เสียดายจัง
งานวิทยาศาสตร์ทางจิต ครั้งที่ 13 .... คงไม่ได้ไปแล้วละ
เพราะตอนนี้อยู่ที่เมืองลับแล อุตรดิตถ์
จะกลับก็วันจันทร์โน้นแนะ
ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.
หน้า 257 ของ 661
-
ไม่ทราบว่าเกิดข้อผิดพลาดจากสาเหตุใด..ได้แก้ไขแล้วครับ
ไม่ระบบ (web) ผิดพลาด ก็เกิดจากแก่ชราสายตาพร่ามัว
สงสัยจะเกิดเพราะสาเหตุที่ 2 ยังไงพี่เม้าท์กับพี่วิจิตร ก็ต้องระวังไว้ด้วยนะครับ
-
มีเพื่อนหลายๆคนโทรมาบอกว่า กำลังติดตามอ่าน เรียบๆ...ง่ายๆ..สไตล์ จักษวัชร์ อยู่....แล้วจู่ๆ ก็เงียบหายไป
ก็ต้องขออภัยด้วยครับที่เงียบหายไป 2-3 วัน
นี่ละครับ สไตล์ จักษวัชร์... ชอบอิสระ ไม่ตีกรอบให้ตนเอง ไม่ชอบพิธีรีตอง ไม่อยากรู้อดีตที่ผ่านมาแล้ว ไม่อยากรู้อนาคตที่ยังมาไม่ถึง ดำเนินชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่เคร่งเกินไป ไม่หย่อนเกินไป หิว ก็ กิน ง่วง ก็ นอน คัน ก็ เกา นึกอยากอ่านก็อ่าน นึกอยากเขียนก็เขียน ฯ บางคนก็ว่าไม่มีขันติ ความอดทน ...ก็จะทนไปทำไมละครับให้กายและใจเป็นทุกข์....อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะครับ ถ้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แต่ขอให้มีสติรู้อยู่กับปัจจุบันเท่านั้นพอ
พรุ่งนี้ตอนค่ำๆ พบกันครับกับ เรียบๆ...ง่ายๆ...สไตล์ จักษวัชร์
-
-
ไม่ได้ไป วันที่ 5 ธันวาคม ที่มีการบรรยาย ของ ศาสตราจารย์ เทพพนม เมืองแมน ค่ะ
วานพวกพี่ๆ ที่ไปช่วย เล่าให้ทีค่ะ ว่ามีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรบ้าง อยากรู้ค่ะ -
ต้องขอขอบคุณพี่ no.9 ครับ ที่ได้รวบรวมไว้เพื่อให้เพื่อนๆเข้าใจง่าย
ผมชอบมากเลย.....คิดได้งัยเนี่ย
นับถือ.....นับถือ -
อ้วนก็ถูกต้อง ไม่อ้วนก็ถูกต้อง
เป็นเบาหวานก็ถูกต้อง ไม่เป็นเบาหวานก็ถูกต้อง
มันเป็นของมันเช่นนั้นเอง
อย่างนี้เค้าเรียกว่า กินอย่างมีสติ......ใช่ป่าว จารโม่
-
เรียบๆ....ง่ายๆ....สไตล์ จักษวัชร์
ตอน ภารกิจที่ต้องทำเมื่อถึงเขากะลา
คณะของเราตอนนี้มีอยู่ด้วยกัน 2 คันรถ เป็นรถของ อ.นีโม่ กับรถของพี่เทพกัญญา....พวกเราเดินทางมาถึงเขากะลาในตอนเย็นของวันที่ 29 ที่ผ่านมา เมื่อจอดรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ลงมาจากรถทักทายกันฉันพี่น้อง มีบุคคลอยู่กลุ่มหนึ่งนั่งล้อมวงกันอยู่ในศาลากำลังทานอาหารรอพวกเราอยู่ พวกเราจึงเดินเข้าไปสมทบพร้อมกับนำอาหารที่จัดเตรียมมาขึ้นมาวางบนโต๊ะ งานนี้มีอาหารมากมายหลายอย่าง ทั้งส้มตำ ไก่ย่าง หมู่ทอด เนื้อทอด บะจ่าง ปลาหมึก ฯ สารพัดอาหารถูกนำขึ้นมาเรียงกันอยู่บนโต๊ะเล็กๆกลางศาลา ยกเว้นหมูทุบที่ อ.นีโม่ได้ทำลายหลักฐานไปก่อนหน้านี้แล้ว..... ดูเหมือนว่าโต๊ะที่จัดเตรียมไว้จะเล็กลงไปถนัดตา....แต่ถึงอย่างไร พวกเราก็ทานอาหารไม่ค่อยได้มากนักเท่าไหร่ ก็เพราะพวกเราแวะทานกันมาตลอดทาง เสร็จแล้วพวกเราก็ไปล้างมือ ล้างหน้า อาบน้ำ แปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อเตรียมการประมวลพลัง -
เรียบๆ....ง่ายๆ....สไตล์ จักษวัชร์
ตอน ไม่ยึดติด
ใครใคร่อาบน้ำอาบ....ใครใคร่ซักแห้งซัก
ดูเหมือนว่าพวกเราส่วนใหญ่จะใช้วิธีซักแห้ง คือ ล้างมือ ล้างหน้า แปรงฟัน และเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็พวกเราอยู่ชมรมรักษ์สุขภาพนี่ น้ำก็ไม่ค่อยมี อากาศก็เย็น การใดที่ทำแล้วเป็นอันตรายต่อสุขภาพก็ไม่ควรที่จะกระทำ พวกเราไม่ตีกรอบตนเองหรอกว่าจะต้องอาบน้ำให้กายสะอาดก่อนประมวลพลัง เรามุ่งเน้นที่การพัฒนาจิตเสียมากกว่า คือ ลด ละ เลิก และปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวตน ไม่ยึดติดในอุปทานขันธุ์ 5 ทั้งหมดอยู่ที่จิตเสียมากกว่า ถ้ากายสะอาดแต่จืตยังยึดมั่นในอัตตาตัวตน จะมีประโยชน์อันใดเล่า แต่ถ้าจิตสะอาด ไม่ยึดมั่นถือมั่น อะไรๆก็มาทำร้ายเราไม่ได้ ดังคำที่ว่า " จิตที่ฝึกดีแล้ว ย่อมไม่หวั่นไหว " -
เรียบๆ....ง่ายๆ....สไตล์ จักษวัชร์
ตอน รวมตัวกัน ณ ลานดูดาว
ระหว่างที่รอเวลาการประมวลพลัง พวกเรามารวมตัวกันที่ลานดูดาวอีกครั้ง...วันนี้ท้องฟ้าโปร่ง อากาศแจ่มใส ไร้เมฆหมอก เหมาะแก่การดูดาวเป็นอย่างยิ่ง แสงอาทิตย์ค่อยๆลับที่ชายขอบฟ้า ความมืดก็ค่อยๆคืบคลานเข้ามา ดวงดาวต่างๆเริ่มปรากฎระยิยระยับอยูบนฟากฟ้า เก้าอี้ผ้าใบถูกวางเรียงรายอยู่นับ 10 ตัว พวกเรานั้นอยู่เต็มลานดูดาวไปหมด บ้างก็นั่ง บ้างก็เดิน บ้างก็ยืน บ้างก็เดิน สายตาจดจ้องอยู่บนท้องฟ้า คอยสังเกตว่า มีอะไรที่เป็นปรากฎการณ์พิเศษเกิดขึ้นบนฟากฟ้าในค่ำคืนนี้หรือไม่ ดังที่หลายๆคนคาดหวังไว้....โรตีสายไหมถูกนำมาเสริฟอีกครั้งโดยท่านยูคริน เป็นอาหารว่างระหว่างรอปรากฎการณ์บนฟากฟ้า แต่ไม่มีใครเสริฟน้ำต้องหากินเอาเอง.....ผู้อาวุโสบางท่านก็ต้มน้ำ บางท่านก็เริ่มกางเต้นท์ คอยอำนวยความสะดวกให้กับพวกเรา.....บรรยากาศยามนี้ ช่างอบอุ่นและเป็นกันเองยิ่งนัก -
มาแล้วครับ รอคอยกันมานาน แต่ไม่นานเกินรอ
เรียบๆ....ง่ายๆ....สไตล์ จักษวัชร์ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81.gif
- ขนาดไฟล์:
- 38.8 KB
- เปิดดู:
- 379
-
-
-
-
เรียบๆ....ง่ายๆ....สไตล์...จักษวัชร์
ตอน ปรากฎการณ์ภาคพื้นดิน
ขณะที่พวกเราอยู่ที่ลานดูดาวนั้น เป็นเวลาใกล้ค่ำ หลายคนสายตาจดจ้องอยู่บนท้องฟ้า หลายคนก็กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศโดยรอบ โดยเฉพาะภาพที่ปรากฎตรงหน้าบริเวณลานดูดาว ซึ่งมองเห็นท้องทุ่งนา ป่าอ้อย หมู่บ้านเล็กๆในชนบท และบึงบอระเพ็ด....... ค่ำคืนนี้ภาพที่ปรากฎตรงหน้าไม่ค่อยจะงดงามเสียเท่าไหร่นัก เพราะท่ามกลางความมืด เราเห็นมีกองไฟกองหนึ่งสว่างไสวอยู่ในท้องทุ่ง เป็นไฟที่กำลังไหม้พงหญ้าและกำลังจะขยายวงกว้างออกไป ควันสีดำเริ่มพวยพุ่งขึ้นจับท้องฟ้า เราเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ สักพักกองไฟนั้นๆ ก็ขยายวงกว้างออกไปเป็นแนวยาว เราเริ่มมองเห็นสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น......... -
เรียบๆ....ง่ายๆ....สไตล์ จักษวัชร์
ตอน ปรากฎการณ์ภาคพื้นดิน(ต่อ)
สิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นนั้นก็คือ ......ทำไมกองไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่นั้น ถึงได้ลามออกไปเป็นแนวยาวได้อย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่นาที จากการคาดคะเนด้วยสายตาระยะไกล ไฟได้ลุกลามขยายออกเป็นแนวยาวได้ประมาณเกือบร้อยเมตร.......กองไฟที่ปรากฎตรงหน้าเหมือนกองไฟที่กำลังไหม้ป่าอ้อย ที่ชาวไร่อ้อยชอบจุดไฟเผา เพื่อที่จะได้ขายอ้อยให้กับโรงงานรับซื้ออ้อยได้รวดเร็วขึ้น....เรามองออกไปที่กองเพลิงนั้น เห็นเสาไฟฟ้าแรงสูงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต 2 ต้น อยู่ท่ามกลางกองไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ จนเพื่อนๆบางท่านบอกว่า จะโทรแจ้งรถดับเพลิงให้มาทำการดับไฟ เพราะเกรงว่าจะทำความเสียหายให้กับเสาไฟฟ้าแรงสูงได้.......... -
เรียบๆ....ง่ายๆ....สไตล์ จักษวัชร์
ตอน ปรากฎการณ์ภาคพื้นดิน(ต่อ)
ในขณะนั้น คุณหนุ่ย(เทพบุตรชาวดิน) ได้นำแหวนของ อ.นีโม่ ซึ่งตั้งใจจะนำมาฝากให้กับเพื่อนๆที่มาประมวลพลังในครั้งนี้ให้ดูก่อน ก่อนที่จะมอบให้ในวันพรุ่งนี้ สายตาหลายคู่ละจากกองไฟหันมาดูที่แหวน คงมีบางท่านที่ยังจับจ้องอยู่ที่กองไฟ เพียงไม่ถึง 1 นาทีที่หันมาดูแหวน เมื่อหันกลับไปดูที่กองไฟ ปรากฎว่า กองไฟที่ลุกโชติช่วงเป็นแนวยาวอยู่นั้น ได้มอดดับลงอย่างสนิทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แสงไฟแต่น้อยท่ามกลางความมืดสนิทของท้องทุ่งก็ไม่ปรากฎให้เห็น ควันสีดำที่เคยพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าก็ไม่มี ซึ่งแตกต่างกับกองไฟโดยทั่วๆไปอย่างสิ้นเชิง.....สอบถามจากผู้ที่เฝ้ามองอยู่ทราบว่า กองไฟที่กำลังลุกโชติช่วงอยู่นั้น ได้หดแคบลงและวูบดับไปในที่สุดภายในระยะเวลาอย่างรวดเร็วเพี่ยงไม่กี่วินาที.....ทุกอย่างกลับคืนสู่ภาวะปกติ ไฟดับสนิท ไม่มีแม้แต่ควัน.....พวกเราหันมาดูหน้ากันด้วยความฉงน.....มันเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร
-
เรียบๆ....ง่ายๆ....สไตล์ จักษวัชร์
ตอน ปรากฎการณ์ภาคพื้นดิน(ต่อ)
ขณะที่พวกเราหันไปดูกองไฟที่เพิ่งดับสนิท พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์กันว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไรนั้น อ.สุดใจกับผู้อาวุโสท่านอื่นๆ ก็เล่าให้พวกเราฟังว่า เมื่อ 10 กว่าปีก่อนก็เคยเกิดเหตุการณ์ที่มีลักษณะคล้ายๆกันนี้เกิดขึ้น กล่าวคือ ขณะที่กลุ่มผู้อาวุโสได้ทำการประมวลพลังอยู่บนเขากะลานั้น ได้เกิดไฟไหม้ป่าขึ้นบนภูเขาลูกข้างๆ ไฟได้ไหม้ป่าอย่างรุนแรง เป็นวงกว้างและเป็นทางยาว ผู้ที่ไปประมวลพลังในครั้งนั้นยังเกรงกันว่า ไฟอาจจะลุกลามมาที่เขากะลาได้ แต่ก็ไม่ได้สังเกตเห็นว่าไฟนั้นดับไปได้อย่างไรและดับตอนไหน แต่พอรุ่งเช้าจึงค่อยสังเกตเห็นว่า บนภูเขาลูกข้างๆที่เกิดไฟไหม้ป่านั้น ไม่มีร่องรอยของไฟไหม้ป่าให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ต้นไม้ยังคงเขียวชอุ่มชูช่อใบอย่างสวยงาม.........เมื่อพวกเราได้ฟังดังนั้น หลายๆคนพูดกับตนเองว่า พรุ่งนี้เช้าจะคอยสังเกตร่องรอยของไฟไหม้ให้ได้ เพราะยังไม่เชื่อในสายตาของตัวเองที่เห็น.......... -
น่าสนุกนะครับ..
-
เช้านี้ 7 ธ.ค.51 ก็เห็นเครื่องบินประหลาดอีกรูปแบบหนึ่ง เมื่อวานก็เห็นแบบหนึ่ง สรุปว่าเห็นแบบใหม่ ๆ วันละ 1 รูปแบบ เพิ่มเติมจากเดิม และมีคลื่นความคิดมาว่า ให้สะเก็ตภาพไว้ด้วย เมื่อสักครู่เลยนั่งสะเก็ตภาพ แล้วจะทำไปเรื่อย ๆ วันหนึ่งคงได้นำมาถ่ายทอดให้ได้ชม และในบางรูปแบบ อาจจะ มีคนที่เคยเห็นเหมือนกัน คงใช้วิธีที่คุณ Vijit บอกคือ ถ่ายรูปแล้ว Post เข้ามา ตอนนี้คงยังไม่ถึงเวลา เพราะยังไม่มีข้อมูลให้ส่งภาพออกเผยแพร่
แต่มีข้อมูลมาตั้งแต่เช้า ...เหมือนห่วง เหมือนเตือน เหมือนสื่อความรู้สึก ให้มีความพร้อม ให้เตรียมตัวเตรียมสติ เตรียมจิตใจ เลยอยากบอกว่า ขอให้ตั้งมั่นอยู่ในคุณงามความดี หากจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่ากับตนเองหรือผู้อื่น ขอให้ถึงพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะ
เพราะสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม -
เรียบๆ....ง่ายๆ....สไตล์ จักษวัชร์
ตอน ปรากฎการณ์ภาคพื้นอากาศ
กองไฟประหลาดเพิ่งจะวูบดับลงได้ไม่นาน เสียงพูดคุยยังไม่ทันจางหาย ก็มีเสียงเฮดังขึ้นทางด้านหลังพวกเรา เป็นเสียงเฮจากผู้อาวุโสที่กำลังชี้ไม้ชี้มือให้ดูปรากฎการณ์บนฟากฟ้า นั่นก็คือ มีดวงดาวดวงหนึ่งบนฟากฟ้า ที่อยู่ในระดับสูงมาก กำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วก็ลอยลับดับหายไป ไม่ใช่เครื่องบิน ไม่ใช่ดาวตก แต่จะเป็นอะไรนั้นไม่สามารถทราบได้ เราเรียกว่าเป็นวัตถุบินลึกลับบนท้องฟ้าก็แล้วกัน.......หลังจากนั้นไม่นานก็ปรากฎการณ์แบบนี้ขึ้นอีกหลายครั้ง จากทางด้านซ้ายไปทางด้านขวาบ้าง จากข้างหลังมาข้างหน้าบ้าง บางครั้งก็ลอยซิกแซกสลับเป็นรูปฟันปลา จนทำให้พวกเราต้องหันหน้าสลับเก้าอี้ผ้าใบเข้าหากัน จะได้เฝ้าสังเกตความผิดปกติของหมู่ดาวบนท้องฟ้าได้อย่างทั่วถึง....... -
เรียบๆ....ง่ายๆ....สไตล์ จักษวัชร์
ตอน ปรากฎการณ์ภาคพื้นอากาศ(ต่อ)
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังเฝ้าสังเกตการณ์บนฟากฟ้า ผมนอนอยู่บนเก้าอี่ผ้าใบข้างๆคุณสิ (ทานะบารมี) มีแสงสว่างว๊าบขึ้นบนท้องฟ้าเหนือศีรษะ ผมหันขึ้นมองก็ไม่เห็นมีอะไรที่ผิดปกติ สักพักคุณสิ (ทานะบารมี)ก็หันไปมองท้องฟ้าเหนือศีรษะเช่นเดียวกัน ผมก็เลยหันไปถามว่า มีอะไรเหรอ เธอตอบว่า ไม่รู้อะไรพี่แต่เห็นมีแสงสว่างว๊าบขึ้นบนท้องฟ้า ผมตอบเธอว่าเมื่อกี้ผมก็เห็นเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ผมกับคุณสิเลยจ้องมาที่ท้องฟ้าตรงที่เห็นแสงสว่างว๊าบขึ้น.........ไม่นานเกินรอ แสงสว่างก็ว๊าบขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับเสียง อ.นีโม่ ชี้มือให้พวกเราหันไปมอง........ -
เรียบๆ....ง่ายๆ....สไตล์ จักษวัชร์
ตอน ปรากฎการณ์ภาคพื้นอากาศ(ต่อ)
พวกเราหันไปมองท้องฟ้าอีกครั้งตรงตำแหน่งที่ อ.นีโม่ชี้ให้ดู มันเป็นเหมือนวัตถุบินลึกลับบนท้องฟ้า ที่กำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว อยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก มีแสงสว่าวว๊าบขึ้นมาแล้วก็ดับหายไป พร้อมกับลอยเคลื่อนที่ไปข้างหน้า แล้วก็มีแสงสว่างว๊าบขึ้นมาอีกครั้งเป็นระยะๆ เราเฝ้าดูด้วยความประหลาดใจ จนวัตถุบินลึกลับบนท้องฟ้าเคลื่อนที่หายลับไป........พวกเราเฝ้าถามตัวเองว่า มันเป็นอะไรกันแน่ ดาวตกก็ไม่ใช่ เครื่องบินก็ไม่ใช่ หรือว่าจะเป็นจานบินของมนุษย์ต่างดาว......บางครั้งพวกเราก็พูดตะโกนหรือทำมือทำไม้เพื่อเป็นการเชื้อเชิญให้วัตถุบินลึกลับให้ปรากฎให้เห็นอีกครั้ง บางครั้งก็มาปรากฎให้เห็นตามที่เราเชื้อเชิญ พวกเราบางคนก็โบกไม้โบกมือทักทาย บางคนก็กล่าวทักทายว่า สวัสดีชาวโลก ก็ไม่รู้เลยว่าใครเป็นมนุษย์ต่างดาวกันแน่.......
หน้า 257 ของ 661