ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 30 มิถุนายน 2010.

  1. mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    เราไม่ได้อยู่อย่างเดียวดายนะครับ
    เราอาจเห็นบุคคลที่หน้าตาเหมือนมนุษย์เราปรากฎออกมาจากยานอวกาศก็เป็นได้
    เราเป็นอดีตของเค้า และเค้าก็เป็นอนาคตของเราด้วยเช่นกัน
    เหตุการณ์หลายอย่างมัน random ไปมาได้ในมิติของจิตวิญญาณ
    ถือเป็นการกลับมาช่วยเหลือกันระหว่างพี่ๆน้องๆน่ะครับ

    มีข่าวเพิ่มเติมจากแมทธิวอีกนิดคร<WBR></WBR>ับว่า ในการติดต่อนี้
    จะมีผู้แทนจากดาวลูกไก่, ผู้มาจากกลุ่มดาว Lyra, Arcturus, ซิริอุส และดาวเวก้า
    เป็นกลุ่มแรกๆที่จะลงมาิติดต่อ เนื่องจากเป็นบรรพบุร<WBR></WBR>ุษหลักของมนุษย์เรา
    และโลกจะเข้าสู่การปฎิสัมพันธ์กับดาวดว<WBR></WBR>งอื่นๆในจักรวาล ความรู้ใหม่ๆจะค่อยๆเผยอ<WBR></WBR>อกมา
    สิ่งที่ซ่อนเร้นจะถูกค้นพบ ประวัติศาตร์หรือความเชื่อ<WBR></WBR>จะขยายตัวไปสู่ควา<WBR></WBR>มเป็นจริงครับ :cool:
     
  2. ป้าอุ๊ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณมากค่ะ
     
  3. Senju Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +94
    ขอบคุณ mead มากน่ะครับ ^^;43
     
  4. bearblue สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2011
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    อยู่ดีๆก็อ่อนเพลียทั้งกายทั้งใจมาหลายวันแล้วค่ะ ไม่ค่อยมีแรง ทั้งง่วงทั้งมึน (แต่ก็มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นในช่วงนี้ด้วยเช่นกัน) ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าว่างแล้วต้องเข้ามาเช็คในกระทู้ว่ามีกระบวนการอะไรเกิดขึ้นอยู่หรือเปล่า เพราะเวลาผิดปกติทีไรพอเข้ามาอ่านแล้วก็มักจะเจอข้อมูลที่ทำให้ทราบที่มาที่ไปอยู่เรื่อยค่ะ

    ขอขอบคุณทุกท่านมากๆนะคะที่ช่วยแปลและให้ข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ(kiss)
     
  5. bearblue สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2011
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    เพิ่งนึกได้ค่ะ ว่าเมื่อสองวันก่อนต้องไปทำธุระไกลบ้านก็เลยใส่สร้อยข้อมือคริสตัลติดตัวไปด้วย ปรากฎว่าสองวันนั้นอาการป่วยและอ่อนเพลียลดลงมากเลยค่ะ แต่วันนี้ถอดแล้วเพราะกลับบ้าน สงสัยต้องลองเอามาใส่ติดตัวดูอาจจะช่วยได้ ท่านไหนยังเพลียๆอยู่ลองดูนะคะเผื่ออาการจะดีขึ้นค่ะ ^^
     
  6. mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ช่วงนี้เหมือนมีบางอย่างที่ปั่นป่วนกับร่างกายแต่ละคนไม่ไช่น้อยเลยนะครับ
    ตัวเองก็มีอาการมึนศรีษะเป็นพักๆ สาเหตุก็ไม่แน่ชัดว่า เป็นที่สภาพอากาศหรืออย่างอื่นกันแน่
    เท่าที่อ่านข้อมูลของ "มหาเทพเมตาทรอน" ก็มีเรื่องที่น่าสนใจครับ

    พูดถึง การเปลี่ยนแปลงของดาวเคราะห์ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 15 มิถุนายน 2011
    จะมีการเปิดโอกาสให้วิญญาณจำนวนมากที่ติดอยู่ภายใน "มิติที่สี่"
    จะได้รับการปลดปล่อยเพื่อการเดินทางของพวกเขา...

    ซึ่งมันจะส่งผลให้เกิดความตึงเครียดอย่างมากต่อจิตใจของมนุษย์
    เราอาจต้องเผชิญกับการโจมตีจากผู้ที่อยู่ในการสั่นสะเทือนที่ลดลง สำหรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ด้วย

    คงต้องรออ่านรายละเอียดจากคุณ Kindred ล่ะครับ
    กำลังแปลอยู่รึเปล่าเอ่ย..?

    The End of the 4th Dimension - Archangel Metatron
    The End of the 4th Dimension - Archangel Metatron by Jill Harrison | The Spirit Guide
     
  7. Senju Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +94
    ช่วยแปลหน่อยน่ะครับน่าสนใจมากเลยทีเดียวครับ
     
  8. kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    คุณ mead ให้เกียรติจุดธูปเรียกกันกลางอากาศแบบนี้
    เดี๋ยวแปลให้ค่ะ

    และขอบคุณสำหรับบทความที่คุณ mead ช่วยแปลให้อ่านด้วยนะคะ

    ตอนนี้ พวกเราทุกคนคงจะรู้สึกเหมือนๆกันว่า
    พวกเราจะรู้สึกแปรปรวนกันมาก
    ทั้งทางร่างกายและจิตใจ

    เดรดโดนแบบทดสอบทางจิตไปแล้วเมื่อเดือนก่อน
    หนักหนาสาหัสที่สุดเท่าที่ผ่านมาในรอบ 5 ปี เชียว
    ตอนนี้ก็มาแปรปรวนต่อทางร่างกาย
    สุขภาพขึ้นๆลงๆ เลยต้องดูแลมากหน่อย
    แต่ก็โอเคแล้ว เลยมาโม้ได้อะ...:d

    อย่างคุณชยุต ก็กำลังอยู่กลางวอร์เท็กซ์เลยค่ะ
    โดนพลังงานถาโถมเข้าใส่ เป็นพายุทอร์นาโดเลย
    บททดสอบเข้มข้นทีเดียวเชียว

    ................................................................................

    สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ไม่ว่าจะมีสิ่งใดเข้ามากระทบ
    พยายามอย่าหลุดศูนย์นะคะ ตั้งมั่นและตั้งรับไว้ดีๆ
    ช่วงนี้เราจะอ่อนแอมากทั้งกายและใจ

    หากมีสิ่งใด มากระทบกระแทก โปรดจงมีสติในทุกขณะ
    ระลึกรู้และกลับสู่ปัจจุบันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ

    ช่วยกันส่งความรักและแสงสว่างกันออกไปให้มากๆค่ะ
    พวกเราทุกๆคนช่วยกันได้ค่ะ

    .................................................................................


    รอซักครู่...ใหญ่ นะคะ เดี๋ยวจัดให้ค่ะ....
    ขอโพสต์ข้อความของท่านเทพไมเคิลก่อนนะคะ:d
     
  9. kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ข้อความสื่อสารผ่านทางโทรจิตจาก
    Archangel Michael

    วันที่: 4 เมษายน 2011
    ผู้รับการสื่อสาร: Rev. Michelle Coutant

    ที่มา: “Access Your Spiritual Gifts And Talents. Bring Forth Your Divine Mission” – April 2011 (Rev. Michelle Coutant)

    ตอนที่ 1

    จงระลึกถึงช่วงเวลาที่คุณเคยเป็<WBR>นดวงประทีบส่องแสง ที่ถูกเติมเต็มไปด้วยแสงแห่<WBR>งพระเจ้า
    กายแสงของพวกคุณเรืองรอง เป็นความเรืองรองจากสติปัญญาอั<WBR>นงดงามของพวกคุณ,

    ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกั<WBR>นของพวกคุณ พวกคุณเป็นหนึ่งเดียวกับการสร้<WBR>างสรรค์ทั้งมวล
    พวกคุณกำลังกลับเข้าสู่<WBR>ภาวะของความเป็นหนึ่งนี้
    ภาวะที่พวกคุณไม่เคยจากไปเลย
    แม้<WBR>ว่าจะถูกบดบังจากม่านมายาการอั<WBR>นหนาทึบ ของความแบ่งแยก

    บัดนี้ มันถึงเวลาของมรดกแห่งจิตวิ<WBR>ญญาณอันสมบูรณ์เลิศนี้ จะได้สาดแสงมายังคุณอีกคราหนึ่<WBR>งแล้ว
    และพวกคุณจะไม่สามารถปฏิเสธหรื<WBR>อละเลยได้อีกต่อไปว่า...
    พวกคุณนั้นคือใคร

    บททดสอบและบทเรียนที่กำลังเข้<WBR>ามาสู่พวกคุณอย่างรวดเร็วและหนั<WBR>กหน่วงนี้
    ก็เป็นไปเพื่อให้บรรดาผู้เลือก สามารถตั้งมั่นอยู่ในปลั<WBR>กตมของคลื่นความถี่ในระดับที่ต่<WBR>ำกว่านี้ได้

    เมื่อคุณยกระดับความสั่นสะเทื<WBR>อนของพวกคุณให้สูงขึ้นมากพอแล้ว
    ประสบการณ์ของบททดสอบและบทเรี<WBR>ยนของพวกคุณจะนุ่มนวลมากขึ้น
    แม้พวกคุณจะยังประสบกับเหตุ<WBR>การณ์เหล่านี้อยู่

    ที่รักทั้งหลาย จงโอบกอดมันไว้ นี่คือการเติบโตทางจิตวิ<WBR>ญญาณของพวกคุณ
    บททดสอบและบทเรียนเหล่านี้<WBR>จะยกระดับจิตสำนึกของพวกคุณ
    ไปสู<WBR>่คลื่นการสั่นสะเทือนของความรั<WBR>กและความสุข แห่งสันติภาพและความกลมกลืน
    แล้วพวกคุณจะประหลาดใจว่า มันไม่จำเป็นต้องใช้<WBR>เวลายาวนานนักเลย
    ในการกลับคืนไปสู่หนทางแห่งจิ<WBR>ตวิญญาณอันเป็นมรดกทางจิตวิ<WBR>ญญาณของพวกคุณ

    ณ ห้วงเวลาแห่งปัจจุบันขณะ
    พวกคุณมีพรสวรรค์และทั<WBR>กษะความสามารถทั้งหมดที่พวกคุ<WBR>ณต้องการ
    เพื่อบรรลุความปรารถนาของพวกคุ<WBR>ณอยู่แล้ว

    โปรดทำสมาธิภายในหัวใจอันศักดิ์<WBR>สิทธิ์ของคุณ
    ตั้งสมาธิอยู่บนพรสวรรค์และทั<WBR>กษะของคุณ
    พวกคุณได้นำพรสวรรค์<WBR>และความสามารถพิเศษเหล่านี้
    <WBR>มาในชาติภพปัจจุบัน
    และ พวกคุณก็ยังมีพรสวรรค์<WBR>และความสามารถพิเศษอีกมากมาย
    ที่ได้มาจากการทุ่มเทและพากเพี<WBR>ยร
    จากในชาติภพต่างๆที่ผ่<WBR>านมาของพวกคุณ

    เข้าให้ถึงทักษะและพรสวรรค์เหล่<WBR>านี้ ใช้มัน
    สิ่งเหล่านี้ถูกกักเก็บไว้<WBR>ภายในจิตใต้สำนึก
    และรอคอยให้พวกคุณนำออกมาใช้

    ในเมื่อพวกคุณเคยมีพลังอำนาจแห่<WBR>งพรสวรรค์นี้ มาแล้วในอดีต
    มันก็จะใช้ได้ผลอีกก็ต่อเมื่อมี<WBR>การเรียกหามัน

    แต่คุณต้องร้องขอจากจิตเหนื<WBR>อสำนึกของพวกคุณ,
    ตัวตนที่แท้จริงของคุณ (I Am Presence)จะช่วยนำมันออกมาสู่ชาติภพในปั<WBR>จจุบันนี้ได้

    ที่รักทั้งหลาย มันอยู่ที่นั่นแล้ว อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
     
  10. kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ข้อความสื่อสารผ่านทางโทรจิตจาก
    Archangel Michael

    วันที่: 4 เมษายน 2011
    ผู้รับการสื่อสาร: Rev. Michelle Coutant

    ที่มา: “Access Your Spiritual Gifts And Talents. Bring Forth Your Divine Mission” – April 2011 (Rev. Michelle Coutant)

    ตอนที่ 2

    พวกคุณมีคุณสมบัติ มีศักยภาพ มีคุณธรรมและ จิตแห่งพระเจ้าทั้งหมด อยู่ภายในตัวคุณแล้ว
    พวกคุณเคยใช้พวกมันมาแล้วอย่<WBR>างเสรีเมื่อครั้งในอดีต
    และคุณก็<WBR>สามารถใช้มันได้อย่างเสรี<WBR>ในตอนนี้ด้วย

    เมื่อคุณตั้งเจตนารมณ์ที่จะนำมั<WBR>นมาใช้เพื่อคุณงามความดีสูงสุ<WBR>ดของคุณและเพื่อทั้งหมดมวล
    ทักษะและพรสวรรค์เหล่านี้ จะช่วยนำภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์<WBR>ของพวกคุณออกมา

    มันคือภารกิจที่จะนำความผาสุกที<WBR>่ยิ่งใหญ่
    และทำให้หัวใจคุณขั<WBR>บขานได้

    ตั้งจิตร้องถามผ่านการทำสมาธิ
    “ภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของข้<WBR>าพเจ้าคือสิ่งใด?
    ข้าพเจ้าจะได้สนุกสนานเพลิดเพลินอย่<WBR>างไรในขอบข่ายที่ยิ่งใหญ่เช่นนี<WBR>้ได้,
    สิ่งที่จะทำให้หัวใจของข้าพเจ้านั้<WBR>นขับขานได้ ,ยามที่ฉันนึกถึง, ยามที่ฉันได้ทำ?”

    มันอาจทำให้พวกคุ<WBR>ณหลายๆคนประหลาดใจ ที่คำตอบของมันทั้งหมดอยู่ที่นั<WBR>้นแล้ว
    จงเปิดรับจิตสำนึกแห่งพระเจ้<WBR>าจากตัวคุณเอง
    จากภูมิปัญญาภายในของพวกคุณ


    จิตสำนึกแห่งพระเจ้าในตัวคุณเอง ได้รอคอยวันเวลานี้มาอย่างอดทน
    เมื่อพวกคุณสามารถรู้ถึงภารกิ<WBR>จศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณได้

    ชิ้นส่วนพิเศษที่เป็นปริศนา เพื่อที่จะมารับประกันในความเป็<WBR>นมรดกแห่งโลกของพวกคุณได้
    มันเป็นของขวัญสำหรับมนุษยชาติ<WBR>และโลกที่ไม่มีผู้ใดบนโลกจะไม่<WBR>ได้รับ

    พวกคุณมีพรสวรรค์อย่างเป็นเอกลั<WBR>กษณ์
    ในอันที่จะมอบความช่วยเหลือให้<WBR>กับโลกและสิ่งมีชีวิตในทุกรูปแบบ ด้วยความรักและความสุขที่ยิ่<WBR>งใหญ่
    ประดุจพรมแห่งชีวิตที่ถักทอขึ้<WBR>นมาจากเส้นใยต่างๆที่สมบูรณ์

    การต่อเติมให้ครบถ้วนสมบูรณ์<WBR>โดยผ่านพวกคุณ
    ความเป็นพระเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์<WBR>ในตัวคุณเอง

    ก้าวออกมาเพื่อเติมแต่งคุณค่<WBR>าให้กับสรรพสิ่ง
    มันคือความงดงามสูงสุด

    ที่รักทั้งหลาย จงโอบกอดมันไว้ มันคือเหตุผลที่พวกคุณมาอยู่ที่<WBR>นี่
    เพื่อการเติมเต็มประสบการณ์ให้<WBR>กับสรรพสิ่ง
    เพื่อการมีประสบการณ์แห่งความรั<WBR>กที่ยิ่งใหญ่ ความสุขที่ยิ่งใหญ่

    ในฐานะที่คุณ “คือ” ความเป็นพระเจ้าในตัวคุณเอง
    ผ่านการแสดงออกซึ่งภารกิจอันศั<WBR>กดิ์สิทธิ์ของพวกคุณ
     
  11. kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ข้อความสื่อสารผ่านทางโทรจิตจาก
    Archangel Michael

    วันที่: 4 เมษายน 2011
    ผู้รับการสื่อสาร: Rev. Michelle Coutant

    ที่มา: “Access Your Spiritual Gifts And Talents. Bring Forth Your Divine Mission” – April 2011 (Rev. Michelle Coutant)

    ตอนที่ 3

    ในขณะที่คุณขยายขอบเขตแห่<WBR>งประสบการณ์ของพวกคุณออกไป
    พวกคุณก็จะมีพรสวรรค์<WBR>และความสามารถพิเศษใหม่ๆเพิ่มขึ<WBR>้นมามาได้อีกด้วย
    มันจะไม่มีข้อจำกัดใดๆ
    ต่อสิ่งซึ<WBR>่ง คุณ จะมี จะทำ และจะเป็น

    เลิกดิ้นรนต่อสู้ ปลดปล่อยข้อจำกัดที่คุณเคยติดตั้<WBR>งไว้กับตัวเอง
    ปล่อยให้ความมั่งคั่งสมบูรณ์<WBR>ในทุกๆการสร้างสรรค์ให้หลั่<WBR>งไหลมาสู่
    พร้อมรับพรแห่งจิตวิญญาณที่<WBR>สดๆใหม่ๆเหล่านี้

    พวกคุณต้องร้องเรียกพรสวรรค์<WBR>เหล่านี้และแล้วพวกคุณต้องไปให้<WBR>ถึงสุดทาง,
    ทำงานและร่วมเป็นหนึ่<WBR>งเดียวกันกับพรสวรรค์เหล่านี้ เป็นผู้ครอบครองมัน

    ในขณะที่พวกคุณก้าวไปสู่การเติ<WBR>มเต็มภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์<WBR>ของพวกคุณอย่างเบิกบาน
    โปรดจงรับรู้ว่าพวกคุณมีภูมิปั<WBR>ญญาทั้งหมดเหล่านี้อยู่แล้ว, ความรู้,
    พรสวรรค์และความสามารถพิเศษที่<WBR>จะมาเพิ่มโอกาสให้กับคุณ
    เพื่อเนรมิตภารกิจอันศักดิ์สิ<WBR>ทธิ์ของพวกคุณให้เกิดขึ้<WBR>นบนโลกนี้ขึ้นมาได้
    .
    ที่รักทั้งหลาย....
    จงอยู่กับปัจจุบันขณะ ณ บัดนี้

    มันเป็นจั<WBR>งหวะและโอกาสในการยกระดับและกลั<WBR>บคืนสู่บ้าน
    ที่ๆพวกคุณปรารถนาความสมบูรณ์<WBR>เลิศ

    ณ ที่นั้น ครั้งหนึ่งที่พวกคุณเคยรู้จักมั<WBR>นดี
    ความสมบูรณ์เลิศนั้นอยู่ที่นี่แล้ว อยู่กับพวกคุณทุกๆคน
    ที่<WBR>สามารถจะดึงดูดมันไว้บนโลกใบนี้

    สร้างสรวงสวรรค์ให้เกิดขึ้<WBR>นบนโลกของพวกคุณ
    และมันจะช่วยให้โลกกลับคืนสู่<WBR>ความสมบูรณ์อีกครั้งอีกด้วย

    เข้าสู่ความรู้อันล้ำลึก เพื่อให้รู้ว่า พวกคุณเป็นใคร,
    เข้าไปสู่ ความเงียบสงัดแห่งสรรพสิ่ง
    เข้าไปสู่ ปณิธาน ความอดทน ความแข็งแกร่ง ความกล้าหาญ ภูมิปัญญาแห่งพวกคุณ
    สู่ภายในและรู้สึกถึงการแผ่<WBR>ขยายของพวกคุณ
    การแผ่ขยายของจิตสำนึกแห่<WBR>งพระเจ้าที่อยู่ภายในตัวพวกคุณ
    รู้สึกถึงความแวววาวของจิตสำนึ<WBR>กแห่งพระเจ้าจากภายในตัวพวกคุณที่ไหลหลั่งออกมาอยู่ตรงหน้าคุณ
    ประกายแห่งความรักและความสุข
    สันติภาพและความปรองดอง ที่จะนำให้ตัวคุณเองกลับคืนสู่<WBR>ความสมดุลและกลมกลืน

    หายใจอย่างลึกล้ำเพื่อเติมเต็<WBR>มลมปราณ อนุภาคอดามันทีน ให้กับตัวคุณอง
    ดึงดูดมันเข้ามาให้มากยิ่งๆขึ้<WBR>นไป เพื่อที่คุณจะได้นำพาตัวคุ<WBR>ณเองเข้าสู่ความสมดุลและกลมกลืน

    ลมปราณนั้นเติมเต็มพลังงานแห่<WBR>งชีวิต
    ให้กับพวกคุณได้จริงๆ
    มันช่วยให้คุณกลับคืนสู่สุ<WBR>ขภาพที่สดใส
    สมบูรณ์มีชีวิตชีวา
    และช่วยให้คุณคงอยู่
    ณ ศูนย์กลางความรัก
    ที่อยู่ ณ หัวใจอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณ
     
  12. kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ข้อความสื่อสารผ่านทางโทรจิตจาก
    Archangel Michael

    วันที่: 4 เมษายน 2011
    ผู้รับการสื่อสาร: Rev. Michelle Coutant

    ที่มา: “Access Your Spiritual Gifts And Talents. Bring Forth Your Divine Mission” – April 2011 (Rev. Michelle Coutant)

    ตอนจบ

    ในแต่ละก้าว จะนำพาพวกคุณไปสู่การยกระดั<WBR>บความสั่นสะเทือนในตัวคุณ
    ช่วยให้คุณตั้งมั่นอยู่ ณ จุดศูนย์กลางได้ทุกวันเวลา สามารถคาดการณ์ได้อย่างปาฎิ<WBR>หารย์
    ถึงผลลัพท์ที่ดีที่สุดเท่าที่<WBR>จะเป็นไปได้ให้ปรากฎออกมา

    ผู้ที่เป็นคุรุ ต่างล่วงรู้ถึงภารกิจอันศักดิ์<WBR>สิทธิ์ของพวกเขา
    และนำมั<WBR>นออกมานำเสนอได้อย่างครบถ้<WBR>วนสมบูรณ์
    ด้วยปณิธานอันยิ่งใหญ่ ด้วยความสุขและความชื่นชอบ

    ก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ ว่า “คุณคือใคร”
    ก้าวไปสู่การเติมเต็มภารกิจอั<WBR>นศักดิสิทธิ์ของพวกคุณ
    ก้าวไปในแต่ละวันด้วยการปลดเปลื<WBR>้องทุกๆสิ่งที่ไม่สนับสนุนคุณอี<WBR>กต่อไป
    และ ปลดปล่อยความดีงามสูงสุดในทุ<WBR>กๆการสร้างสรรค์ออกมา

    พวกคุณจะสามารถกำจัดระดับการสั่<WBR>นสะเทือนต่ำๆออกไปจากตัวคุ<WBR>ณ
    และรับการสั่นสะเทือนในระดับที<WBR>่สูงขึ้น
    ในอันที่จะช่วยให้คุณบรรลุซึ่<WBR>งภารกิจอันศักดิสิทธิ์ของพวกคุ<WBR>ณได้

    เพื่อที่ในทุกๆการสร้างสรรค์ คือการสร้างสรวงสวรรค์ให้เกิดขึ้นบนโลกสำหรับตั<WBR>วพวกคุณเอง
    จนในที่สุด มันก็จะเกิดเป็นสวรรค์บนดิ<WBR>นสำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งมวลบนโลก


    ฉันจะอยู่กับพวกคุณเสมอ เรียกหาฉัน เพื่อมาช่วยเติมเต็มภารกิจอันศั<WBR>กดิสิทธิ์ของพวกคุณ
    ดั่งที่ใจพวกคุณปรารถนา

    ปรดจงรับรู้ว่าพวกคุณเป็นที่รั<WBR>ก
    และถูกห้อมล้อมไว้ด้วยบรรดาผู้ที่อยู่ในปริมณฑลอั<WBR>นสูงส่ง
    ที่พร้อมจะให้ความช่<WBR>วยเหลือพวกคุณอยู่เสมอ

    I am Archangel Michael, and I bring you this truth.
     
  13. cosmiccell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +253
    ขอบคุณ คุณเดรด คุณ mead อีกครั้งครับ ที่นำข้อความดีๆมาเติมเต็มให้เสมอๆ

    ระหว่างพักเบรค รอคุณเดรด คุณmead และคุณชยุต

    มาฝึกลมปราณ ตามแบบกิริยาโยคะ จากหนังสือ ยอดคนมหาโยคะกันครับ
    ที่มาจากตำนานเล่าขาน ว่าได้รับการถ่ายทอดต่อๆกันมา จากท่านบาบาจิกันครับ
    ขอขอบคุณ ข้อความแห่งแสงสว่างจากลิงค์


    Blog ���зӡ���Ǻ����������ŧҹ�ͧ ��.���Թ�� �ó���� �������ҹ�ѹ��Ѻ






    "โยคีที่แท้... แม้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกีย์วิสัย
    เขาก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ทางสังคมของเขาได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน
    ในขณะเดียวกัน...ก็สามารถมีชีวิตที่สะอาดบริสุทธิ์ได้
    เขาไม่ใช่นมที่ผสมกลมกลืนไปกับน้ำ แต่เขาเป็นเนยที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ
    กล่าวคือเขาไม่ถูกรบกวน ครอบงำโดยโลกีย์วิสัย
    ไม่เกิดกิเลสขึ้นในใจ...
    แต่ประพฤติตน เป็นมือเป็นเท้าของพระผู้เป็นเจ้า
    เต็มใจทำหน้าที่ตามบทบาทของตนอย่างเต็มที่
    แม้จะอยู่ในโลกนี้แต่ก็ไม่เคยห่างจากพระเจ้าเลย"

    วิชาโยคะของโยคะนันทะผู้เขียนหนังสือ “อัตชีวประวัติของโยคีคนหนึ่ง” (1946) คือวิชา กิริยาโยคะที่ได้รับการถ่ายทอดจากท่านบาบาจิไปสู่ท่านมหาสยาและไปสู่ท่านยุคเทสวา (1855-1936) ซึ่งเป็นคุรุของโยคะนันทะ (1893-1952)

    โยคะนันทะได้อธิบายความหมายของ “กิริยาโยคะ” เอาไว้ดังต่อไปนี้ว่า


    กิริยาโยคะหมายถึงการเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าโดยใช้กิริยาหรือวิธีการที่เฉพาะเจาะจงอันหนึ่งโยคีที่ฝึกกิริยาอันนี้อย่างจริงจังจะสามารถหลุดพ้นจากกฎแห่งกรรมได้ "


    กิริยาโยคะเป็นเทคนิควิธีทางสรีรศาสตร์และจิตศาสตร์อย่างง่ายๆ

    โดยใช้การหายใจดูดพลังปราณที่เป็นพลังชีวิตเข้าไปสร้างความมีชีวิตชีวาแก่สมองและระบบประสาทที่ไขกระดูกสันหลังทำให้สามารถชะลอความแก่หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนกายหยาบหรือเซลล์ร่างกายให้เป็นกายละเอียดหรือพลังงานที่ละเอียดขั้นสูงได้


    กิริยาโยคะเป็นศาสตร์เก่าแก่โบราณที่ท่านมหาสยาได้รับถ่ายทอดมาจากท่านบาบาจิตัวท่านบาบาจิเป็นผู้ค้นพบศาสตร์โบราณอันนี้ที่สูญหายไปแล้วในยุคมืดอีกครั้งและตั้งชื่อใหม่ให้แก่ศาสตร์นี้ว่า “
    กิริยาโยคะ”
    ท่านบาบาจิได้กล่าวกับท่านมหาสยาศิษย์ของท่านว่า


    “วิชากิริยาโยคะที่เราจะมอบให้แก่ชาวโลกโดยผ่านตัวเจ้าในศตวรรษที่ 19 นี้เป็นวิชาเดียวกับที่ท่านกฤษณะได้ถ่ายทอดให้แก่อรชุนเมื่อหลายพันปีก่อนและเป็นวิชาเดียวกับที่ปตัญชลีและพระเยซูรวมทั้งเหล่าศิษย์ของเขาได้ฝึกมาด้วย”


    ในคัมภีร์ภควัทคีตากฤษณะได้กล่าวถึงกิริยาโยคะเอาไว้สองตอนตอนหนึ่งมีใจความว่า


    การบูชาพระเจ้าทำได้หลายวิธีบางพวกใช้ลมปราณโดยถวายปราณหรือลมหายใจเข้าให้เป็นอปานะหรือลมหายใจออกและถวายลมหายใจออกให้เป็นลมหายใจเข้าโยคีเป็นผู้ประสานการหายใจสองอย่างนี้ทำให้เขาสามารถควบคุมพลังชีวิตได้ (บทที่ 4)


    กล่าวในอีกนัยหนึ่งก็คือโยคีใช้การสงบระงับการเคลื่อนไหวของปอดและหัวใจมาชะลอความแก่เฒ่าและสะสมพลังชีวิตภายในตัวนั่นเองส่วนอีกตอนหนึ่งกฤษณะกล่าวไว้ว่า



    จงทำอารมณ์ให้ตัดขาดจากโลกภายนอก
    เพ่งจิตรวมจักษุทั้งสองไปที่หว่างคิ้ว (ตาที่สาม)ทำลมหายใจออกและลมหายใจเข้าให้เดินอยู่แต่ภายในช่องจมูกเท่าๆกันข่มอินทรีย์ใจและความคิดให้อยู่ในบังคับแสวงหาแต่ความหลุดพ้นปราศจากความอยากความกลัวและความโกรธโยคีผู้ใดฝึกตัวเองจนเป็นเช่นนี้ได้ผู้นั้นเป็นผู้พ้นแล้วทุกเมื่อ (บทที่ 5)

    นี่เป็นข้อความ
    เพียงท่อนเดียวในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์อย่างภควัทคีตาที่กล่าวถึงเทคนิคการฝึกอย่างเป็นรูปธรรมของโยคะซึ่งท่านบาบาจิตั้งชื่อว่า “กิริยาโยคะ”

    โลกที่เราอาศัยอยู่นี้เป็นมายาที่จิตของเราสร้างขึ้นมาดุจเดียวกับโลกในความฝันหากโลกในความฝันเปรียบได้เป็นทะเลลมหายใจก็เปรียบได้กับลมทะเลที่ทำให้เกิดคลื่นของจิตแต่ละคนพัดไหวไปมาโดยที่จิตของแต่ละคนต่างหลงผิดคิดว่าสรรพสิ่งทั้งหลายที่เห็นอยู่นี้เป็นของจริงมนุษย์จึงเกิดความหลงผิดก็เพราะลมหายใจนี้แหละที่ทำให้เข้าใจผิดไปว่าตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่แยกต่างออกไป (ความรู้สึกแบ่งแยกออกเป็นคู่มีเขามีเรา)


    เพราะฉะนั้นมนุษย์จึงต้องเป็นทุกข์และแบกทุกข์ไว้มากมาย
    การจะตื่นจากความหลงผิดเช่นนี้แค่มีความรู้เชิงปรัชญาหรือความรู้ทางจริยธรรมศีลธรรมอย่างเดียวเท่านั้นยังไม่พอหรอก
    ท่านกฤษณะได้สอนให้พวกเราจะต้องฝึกฝนตนเองจนกระทั่งสามารถบังคับร่างกายให้อยู่ในอำนาจอย่างสิ้นเชิงได้และใช้พลังจิตของเราแปรมันให้กลายเป็นพลังงานที่บริสุทธิ์ที่ปรากฏออกมาในรูปของกายกรรมวจีกรรมและมโนกรรมซึ่งสิ่งที่ท่านกฤษณะสอนพวกเราก็คือวิชาอันศักดิ์สิทธิ์หรือโยคะนี่เอง


    ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของอินเดียได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า
    จุดประสงค์ที่มนุษย์ต้องกลับชาติมาเกิดบนโลกนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าก็เพื่อที่จะเรียนรู้วิชาหรือวิธีการที่แสดงถึงจิตวิญญาณที่มีอำนาจเหนือวัตถุอย่างสิ้นเชิงกับผ่านประสบการณ์ชีวิตนับชาติไม่ถ้วนเพื่อให้เขาสามารถสำแดงคุณสมบัติแห่งพระเจ้าที่ไม่มีขีดจำกัดของจิตวิญญาณออกมาภายใต้เงื่อนไขที่ถูกจำกัดทางวัตถุนั่นเอง


    ตะวันออกกับตะวันตกต่างเรียนรู้ในเรื่องนี้ด้วยวิธีการที่ต่างกันจึงควรที่ต่างฝ่ายต่างจะต้องถ่ายทอดสิ่งที่ตนเองค้นพบให้กันและกันพระเจ้าทรงมุ่งหวังให้มนุษย์ซึ่งเป็นบุตรของพระองค์พยายามสร้างสรรค์อารยธรรมโลกขึ้นมาใหม่ที่สามารถขจัดความยากจนทุกข์ภัยไข้เจ็บและความไม่รู้ทางจิตวิญญาณให้หมดไปได้


    เพราะความไม่รู้ทางจิตวิญญาณหรืออวิชชาหรือการลืมความเป็นพระเจ้าในตัวเองของมนุษย์คือที่มาของความทุกข์ทั้งปวง



    ความลี้ลับของการเกิดการตายซึ่งเป็นเป้าหมายแห่งชีวิตที่มนุษย์ควรจะต้องไขความลี้ลับนี้ให้จงได้ในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับ
    การหายใจอย่างลึกซึ้งแน่นแฟ้น

    เพราะความลับของการไม่หายใจคือสุดยอดแห่งความลับของการไม่แก่ไม่ตายปราชญ์อินเดียโบราณที่ตระหนักถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้จึงได้ใช้การหายใจเป็นเครื่องมือ


    เพียงหนึ่งเดียวสวรรค์สร้างศาสตร์แห่งการไม่หายใจที่เป็นวิทยาศาสตร์และสุดแสนจะพิสดารขึ้นมาต่อให้อินเดียไม่ได้สร้างคุณูปการใดๆให้แก่โลกนี้เลยแต่การปรากฏของกิริยาโยคะขึ้นที่ประเทศนี้ย่อมสามารถชดเชยสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดให้แก่ชาวโลกได้


    ประกาศกทั้งหลายต่างรู้ดีว่าพระเจ้าได้สร้างการหายใจขึ้นมาเป็นโซ่อัศจรรย์ที่คล้องร่างกายกับจิตวิญญาณเข้าด้วยกันคนธรรมดาหากไม่ได้รับพลังชีวิต (ปราณ) จากจิตวิญญาณโดยผ่านตัวกลางคือการหายใจแล้วร่างกายย่อมไม่อาจทำงานได้และไม่อาจคงสภาพของสิ่งมีชีวิตได้


    ปราณคือรูปลักษณ์หนึ่งของ“
    โอม”ที่เป็นคลื่นของจิตวิญญาณสากลแต่เป็นที่น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่หลงผิดไปเข้าใจว่าร่างกายเป็นชีวิตโดยตัวมันเองและตัวเขาก็คือร่างกายของเขาโดยไม่ได้ตระหนักความจริงที่ว่าตัวเขาคือจิตวิญญาณและปราณ (พลังชีวิต) จากจิตวิญญาณต่างหากที่ให้ชีวิตแก่ร่างกาย


    มนุษย์ในขณะที่ยังลืมตาอยู่จะรับรู้ร่างกายและการหายใจได้แต่ใน
    ขณะที่นอนหลับและเป็นช่วงที่จิตใต้สำนึกทำงานเป็นหลักอยู่ใจของมนุษย์จะละจากร่างกายและการหายใจไปชั่วคราวและหากอยู่ในสภาวะจิตเหนือสำนึกอันเป็นสภาวะสมาธิอันล้ำลึกจิตจะเป็นอิสระจากความงมงายที่ว่าตัวตนของมันขึ้นอยู่กับร่างกายและการหายใจ



    พระเจ้าเป็นสิ่งที่ดำรงอยู่โดยไม่มีการหายใจจิตวิญญาณของมนุษย์ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เหมือนกับพระเจ้าเมื่ออยู่ในสภาพไร้การหายใจของสภาวะจิตเหนือสำนึกแล้วจะรู้แจ้งถึงตัวตนที่แท้จริงของมันได้



    ท่านมหามุนีที่ชื่อปตัญชลีเรียบเรียงคัมภีร์
    โยคสูตรซึ่งเป็นคัมภีร์สำคัญของวิชาโยคะก็ได้กล่าวถึง “กิริยาโยคะ” ว่า “กิริยาโยคะ” ประกอบด้วยตบะหรือการฝึกกายการฝึกควบคุมจิตและการทำจิตน้อมสู่โอมหรือพระศิวะ


    โอมคือเสียงศักดิ์สิทธิ์ที่โยคีได้ยินในขณะอยู่ในสมาธิท่านปตัญชลีเรียกพระเจ้าว่า “โอม” เพราะโอมคือคำพูดแห่งการสร้างของพระเจ้าคือคลื่นสั่นของพลังจักรวาลคือพยานที่พิสูจน์ว่าพระเจ้ามีจริง


    ท่านปตัญชลียังกล่าวถึงปราณายามาหรือวิธีควบคุมปราณของกิริยาโยคะด้วยว่า “การหลุดพ้นบรรลุได้ด้วยปราณายามาการหยุดหายใจคือความสำเร็จสูงสุดและสมบูรณ์ของปราณายามา”


    ท่านอาจารย์ยุคเทสวากล่าวว่า กิริยาโยคะคือเครื่องมือในการส่งเสริมวิวัฒนาการของมนุษย์ชาติ



    โยคีโบราณได้ค้นพบว่า
    ความลับของจิตสำนึกแห่งจักรวาลนั้นมีความเกี่ยวข้องอย่างแน่นแฟ้นกับการควบคุมลมหายใจสิ่งนี้คือคุณูปการที่เป็นอมตะที่อินเดียมอบให้แก่ภูมิปัญญาของมนุษย์ชาติเพราะโยคีสามารถใช้วิธีการของโยคะปลดปล่อยพลังชีวิตหรือปราณมาใช้ในการยกระดับทางจิตวิญญาณได้


    กิริยาโยคีใช้จิตของตนไปบังคับให้ปราณหรือพลังชีวิตของตนไหลเวียนขึ้นลงไปตามศูนย์กลาง 6 แห่งบนกระดูกสันหลังคือปลายก้นกบกระดูกบริเวณก้นกระดูกบริเวณแนวสะดือกระดูกบริเวณแนวหัวใจกระดูกบริเวณแนวไหล่และท้ายทอยศูนย์กลางทั้ง 6 แห่งนี้สอดคล้องกับราศีทั้ง 12 ราศีที่เป็นสัญลักษณ์แห่งมนุษย์จักรวาล


    หลายคนคงไม่รู้หรอกว่า
    แม้แค่ฝึกปราณให้ไหลเวียนขึ้นลงรอบๆแกนกระดูกสันหลังนี้เพียงแค่ 30 วินาทีเท่านั้นจิตวิญญาณของมนุษย์ผู้นั้นก็จะวิวัฒนาการขึ้นไปอีกก้าวหนึ่งเทียบได้กับระยะเวลาหนึ่งปีของวิวัฒนาการตามธรรมชาติของคนที่ใช้ชีวิตธรรมดาเลยทีเดียว


    คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของวิชาโยคะกล่าวว่าหากมนุษย์จะพัฒนาสมองของตนให้ก้าวหน้าสมบูรณ์จนบรรลุถึงระดับจิตสำนึกแห่งจักรวาลแล้วต่อให้คนผู้นั้นดำรงชีวิตอย่างปกติมีสุขภาพแข็งแรงก็ยังต้องกินเวลาถึงหนึ่งล้านปีเต็มเลยทีเดียวแต่ถ้าหากฝึกหัดกิริยาโยคะหนึ่งพันครั้ง (ครั้งละ 30 วินาที) ในเวลาแปดชั่วโมงครึ่งต่อวันแล้วหนึ่งวันที่ฝึกหัดโยคะอย่างเต็มที่เช่นนี้จะให้ประสิทธิผลต่อความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณเท่ากับวิวัฒนาการตามธรรมชาติของคนที่ไม่หัดโยคะถึงหนึ่งพันปีทีเดียว


    หากผู้นั้นฝึกหัดเช่นนี้ต่อเนื่องทุกวันเป็นเวลาหนึ่งปีเต็มเขาจะบรรลุความก้าวหน้าเท่ากับสามแสนหกหมื่นห้าพันปีของวิวัฒนาการตามธรรมชาติของคนธรรมดา


    ด้วยเหตุนี้กิริยาโยคีจึงสามารถใช้ความพยายามฝึกฝนตนเองด้วยความฉลาดของเขาบรรลุประสิทธิผลของวิวัฒนาการตามธรรมชาติเป็นเวลาหนึ่งล้านปีเต็มด้วยเวลาเพียงแค่สามปีเท่านั้นเอง (หากฝึกเต็มวันเฉพาะเสาร์อาทิตย์ก็กินเวลาแค่สิบสองปีเท่านั้น) แน่นอนว่าเวลาที่ว่านี้เป็นมาตรฐานสำหรับผู้ฝึกที่มีความเชี่ยวชาญทางจิตแล้วซึ่งหมายความว่า
    กว่าจะทำเวลาเช่นนั้นได้บุคคลผู้นั้นจะต้องตั้งใจฝึกฝนร่างกายและสมองของตนให้มีความพร้อมเกิดขึ้นเสียก่อน


    แต่ต่อให้ผู้ฝึกโยคะเกิดเสียชีวิตก่อนไม่สามารถบรรลุความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณได้สมบูรณ์ในชาตินี้ก็ไม่ต้องเสียใจอะไรเพราะโยคีที่ฝึกกิริยาโยคะย่อมสามารถนำกรรมดีที่เกิดจากการบำเพ็ญบารมีในชาติก่อนมาสมทบเป็นบารมีดั้งเดิมในชาติต่อไปเพื่อไปบรรลุเป้าหมายสูงสุดแห่งวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณได้


    กิริยาโยคะเป็นเทคนิคการฝึกที่ไม่ยากก็จริงแต่ร่างกายของคนธรรมดาเหมือนหลอดไฟฟ้าห้าสิบวัตต์จะให้มารับพลังจักรวาลเป็นล้านวัตต์ที่เกิดจากกิริยาโยคะเลยทีเดียวนั้นย่อมทำไม่ได้จึงมีความจำเป็นที่จะต้องฝึกโยคะอย่างค่อยเป็นค่อยไปเปลี่ยนโครงสร้างกายทิพย์ในร่างกายของตัวผู้ฝึกทีละน้อยๆจนกระทั่งสามารถรับพลังจักรวาลทีละมากๆได้


    กิริยาโยคะที่ถูกต้องถ้าหัดแล้วผู้ฝึกจะรู้สึกถึงสันติภายในและมีความคึกคักสบายเต็มที่บริเวณแกนกระดูกสันหลังวิธีของโยคะโบราณอันนี้จะเปลี่ยนลมหายใจให้กลายเป็นจิตธาตุเมื่อผู้ฝึกรุดหน้าทางจิตวิญญาณผู้ฝึกจะรับรู้ได้ว่าการหายใจเป็นการทำงานของจิตเช่นเดียวกับความฝัน



    ความเร็วในการหายใจของมนุษย์มีความสัมพันธ์กับสภาวะจิตในขณะนั้นด้วยลมหายใจของมนุษย์ที่กำลังเพ่งจิตไปที่เรื่องใดเรื่องหนึ่งจะช้าลงไปเองโดยธรรมชาติแต่ในขณะที่เกิดความกลัวความโกรธความอยากที่เป็นอารมณ์ในแง่ลบลมหายใจจะเร็วและหยาบตามไปด้วย


    ลิงที่ไม่อยู่กับที่หายใจนาทีละ 32 ครั้งคนธรรมดาหายใจนาทีละ 18 ครั้งแต่สัตว์ที่มีอายุยืนจะหายใจน้อยกว่ามนุษย์โดยเฉพาะเต่าที่มีอายุยืนยาวถึง 300 ปีนั้นหายใจแค่ 4 ครั้งในหนึ่งนาทีเท่านั้น



    ทำไมการนอนหลับจึงมีประสิทธิผลในการฟื้นฟูเรี่ยวแรงกำลังวังชาให้กับคนเรา? ก็เพราะว่าในขณะที่คนเรานอนหลับอยู่คนเราไม่ได้มีจิตสำนึกแห่งความเป็นร่างกายและตระหนักถึงการหายใจนั่นเองคนที่นอนหลับอยู่จึงมีสภาพเดียวกับโยคีในระหว่างนั้นเขาจะปลดปล่อยตัวเองจากจิตสำนึกแห่งความเป็นร่างกายและชักนำพลังชีวิต (ปราณ) เข้าไปเสริมในศูนย์กลางทั้งหกบนกระดูกสันหลังและในสมองแบบโยคะโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง


    คนธรรมดาต้องใช้การนอนหลับเพื่อเพิ่มเติมพลังจักรวาลหรือพลังชีวิตที่ใช้ไปซึ่งเป็นวิธีการที่ล่าช้าในขณะที่โยคีสามารถใช้วิธีการของโยคะเสริมพลังให้แก่ทุกอณูในร่างกายได้ในขณะที่ยังลืมตาอยู่



    มนุษย์ที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งมายาที่อยู่ใต้กฎธรรมชาติจะสูญเสียพลังชีวิตในร่างกายไปสู่ข้างนอกเพราะต้องใช้พลังนี้ไปทำให้อวัยวะระบบประสาทสัมผัสทำงานแต่ผู้ที่ฝึกกิริยาโยคะทิศทางการไหลของกระแสพลังชีวิตหรือพลังปราณนี้จะย้อนกลับเข้าสู่ข้างในแทนโดยการใช้อำนาจจิตชักนำปราณเข้าสู่
    จักรวาลภายในรวมตัวเข้ากับพลังอันสุดแสนพิสดารในกระดูกสันหลังอีกครั้งทำให้ร่างกายและเซลล์สมองของโยคีได้รับพลังชีวิตเพิ่มเติมและสามารถชะลอความแก่เฒ่าได้


    นอกจากนี้สมองของคนเราถ้าหากต้องการจะให้เกิดวิวัฒนาการแม้เพียงเล็กน้อยยังจำเป็นต้องใช้เวลาอย่างต่ำถึงสิบสองปีเลยทีเดียวสำหรับคนที่มีสุขภาพแข็งแรงและถ้าหากมุ่งมั่นที่จะให้สมองนี้สามารถรองรับจิตสำนึกแห่งจักรวาลได้สมองจะต้องได้รับการพัฒนาถึงหนึ่งล้านปีแต่ถ้าใช้หลักวิชากิริยาโยคะการจะพัฒนาสมองจะไม่ถูกจำกัดโดยวิวัฒนาการตามธรรมชาติและใช้เวลาน้อยกว่านั้นมากเลย



    เนื่องจากกิริยาโยคะได้ถอดถอนการหายใจที่เป็นโซ่ตรวนคล้องจิตวิญญาณไว้กับร่างกายออกไปจึงทำให้โยคีผู้ฝึกสามารถยืดอายุกายหรือขยายจิตสำนึกของเขาให้ใหญ่โตได้อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด


    นอกจากนี้วิชาโยคะนี้ยังตัดเชือกที่ร้อยใจกับอวัยวะสัมผัสที่ยึดติดกับวัตถุให้ขาดออกจากกันทำให้ตัวโยคีถูกปลดปล่อยจากการผูกมัดของประสาทสัมผัสด้วยดังนั้นโยคีจึงเป็นผู้ที่สามารถรู้แจ้งในตัวตนที่แท้จริงของตนที่ไม่ถูกผูกมัดโดยร่างกายและการหายใจได้


    การทำวิปัสสนาหรือการนั่งสงบนิ่งเฉยยังไม่อาจทำให้ใจตัดขาดจากประสาทสัมผัสทั้งหลายได้เพราะใจกับประสาทสัมผัสยังมีปราณคอยเชื่อมอยู่มีแต่ต้องใช้การบังคับปราณโดยตรงเพื่อไปควบคุมใจอีกทีหนึ่งอย่างวิชาโยคะเท่านั้นถึงจะทำให้ใจไม่ถูกรบกวนโดยประสาทสัมผัสได้



    คนที่ยึดติดอยู่กับอัตตาอันตื้นเขินของตนมักหลงเข้าใจผิดคิดว่าสิ่งที่พวกเขาประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวันทั้งหลายไม่ว่าการคิดความรู้สึกความตั้งใจต่างๆนั้นเป็นการกระทำของตัวเขาเองโดยเอกเทศโดยหาได้ตระหนักเลยว่าที่แท้ตัวเขาเองนั้นเป็นแค่หุ่นเชิดของสภาพแวดล้อมและกรรมเก่าในอดีตของตัวเขาเท่านั้นเอง


    ส่วนกิริยาโยคีที่ “ตื่น” ในจิตสำนึกแห่งความเป็นจิตวิญญาณของตัวเขาแล้วเขาจะไม่ถูกความจริงและเสรีภาพจอมปลอมของโลกนี้หลอกลวงแต่เขาจะมุ่งสู่ความหลุดพ้นเป็นอิสระอย่างสมบูรณ์แท้จริงคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจึงกล่าวเหมือนกันหมดว่ามนุษย์ไม่ใช่ร่างกายที่เปื่อยเน่าได้แต่มนุษย์คือจิตวิญญาณที่เป็นอมตะและกิริยาโยคะคือหลักวิชาปฏิบัติที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความถูกต้องของคำกล่าวของคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้


    โยคีโบราณเหล่านี้ยังบอกด้วยว่ามีแต่ปัญญาที่ได้จากการปฏิบัติโยคะเท่านั้นถึงจะทำลายอวิชชาหรือความไม่รู้ได้และตอบคำถามได้ว่า “ฉันคือใคร? จักรวาลนี้ถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร? ใครเป็นผู้สร้างจักรวาล? ธาตุแท้ของจักรวาลคืออะไร? คำถามเหล่านี้เกินกว่าที่สติปัญญาของมนุษย์ธรรมดาจะให้คำตอบที่ถูกต้องได้



    โยคีที่แท้จะตัดขาดความคิด
    เจตนารมณ์และอารมณ์ของตนเองให้รอดพ้นจากการแทรกแซงของกิเลสกามทางร่างกายเขาจะวางจิตของเขาไว้ที่ระดับจิตเหนือสำนึกซึ่งมีอยู่หกอาณาเขตในบริเวณศูนย์กลางทั้งหกของกระดูกสันหลังและเขาจะใช้ชีวิตของเขาบนโลกนี้ในฐานะที่เป็นมนุษย์ที่ปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของพระผู้เป็นเจ้า


    ด้วยเหตุนี้ท่านกฤษณะจึงกล่าวไว้ในคัมภีร์ภควัทคีตาว่า ครรลองของโยคีเหนือกว่าผู้บำเพ็ญตบะทางกายเหนือกว่านักปราชญ์และเหนือกว่าผู้ประพฤติศีลอรชุนเธอจงเป็นโยคีเถิด




    อภิญญาหรืออิทธิฤทธิ์ที่โยคีผู้วิเศษสำแดงออกมานั้นเกิดขึ้นได้
    อย่างไร? คัมภีร์พระเวทกล่าวว่า โลกวัตถุถูกชักใยโดยกฎแห่งมายาหรือหลักแห่งความเป็นคู่กับความเป็นสัมพัทธภาพอย่างกฎการเคลื่อนไหวของนิวตันก็เป็นกฎของมายาโดยแท้ปรากฏของธรรมชาติทั้งหลายทั้งปวงล้วนแสดงว่าเป็นการเกิดจากมายาทั้งสิ้น (ความเป็นคู่ตรงข้าม) ไม่มีกฎไหนเลยทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่ยึดหลักแห่งความเป็นคู่ตรงข้ามนี้เพราะฉะนั้นวิทยาศาสตร์แห่งวัตถุจึงไม่สามารถค้นหากฎที่อยู่นอกเหนือขอบเขตของมายาที่เป็นองค์ฐานให้กับโลกแห่งปรากฏการณ์นี้ได้


    เหล่าประกาศกตั้งแต่ยุคโบราณกาลได้ชี้มาโดยตลอดว่าการพิชิตมายาเป็นภารกิจทางจิตวิญญาณของมนุษย์ชาติกล่าวคือมนุษย์จะต้อง “
    หลุดพ้น”จากความเป็นคู่ของผู้ถูกสร้างแล้ว “ตื่น” ในความเป็นหนึ่งเดียวของพระผู้สร้างให้จงได้


    เพราะตราบใดที่มนุษย์ยังหลงใหลอยู่กับมายาแห่งจักรวาลอยู่เมื่อนั้นพวกเขาก็ไม่อาจหนีพ้นหลุดจากเกิด-ตายดี-เลวทุกข์-สุขกลางวัน-กลางคืนรุ่งเรือง-ล่มจมที่ “ความเป็นคู่” ของมายาสร้างขึ้นมาได้


    แต่การที่เวียนว่ายตายเกิดมาชาติแล้วชาติเล่าจนทำให้จิตวิญญาณของคนผู้นั้นตระหนักถึงความทุกข์แบบเดิมๆที่ซ้ำย่ำอยู่กับที่ชาติแล้วชาติเล่านี่เองได้ทำให้จิตวิญญาณของผู้นั้นจะเริ่มหันมาสนใจการหลุดพ้นจากการครอบงำของมายาเองแล้วมุ่งสู่นิพพาน


    การกระชากหน้ากากของมายาในขณะเดียวกันก็เป็นการไขความเร้นลับของ “การสร้าง” ด้วยผู้ที่
    เห็นความจริงแท้ของจักรวาลเช่นนี้ย่อมเป็นผู้ที่เชื่อว่าพระเจ้ามีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นมายาที่ทำการหลอกลวงมนุษย์อยู่นั้นคือ “อวิชชา” ซึ่งไม่อาจใช้แค่ “การวิเคราะห์” หรือ “ความศรัทธา” หรือ “เหตุผล” ไปเอาชนะได้จะพิชิตมายาได้มีแต่ตัวเราต้องอยู่ในสภาวะจิตที่เป็นสมาธิขั้นสูงสุดแล้วเท่านั้นเหล่าอริยบุคคลทั้งหลายทั่วโลกในยุคต่างๆล้วนแล้วแต่พูดถึงสิ่งต่างๆจากสภาวะจิตนี้ทั้งสิ้นโยคีใช้ “ตาที่สาม” ของตนชักนำสภาวะจิตนี้ไปสู่ “จิตสำนึกสากล” ในขณะที่ได้ยินเสียง “โอม” ของแสงจักรวาล


    ในบรรดาความลี้ลับของจักรวาลทั้งหลายสิ่งที่น่าอัศจรรย์เป็นที่สุดก็คือ “แสง” เพราะแสงเป็นสิ่งที่พิสดารที่สุดละเอียดที่สุดและพึ่งพิงวัตถุน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติใดๆทั้งปวงมหาโยคีคือผู้ที่ย้ายร่างกายของตนเองได้ดังใจปรารถนาหรือเสกร่างหรือวัตถุอื่นขึ้นมาได้ดังใจปรารถนาสามารถใช้เส้นแสงแห่งการสร้างทำให้สิ่งต่างๆที่เป็นวัตถุปรากฏขึ้นมาได้ทันทีหรือเคลื่อนย้ายด้วยความเร็วเท่าแสงได้


    มหาโยคีคือผู้ที่มีเงื่อนไขบรรลุกฎของไอน์สไตน์เพราะวัตถุธาตุของเขาขยายตัวอย่างไร้ขอบเขตจำกัดได้จิตสำนึกของโยคีที่บรรลุวิชาโยคะขั้นสูงสุดแล้วย่อมไม่ถูกปิดกั้นหรือถูกจำกัดอยู่ในร่างกายที่เป็นก้อนเนื้อก้อนหนึ่งนี้แต่จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับจักรวาลทั้งหมดอยู่เสมอ


    ผู้ที่มีจิตสำนึกว่าตัวเองคือจิตวิญญาณสากลที่ดำรงอยู่ในทุกหนแห่ง
    จะหมดความจำเป็นที่จะขึ้นต่อเงื่อนไขทางกายภาพในฐานะที่เป็นร่างกายที่อยู่ในกรอบเวลาและสถานที่โซ่ตรวนที่จองจำตัวเขาไว้กับเวลาและสถานที่จะถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงโดยจิตสำนึกที่ว่า “ตัวเราคือจิตวิญญาณ” หรือ “ฉันคือสิ่งนั้น”

    โยคีผู้หลอมรวมจิตสำนึกของตนเองเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับพระผู้สร้างโดยผ่านการทำสมาธิขั้นสูงสุดจะรับรู้ได้ว่าธาตุแท้ของจักรวาลคือ
    แสงหรือคลื่นของพลังชีวิตสำหรับโยคีผู้นั้นแล้วแสงที่สร้างทะเลขึ้นมากับแสงที่สร้างแผ่นดินขึ้นมาคือแสงเดียวกันโยคีที่หลุดพ้นจากจิตสำนึกทางวัตถุโดยสิ้นเชิงสามารถปลดปล่อยตนเองจากพื้นที่แห่งสามมิติและจากเวลาแห่งสี่มิติได้ย่อมสามารถเคลื่อนย้ายร่างกายของตนไม่ว่าธาตุดินน้ำลมไฟไปสู่แสงได้ดังใจชอบ


    หาก “ดวงตาที่สาม” ของโยคีเปิดแล้วเขาย่อมเห็นได้ชัดเลยว่าร่างกายของคนเราล้วนเต็มไปด้วยแสง
    ความหลงผิดเกี่ยวกับวัตถุหรือน้ำหนักที่เป็นมายาหลอกลวงเรานั้นจะถูกทำลายลงได้ก็โดยการฝึกเพ่งจิตไปที่ตาที่สามเป็นเวลานานอภิญญาหรืออิทธิฤทธิ์จักบังเกิดขึ้นแก่ผู้ที่ตรัสรู้อย่างแท้จริงว่าธาตุแท้ของสิ่งที่ถูกสร้างทั้งปวงคือแสงเขาจะสามารถใช้อนุภาคของแสงเนรมิตสิ่งต่างๆขึ้นมาได้ดังจินตนาการของเขา


    คนเราเมื่ออยู่ในสภาพนอนหลับฝันในตอนกลางคืนเขาจะหลุดพ้นชั่วคราวจากการถูกจองจำโดย “อัตตา” หรือจิตสำนึกแห่งความเป็นตัวตนของเขาดังที่เป็นอยู่ในขณะที่ตื่นอยู่ในตอนกลางวันใจของเขาในขณะที่นอนฝันจะมีอิทธิฤทธิ์สามารถย้อนกลับไปอดีตก็ได้ไปพบเพื่อนที่ตายจากไปแล้วได้หรือบินไปดูทิวทัศน์ในที่ไกลมากๆได้


    สภาวะจิตที่เป็นเสรีและทรงฤทธิ์ที่คนธรรมดามีได้ชั่วคราวในขณะที่นอนฝันจะเป็นสภาวะจิตที่เป็นปกติของมหาโยคีที่ผนึกจิตสำนึกของตัวเองแนบแน่นกับพระผู้เป็นเจ้าอยู่ตลอดเวลาได้
     
  14. kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ขอบคุณ คุณเซลล์ มากค่ะ
    มาได้ถูกจังหวะ ถูกเวลา จริงๆค่ะ
    กำลังนึกอยู่ว่า อยากได้วิธีการฝึกลมปราณ
    และการฝึกพลังแห่งชีวิตเต็มรูปแบบ
    ท่านก็จัดหามาให้ในทันที...

    ปาฎิหาริย์มีจริง

    ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
    ...(f)
     
  15. Senju Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +94
    ขอขอบคุณ คุณkindred มากน่ะครับ เติมเต็มแสงสว่างแล้วครับ;aa1
     
  16. cosmiccell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +253
    เรื่องบังเอิญอีกแล้ว :)

    ฝึกไป หาข้อมูลไป มาเจอเรื่องนี้เข้า น่าสนใจมากๆครับ
    แล้วเห็นว่าสอดคล้องพอดี กับเนื้อหาที่คุณเดรด นำมาโพส
    ก็เลยนำมาให้ศึกษาทำความเข้าใจกันครับ

    :)
     
  17. mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับข้อมูลที่จะแปลด้วยนะครับ คุณเดรด
    ก็ขอให้ผ่านบททดสอบหนักๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตไปได้อย่างราบรื่นที่สุด
    รู้สึกอยู่ว่าแต่ละคนมีอะไรบางอย่างที่กำลังถูกปลดปล่อย เพื่อปรับสมดุลย์ภายให้ก้าวต่อไปข้างหน้ากันนะครับ
    มันเป็นช่วงเวลาสำหรับการขยายตัวด้านจิตวิญญาณ มากกว่าการใช้ชีวิตเช่นปกติซะแล้ว

    ก็ขอส่งกำลังให้เพื่อนๆทุกคน อดทน แข็มแข็ง ยิ้มสู้ ต่อเรื่องราวที่รุมล้อม
    และก้าวผ่านมันไป พร้อมเก็บเกี่ยวกับประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์เอาไว้เป็นข้อมูลเชิงบวกนะครับ

    ขอบคุณคุณเซลล์ด้วยนะครับ
    เหมือนจะยังไม่เคยอ่านเรื่องของท่านบาบาจิ แต่เคยได้ยินชื่อเสี่ยงท่านนานแล้วครับ

    (<->..ขอวกกลับไปข้างบนก่อน ..<->)
     
  18. Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772

    บททดสอบบทหนึ่งที่เพิ่งทำเสร็จไปนี่
    ผมว่าผมน่าจะสอบผ่านแล้วนะเนี่ย

    มันเป็นบททดสอบเกี่ยวกับ "ความหึงหวง"
    ที่มันแอบแฝงอยู่ในส่วนลึกของจิตใต้สำนึกหนะครับ
    รอบนี้มันถูกเขย่าให้โผล่ออกมาที่ระดับพื้นผิว
    และรวมถึงจักระที่ 3 และ 4 ก็กำลังถูกกระตุ้นอยู่ด้วย

    จักระที่ 3 ควบคุมด้านอารมณ์ จักระที่ 4 เรื่องความรัก
    รวมถึงตัวละครผู้ร่วมแสดงทุกตัว ก็แสดงได้สมบทบาทกันทุกคน
    เลยทำให้ต้องเผชิญกับมัน แบบหนีไม่ออก
    และก็ต้องเสียน้ำตาไปหลายอยู่ ในรอบ 10 กว่าวันมานี้

    ทางด้านสภาวะทางร่างกาย ก็ถูกเขย่าไปด้วยเช่นกัน
    มันจะสั่นสะท้าน หรือไม่ก็กระตุกเป็นระยะๆ ตลอดเวลา

    แต่พอวันที่ 11 เพราะความที่เหนื่อยมาก เลยนอนทั้งวัน
    และคุณแม่ก็โทรมา เพราะรู้ว่าผมกำลังไม่สบายอยู่
    พร้อมกับพูดประโยคเดิมๆ ที่ผมเคยชิน
    เหมือนเมื่อครั้งที่ผมเป็นเด็ก ตอนที่ผมไม่สบายว่า

    "เซาซะเด้อลูกหล้า..เซาซะเด้ออีพอเอ๊ย"
    "เซาป่วยซะเด้อ ลูกรักของแม่"

    คุณแม่พูดไป ก็ร้องไห้ไปด้วย ผมทนจะไม่ไหวแล้ว
    เลยแกล้งพูดตัดบทไป แบบว่าไม่เป็นอะไรมากเลย
    ผมแค่เหนื่อยเฉยๆ เพราะว่าถ้าผมฟังคุณแม่พูดต่อไปอีก
    ผมก็ต้องร้องไห้ด้วยแน่ๆเลย ..แล้วพอวางสาย พร้อมก็ปล่อยโฮ..ตามปกติ
    ผมไม่อยากให้คุณแม่ผมได้ยินผมร้องไห้หนะครับ

    ..พอพิมพ์มาถึงตรงช่วงเล่าเรื่องคุณแม่เนี่ย
    ผมก็กำลังพิมพ์ไปร้องไห้ไปอยู่นะเนี่ย..

    พอนอนพักได้สักครู่ ผมก็รู้สึกดีขึ้น เลยคิดทบทวนเหตุการณ์ไปมา
    ก็ตัดสินใจว่าจะ "วาง" วางทุกอย่างลงแล้วหละ
    เพราะเหนื่อยเหลือเกินแล้ว..ปล่อยมันออกไปให้หมด
    และที่สำคัญคือ "ยอมรับ" มัน ยอมรับความเป็นจริงอันนั้น
    จากนั้นก็ เอาอารมณ์แห่งความรักแบบไม่มีเงื่อนไขมาใส่ไว้แทน
    แล้วก็นอนพักต่อไป..พอตื่นขึ้นมาก็ถึงรู้สึกว่าดีขึ้น

    ตอนเย็นก็ออกไปวิ่งออกกำลังกายเบาๆ นั่งสมาธิต่อ
    แล้วถึงรู้สึกว่า ทุกอย่างมันโล่ง โปร่งไปหมดแล้ว
    ไม่มีอีกแล้ว อาการแบบหนัก อึ้ง เพราะความหึงหวง
    หรือความห่วงกังวล วิตกกังวล ว่าเขาจะไปกับคนนั้นไหมนะ ฯลฯ

    ตอนแรกก็ไม่แน่ใจ เลยลองจินตนาการถึงสถานการณ์
    ที่จะทำให้หึงหวงขึ้นมาอีก..ก็ปรากฎว่า..เงียบฉี่..
    ไม่มีอารมณ์กระเพื่อมว่า "หึงหวง" อะไรเลยแม้แต่น้อย

    จากนั้นไม่นาน สถานการณ์ที่เคยทำให้หึงหวง ก็เกิดขึ้นจริงๆ
    แต่ตอนนี้สภาพจิตใจของผมได้เปลี่ยนไปแล้ว
    จนตัวเองก็ยังงง และคนๆนั้นก็ยังงง ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม
    ทำไมผมถึงยังหัวเราะได้อยู่ ยังสงบนิ่งได้อยู่
    เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น..สาเหตุก็เพราะว่า

    "ยอมรับมันได้แล้ว"

    ก็เท่านั้นเองครับ..ก็คงอย่างที่ต่างมิติทั้งหลายบอกมาตลอดกระมังว่า
    ปัญหาทั้งหลาย มีไว้ให้เราเผชิญหน้ากับมัน
    มีไว้ให้เราใช้สติและปัญญาแก้มัน ไม่ใช่ไปหนีมัน หรือกลบเกลื่อนมัน
    ดังนั้น พอผมตกลงใจว่าจะยอมรับมันเท่านั้นหละ
    มันก็แจ้ง โล่ง โปร่ง เบา ขึ้นมาทันทีเลย

    ขอบคุณบททดสอบอันนี้จริงๆเลยครับ
    แต่ก็ไม่รู้บทต่อไปยังจะเจออะไรอีกนะเนี่ย..

    ขออนุญาตเล่าไว้เป็น case study สำหรับบางท่าน
    ที่กำลังเจออะไรแบบนี้ หรือ บททดสอบทำนองเดียวกันนี้อยู่นะครับ
    อย่าลืมนะครับว่า กุญแจสำคัญ ที่สำคัญเสมอ ก็คือ

    "ความรัก" โดยเฉพาะ "ความรักแบบปราศจากเงื่อนไข"

    ........................................................
     
  19. cosmiccell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +253
    อนุโมทนากับ คุณชยุต นักรบแห่งแสงสว่างด้วยครับ :)

    เป็นกำลังใจให้กับนักรบแห่งแสงสว่างทุกๆท่านครับ

    ให้สามารถฟันฝ่า บทเรียนภายในใจไปได้อย่างหมดจด


    รู้สึกถึงกลิ่นความรักตลบอบอวนไปหมด




    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=7KawgkC4W3M"]YouTube - ความรักเปลี่ยนแปลงฉัน ณรงค์วิทย์[/ame]
     
  20. mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    จิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์เป็นกระจกเงาที่ดีที่สุดในการสะท้อนสัจธรรม
    หลักวิชาคำสอนทางจิตวิญญาณต่างๆ
    ล้วนมีไว้เพื่อชำระดวงจิตให้สะอาดทั้งสิ้น
    ในทันทีที่จิตใจสะอาด ความจริงทั้งหลายจักปรากฏออกมาเองโดยทันใด
    สัจธรรมทั้งหมดในจักรวาลจักเผยตัวเองออกมาในใจเธอ
    ถ้าเธอมีจิตใจที่สะอาด บริสุทธิ์พอ...

    โมทนากับคุณชยุตด้วย สามารถเอาชนะสิ่งอุดตันที่ขัดขวางได้แล้ว
    มันอาจมีรอยขีดข่วนบ้าง แต่เป็นไปเพื่อความรักที่บริสุทธิ์และหมดจดนะครับ
    กว่าเราจะผ่านเรื่องแบบนี้มาได้..ก็เสียน่ำตามาเยอะเหมือนกันหล่ะ

    มีอยู่คำนึงนะครับ ถ้ารู้สึกว่ามีเรื่องเก่าๆมารบกวนใจ สับสน คิดไม่ตกล่ะก็...
    ให้นึกถึง "เข็มนาฬิกา"ครับ... ที่เค้าเดินไปเป็นปกติอย่างเที่ยงตรงและอยู่กับปัจจุบันที่สุด
    (อย่าหยุดเดินเพราะแบตหมดนะครับ )

    ข้อความของท่านมหาเทพไมเคิล และกิริยาโยคะ เข้ากันดีเลยนะครับ
    เคล็ดไม่ลับอยู่ตรง ตาที่ 3 และความรัก ความอมตะแห่งกายและใจ
    ฝึกแล้วได้ผลอย่างไรก็มาแชร์กันนะครับ
     

แชร์หน้านี้