดินไปพักใหญ่ยังไม่ถึงที่สุด ก็ไอ้จิตดวงแรกของเราที่เราเคยได้ยินอเวจีคือ พระเทวทัต ใช่ไหม มันก็อยากเห็น พระเทวทัต ไปจุดเดียวไปจุด พระเทวทัต ก่อนเลย แต่ว่าตามหนังสือเขาเขียนว่า ในอเวจีนั่นเป็น “อจลัง” คำว่า “อจลัง” นี่แปลว่า ไม่มีการเคลื่อนไหว
    ก็สงสัยว่าอเวจีมหานรกมีทุกขเวทนาอย่างหนัก ทำไมไม่มีการเคลื่อนไหว ไปดูแล้วหอกเสียบหมด มันคล้ายมันมีห้องสี่เหลี่ยมนี่นะ ไฟพุ่งไปหน้าออกทิศทั้ง ๔ ด้าน ๔ ด้านก็พุ่ง ด้านบนก็พุ่งแต่ไอ้ไฟนี่มันไม่มีเปลว หมอสังเกตเตาสูบ เตาสูบถ้าเราสูบลมอ่อนๆ มันร้อนน้อยใช่ไหม มีเปลวใช่ไหม ถ้ายิ่งแรงเท่าไหร่จะไม่มีเปลว นั่นแหละแบบนั้นแหละมันมหาเปลว เกือบจะไม่เห็นแสงเลย มันละเอียดมาก ร้อนจัด กระดูกนี่แดงฉาน แดงเหมือนกับเหล็กสุก แต่หอกนี่มันเสียบมาทุกด้านเลย ขยับตัวไม่ได้ นั่นคือ เทวทัต
    นี่เคยอ่านหนังสือถึง โกกาลิกะ นั่นเพื่อนกัน เพื่อน เทวทัต นะ ท่านพระเทวทัต น่ะยืน ไปห้อง โกกาลิกะ นี่นั่ง นั่งเหยียดขาและชันเข่าหน่อยนะ นั่นเสียบหมดเหมือนกัน แล้วก็เดินดูเรื่อยๆ ไป เอ๊ะ! ก็ไม่นานรู้สึกตัวอีกทีตี ๕ แล้วนั่งไม่หล่นใต้ถุนก็บุญตัวล่ะนะ ความจริงมันเป็นฌานก็ไม่เคลื่อนไหวนะ ไปดู โอ๊ย! มันมีทั้งผู้หญิงผู้ชายมันมีเยอะแยะ
    บาปมันมีหลายประเภท บาปประเภทนั่ง ประเภทนอน ประเภทยืน ประเภทเดิน ประเภทเดินก็หมายความทำร้ายเขาเวลาเดิน นั่นทำท่าเหมือนเดินแต่ตัวเขาเสียบหมดนะ ถ้าหากเขานั่งทำร้ายเขาเวลานั่งก็ลงโทษแบบนั่ง พอมีความรู้สึกตัวขึ้นมาก็คิดว่า โอ้! อเวจีหนึ่งขุมล่ะเราเพิ่งฝึกกรรมฐานไม่กี่วัน เรารู้จักอเวจีแล้วนั้น ถ้าอเวจีมีขุมอื่นก็ต้องมีความเชื่อก็เกิดนะ
    ทีนี้ต่อมาทำไงจะไปได้ล่ะ และตอนเมื่ออายุ ๑๒ ตายไปแล้ว ลุงท่านบอกว่า “ถ้าต้องการรู้จักอะไรมาตรงนี้นะ ลุงจะบอกให้ จะหามาให้” แล้วต่อมาก็อยากจะดูนรกขุมไหน ก็ไปพบลุงท่านมันมีเขาอยู่ลูกหนึ่ง ท่านบอกว่า “ถ้าคุณอยากจะรู้อะไร มาตรงนี้แล้วลุงจะบอกให้” ก็ไปที่ภูเขาลูกนั้น อยากจะดูนรกขุมไหนมันอยู่ข้างหน้าหมด เหมือนเรายืนอยู่ข้างหน้าทุกๆ ขุม
    ทีนี้อยากจะรู้บาปของเขาทำบาปอะไร ขอภาพถอยหลัง เห็นภาพ หมอจะลองดูไหม (กลัวจะไม่ฟื้นครับ) กลัวไม่ฟื้นไม่ใช่อะไร กลัวเจอะนางฟ้ามากๆ เข้า ชักเอ๊ไม่กลับดีกว่า (หัวเราะ) อาตมาโชคดีหลายครั้งทีเดียวคิดเฉลี่ยแล้วถ้าเอาใหญ่นะ ใหญ่นี่ประมาณ ๗ ครั้ง คำว่าใหญ่หมายความว่า เดินทางไปนานหน่อยใช่ไหม ไอ้ประเดี๋ยวเดียวนั่นไม่เกี่ยวกัน หลายครั้ง ก็เป็นเหตุให้เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าท่าน เป็นแต่เพียงว่าถ้าเราฟังเขาพูดก็ไม่แน่ใจ ต่อมาภายหลังใครเจริญกรรมฐานง่ายนะ เพราะไปเจอะมาแล้วนี่ ไปเจอะมาตั้งแต่อายุ ๑๒ ปี ไปแล้วเขาไล่กลับ แต่ก็น่าแปลกไปแล้วถูกไล่กลับทุกที ถ้าไม่ไล่กลับน่ากลัวนั่งยิ้ม นั่งยิ้มเห็น หมอพิเชษฐ์ เอ๊ย! เอ็งเดินไปเดินมาเถอะฉันนอนสบายแล้ว (หัวเราะ) นี่สงสัยจริงๆ นะ
    ความจริงถ้าว่าตามอายุขัยจริงๆ อายุขัยแค่ ๒๗ ปีนะ นี่ไม่ใช่อายุขัย ที่อยู่นี่อายุต่อ ทีนี้อายุต่อมันมีความสำคัญ ถ้าเข้าช่วงต่อจะต่อใหม่นี่ โดยมากท่านต่อให้นะ มันจะต้องป่วย ป่วยมากทุกที เหมือนกับดินที่พอกไว้มันเริ่มละลายต้องพอกกันใหม่ นึกไม่ถึงหรอก พยายามหนี ไอ้ที่มาปรากฏอยู่อยุธยาแล้วอยู่กรุงเทพฯ ใช่ไหม แล้วกลับไปอยู่อยุธยา แล้วเบื่องานก่อสร้าง ที่มานี่หนีงานก่อสร้างนะหมอนา โบราณท่านว่าไงรู้ไหม เกลียดขี้ขี้มันตาม อื้อฮือ..ขี้ก้อนใหญ่เลย
    แล้วเวลานั้นไปสร้างภายนอกมากนะ ส่วนใหญ่สร้างนอกวัดนะ ก็ชักเริ่มเบื่อ เบื่อคน คือเบื่อคนที่วัดบ้าง เบื่อคนที่บ้านบ้าง บางวัดไปทำให้เจ้าอาวาสองค์ก่อนดี พอเปลี่ยนเจ้าอาวาสปั๊บไปอีกรูปเลย เรียกว่าพระไปเปรตมา พอเปรตมาเราก็เสื่อมศรัทธาแล้ว ใช่ไหม แล้วส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้นเกือบทุกแห่งเลย เวลาไปสร้างให้ก็พระนะ พอสร้างเสร็จเปรตมาเลย
    ทีนี้ก็นึกในใจว่า เอ..ต่อๆ มาเราหนีการก่อสร้างดีกว่า มาอยู่ที่นี่ก็ดีอย่างไม่มีใครเขากวน แต่เพียงว่าไปช่วยภายนอกอยู่พักหนึ่ง ต่อมามันเริ่มป่วยเมื่อปี ๒๕ และปี ๒๕ นี่ไม่ไหวแล้วช่วยใครไม่ได้แล้วมันไปไม่ไหว มันป่วย เอาในวัดนี่ล่ะวะ เท่าที่จะทำได้ เอ๊ะ! ชักไปไกลตั้งแต่ปี ๒๕ นะหมอนะ ไอ้ตอนก่อนหน้า ๒๕ ไม่มีอะไรมาก สวัสดี*

    โพสต์โดย achaya

    [​IMG]

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  4. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    นักเรียนโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยาไปศึกษาต่อมหาวิทยาลัยเซ้าท์เวสท์ ปิโตรเลียม เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 11 คน ได้แก่

    ✏️เรียนภาษา 1 ปี จำนวน 1 คน
    1. นายธนาภัทร์ ภูษิปภาวงษ์
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่น 22)

    ✏️ 1f393.png เรียนภาษา 1 ปี เรียนหลักสูตรปริญญาตรี 4 ปี จำนวน 10 คน
    (ซึ่งต้องเรียนภาษา 1 ปี และเรียน HSK ระดับ 4 ขึ้นไปจึงจะสามารถเรียนต่อปริญญาตรีอีก 4 ปี)

    1. น.ส.ณฐณริญทร์ วัฒจินดารัตน์
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่นที่ 26)

    2. น.ส.จันทร์จุรา ศรีมนตรี
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่นที่ 26)
    1f64f.png 1f3fb.png ผู้ให้ทุน “ศิษย์เก่า พ.ส.ธ.รุ่น 23”

    3. น.ส.พิณรภัทร ลูกประคำ
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่นที่ 26)
    1f64f.png 1f3fb.png ผู้ให้ทุน “คุณอรุณศรี-คุณลัดดา เล็งเลิศผล”

    4. น.ส.มณีรัตน์ ลำเจียก
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่นที่ 26)
    1f64f.png 1f3fb.png ผู้ให้ทุน “ศิษย์เก่า พ.ส.ธ.รุ่น 16”

    5. น.ส.ลดาวัลย์ ไทยขำ
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่นที่ 26)
    1f64f.png 1f3fb.png ผู้ให้ทุน “คุณวรัชญา หมื่นไธสง”

    6. น.ส.จันทร์จิรา บุญมา
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่นที่ 27)
    1f64f.png 1f3fb.png ผู้ให้ทุน “คุณสุภาวดี รักซ้อน”

    7. น.ส.ชุติกาญจน์ เพชรเพลินตา
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่นที่ 27)
    1f64f.png 1f3fb.png ผู้ให้ทุน “คุณกนกวรรณ กลิ่นเอี่ยม, Mr.Arnab Ghosh”

    8. น.ส.อุทุมพร บุญมา
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่นที่ 27)
    1f64f.png 1f3fb.png ผู้ให้ทุน “พระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ”

    9. น.ส.พธู ไทยขำ
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่นที่ 27)
    1f64f.png 1f3fb.png ผู้ให้ทุน “คุณวรัชญา หมื่นไธสง, คุณวิจัย เสนสกุล”

    10. นายพรพรต สาโรจน์
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่นที่ 27)

    ขออนุโมทนากับเจ้าภาพทุกท่านและเจ้าภาพกองทุนธรรมทานทุกทุน ที่ได้มอบเงินทุนการศึกษาพิเศษสนับสนุนนักเรียนที่ตลอดระยะเวลา 5 ปี ถือว่ามีส่วนร่วมในการสนับสนุนการศึกษาของนักเรียนโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยาในครั้งนี้

    #ช่วยเด็กก็คือช่วยฉัน
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    .jpg
    นักเรียนโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยาไปศึกษาต่อมหาวิทยาลัยเซ้าท์เวสท์ ปิโตรเลียม เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 11 คน ได้แก่

    ✏️เรียนภาษา 1 ปี จำนวน 1 คน
    1. นายธนาภัทร์ ภูษิปภาวงษ์
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่น 22)

    ✏️ 1f393.png เรียนภาษา 1 ปี เรียนหลักสูตรปริญญาตรี 4 ปี จำนวน 10 คน
    (ซึ่งต้องเรียนภาษา 1 ปี และเรียน HSK ระดับ 4 ขึ้นไปจึงจะสามารถเรียนต่อปริญญาตรีอีก 4 ปี)

    1. น.ส.ณฐณริญทร์ วัฒจินดารัตน์
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่นที่ 26)

    2. น.ส.จันทร์จุรา ศรีมนตรี
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่นที่ 26)
    1f64f.png 1f3fb.png ผู้ให้ทุน “ศิษย์เก่า พ.ส.ธ.รุ่น 23”

    3. น.ส.พิณรภัทร ลูกประคำ
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่นที่ 26)
    1f64f.png 1f3fb.png ผู้ให้ทุน “คุณอรุณศรี-คุณลัดดา เล็งเลิศผล”

    4. น.ส.มณีรัตน์ ลำเจียก
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่นที่ 26)
    1f64f.png 1f3fb.png ผู้ให้ทุน “ศิษย์เก่า พ.ส.ธ.รุ่น 16”

    5. น.ส.ลดาวัลย์ ไทยขำ
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่นที่ 26)
    1f64f.png 1f3fb.png ผู้ให้ทุน “คุณวรัชญา หมื่นไธสง”

    6. น.ส.จันทร์จิรา บุญมา
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่นที่ 27)
    1f64f.png 1f3fb.png ผู้ให้ทุน “คุณสุภาวดี รักซ้อน”

    7. น.ส.ชุติกาญจน์ เพชรเพลินตา
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่นที่ 27)
    1f64f.png 1f3fb.png ผู้ให้ทุน “คุณกนกวรรณ กลิ่นเอี่ยม, Mr.Arnab Ghosh”

    8. น.ส.อุทุมพร บุญมา
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่นที่ 27)
    1f64f.png 1f3fb.png ผู้ให้ทุน “พระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ”

    9. น.ส.พธู ไทยขำ
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่นที่ 27)
    1f64f.png 1f3fb.png ผู้ให้ทุน “คุณวรัชญา หมื่นไธสง, คุณวิจัย เสนสกุล”

    10. นายพรพรต สาโรจน์
    1f449.png 1f3fb.png (พ.ส.ธ.รุ่นที่ 27)

    ขออนุโมทนากับเจ้าภาพทุกท่านและเจ้าภาพกองทุนธรรมทานทุกทุน ที่ได้มอบเงินทุนการศึกษาพิเศษสนับสนุนนักเรียนที่ตลอดระยะเวลา 5 ปี ถือว่ามีส่วนร่วมในการสนับสนุนการศึกษาของนักเรียนโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยาในครั้งนี้

    #ช่วยเด็กก็คือช่วยฉัน
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  5. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    วันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๑ ช่วงเช้าท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ปลูกต้นไม้ ต้นอโศกน้ำบริเวณสถานที่ รอบวิหาร ๕ พระองค์ เป็นปฐมฤกษ์ ส่วนงานก่อสร้างปรับปรุงหอฉัน มีความก้าวหน้าไปมาก ช่างได้ทำการเทตอหม้อ และผูกเหล็กคานใกล้จะเสร็จแล้ว รอการตรวจเหล็ก และจะเทคานและพื้นในวันอังคารหน้านี้
    ในส่วนอาคารศาลาเก่า เมื่อวันที่ ๘ ก.ย. ๖๑ ท่านพระครูปลัดสมนึก มาทำพิธีบวงสรวงบายศรีชุดเล็ก เพื่อเริ่มยกศาลาเก่าให้สูงขึ้นจากระดับเดิม ๑.๘ เมตร และสำรวจเสาที่มีความทรุดโทรมมีรอยแหว่งตามกาลเวลาที่สร้างมา ๒๐๐ กว่าปี ช่างใช้เวลา ๒ วันจึงดีดอาคารเสร็จ และจะเริ่มเทเสาปูน ให้แล้วเสร็จภายใน วันที่ ๑๗ นี้และทำการเทคานคอดินในลำดับต่อไป
    และในวันที่ ๙ ก.ย ๖๑ ท่านพระครูปลัดสมนึก มาทำพิธีบวงสรวง อันเชิญพระภูมิเจ้าที่ๆ มีศาลตามรอบๆ วิหาร ๕ พระองค์ อันเชิญมาไว้บนดาดฟ้าหอฉัน เพื่อปรับภูมิทัศน์ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย หลังจากเสร็จพิธีแล้ว ท่านได้เดินตรวจงานความคืบหน้า ของห้องพักพระสงฆ์ และพระอาคันตุกะ ช่างได้ดำเนินการทำห้องตัวอย่าง เดินระบบไฟฟ้า ประปา ทำฝ้า ปูกระเบื้อง ปรับปรุงอาคารใ้หลมผ่านถ่ายเทได้สะดวก
    และเมื่อคำนี้ช่างได้เริ่ม ขุดดินเพื่อทำฐานลากของถังเก็บน้ำหอฉัน ที่ของเก่าเป็นปูนสร้างตั้งแต่สมัยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน มาอยู่วัดใหม่ประมาณปี ๒๕๑๑ ตอนนี้มีสภาพทรุดโทรมมากแล้วตามกาลเวลา และข้างๆถังเก็บน้ำก็เป็นโครงสร้างของอาคารจำหน่ายอาหาร ขนมปังเลี้ยงปลาของทางวัด
    -อีกด้านนึงซึ่งอยู่ติดกับต้นโพธิ์ทางเข้า เป็นอาคารร้านกาแฟ ของทางวัด ได้เริ่มขุดดินเพื่อเทฐานลาก ช่วงนี้ช่างขุดวางระบบท่อน้ำท่อไฟ ดำเนินการไปได้พอสมควร

    -๑๑-กันยายน-พ-ศ-๒๕๖๑.jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  6. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    รับสมัคร…ผู้อุปสมบท(หมู่)เพื่อปฎิบัติธุดงค์ ในวาระครบรอบ แห่งการมรณภาพ ๒๖ ปี หลวงพ่อพระราชพรหมยาน ตั้งแต่ ๑ – ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๑

    เริ่มรับสมัครวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑

    -ท่าซุง-รับส.jpg

    วัดจันทาราม (ท่าซุง) – รับสมัคร…ผู้อุปสมบท(หมู่)เพื่อปฎิบัติธุดงค์ ในวาระครบรอบ มรณภาพ 26 ปี

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  7. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  8. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  9. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  10. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    -๕-กันยายน-๒๕๖๑.jpg

    วันพุธที่ ๕ กันยายน ๒๕๖๑ ท่านพระครูปลัดสมนึก เจ้าอาวาสวัดท่าซุง คณะพระสงฆ์วัดท่าซุง และญาติโยม ทำวัตรเย็น เจริญพระกรรมฐาน สวดมาติกา ถวายกุศลแด่ท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล ภายในมหาวิหาร ๑๐๐ ปี พระราชพรหมยาน วัดจันทาราม (ท่าซุง) จ.อุทัยธานี
    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  11. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    1537154885_135_วันพฤหัสบดีที่-๖-กันยายน.jpg

    วันพฤหัสบดีที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๑ ท่านพระครูปลัดสมนึก เจ้าอาวาสวัดท่าซุง คณะพระสงฆ์วัดท่าซุง และญาติโยม ทำวัตรเย็น เจริญพระกรรมฐาน สวดมาติกา ถวายกุศลแด่ท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล ภายในมหาวิหาร ๑๐๐ ปี พระราชพรหมยาน วัดจันทาราม (ท่าซุง) จ.อุทัยธานี
    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  12. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    1537154645_28_วันศุกร์ที่-๗-กันยายน-๒๕.jpg

    วันศุกร์ที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๑ ท่านพระครูปลัดสมนึก เจ้าอาวาสวัดท่าซุง คณะพระสงฆ์วัดท่าซุง และญาติโยม ทำวัตรเย็น เจริญพระกรรมฐาน สวดมาติกา ถวายกุศลแด่ท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล ภายในมหาวิหาร ๑๐๐ ปี พระราชพรหมยาน วัดจันทาราม (ท่าซุง) จ.อุทัยธานี
    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  13. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  14. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  15. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  16. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    วันนี้วันพระตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๗ ขึ้น ๘ ค่ำ เดิอน ๑๐ ปีจอ

    ขอให้ทุกท่านมีความสุขในธรรม

    เรื่อง..ความโกรธ ตอนที่ ๓

    เริ่มกันใหม่ เป็นอันว่าสำหรับวันนี้ ก็จะขออธิบายคำสมาทานสักนิดหนึ่ง ที่ตอนท้ายว่า ขอญาณทั้งหลายเหล่านี้มี ทิพพจักขุญาณ เป็นต้น นั่นหมายความว่าอะไร คือก็หมายความว่า เราขอบารมีพระพุทธเจ้า ขอให้มี ทิพพจักขุญาณ

    คำว่า “ทิพพจักขุญาณ” นี่ไม่ใช่หมายความว่าตาทิพย์ คือ มีอารมณ์ความรู้ทางใจคล้ายตาทิพย์ อยากจะรู้อะไรก็รู้ได้เหมือนกับตาเห็น อย่างเรานั่งอยู่ตรงนี้ จะคุยกับเทวดาหรือพรหมก็ได้ จะคุยกับสัตว์นรกหรือคนที่ตายไปแล้วก็ได้ เมื่อไรก็ได้ตามความต้องการ

    สำหรับ จุตูปปาตญาณ ก็เป็นญาณที่รู้การตายและการเกิดของสัตว์ว่า คนและสัตว์ที่เกิดมานี้ ก่อนจะเกิดเขาเป็นอะไร ตายแล้วไปอยู่ที่ไหน

    ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ สามารถระลึกชาติ ถอยหลังชาติของตนเองได้

    เจโตปริยญาณ สามารถรู้วาระนํ้าจิตของบุคคลอื่นว่า จิตของคนนี้มีความสุขหรือความทุกข์ ว่ามีกิเลสอะไรเป็นเครื่องเผา รวมความว่ารู้ใจเขา มีกิเลสมากหรือว่ามีกิเลสน้อย บรรลุมรรคผลหรือไม่รู้ได้ และก็

    อตีตังสญาณ รู้เรื่องราวในอดีต คือที่แล้วๆ มาของคนและสัตว์ และสถานที่

    อนาคตังสญาณ รู้เรื่องราวในอนาคตของคนและสัตว์ และสถานที่ ว่าจะเป็นอย่างไร

    ปัจจุปปันนังสญาณ รู้ว่าเวลานี้ใครอยู่ที่ไหน ทำอะไร ได้มรรคผลขนาดไหน ได้ฌานสมาบัติขนาดไหน

    ยถากัมมุตาญาณ รู้ความดีกฎของกรรม ความดีและความชั่วของคนที่มีความสุขและความทุกข์ได้ เพราะอาศัยกรรมอะไรเป็นเหตุ

    นี่การที่เราสมาทานขอบารมีขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ ให้ได้ญาณทั้งหลายเหล่านี้ แต่ความจริงก็ทำไม่ยากนะครับ ญาณทั้ง ๘ ประการนี้ทำไม่ยาก ถ้าหากท่านทั้งหลายเป็นคนเอาจริง ผมว่าไม่เกิน ๓ เดือน ทำไมผมว่าอย่างนั้น เพราะว่าผมเอง ผมฝึก ๗ วันเท่านั้นเอง ญาณ ๘ ญาณนี่เราพูดกันภายในไม่ใช่โกหก ผมฝึก ๗ วัน แต่ความจริง ๗ วัน นั่นผมตั้งของผมเองน่ะ ๗ วัน แต่ท่านอาจารย์ท่านบอกว่าไม่ใช่ ๗ วัน พอฝึกวันนั้นท่านก็บอกว่าได้วันนั้น แต่ว่าผมยังไม่มั่นใจ พอถึง ๗ วัน ผมจึงได้มั่นใจ ผมจึงบอกว่า ๗ วัน แบบฉบับของเรามี ถ้าเราเอาจริงเอาจังทำได้ ที่วัดเรานี่มีกำไรมาก ผมสร้างแบบไว้ทุกอย่าง ท่านจะเอาอะไรกันก็ได้หมด

    แต่สังเกตดูให้ดีนะว่า ใครจะได้ญาณ ๘ หรือญาณใดญาณหนึ่ง ต้องสังเกตจริยา ถ้าจิตหนักไปในความรักในเพศ จิตหนักไปในความโลภ จิตหนักไปในความโกรธ ความพยาบาท และก็จิตหนักไปในความหลง อย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าบังเอิญเขาจะเคยได้ญาณ ญาณก็พัง

    ดูตัวอย่าง พระเทวทัต ได้อภิญญาสมาบัติ พอจิตกำเริบ คิดว่าคิดอะไร จะแข่งบารมีกับองค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์ ใจคิดว่าจะยึดอำนาจในการปกครองสงฆ์ พอจิตคิดเท่านั้นเอง ฌานสมาบัติพังสลายตัวหมด เป็นอันว่า พระเทวทัต ที่ฌานพังง่าย เพราะว่าอกตัญญูไม่รู้คุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และมีความโลภมีความทะเยอทะยานเป็นสำคัญ

    เป็นอันว่า ท่านทั้งหลายที่เขาได้ญาณทั้งหลายอย่างทั้งหมดนี้ ความจริงได้ ทิพพจักขุญาณ อันเดียวก็ได้หมด ทำไม่ยาก ทำง่ายๆ มันขึ้นกับกำลังใจเป็นสำคัญ แต่ว่าพอได้ญาณอย่างนี้แล้ว ต้องคุมทุกอย่าง ถ้าผู้ชายไปรักผู้หญิง ผู้หญิงไปรักผู้ชายญาณพัง พอนึกรักเข้าหน่อยเดียวพังไปแล้วไม่เหลือ หรือว่ามีความโลภอยากจะรํ่ารวย ทะเยอทะยาน มีความตะเกียกตะกาย อยากได้ทรัพย์สินเอามาปกครองเป็นของตน เพียงนึกเท่านั้นฌานก็พัง ญาณก็พัง หรือว่ามีความโกรธ ความพยาบาท คิดว่า แหม..เขาไม่ดีกับเรานะ เขาไม่ส่งไม่เสริมเรา เวลานี้เราไม่เป็นที่รักของเขา ถ้าอารมณ์อย่างนี้เกิดขึ้นญาณพัง

    เป็นอันว่าญาณทั้งหลายที่ใครได้ สังเกตดูให้ดี เขามักจะไม่มีอารมณ์อย่างนี้ เพราะเขาต้องระวังเกรงว่าญาณจะพัง แต่ว่ายังเป็นโลกียวิสัย ยังไม่ถึงพระโสดาบัน ยังไงๆ ก็มีจังหวะพังจนได้ แต่พังแล้วก็ตั้งตัวใหม่ได้ สังเกตได้ว่าคนพวกนี้เขามีจริยาดีเสมอ ไม่เบียดเบียนใคร ไม่ข่มขี่ใคร ไม่ข่มขู่ใคร ไม่ทะนงใคร ไม่นินทาว่าร้ายใคร มีความเคารพในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เคารพในพระธรรม เคารพในพระสงฆ์ เป็นคนที่เต็มไปด้วยความกตัญญูรู้คุณคน คุณธรรมความดีทั้งหมดอย่างนี้ ท่านผู้ทรงญาณอย่างนี้เขาทรงไว้ อะไรที่องค์สมเด็จพระจอมไตรว่าไม่ดี เขาไม่ทำ

    และอีกประการหนึ่งคนพวกนี้มักจะไม่เห็นแก่ชีวิตของตน ชีวิตเป็นเรื่องเล็ก แต่ความดีเป็นเรื่องใหญ่ ตายช่างมันทรงความดีให้ได้ก็แล้วกัน นี่ความจริงท่านที่ได้ญาณทั้งหลายเหล่านี้เป็นอรหันต์ง่าย ถ้าได้ญาณอย่างนี้ครบ พระพุทธเจ้ากล่าวว่าถ้ามีบารมีแก่กล้าจะเป็นอรหันต์ได้ภายใน ๗ วัน ถ้ามีบารอย่างกลางจะเป็นอรหันต์ได้ภายใน ๗ เดือน ถ้ามีบารมีอ่อนจะเป็นอรหันต์ได้ภายใน ๗ ปี แต่คนที่เขาได้ญาณแบบนี้ ไม่มีใครเขาแช่ถึง ๗ ปีหรอก ๗ เดือนก็หายาก ไม่มีใครเขาจะไปพักอยู่แค่นี้ เขาก็ตะเกียกตะกายหาความเป็นอรหันต์จนได้ แต่ว่าอย่านึกว่าผมเป็นพระอรหันต์ไปด้วยนะ ผมเล่าให้ฟังตามที่พระพุทธเจ้าท่านพูดเท่านั้น

    วันนี้เราก็ไปหาเรื่อง เรื่องเลวๆ คือว่าเรื่องเลวๆ ที่เนื่องด้วยความโกรธ เอามาคุยสู่กันฟัง แต่ไม่ใช่เรื่องของผมเป็นเรื่องของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีนามมาใน พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่มที่เท่าไรไม่ต้องบอกดีกว่าละมั้ง อย่าไปบอกเลยนะ เล่มที่เท่าใดนะนี่ เล่มที่ ๑๕ นะ พระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ หน้า ๒๒๔ เรื่องของ “ความโกรธ” ไม่ใช่พระพุทธเจ้าโกรธ คนอื่นเขาโกรธพระพุทธเจ้า เขาโกรธแล้วไม่พอเขาก็มาด่าพระพุทธเจ้าเล่น มาด่าพระพุทธเจ้าแล้วพระพุทธเจ้าทำอย่างไร ฟังต่อไปนะ เพื่อความรู้ของท่าน ไอ้เรื่องสมาธิจิต “อานาปานุสสติ” อะไรน่ะ ผมไม่พูดแล้วเลิกพูดแล้ว พูดไปก็เท่านั้นแบบแผนก็มีอยู่แล้ว พอ! ฟังตอนเย็นก็ฟัง พูดไปก็เมื่อยปาก เอาตัวตัดกิเลสกันดีกว่า ว่ากันต่อไป

    ท่านกล่าวว่า สมัยหนึ่งเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ในมหาวิหารชื่อว่า “เวฬุวันวิหาร” ท่านกล่าวว่าวิหารนี้สมัยนั้นเป็นสวน เป็นที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแตของพระเจ้าแผ่นดินมคธ ทรงพระนามว่า “พระเจ้าพิมพิสาร”

    ท่านกล่าวว่า อโฆสกทวาชพราหมณ์ ชื่อยาวเหยียดนะ อโฆสกทวาชพราหมณ์ ได้ยินข่าวมาว่า พราหมณ์มีนามว่า “ภารทวาชโคตร” เพื่อนกัน ออกจากเรือนแล้วไปบวชเป็นบรรพชิต ในสำนักขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฟังแล้วก็โกรธว่า

    “หนอยแน่…! พระสมณโคดม ตัวถือลัทธิอย่างหนึ่ง เพิ่งมาใหม่ มาแสดงตัวเด่น เอาเพื่อนของเราไปบวช อันนี้ใช้ไม่ได้”

    แกโกรธจัด ตามพระบาลีกล่าวว่า อโฆสกทวาชพราหมณ์ เข้าไปเฝ้าองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ แต่ผมจะไม่ขอเข้าเฝ้า บอกเข้าไปตั้งใจจะไปด่าพระพุทธเจ้าถึงที่อยู่ ครั้นถึงแล้วก็กล่าววาจาด่าองค์สมเด็จพระบรมครู อย่างชาวบ้านเขาด่ากัน ท่านบอกว่าด่าแบบหยาบๆ คายๆ เหมือนกับคนที่ไม่ใช่คนนั่นแหละเขาด่ากัน เอ..ไอ้คนไม่ใช่คนเป็นยังไง

    ฟังต่อไปว่าองค์สมเด็จพระจอมไตรจะแก้อย่างไร?

    เวลามันเหลือน้อยนะ ท่านกล่าวว่า เมื่อ อโฆสกทวาชพราหมณ์ แหม..ยาวเหยียด อโฆสก นี่ไม่จริงล่ะมั้ง แหม..แกตะโกนด่านะ อโฆสก ได้อย่างไรพ่อคุณเอ้ย! ควรจะบอกว่า โฆสก ตะโกนด่า กล่าวด่าพระพุทธเจ้าอย่างนั้นแล้ว สมเด็จพระประทีปแก้วได้ตรัสกับ อโฆสกทวาชพราหมณ์ ว่า

    “ดูก่อนพราหมณ์ ท่านมีความสำคัญอย่างไร ในความข้อนั้นเป็นไฉน แล้วมิตรและอำมาตย์ที่เป็นญาติสายโลหิตของท่านหรือผู้เป็นแขกของท่าน เคยมาหาท่านบ้างไหม?”

    ฟังให้ดีนะ เมื่อเวลาถ้าเราถูกด่า เราอย่าลืมนะว่าเราเป็นลูกพระพุทธเจ้าต้องถูกด่าแน่ อย่างพวกท่านอาจมาเป็นลูกใหม่ๆ อาจจะถูกด่าน้อย อย่างผมนี่ไอ้คำด่าที่ชาวบ้านเขาด่า ชาววัดด่าน่ะ ผมว่าจะตั้งฉางสัก ๑๐๐ ฉาง ถ้ามันเป็นวัตถุก็ล้น ถูกด่ามาซะจนหน้าด้าน ใจด้าน หนังด้านไปหมดแล้ว ใครจะด่าอย่างไรก็เชิญ ตะโกนด่าอย่างไรก็ช่าง ขี้เกียจตอบ ไอ้ขี้เกียจตอบเพราะอะไร เพราะตอบด่าไปสู้เขาไม่ได้ เมื่อด่าสู้เขาไม่ได้ ผมก็เลยไม่ด่า เลิก! แต่ก่อนนี้เคยด่าตอบเขาเหมือนกัน ด่าจริงๆ จังๆ สู้เขาไม่ได้แฮะ เขาเก่งกว่า ก็เลยเลิกด่า พอเลิกด่ามันก็ไม่เหนื่อย

    นี่ดูเรื่องราวของพระพุทธเจ้าต่อไป ท่านต้องจำไว้นะว่า ยังไงๆ พวกท่านก็ถูกด่าแหงๆ ไม่ต้องห่วงไอ้เรื่องด่า เตรียมตัวไว้ด้วย ท่านถามถึงว่า ญาติหรืออำมาตย์หรือเพื่อนเคยมาหาบ้างไหม

    อโฆสกทวาชพราหมณ์ ก็ตอบว่า

    “พระสมณโคดมผู้เจริญ…”

    การเรียกชื่อแบบนี้ นี่เขาแสดงอาการเหยียดหยามนะ ท่านบอกว่า

    “มิตรและอำมาตย์ ญาติสายโลหิต ผู้เป็นแขกของข้าพระองค์ย่อมมาในกาลบางคราว”
    นี่ท่านที่แปลบอกไว้ว่า ข้าพระองค์ แต่ความจริงเขาไม่พูดว่า ข้าพระองค์น่ะ เพราะเขาก็โกรธ โกรธนี่ใครเขาจะใช้ว่าข้าพระองค์ ว่า

    “พวกแขก พวกญาติมิตร พวกอำมาตย์ มาหาเราเหมือนกันในกาลบางคราว”

    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสถามว่า

    “ดูก่อนพราหมณ์ ท่านมีความสำคัญในข้อนั้นเป็นไฉน ท่านจัดของเคี้ยว ของบริโภค หรือว่าของดื่ม ต้อนรับมิตรและอำมาตย์ญาติสายโลหิต ผู้เป็นแขกเหล่านั้นมาบ้างหรือไม่? มีไหม? เวลาเขามาน่ะ จัดของรับรองเขาน่ะมีไหม?”

    พราหมณ์แกก็บอกว่า

    “มี! พระสมณโคดม มี! ทำไมจะไม่มี เขามาก็ต้อนรับซิ! ในกาลบางคราวเราก็รับ ในกาลบางคราวเราก็ไม่จัด ไอ้แขกใกล้ๆ ไปเราก็ไม่จัด ถ้าแขกไกลหน่อยก็ค่อยรับ ถ้าใกล้หน่อยเราก็ไม่รับ”

    พระพุทธเจ้าจึงตรัสถามว่า

    “พราหมณ์ ก็ถ้าว่ามิตรและอำมาตย์หรือแขกที่มาหานั้น เขาไม่รับของเคี้ยว ของบริโภค และนํ้าดื่ม ที่ท่านจัดให้นั้น ของทั้งหลายเหล่านั้นมันจะเป็นของใคร?”

    พราหมณ์แกก็ตอบว่า

    “พระสมณโคดม ถ้าเขาไม่รับ ไอ้ของเหล่านั้นมันก็เป็นของผมตามเดิมน่ะซิ! มันจะเป็นของใครล่ะ!”

    องค์สมเด็จพระจอมไตรจึงได้ทรงตรัสว่า

    “ดูก่อนพราหมณ์ ข้อนี้ก็อย่างเดียวกัน ท่านด่าเราผู้ไม่ด่าอยู่ ท่านโกรธเราผู้ไม่โกรธอยู่ ท่านหมายมั่นมีความอาฆาตมาดร้ายเราผู้ไม่อาฆาตอยู่ เราก็ไม่เคยคิดว่าจะรับเรื่องการด่าเป็นต้นของท่าน ดูก่อนพราหมณ์ เรื่องมีการด่าเป็นต้น เป็นของบุคคลของท่านแต่ผู้เดียว พราหมณ์เรื่องมีการด่าเป็นต้นนั้นก็เป็นของท่านผู้เดียว”

    แล้วทรงตรัสต่อไปว่า

    “ดูก่อนพราหมณ์ ผู้ใดด่าตอบบุคคลผู้ด่าอยู่ โกรธตอบบุคคลผู้โกรธอยู่ หมายมั่นปั้นมือคิดอาฆาตมาดร้าย บุคคลผู้หมายมั่นปั้นมือคิดอาฆาตมาดร้ายอยู่ ดูก่อนพราหมณ์ ผู้นี้เรากล่าวว่าย่อมบริโภคด้วยกัน”

    บาลีท่านว่าอย่างนั้นนะ หมายความว่าเลวด้วยกัน เดี๋ยวท่านจะไม่เข้าใจ

    เป็นอันว่า เขาด่ามาเราก็ด่าไป เขาโกรธมาเราก็โกรธไป เขาเลวเราก็เลว ไอ้ความโกรธความด่านี่มันเป็นความเลว ไม่ใช่ความดี คนที่ด่าคนน่ะ ท่านอย่านึกว่าเขาดีนะ เขาเลว ในเมื่อเขาเลวแล้วเราก็อย่าเลวตอบ ไอ้สภาพความเลวกับสภาพของเขาคล้ายๆ กับสุนัขเน่า สุนัขเน่ามันเหม็น มันเลว ไม่มีใครต้องการ เรามีสภาพเหมือนกับใบตอง ถ้าสุนัขเน่าลอยมาเราเอาใบตองไปห่อสุนัขเน่า ถึงแม้ว่าเราจะไม่เน่า มันก็มีกลิ่นเหม็นติดใบตอง ใบตองจะไม่เน่าก็มีกลิ่นเหม็นเช่นใด ถ้าเขาด่าเรา เราด่าเขามันก็เน่าเท่ากัน

    ฉะนั้น เมื่อเขาด่าเรามาเขาเลว ก็ปล่อยให้เขาเลวแต่ผู้เดียว เราอย่าไปนั่งเลวกับเขา

    เดี๋ยวไม่จบล่ะ ผมขอต่อเรื่องเลย ท่านกล่าวว่า

    “ดูก่อนพราหมณ์ ผู้นี้เรากล่าวว่าย่อมบริโภคด้วยกัน คือเลวด้วยกัน และก็ย่อมทำตอบกัน ทำด้วยกัน เราไม่บริโภคร่วม เราไม่ทำตอบด้วยท่านเป็นอันขาด ว่าท่านอยากจะด่าก็ด่าไปคนเดียว ฉันไม่ด่ากับแกล่ะ เชิญซิพ่อคุณ! ด่าให้สบายถ้าเก่งจริงด่าอย่าหยุด”

    และท่านก็ตรัสกล่าวต่อไปว่า

    “ดูก่อนพราหมณ์ เรื่องมีการด่าเป็นต้น เป็นของท่านผู้เดียว พราหมณ์เรื่องการด่าเป็นต้นนั้น ท่านผู้เดียวเท่านั้นเป็นผู้รับไว้ เราไม่ได้รับ”

    เอาล่ะซิ! ตอนนี้ยุ่ง ท่านบอกว่าพราหมณ์พร้อมไปด้วยบริษัท และก็พร้อมกับพระราชา โอ้..นั่นที่นั้นมีคนเยอะนี่ มีชาวบ้าน มีทั้งพระ มีทั้งพระราชา มีทั้งอำมาตย์ มีเยอะ

    พราหมณ์ก็กลับกล่าวว่า

    “นี่..พระสมณโคดม บริษัทของท่านมีพระราชาเป็นต้น ย่อมทราบว่าพระสมณโคดมผู้เจริญว่าเป็นพระอรหันต์ ก็เมื่อท่านเป็นพระอรหันต์เช่นนั้น ทำไมท่านจึงได้ยังโกรธเราอยู่ล่ะ?”

    พระพุทธเจ้าตอบว่ายังไง? ฟังให้ดีนะ!

    องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า

    “พราหมณ์ ผู้ไม่โกรธฝึกฝนตนดีแล้วมีความเป็นอยู่สมํ่าเสมอ หลุดพ้นแล้วเพราะรู้ชอบ สงบ คงที่ ความโกรธจะมีมาจากที่ไหน ผู้ใดโกรธตอบบุคคลผู้โกรธแล้ว ผู้นั้นเป็นผู้ลามกกว่าบุคคลนั้นเอง”

    หมายความว่า ถ้าเขาโกรธเรามา แล้วเราก็โกรธตอบ เราเลวกว่าเขา ท่านว่าอย่างนั้น นี่ท่านด่าแบบประเภทผู้ดีจริงๆ

    “เพราะว่าการโกรธตอบนั้น บุคคลนั้นผู้ไม่โกรธตอบบุคคลผู้โกรธแล้ว ชื่อว่าย่อมชนะสงครามอันบุคคลชนะได้โดยยาก ผู้ใดรู้อยู่ว่าผู้อื่นโกรธแล้วมีสติสงบเสียได้ ผู้นั้นชื่อว่าย่อมประพฤติประโยชน์ทั้งสองฝ่าย คือแก่ตนและบุคคลอื่น เมื่อผู้นั้นรักษาประโยชน์ทั้งสองฝ่ายคือของตนและของบุคคลอื่น คนทั้งหลายที่มีความโง่ ไม่มีความฉลาดในธรรม ย่อมมีความสำคัญว่าบุคคลผู้นั้นเป็นผู้เขลา”

    นี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตอบพราหมณ์แบบนี้ จำไว้ให้ดีนะ ถ้าเขาด่าเราแล้วเราไม่ด่าตอบ เขาก็จะคิดว่าเรานี่กลัวเขา เราโง่กว่าเขา เราควรจะด่าตอบ แต่ว่าพระพุทธเจ้าท่านไม่คิดอย่างนั้น ท่านคิดว่า

    “ถ้าใครเขาโกรธเรา เราไม่โกรธตอบ ใครเขาด่าเรา เราไม่ด่าตอบ เราเป็นผู้ชนะสงครามที่ชนะได้โดยยาก”

    ก็หมายความว่าไอ้คำว่าสงครามที่จะต้องต่อสู้ ต่อต้าน ต่อล้อต่อเถียงซึ่งกันและกัน มันมาจากความโกรธ การที่เขาโกรธเรา เราจะไม่โกรธตอบ และเขาด่าเรา เราจะไม่ด่าตอบ เพราะความโกรธเป็นสำคัญ บุคคลผู้นั้นจะต้องมีคุณธรรม ๒ ประการประจำใจ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ:-

    (๑) “พรหมวิหาร ๔” มี เมตตา ความรัก กรุณา ความสงสาร มุทิตา มีจิตอ่อนโยน อุเบกขา วางเฉย

    (๒) ผู้นั้นจะมีฌานจาก กสิณ อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ กสิณสีเขียว กสิณสีแดง กสิณสีเหลือง กสิณสีขาว อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นฌาน ชื่อว่าเป็นผู้ทรงความดีหนัก จึงจะไม่โกรธตอบ จึงจะไม่ด่าตอบ

    ในเมื่อท่านทรงฌานทั้ง ๒ ประการอย่างนี้ เป็นฌานเบื้องต้น เรียกว่าความดีเล็กๆ ใน “พรหมวิหาร ๔” ก็เป็นฌาน หรือว่าในกสิณก็เป็นฌาน ก็ชื่อว่าเป็นผู้ชนะสงครามคือความโกรธ

    คือว่าในเมื่อไม่โกรธ ความเดือดร้อนมันก็ไม่มี ผู้โกรธก็เดือดร้อนแต่ผู้เดียว ยิ่งโกรธแล้วเขาไม่โกรธตอบ ไฟ..ไอ้ความเผาผลาญของไฟ มันก็เผาเขาแต่ผู้เดียว บุคคลอีกฝ่ายหนึ่งเขาก็ไม่ร้อนด้วย ถูกเผาคนเดียวร้อนคนเดียว แล้วก็ผลที่สุดก็แย่คนเดียว

    นี่จำไว้ให้ดีนะครับ ไอ้เรื่องความโกรธ ยั่วยุให้โกรธ มันมีอยู่เสมอในที่ทุกสถาน ฉะนั้นขอบรรดาท่านทั้งหลายที่เข้ามาปฏิบัติ จงดูพระพุทธดำรัสขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ถ้าจิตใจของเราถ้าฝึกฝนดีแล้ว หมายความว่าเราทรง “พรหมวิหาร ๔” ดีแล้ว จนเป็นฌานสมาบัติ หรือว่าทรง “กสิณ ๔” อย่างใดอย่างหนึ่งนี่ดีแล้ว เป็นฌานสมาบัติ นี่อย่างต้นนะอย่างเล็กๆ เราจะไม่แสดงอาการโกรธตอบ ถ้ายิ่งไปกว่านั้น อย่างองค์สมเด็จพระภควันต์ทรงตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน เป็นอรหันต์ คือยอดอรหันต์ จะไปโกรธตอบอะไร

    ท่านกล่าวว่า

    “คนที่ไม่โกรธตอบเขานั่นแหละเป็นคนดี คนโกรธตอบเป็นคนเลว”

    จำไว้ตรงนี้แล้วก็นำไปประพฤติปฏิบัติ แล้วก็ทำกายทำใจไว้ให้พร้อมนะครับ ท่านจงอย่านึกว่าท่านจะไม่ถูกเขาด่า ท่านจงอย่าคิดว่าจะไม่ถูกใครเขาแกล้ง และจงอย่าคิดว่าจะไม่มีใครเขาเบียดเบียนท่าน และจงอย่าคิดว่าอารมณ์โกรธนี้นั้นจะไม่เกิดขึ้นกับใจของท่าน ถ้าคิดแบบนี้ก็ประมาทเกินไป

    เป็นอันว่า เราๆ ท่านๆ ทั้งหลาย ก็เคยโดนกันมาแล้วทุกคน เวลาเขาด่ามาเราก็ด่าไป เขาโกรธมาเราก็โกรธไป มันเป็นความสุขหรือความทุกข์ เราก็จะเห็นได้ว่ามันก็เป็นความทุกข์ ไม่ใช่ความสุข

    ทีนี้เราลองมาคิดใหม่ว่า เขาด่ามาเราก็ไม่ด่าไป เขาโกรธมาเราก็ไม่โกรธไป อยากจะด่ายังไงก็เชิญ อยากจะโกรธยังไงก็เชิญโกรธ ใจเราก็เป็นสุขมีความเป็นสุขสบาย อารมณ์ใจก็สดชื่น ไอ้คนด่าคนโกรธก็บ้าไปคนเดียวเท่านั้น เมื่อเขาอยากจะบ้าก็บ้าไป เราก็ไม่บ้า

    อันดับแรก เราจะต้องใช้ ขันติ คือ ความอดใจ หรือ อุเบกขา พยายามวางเฉย ในตอนต้นก็ควรจะใช้คำว่า พยายามวางเฉย คือพยายามอดกลั้น เมื่ออดกลั้นนานๆ พยายามนานๆ เข้า ความเคยชินมันเกิด มันก็มีอารมณ์เฉยเป็นอุเบกขาปกติ อยากจะด่าก็ด่า อยากจะว่าก็ว่า อยากจะโกรธก็โกรธ ตามเรื่องของนายฉันไม่เกี่ยว

    นี่เป็นอันว่าพราหมณ์นั้น เมื่อได้ฟังกระแสพระสัทธรรมเทศนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วจึงเลื่อมใส จึงกราบทูลองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาว่า

    “ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระโคดมผู้เจริญทรงประกาศธรรมโดยปริยายเป็นอันมาก เปรียบเหมือนบุคคลที่หงายของที่ควํ่า หรือว่าเปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือส่องประทีปแก่คนที่อยู่ในความมืด หรือว่าคนที่มีจักษุบอดทำให้เห็นทางได้

    ข้าพระองค์นี้ขอถือพระองค์ผู้เจริญ และขอถือพระธรรม และขอถือพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้าพระองค์พึงขอบรรพชาอุปสมบทในสำนักของพระองค์พระสมณโคดมผู้เจริญ”

    ในที่สุดท่านพราหมณ์ผู้นี้ก็บวช บวชภายในไม่ช้าก็บรรลุอรหัตผล

    เอาละ บรรดาท่านพุทธศาสนิกชน และพระโยคาวจรทั้งหลาย เวลาเหลืออีก ๑ นาที พูดอะไรไม่ไหวก็ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอเตือนใจว่าท่านทั้งหลาย ถ้าจะทรงความดีในเขตของพระพุทธศาสนา ก็จงอย่าลืมพระวาจาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า

    “บุคคลใดผู้ชนะความโกรธ ชื่อว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ชนะสงครามที่ชนะได้ยาก”

    แต่ความโกรธที่เราจะชนะได้ยากนี้ ก็ต้องเอา “พรหมวิหาร ๔” ประจำใจ หรือว่าทรงฌานใน “กสิณ ๔” อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วจึงจะเป็นผู้ชนะ นี่ชนะเบื้องต้นนะ ถ้าหากชนะความโกรธได้แล้ว ก็ชื่อว่าเราเดินเข้าไปสู่พระนิพพานได้ขั้นหนึ่ง มันมี ๓ ขั้นเท่านั้น ละความโลภ ละความโกรธ ละความหลง

    เวลานี้เวลาก็หมดลงก็ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอบรรดาท่านทั้งหลาย จงตั้งใจทรงอารมณ์ใจให้มีความสบายตามกำลังใจ ที่สามารถจะทรงได้ ตามที่ท่านเห็นว่าเป็นการสมควรแก่เวลาของท่าน สวัสดี*

    ภาพโดย คุณสุพัฒน์
    โพสต์โดย Achaya

    1537239246_946_วันนี้วันพระตรงกับวันจ.jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  17. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    วันอังคารที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๑ เวลา ๑๘.๐๐ น.
    ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง พระภิกษุสงฆ์ วัดท่าซุง คณะครูนักเรียนโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา และญาติโยมทุกท่านร่วมสวดมนต์ตามส่วนกลาง ภายในมหาวิหาร ๑๐๐ ปี พระราชพรหมยาน ในพิธีมหามงคลบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวาย สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
    พิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    ณ พระลานพระราชวังดุสิต

    -๑๘-กันยายน.jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  18. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๑
    งานพิธีมอบอาคารเรียน(ส่วนขยาย)โรงเรียนวัดวงฆ้อง ต.ด่านช้าง อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์
    เวลาประมาณ๐๘.๒๒น. ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ และคณะพระสงฆ์จากวัดท่าซุง เดินทางมาถึงโรงเรียนวัดวงฆ้อง ซึ่งในวันนี้จะมีพิธีบวงสรวงในช่วงเช้า และพิธีมอบประกาศเกียรติคุณบัตรรวมถึงพิธีมอบวัสดุอุปกรณ์การเรียนให้กับนักเรียนรวมถึงมอบของให้แก่คุณครูและผู้มีอุปการคุณที่ทำประโยชน์ให้แก่โรงเรียนวัดวงฆ้อง
    เวลาประมาณ๐๙.๑๐น. ท่านพระครูปลัดสมนึกเริ่มทำพิธีบวงสรวง หลังจากบวงสรวงเสร็จแล้ว ท่านพระครูปลัดสมนึกประพรมน้ำมนต์ให้แก่คุณครูและเด็กนักเรียนรวมถึงญาติโยมและผู้ปกครองของเด็กนักเรียนที่มาร่วมงาน และในงานวันนี้ หลวงพ่อพระภาวนาประชานุกูล(หลวงพ่อองอาจ อาภากโร) ท่านเจ้าอาวาสวัดวีระโชติธรรมาราม จ.ฉะเชิงเทราได้เดินทางมาร่วมพิธีด้วย หลังจากนั้นจึงเริ่มพิธีเจิมและปิดแผ่นทองป้ายอาคารเรียนโดยท่านพระครูปลัดสมนึก และหลวงพ่อองอาจ และหม่อมหลวงศรัณสุข สุขสวัสดิ์ หลังจากเสร็จแล้ว นายวิมลชัย ฉัตรรักษา ท่านผู้อำนวยการโรงเรียนวัดวงฆ้อง ได้พาคณะพระสงฆ์และผู้คนที่มาร่วมงานเดินเยี่ยมชมนิทรรศการและสถานที่ต่างๆภายในโรงเรียน หลังจากนั้นจึงได้ร่วมกันปลูกต้นไม้ โดยมีท่านพระครูปลัดสมนึก และหลวงพ่อองอาจ ปลูกต้นรวงผึ้ง และหม่อมหลวงศรัณสุข สุขสวัสดิ์ ประธานมูลนิธิฯ คุณประทีป หอมจรรยา เลขามูลนิธิฯ คุณรัตนา ชินบุตตรานนท์ ผู้ช่วยเลขามูลนิธิฯ ปลูกต้นแก้วเจ้าจอม หลังปลูกต้นไม้เสร็จแล้ว จึงเริ่มเข้าสู่พิธีมอบประกาศเกียรติคุณบัตร โดยทางโรงเรียนวัดด่านช้างและโรงเรียนวัดวงฆ้องได้มอบประกาศเกียรติคุณบัตรแด่มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร โดยหม่อมหลวงศรัณสุข สุขสวัสดิ์เป็นผู้รับมอบ หลังจากนั้น ท่านผู้อำนวยการโรงเรียนวัดวงฆ้อง ได้นิมนต์ท่านพระครูปลัดสมนึกและหลวงพ่อองอาจ เป็นประธานผู้มอบประกาศเกียรติคุณให้แก่ผู้มีอุปการคุณกับทางโรงเรียนวัดวงฆ้องและแจกของเครื่องใช้แก่ผู้มีอุปการคุณทุกท่าน หลังจากนั้น จึงเริ่มพิธีมอบวัสดุอุปกรณ์การเรียนให้แก่เด็กนักเรียนทุกคน โดยให้เด็กนักเรียนเดินเข้าแถวรับเงินค่าขนมจากท่านพระครูปลัดสมนึกก่อน และเดินไปรับวัสดุอุปกรณ์การเรียนจนครบทุกคน หลังจากนั้นได้มีการแสดงของเด็กนักเรียนเพื่อเป็นการขอบคุณ และคณะพระสงฆ์ฉันภัตตาหารเพล หลังจากฉันเพลเสร็จแล้ว ท่านพระครูปลัดสมนึก และหลวงพ่อองอาจพูดคุยสนทนาและให้คติธรรมต่างๆกับครูและเด็กนักเรียนรวมถึงญาติโยม และเนื่องจากที่โรงเรียนวัดวงฆ้อง ยังขาดปัจจัยในการสร้างเครื่องเล่นเพื่อเสริมทักษะให้แก่เด็กนักเรียนยังไม่แล้วเสร็จ ทางท่านพระครูปลัดสมนึก หลวงพ่อองอาจ และญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาที่มาในงาน ได้รวบรวมเงินทำบุญได้๖๐,๐๐๐บาทเพื่อมอบให้กับทางโรงเรียนวัดวงฆ้องเพื่อใช้ในการสร้างเครื่องเล่นให้แล้วเสร็จ หลังจากนั้นทางคณะครูและเด็กนักเรียนและญาติโยมได้ร่วมกันสวดมนต์และนั่งสมาธิ เป็นอันเสร็จพิธี หลังจากนั้นท่านพระครูปลัดสมนึกและคณะพระสงฆ์ได้เดินทางต่อไปที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองละมาน อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ เพื่อทำพิธีมอบอาคารแพทย์แผนไทยให้กับโรงพยาบาลแห่งนี้และท่านพระครูปลัดสมนึกได้ทำพิธีเจิมป้ายและปิดแผ่นทองอาคารแพทย์แผนไทย หลังจากนั้นจึงถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึก หลังเสร็จพิธีแล้ว ท่านพระครูปลัดสมนึกและคณะพระสงฆ์ได้เดินทางต่อเพื่อไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เมืองโบราณดงแม่นางเมือง อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ หลังจากเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เสร็จแล้วเวลาประมาณ๑๓.๒๔น. ท่านพระครูปลัดสมนึกและคณะเดินทางกลับวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

    -๒๐-กันยาย.jpg
    1537466046_2_วันพฤหัสบดีที่-๒๐-กันยาย.jpg
    1537466046_265_วันพฤหัสบดีที่-๒๐-กันยาย.jpg
    1537466047_116_วันพฤหัสบดีที่-๒๐-กันยาย.jpg
    1537466047_931_วันพฤหัสบดีที่-๒๐-กันยาย.jpg
    1537466047_611_วันพฤหัสบดีที่-๒๐-กันยาย.jpg
    1537466048_527_วันพฤหัสบดีที่-๒๐-กันยาย.jpg
    1537466048_714_วันพฤหัสบดีที่-๒๐-กันยาย.jpg
    1537466049_948_วันพฤหัสบดีที่-๒๐-กันยาย.jpg
    1537466049_682_วันพฤหัสบดีที่-๒๐-กันยาย.jpg
    1537466050_869_วันพฤหัสบดีที่-๒๐-กันยาย.jpg
    1537466050_850_วันพฤหัสบดีที่-๒๐-กันยาย.jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  19. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  20. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    วันศุกร์ที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๑ ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาส และพระสงฆ์วัดท่าซุง ช่วยกันทำความสะอาดล้างพื้นรอบลานจอดรถวิหารแก้ว ๑๐๐ เมตร เริ่มงานตั้งแต่ช่วงเช้า และในตอนค่ำท่านพระครูฯ นำพระสงฆ์ มาช่วยกันล้างท่อระบายน้ำรอบอบวิหารแก้วฯ นับตั้งแต่ปี ๒๕๕๖ ที่ท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล ได้ปรับปรุงวิหารแก้ว๑๐๐เมตร ยังไม่เคยล้างเลนออกเลย

    กำหนดการ

    งานบำเพ็ญกุศลครบรอบ ๒๖ ปี แห่งการมรณภาพ

    ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    วันศุกร์ที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๑ (วันแรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐)

    เวลา ๑๖.๓๐ น. พระภิกษุสงฆ์ ซ้อมสวดธัมมนิยาม และพระอภิธรรม ที่มหาวิหารแก้ว ๑๐๐ เมตร
    เวลา ๑๘.๐๐ น. พิธีเจริญพระพุทธมนต์ ถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่มหาวิหารอนุสรณ์ ๑๐๐ ปีฯ

    วันเสาร์ที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๑ (วันแรม ๕ ค่ำ เดือน ๑๐)

    เวลา ๐๖.๐๐ น. เจ้าหน้าที่ร้านอาหารกองทุนถวายภัตตาหารเช้าแด่พระภิกษุสงฆ์ ที่สวนป่าไผ่
    ( ถ้าหากญาติโยมท่านใดมีความประสงค์จะร่วมทำบุญเลี้ยงภัตตาหารแด่พระสงฆ์ขอให้นำปัจจัยไปร่วมทำบุญกับคณะกองทุนได้ โดยไม่ต้องนำอาหารไป )
    เวลา ๐๙.๓๐ น. พระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ(เจ้าอาวาส) บวงสรวงในพิธีพุทธาภิเษกที่อุโบสถ
    เวลา ๑๑.๐๐ น. เจ้าหน้าที่ร้านอาหารกองทุนถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ ที่สวนป่าไผ่

    เวลา ๑๗.๓๐ น. ช่วงที่ ๑ พระภิกษุสงฆ์วัดท่าซุง สวดธัมมนิยาม จบแล้วเจ้าภาพถวายเครื่องไทยทาน ( พระสงฆ์ไม่ลงจากอาสน์สงฆ์ )
    ช่วงที่ ๒ พระภิกษุสงฆ์วัดท่าซุง สวดพระอภิธรรม ถวายกุศลแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน จบแล้วเจ้าภาพถวายผ้าบังสุกุลและถวายเครื่องไทยทาน พระภิกษุสงฆ์ให้พร
    ( ถ้าหากญาติโยมท่านใดมีความประสงค์จะถวายผ้าบังสุกุลให้ผาติกรรมผ้ามาถวายได้ หลังจากเจ้าภาพถวายเครื่องไทยทานแล้ว )

    เวลา ๑๙.๓๐ น. พระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ (เจ้าอาวาส) เป็นประธานในพิธีเททองหล่อท่านอินทกะทั้ง ๔ ที่ลาน ๒๕ไร่(ลานบิณฑบาตธุดงค์)

    วันอาทิตย์ที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ (วันแรม ๖ ค่ำ เดือน ๑๐)

    เวลา ๐๖.๐๐ น. เจ้าหน้าที่ร้านอาหารกองทุนถวายภัตตาหารเช้าแด่พระภิกษุสงฆ์ ที่สวนป่าไผ่
    ( ถ้าหากญาติโยมท่านใดมีความประสงค์จะร่วมทำบุญเลี้ยงภัตตาหารแด่พระสงฆ์ ขอให้นำปัจจัยไปร่วมทำบุญกับคณะกองทุนได้ โดยไม่ต้องนำอาหารไป )

    เวลา ๐๘.๐๐ น. พระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ (เจ้าอาวาส) บวงสรวงที่มหาวิหารแก้ว ๑๐๐ เมตร
    เวลา ๐๘.๓๐ น. พระภิกษุสงฆ์และเจ้าหน้าที่ต้อนรับพระมหาเถรานุเถระที่นิมนต์มา ที่ด้านหน้าวิหารแก้ว ๑๐๐ เมตร แล้วนิมนต์เข้าพักที่ห้องรับรอง

    เวลา ๑๐.๓๐ น. พระเถรานุเถระ เจริญพระพุทธมนต์
    เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์วัดท่าซุงและพระอาคันตุกะที่ เดินทางมาร่วมงานที่ ด้านหลังมหาวิหารแก้ว ๑๐๐ เมตร พระภิกษุสงฆ์ฉันภัตตาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าภาพไทยทานถวายเครื่องไทยทานเสร็จแล้ว อุทิศส่วนกุศล พระภิกษุสงฆ์ให้พร

    เวลา ๑๒.๓๐ น. พระมหาเถรานุเถระ กล่าวสัมโมทนียกถาต่อจากนั้น พระภิกษุสงฆ์วัดท่าซุง สวดมาติกา ถวายกุศลแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ จบแล้วเจ้าภาพถวายผ้าบังสุกุลและถวายเครื่องไทยทาน
    พระภิกษุสงฆ์พิจารณาผ้าบังสุกุล แล้วอุทิศส่วนกุศล พระภิกษุสงฆ์ให้พร เป็นเสร็จพิธี

    เวลา ๑๙.๐๐ น. พระภิกษุสงฆ์วัดท่าซุงสวดพระอภิธรรม อุทิศถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชภาวนาโกศล ที่มหาวิหารอนุสรณ์ ๑๐๐ ปี หลวงพ่อพระราชพรหมยาน จบแล้วเป็นช่วงกิจกรรมพิเศษ” ๓๐ กันยารำลึกบูชาพระคุณ พระราชภาวนาโกศล “

    ………………………………………..

    -๒๑-กันยายน-๒.jpg
    1537542485_443_วันศุกร์ที่-๒๑-กันยายน-๒.jpg
    1537542485_522_วันศุกร์ที่-๒๑-กันยายน-๒.jpg
    1537542485_442_วันศุกร์ที่-๒๑-กันยายน-๒.jpg
    1537542485_961_วันศุกร์ที่-๒๑-กันยายน-๒.jpg
    1537542485_943_วันศุกร์ที่-๒๑-กันยายน-๒.jpg
    1537542485_659_วันศุกร์ที่-๒๑-กันยายน-๒.jpg
    1537542486_101_วันศุกร์ที่-๒๑-กันยายน-๒.jpg
    1537542486_702_วันศุกร์ที่-๒๑-กันยายน-๒.jpg
    1537542486_77_วันศุกร์ที่-๒๑-กันยายน-๒.jpg
    1537542486_841_วันศุกร์ที่-๒๑-กันยายน-๒.jpg
    1537542486_164_วันศุกร์ที่-๒๑-กันยายน-๒.jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...