ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ได้รับอีเมล์เหมือนกันคาดว่ามีคนแกล้งใช้ชื่อดร.อ่านไม่ออกทั้งหมดแต่พอเดาได้เจอมาหลายครั้งแต่ไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงเพราะมีคนเตือนมาหลายครั้งคนสมัยนี้น่ากลัวจัง

 

สรุปยอดงานเปิด office วันที่ 12 ก.ย. 2552

1. อาจารย์ธนวรรณ
2. อาจารย์นีโม่
3. อาจารย์ ukrin
4. อาจารย์เม้าท์
5. อาจารย์จักษวัชร์
6. อาจารย์แตง
7. อาจารย์หนุ่ย(เทพบุตรชาวดิน)
8. คุณกิตติภณ อภินันทวัฒน์
9. อาจารย์ SUTASSEE
10. หลาน อาจารย์ SUTASSEE 1
11. หลาน อาจารย์ SUTASSEE 2
<O</O12. อาจารย์ pkanlaya
13. อาจารย์ Bizan
14.คุณเซี่ยมหล่อนั๊ง
15.-24.คณะอาจารย์บุญหนา ทวีจิตต์ (ลพบุรี)
25.คุณguawn
26.-32.คณะของคุณดอกบัวบาน
33.-37.ครอบครัวอ.กรณ์กาญจน์(อ.ไก่)
38.ผศ.ศุภสิทธิ์
39.-41.แม่ศจีกับญาติธรรม
42.อาจารย์ทานะบารมี
43.-44. คุณแม่แดง กับผู้ติดตาม
45.-47.คุณติ๋วและผู้ติดตาม<O</O
<O</O
48. คุณ Banpong<O</O
49. คุณ gungwan
50.-51. อาจารย์ No.9 และเพื่อน
52. คุณ pyramid
53. ศจ. ดร. วิโรจน์ เจียมจิราวัฒน์
54. ท่านลุงธนันต์
55.-58. ครอบครัว mooing2546 รวม 4 คน
59. พี่แพท บริจาคค่าน้ำมัน 1,000 บาท
60. ไอย
61.ครอบครัวอาม่า (จารพีท) รอ confirm จำนวนคน
62. อาจารย์จอห์นนี่
63.คุณลั้ง (ท่านที่บริจาคพัดลมให้มูลนิธิ)
64.คุณมะลิวัลย์
65.คุณสมร<!-- google_ad_section_end -->
66.-67.อาจารย์เอกจิตต์ และ คุณนก (ลูกศิษย์)
68.อาจารย์กรึงไกร
69.-70.คุณFamnakubและเพื่อน
<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

ขอบคุณอ.mount อ.โม่ อ.ไอยมากเลยค่ะบรรยากาศเป็นกันเองมากเลย
สัมผัสได้ถึงการละวางอัตตาตัวตนและความเป็นผู้ให้ของอาจารย์ทุกๆท่าน
ประทับใจ อนุโมทนาค่ะ

 

รถเฮียอ้วน( 7 ที่นัง)
1.เฮียอ้วน
2.อาจารย์ป้าแพท
3.-6.อาจารย์ดอกบัวบานกับครอบครับ
7.MOUNTAIN

รถคุณกวง( 5 ที่นั่ง)
1.คุณกวง
2.-3.คุณติ๋ว กับครอบครัว
4.....
5.....

รถของเฮียอ้วน กับคุณกวง
ออกเดินทางจากร้านแพท โปสเตอร์ พรานนก
เวลา 12.00 น.

 

ผมก็ได้รับเมล์นี้ เหมือนกัน โทร.ถามคุณไก่แล้ว
ทราบจากคุณไก่ ว่าเขาแฮคเมล์ sutatip_b@yahoo.com ไปใช้
ตอนนี้คุณไก่ ก็ไม่ได้ใช้เมล์นี้แล้ว

 

ได้อะไรจากการทำนอกจาก ความเห็นแก่ตัว สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น หยุดได้ก็คงจะเป็นกุศลต่อตนเองบ้าง หันกลับมาทำดีซะดีกว่า

 

วันที่ 21 สิงหาคม 2009

วัตถุบินลักษณะกลมสีเงิน บินมาให้บันทึกภาพที่บ้านอาจารย์พีท
เห็นพร้อมทีม blog 17 และคุณแม่แดง รวม 5 ท่าน
ปล่อยพลังงานสีฟ้าให้เห็นก่อนหายไป

ถ่ายภาพวัตถุบินลำนั้นได้ ด้วยกล้องมือถือของทีมอาจารย์พีท พร้อมกันทั้ง 2 กล้อง

อาจารย์พีทเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นไว้ว่า

เมื่อ21/8/52 เวลาประมาณ10.11 เช้า

พบจานบิน สีเงินออกขาว ลอยมาทางเหนือหัว กําลังขับเคลื่อนจากทิศตะวันตก
ไปทางทิศตะวันออก ด้วยความเงียบ และลอยไปไม่เร็วมาก อยู่สูงจากพื้นดิน
ไม่น่าจะเกิน1 กม. มีสมาชิก blog17 4คนและคุณแม่แดงของ blog17 รวม5คน อยู่ในเหตุการณ์ ทุกคนต่างมองด้วยพลังรับรู้ถึงการสื่อสารระหว่างมิติ
แน่ใจว่าใช่ต่างคนก็แยกย้ายกัน คุณแม่แดงวิ่งไปคว้าแว่นกันแดดอันใหญ่จากในรถ สมาชิกคว้ากล้อง อีกคนเปิดmodeกล้องในมือถือ อีกสองจับตามองแบบลืมหายใจ ในวินาทีเดียวกัน ทุกอย่างประจําตําแหน่ง คุณแม่แดงกับแว่นดํา
กล้องโทร1 กล้องโทร 2 สมาชิกเริ่มการบันทึกภาพ ถึงได้รู้พร้อมกันว่า พระอาทิตย์กําลังทรงกลดอยู่
แปลกตรงที่ว่าภาพที่ถูกบันทึกไว้มีสภาพเหมือนถ่ายกลางคืน แต่สังเกตุดูจะ
เห็นจานบินลอยเป็นลูกไฟพลังงาน ช่วงสุดท้ายก่อนหายไปมีการปล่อยรังสีสีออกฟ้าๆนํ้าเงินๆแว๊บๆ แล้วก็เทคหายไปเลย
มากันกลางวันแสกแสกเลย เลยโมทนาบุญกันชุดใหญ่
ไม่เคยพบด้วยตาแบบจะอย่างนี้ โชว์affectกันจะจะเลย
สุดคับ เชิญชมค๊าบ


29 สิงหาคม 2552

ในสนามแข่งรถ
ปรากฏท่อพลังงานส่งลงมาในสนามแข่ง พร้อมกลุ่มพลังงานสีฟ้า

คงจะเป็นทีมเดียวกัน แต่อยู่....ภาคพื้นอากาศ

มาให้กำลังใจอาจารย์พีทเพื่อนร่วมทีม....ภาคพื้นดิน




ท่านสมาชิกจะเห็นเป็นพลังงาน หรือปล่องมวลสาร หรือช่องที่พลังระหว่างมิติส่งข้ามมาหรือทะลุลงมา อยู่ทางด้านซ้ายแถมมีหักโค้งตรงที่วิ่งลงพื้น โชว์การสั่งได้ของeffect




ต้นฉบับที่เขากะลา การเดินทางของแสงเป็นเส้นโค้ง

วันที่ 11 เมษายน 2541



ขออนุโมทนากับทีมงาน blog 17 ทุก ๆ ท่านค่ะ

 

พี่สุดใจกำลังจะเดินทางไป ติดต่อบ้านพัก ในหลาย ๆ สถานที่ เพื่อให้เพื่อน ๆ สมาชิก ที่จะเดินทางมาร่วมในวันเปิดอาคารของแผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิตได้เลือกที่จะพักกัน

ซึ่งภายในบึงบอระเพ็ด มีจำนวน 2 หลัง ติดต่อได้แล้ว สามารถพักได้ประมาณ 50 ท่าน

ส่วนทางบึงบอระเพ็ด ด้านพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ที่เป็นเรือนไทยนั้น
ตอนนี้ ไม่ว่าง เพราะมีผู้จองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

จึงกำลังไปติดต่อยังบ้านพักในจุดอื่น ๆ แล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่งค่ะ

กำลังจัดเตรียมเรื่องอาหารด้วยในตอนนี้ เพราะคาดว่าจำนวนผู้ที่เดินทางมาร่วมงานไม่ต่ำกว่า 100 ท่าน เพราะมีเพื่อน ๆ สมาชิกในจังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดใกล้เคียงติดต่อมาที่พี่สุดใจ แต่ไม่ได้ลงในรายชื่อผู้ร่วมงานจำนวนมาก

ดังที่คาดว่ามีจำนวนผู้เดินทางมาเล็กน้อย แล้วจะทำอาหารทานกันเอง คงไม่เพียงพอแล้ว

จึงต้องหาผู้มาช่วยมาดำเนินการ รับหน้าที่เรื่องอาหาร และเครื่องดื่ม เพราะสมาชิกแผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิต ส่วนมากจะอยู่ที่กรุงเทพฯ และจะเดินทางมาในวันจัดงาน จึงไม่ทันในการเตรียมเรื่องอาหารต่าง ๆ

ดังนั้น จึงได้รับความร่วมมือจากคุณสมจิตร ผู้รับผิดชอบแผนกพื้นที่ โดยจะให้สมาชิกในแผนกพื้นที่ ช่วยดำเนินการให้ ในเรื่องอาหาร และเครื่องดื่ม

ต้องขอขอบคุณ ผู้รับผิดชอบแผนกพื้นที่ และสมาชิกแผนกพื้นที่ทุกท่านเป็นอย่างยิ่งค่ะ

พี่สุดใจอาจจะไม่ค่อยได้มีเวลาเข้ามาสนทนาด้วยในตอนนี้
เพราะต้องเตรียมงานหลายอย่าง

แต่ได้เห็นถึงความสามัคคี ความมีน้ำใจ ความเอื้ออาทรกันและกัน
ของคณะอาจารย์ระบบทุก ๆ ท่าน เพื่อนสมาชิกทุก ๆ ท่าน สมาชิกใหม่ทุก ๆ ท่าน ที่ได้เสียสละ ทั้งแรงกาย แรงใจ และสนับสนุนทั้งกำลังทรัพย์ ให้งานเปิด office ของแผนกเรา เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยอย่างยิ่งค่ะ

 

คุณธานี ผู้ช่วยฯเขตห้ามล่าสัตว์บึงบอระเพ็ด ที่ได้จัดหาบ้านพักรับรองในอุทยานนกน้ำ บึงบอระเพ็ด จำนวน 2 หลังให้นั้น

ได้โทรเข้ามาแจ้งว่า บ้านพักอีกด้านหนึ่งของอุทยานนกน้ำ ได้มีผู้จองไว้เต็มแล้ว จึงได้เพียง 2 หลังที่จัดหาไว้ให้

แต่ให้ทางคณะของเรา มากางเต็นท์ได้ภายในบริเวณอุทยาน ในจุดที่ใกล้ ๆ บ้านพัก และมีห้องน้ำจำนวนมากอยู่ภายในอุทยาน ที่สามารถรองรับสมาชิกได้

โดยให้นำเต้นท์มาเอง และกางได้ในทุกจุดที่เหมาะสม โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ

ดังนั้น อาจารย์วิจิตร จึงได้จัดหาเต้นท์ไว้ให้เพื่อน ๆ สมาชิกแล้ว ประมาณ 10 หลัง ในส่วนของผู้ที่ยังไม่ได้ที่พัก ก็สามารถนำไปกางเต้นท์พักได้ เต้นท์ละ 2 ท่าน


อาจารย์วิจิตร (vijit_j) จากเพชรบูรณ์
จัดทำป้ายชื่อ เต้นท์ที่พัก และหมูหมักย่างยอดอร่อย









และหากท่านใดมีเต้นท์ส่วนตัว ขอให้ท่านนำมาด้วย หากฉุกเฉินที่พักไม่เพียงพอ ก็สามารถกางเต้นท์พักได้ค่ะ

ส่วนบางท่านที่ต้องการความสะดวกสะบาย พักห้องแอร์เย็น ๆ ก็มีให้เลือก 2 แห่งค่ะ ในราคาย่อมเยาว์ จะนำมาแจ้งอีกครั้งหนึ่งค่ะ

 

ได้ประสานงานกับอาจารย์นีโม่ และอาจารย์เม้าท์ ในเรื่องดอกไม้ธูปเทียน ที่จะใช้ในการขอขมากรรม และในการสแกนกรรม ซึ่งต้องใช้ดอกไม้ ธูป เทียน ในการประกอบพิธีขอขมากรรม สแกนกรรมนั้น

อาจารย์นีโม่ อยากให้ทางนครสวรรค์เป็นผู้จัดหาไว้ให้ด้วย เนื่องจากสมาชิกที่เดินทางมาจากสถานที่ไกล ๆ นั้น จะได้ไม่ต้องพะวงเตรียมดอกไม้ธูปเทียน เพราะไม่สะดวกในการพกพา และจะเหี่ยวเฉาเสียก่อนถึงนครสวรรค์

ดังนั้น แผนกข้อมูลฯ จึงจะจัดเตรียมดอกไม้ธูปเทียนไว้ให้ทุกท่าน ที่ประสงค์จะร่วมในพิธีขอขมากรรม และสแกนกรรม โดยเพื่อน ๆ สมาชิก สามารถมารับพานดอกไม้ได้ที่ เจ้าหน้าที่จัดเตรียมดอกไม้ ที่สถานธรรม จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน โดยจะร่วมทำบุญค่าดอกไม้ ธูปเทียน คนละเล็กละน้อยบ้างก็ได้ แล้วแต่ศรัทธา


พานขอขมากรรม อาจารย์นีโม่

1. ดอกบัว
2. ธูป 11 ดอก
3. เทียนสีขาว 2 เล่ม


พานสแกนกรรม อาจารย์เม้าท์

1. ดอกไม้
2. ธูป 11 ดอก
3. เทียนสีเหลือง 2 เล่ม
4. น้ำ 1 แก้ว


จึงแจ้งมาเพื่อให้เพื่อน ๆ สมาชิกรับทราบค่ะ

 

กำหนดการงานฉลองoffice แผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิต
ณ สถานธรรม จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน เขากะลา นครสวรรค์
วันเสาร์ที่ 12 กันยายน 2552

18.00 น. ร่วมรับประทานอาหาร สนทนาสังสรรค์
20.00 น. กิจกรรม ตรวจกรรม ขอขมากรรม รักษาโรค เสริมบารมี สนทนาธรรม
-ตรวจกรรม (ทางสถานธรรมได้จัดดอกไม้ธูปเทียนและแก้วน้ำ ไว้ให้1 ชุด ต่อ 1 ท่าน)

-ขอขมากรรม (ทางสถานธรรมได้จัดเตรียมดอกไม้ธูปเทียน สำหรับขอขมากรรม ไว้ให้ 1 ชุดต่อ 1 ท่าน)

-การรักษาโรค หลังจากขอขมากรรมแล้ว หากท่านใดมีอาการเจ็บป่วยตามร่างกาย ก็สามารถขอรับการบำบัดรักษาได้จากแพทย์แผนอนาคต

-เสริมบารมี อาจารบุญหนา ทวีจิตต์ ได้เมตตา เดินทางมาร่วมงาน และจะทำพิธี เสริมบารมีให้กับผู้มาร่วมงาน ด้วยการลงทองคำเปลวแท้ จำนวน 9 แผ่น
ดังนั้น ผู้ที่ประสงค์จะขอรับการเสริมบารมี จากอาจารย์บุญหนา ขอให้จัดเตรียมแผ่นทองคำเปลวแท้ ติดตัวไปด้วย จำนวน 9 แผ่น ต่อ 1ท่าน

-สนทนาธรรม กับพระญาณหลวงปู่ศุข ผ่านขันธ์ห้าของอาจารย์เอกจิตต์
เพื่อแก้ไขปัญหาชีวิต เป็นเบื้องต้น

-ขอรับการชยายระบบ เพื่อเข้าถึงแนวทางการปล่อยวาง ละการยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวตน จากอาจารย์ระบบ

แจ้งมาเพื่อทราบครับ

 

อ้างอิง:
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ไอย
รถที่จะไปงานวันที่ 12 ก.ย.นี้
<O</O<O</O
รถอาจารย์จอห์นนี่<O</O
1. อ. จอห์นนี่<O</O
2. อ. นีโม่<O</O
3. อ. เอกจิตต์<O</O
4. คุณนก(ลูกศิษย์ อ.เอกจิตต์)<O</O
5. คุณ A41<O</O
6. ผศ.ศุภสิทธิ์
<O</O
รถคุณดาวดวงน้อย<O</O
1. คุณดาวดวงน้อย<O</O
2. เพื่อนคุณดาวดวงน้อย<O</O
3. คุณพุทธิพงษ์ สิริสุขะ (ขอเบอร์ติดต่อกลับด้วยค่ะ)<O</O
4. อ. กรึงไกร<O</O
5. ไอย

รถสองคันนี้ออก START ที่เอื้ออาทร (บึงกุ่ม) เวลา 10.00 น.<O</O<O</O




</TD></TR></TBODY></TABLE>
รถเฮียอ้วน( 7 ที่นัง)
1.เฮียอ้วน
2.อาจารย์ป้าแพท
3.-6.อาจารย์ดอกบัวบานกับครอบครับ
7.MOUNTAIN

รถคุณกวง( 5 ที่นั่ง)
1.คุณกวง
2.-4.คุณติ๋ว กับครอบครัว
5.-6.อาจารย์ทานะบารมี และพี่สาว

รถของเฮียอ้วน กับคุณกวง
ออกเดินทางจากร้านแพท โปสเตอร์ พรานนก
เวลา 12.00 น.


ขณะนี้รถทุกคัน รับผู้โดยสารครบเต็มตามจำนวนแล้วทุกคัน

 

หายไปสองวัน ธุระทางโลก
กลายเป็นถูกทดสอบขันธ์อย่างแรง

เช้าวันอาทิตย์ ได้รับเมล์ แจ้งว่าถ้าไม่ส่งอีเมล์ พาสเวอร์ด ชื่อที่อยู่และ วดปเกิดไปให้เขาทาง yahoo admin จะถือว่าเป็น inactive account และลบ account ของเราออกหมด จึงได้ส่งให้เขาไป

ยังติดใจอยู่นิดๆ ว่าอีเมลล์ทำไมมีนามสกุลเป็นจีเมลล์ yahooaccountservice@gmail.com
เลยคิกว่าเขาจะทำความสะอาดเซอร์เว่อร์จึงต้องไปเช่าที่คนอื่นอยู่ก่อน

พอสองทุ่มเพื่อนโทรมา บอกว่าเธอเปลี่ยนชื่อแล้ว มีอีเมลล์ชื่อเดิมมาอ้างว่าอยู่อังกฤษ ขอยืมเงิน 1400 euro เธอโดน cyber crime เข้าแล้ว

ขณะนี้แอคเคานต์ถูกยาฮูฟรีซไว้
ได้ไปแจ้งความแล้ว กำลังติดต่อกระทรวงไอที และสื่อ จะได้กระจายข่าวคนอื่นจะได้ไม่โดนอุ้มแอคเคานต์ไป
เพราะชื่อเพื่อนฝูงในแอคเคานต์มีค่ากว่าทองคำ

ขออภัยทุกท่านที่ได้รับเมลล์ทั้งหมดนี้ และขอขอบคุณสำหรับความเป็นห่วง
บอกต่อๆ กันไปด้วยว่า ถ้าใครให้ส่งอีเมลลืและพาสเวอร์ดไปให้ อ้างว่าไม่งั้นจะลบแอคคานต์ ก็อย่าส่งนะคะ

ยังอยู่เมืองไทยค่ะ ภาษาอังกฤษในเมล์เหมือนคนเมา ไม่ใช่สำนวนอ. ไก่ค่ะ
พี่สุดใจบอกรักชื่อเสียงและ contact list ก็โดนทดสอบเรื่องนี้

เทพบุตรชาวดินว่า หรือระบบให้เลิกใช้ชื่อสุธาทิพเสียที

คงได้เปลี่ยนคราวนี้นะคะ

 

อ้างอิง:
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ไอย
รถที่จะไปงานวันที่ 12 ก.ย.นี้
<O</O<O</O
รถอาจารย์จอห์นนี่<O</O
1. อ. จอห์นนี่<O</O
2. อ. นีโม่<O</O
3. อ. เอกจิตต์<O</O
4. คุณนก(ลูกศิษย์ อ.เอกจิตต์)<O</O
5. คุณ A41<O</O
6. ผศ.ศุภสิทธิ์
<O</O
รถคุณดาวดวงน้อย<O</O
1. คุณดาวดวงน้อย<O</O
2. เพื่อนคุณดาวดวงน้อย<O</O
3. คุณพุทธิพงษ์ สิริสุขะ (ขอเบอร์ติดต่อกลับด้วยค่ะ)<O</O
4. อ. กรึงไกร<O</O
5. ไอย

รถสองคันนี้ออก START ที่เอื้ออาทร (บึงกุ่ม) เวลา 10.00 น.<O</O<O</O




</TD></TR></TBODY></TABLE>
รถเฮียอ้วน( 7 ที่นัง)
1.เฮียอ้วน
2.อาจารย์ป้าแพท
3.-6.อาจารย์ดอกบัวบานกับครอบครับ
7.MOUNTAIN

รถคุณกวง( 5 ที่นั่ง)
1.คุณกวง
2.-4.คุณติ๋ว กับครอบครัว
5.-6.อาจารย์ทานะบารมี และพี่สาว

รถของเฮียอ้วน กับคุณกวง
ออกเดินทางจากร้านแพท โปสเตอร์ พรานนก
เวลา 12.00 น.


ขณะนี้รถทุกคัน รับผู้โดยสารครบเต็มตามจำนวนแล้วทุกคัน<!-- google_ad_section_end -->

 

อันนี้แหละครับหามานานแล้ว

 

<TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" id=AutoNumber1 border=0 cellSpacing=0 borderColor=#111111 cellPadding=0 width="75%" bgColor=#ffcccc height=4526><TBODY><TR><TD height=143 width="92%" align=middle></TD><TD height=4479 rowSpan=3 width="4%"></TD></TR><TR><TD height=19 width="92%"><EMBED height=77 type=application/x-shockwave-flash width=625 src=flax8.swf></TD></TR><TR><TD height=4259 width="92%">หากเอ่ยชื่อ พระครูวิมลคุณากร คนทั่วไปอาจจะยังไม่คุ้นหูเท่าใดนัก แต่ถ้าเอ่ยชื่อ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าแล้วล่ะก้อ ไม่มีใครปฎิเสธได้ว่าไม่รู้จัก โดยเฉพาะนักนิยมพระเครื่องแล้ว แทบทุกคนต่างใฝ่หาพระเครื่องของหลวงปู่ศุขมาใช้เพราะเชื่อกันว่า พระหลวงปู่ศุขนั้นให้พุทธคุณ ทั้งด้านเมตตามหานิยม และ ด้านแคล้วคลาด คงกระพัน

ภูมิลำเนา - ชีวิตก่อนบวช​

หลวงปู่ศุขท่านอยู่ในละแวก วัดมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ปัจจุบันยังมี ลูกหลานของท่านอยู่ที่บ้านใต้วัดปากคลองมะขามเฒ่าอีกหลายคน หรือแม้แต่ร้านค้าขายภายในบริเวณวัดเองก็ยังมี หลวงปู่ศุขท่านใช้นามสกุล เกศเวชสุริยา อีกสกุลหนึ่ง ท่านเป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้อง 9 คน ด้วยกัน เมื่อหลวงปู่ศุขอยู่ในวัยฉกรรจ์ ท่านได้เดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ ทำมาหากินค้าขายเล็กๆน้อยๆ โดยยึดลำคลองบางเขน ซึ่งมีปากคลองเชื่อมกับแม่น้ำเจ้าพระยาตอนใต้จังหวัดนนทบุรีลงมา ปัจจุบันอยู่ข้างทางเข้าวัดทางหลวง เป็นที่ทำมาหากิน คลองบางเขนนี้ทอดขึ้นไปเชื่อมกับคลองรังสิต เมื่อก่อนนี้เป็นเส้นทางหลักในการคมนาคมทางน้ำ ที่สำคัญ และกว้างขวางเป็นอย่างมาก เมื่อการคมนาคมทางบกเจริญขึ้น การสัญจรทางน้ำก็หมดความสำคัญลง ปัจจุบันคงจะตื้นเขินไปแล้วก็ได้ เพราะขาดการทนุบำรุงที่ควร หลวงปู่ศุขท่านทำมาหากินอยู่ในคลองบางเขนอยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งได้ภรรยาชื่อนางสมบูรณ์ และกำเนิด บุตรชายคนหนึ่งชื่อ สอน เกศเวชสุริยา

บวช​

หลวงปู่ ท่านครองเพศฆาราวาสอยู่ไม่นาน พออายุท่านครบ 22 ปี ท่านได้ลาไปอุปสมบท ณ วัดโพธิ์บางเขน หรือปัจจุบันชื่อว่า วัดโพธิ์ทองล่าง ซึ่งอยู่ปากคลองบางเขนตอนล่าง ส่วนวัดโพธิ์ทองบน อยู่ตอนเหนือของปากคลองบางเขน ตอนบนบริเวณจังหวัดปทุมธานี พระอุปฌาย์ท่านชื่อ หลวงพ่อเชย จันทสิริ อดีตท่านเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทองล่าง ซึ่งเป็นพระสงฆ์ ฝ่ายรามัญ ที่ถือเคร่งในวัตรปฎิบัติและพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลวงพ่อเชยท่านยังเป็นอาจารย์ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ มีความรู้และความชำนาญรู้แจ้งแทงตลอด อีกทั้งทางด้านวิทยาคม ก็แก่กล้าเป็นยิ่งนัก หลวงปู่ท่านได้รับถ่ายทอดวิชาความรู้จากพระอุปฌาย์ของท่านมาพร้อมกับพระอาจารย์ เปิง วัดชินวนาราม และหลวงปู่เฒ่าวัดหงษ์ จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นศิษย์ในสายหลวงพ่อเชย วัดโพธิ์ทองล่างเหมือนกัน

กลับภูมิลำเนา​

หลวงปู่ท่านเพลินอยู่ในธรรมเสียหลายปี จนกระทั่งมารดาที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้ชราภาพลงตามอายุขัย ด้วยความเป็นห่วงใยในมารดาและบิดา ท่านจึงได้เดินทางกลับภูมิลำเนาเดิม และได้อยู่จำพรรษาปีแรกๆที่วัดอู่ทองคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่แต่โบราณที่อยู่ลึก เข้าไปในคลองมะขามเฒ่าหรือบริเวณต้นแม่น้าท่าจีนในปัจจุบัน แต่ทว่าสภาพวัดในขณะนั้น ชำรุดทรุดโทรมลงตามสภาพ เกินกว่าที่จะบูรณะให้กลับคืนในสภาพที่ดีได้ต่อไป ท่านจึงได้ ขยับขยายออกมา ที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและได้สร้างกุฎิขึ้นครั้งแรกหนึ่งหลังพอเป็นที่อยู่อาศัย ไปพลางก่อน

วัตถุมงคลรุ่นแรก​

สืบต่อมามารดาของหลวงปู่ได้ถึงแก่กรรมและได้จัดฌาปนกิจศพ และในงานนี้เองหลวงปู่ ท่านได้สร้างวัตถุมงคลในรูปพระพิมพ์สี่เหลี่ยมซุ้มรัศมีออกแจกเป็นของที่ระลึกเป็นครั้งแรก เมื่อผู้ที่ได้รับแจกพระเครื่องจากท่านไปได้ปรากฎอภินิหารทางอยู่ยงคงกระพัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องกันเขี้ยวงา คือสุนัขกัดไม่เข้า ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ ที่บังเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เพราะบ้านนอกอย่างใน ชนบทสมัยก่อนนั้นไม่ค่อยจะมีรั้วรอบขอบชิดเสียเป็นส่วนใหญ่ ก็ได้อาศัยสุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นยามเฝ้าบ้าน ฉะนั้น การที่แวะเวียนไปบ้านหนึ่งบ้านใดนั้นจะต้องระวังเรื่องสุนัขลอบกัดให้ดี มิฉะนั้นท่านจะถูกสุนัขกัดเอาง่ายๆ พระเครื่องของหลวงปู่จึงมีชื่อเรื่องสุนัขกัดไม่เข้า เป็นปฐมเหตุก่อน จึงเกิดความนิยมไปขอท่านมาแขวนคอบุตรหลานเพื่อกันเขี้ยวงาและภยันตรายต่างๆ สมัยก่อนพระวัดปากคลองเนื้อตะกั่ว จะมีแขวนอยู่ในคอเด็กในท้องถิ่นเกือบจะทุกคน แล้วถ้าไปขอพรหลวงปู่ศุข ท่านมักจะถามว่า "เอ็งมีลูกกี่คน?" ท่านจะให้ครบทุกคน กิตติศัพท์ในความขลังประสิทธิในพระพิมพ์สี่เหลี่ยมของท่านจึงค่อยๆ เผยแพร่จากปากหนึ่งไปสู่อีกปากหนึ่ง ในเวลาไม่ช้าไม่นาน คุณวิเศษของท่านจึงค่อยๆ โด่งดังขจรขจายไปทั่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาอันเป็นเส้นทางคมนาคมสายหลัก การขนส่งสินค้า ตลอดจนการทำมาค้าขาย จะขึ้นล่องจะต้องอาศัยสายน้ำ เจ้าพระยาเพียงแห่งเดียวเท่านั้น เพราะในสมัยนั้นถนนหนทางทางบกยังทุรกันดาร พอตกเพลาพลบค่ำพ่อค้าพ่อขายเรือเล็กเรือใหญ่จะมาอาศัยนอนค้างแรมที่แพหน้าวัดของท่าน เพื่ออาศัยบารมีของท่านช่วยป้องกันขโมยขโจร ที่จะมาประทุษร้ายต่อเลือดเนื้อชีวิตและทรัพย์สิน ถ้าจะเปรียบไปแล้วหน้าวัดของท่านจึงเป็น เสมือนหนึ่งเป็นชุมทางที่สำคัญนี่ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ช่วยเสริมส่งให้เกียรติคุณของท่านแผ่ขยายไปทั่วทุกภาคของประเทศชื่อเสียงของท่านจึงเป็นที่รู้จักกันดี"หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า"

กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์​

อาจจะเป็นด้วย บุญกุศลของหลวงปู่ศุข กับเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระบิดาแห่งราชนาวี ซึ่งเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 นับลำดับราชสกุลวงศ์ เป็นพระโอรสพระองค์ที่ 28 และเป็นพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ ที่1 ในเจ้าจอมมารดาโหมด ธิดาพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) ได้สร้างสมกันมาแต่ชาติ ปางก่อน ดลบันดาลให้เสด็จในกรมฯ ซึ่งทรงศรัทธาเลื่อมใสในทางมหาพุทธาคมอยู่แล้ว ได้เสด็จประพาสไปในภาคเหนือ จึงเป็นเหตุให้หลวงปู่ศุขและพระองค์ท่านได้พบกัน จึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์-อาจารย์เพื่อจะได้ศึกษาทางมหาพุทธาคมและปรากฎว่า พระองค์เป็นศิษย์ที่มีความรู้ความ สามารถได้ศึกษาแตกฉานจนกระทั่งหลวงปู่ศุขเองก็หมดความรู้ที่จะถ่ายทอด จึงแนะนำให้เสด็จในกรมฯไปศึกษาเคล็ดวิชากับหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน จังหวัดพิจิตรต่อ ดังเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วนั้น เมื่อหลวงปู่ศุขท่านมีลูกศิษย์อย่างเสด็จในกรมฯ จึงเป็นกำลังสำคัญให้ท่านสามารถที่จะสร้างวัดปากคลองมะขามเฒ่าให้เสร็จสมบูรณ์ ถาวรวัตถุทางพุทธศาสนาที่คงเหลือเป็นประจักษ์พยานในปัจจุบันนี้คือ ภาพเขียนฝีมือเสด็จในกรมฯบนฝาผนังพระอุโบสถ วัดปากคลองมะขามเฒ่า ที่ยังรักษาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ และเป็นภาพเขียนสีน้ำที่กรมศิลปากรยกย่องว่า เสด็จในกรมหลวงชุมพร ทรงมีฝีมือทางการเขียนภาพเป็นอย่างมาก และทรงสอดแทรกอารมณ์ขันในภาพพระพุทธ-เจ้าชนะมารในกระแสน้ำที่พระแม่ธรณีบิดมวยผม ทำให้เกิดอุทกธาราหลากไหลพัดพาเอาทัพพระยามารไปนั้น พระองค์ท่านเขียนเป็นภาพลิงใส่นาฬิกาและหนีบขวดวิสกี้ กำลังเดินตุปัดตุเป๋ไปเลย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งฤาษีปัญจวัคคี โดยสอดใส่อารมณ์ที่ยิ้มเยาะเย้ยหยัน อย่างไม่อะไรไยดีต่อพระองค์เน้นความรู้สึกได้เด่นชัดมาก ฝีมือของเสด็กในกรมฯ อีกชิ้นหนึ่งก็คือ ภาพเขียนสีน้ำมัน เป็นรูปหลวงปู่ศุขยืนเต็มตัวและถือไม้เท้า ภาพนี้เขียนในขณะที่หลวงปู่ศุข ชราภาพมากแล้ว ท่านจึงต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุงในการเดิน ซึ่งภาพนี้ก็ยังปรากฎให้เห็นอยู่ที่วัดปากคลอง มะขามเฒ่าจวบจนทุกวันนี้ ความสัมพันธ์ ระหว่างอาจารย์ กับ ลูกศิษย์ นอกจากจะถูกอัธยาศัยกันเป็นยิ่งนัก จักเดินทางไปมาหาสู่กันเสมอแล้ว ถ้าเสด็จในกรมฯติดราชการงานเมือง หลวงปู่ก็จะลงมาหา โดยเสด็จในกรมฯได้สร้างกุฎิอาจารย์ ไว้กลางสระที่วัดนางเลิ้ง ซึ่งเต็มไปด้วยดอกบัววิค ตอเรีย มีใบกลมใหญ่ขนาดถาด และรู้สึกว่ากลางใบจะมีหนามคมด้วย อันนี้ได้รับคำบอกเล่า จาก ลุงผล ท่าแร่ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ ติดสอยห้อยตามหลวงปู่ศุขมาแต่เล็ก ท่านเป็นชาวอุตรดิตถ์ หรือพิษณุโลก จำได้ไม่ถนัดนัก หลวงปู่ท่านขอพ่อแม่เขามาเลี้ยงเป็นบุตร บุญธรรม เมื่อสิ้นบุญหลวงปู่ศุข ท่านก็ เลยลงหลักปักฐานได้ภริยาอยู่ที่ตำบลท่าแร่ อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท เลยเรียกกันติดปาก ว่า ลุงผล ท่าแร่ แต่อย่างไรก็ตาม ภายในกำหนด 1 ปี หลวงปู่ท่านจะต้องลงมากรุงเทพฯ 1 ครั้งเป็นอย่างน้อย เพราะเสด็จในกรมฯท่านจะทำวิธีไหว้ครูราวๆ เดือนเมษายน งานจะจัดเป็น 3 วัน วันแรกไหว้ครูกระบี่กระบอง วันที่สองไหว้ครูหมอยาแผนโบราณ และวันที่สามไหว้ครูทางวิทยายุทธ์ พุทธาคมและไสยศาสตร์ จัดเป็นงานใหญ่มีมหรสพสมโภชทุกคืน กับมีการแจกพระเครื่องรางของขลังจากหลวงปู่ศุขอีกด้วย แต่ในระยะหลังๆ หลวงปู่ศุขท่านมีอายุ มากแล้ว สุขภาพไม่ค่อยจะสมบูรณ์เท่าใดนัก ท่านจึงไม่ค่อยได้ลงมา

พระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง​

การที่ท่านทำพระเครื่องรางของขลัง ได้ประสิทธิ์ มี ฤทธิ์ มีเดช ทั้งๆที่อักษรเลขยันต์พื้นๆนั้น เป็นเพราะอำนาจจิตที่ท่านได้ฝึกฝนมานั้น กล้าแกร่งยิ่งนัก โดยเฉพาะกสิณธาตุทั้งสี่ มี ดิน น้ำ ลม ไฟ นั้นเป็นพื้นฐานที่สำคัญ เป็นบ่อเกิดแห่งอำนาจอิทธิฤทธิ์ทางใจเลยทีเดียว สำหรับการสำเร็จวิชาชั้นสูงเรียกว่า มายาการ คือความเชื่อถือและการปฏิบัติ ที่มุ่งหมายให้เกดิผลด้วยการ ใช้พลังหรืออำนาจเหนือธรรมชาติ เช่นของขลัง พิธีกรรม หรือ หลีกลี้ลับ บังคบให้เป็นไปตามที่ตนต้องการ เช่น ท่านเสกใบมะขาม ให้เป็น ตัวต่อ ตัวแตน เสกหัวปลีให้เป็นกระต่าย ตลอดจนการผูกหุ่นพยนต์ด้วยฟางข้าว เสกคนให้เป็นจระเข้เป็นต้น มันเป็นมายาการชั้นสูง คือการบังคับให้เป็นไปตามที่ตนต้องการ แท้ที่จริงแล้วใบมะขามก็ยังคงเป็นใบมะขาม หัวปลี ก็ คงเป็นหัวปลี และหุ่นฟาง ก็คงเป็นหุ่นฟางเหมือนเดิม เว้นแต่อำนาจจิตของท่านทำให้เราเห็นไปเอง จากหนังสือ "พระกฐินพระราชทาน สมาคมศิษย์อนงคาราม ปี 2519 เรื่องพระใบมะขาม " ท่านผู้เขียนอดีตเป็นพระมหา มีหน้าที่ไปอุปัฏฐากหลวงปู่ศุขขณะที่อาราธนาท่านมาปลุกเสกพระชัยวัฒน์ และพระปรกใบมะขาม (พ.ศ.2459)ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า "เมื่อข้าพเจ้าไปอุปัฏฐากหลวงพ่อแล้ว มีชาวบ้านชาววัดมาขอให้หลวงพ่อลงกระหม่อมบ้าง ลงตะกรุดพิสมรบ้าง โดยยื่นแผ่น เงิน ทอง นาก ให้ลงคาถา บางคนขอเมตตา บางคนขอการค้าขาย หลวงพ่อให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ลง ข้าพเจ้าถามว่า การค้าขายจะให้ลงว่ากระไร ท่านบอกว่า "นะเมตตา โมกรุณา พุทธปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู " ข้าพเจ้าจึงบอกว่า "หลวงพ่อครับ ผมไม่มีความขลัง ลงไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร " หลวงพ่อบอกว่า" มันอยู่ที่ผมเสกเป่านะคุณมหา"ข้อนี้ยืนยันว่าเป็นความจริง เพราะระหว่างนั้นข้าพเจ้าให้หลวงพ่อลงกระหม่อม และท่านเสกเป่าไปที่ศรีษะตั้งหลายครั้ง เมื่อท่านเป่าที่กระหม่อมทีไร ข้าพเจ้าขนลุกชันทั่วทั้งตัวทุกครั้ง ทั้งที่ข้าพเจ้าฝืนใจไม่ให้ขนลุก ก็ ลุกซู่ทุกครั้งที่ท่านเป่า ข้อนี้เป็นมหัศจรรย์ จริงๆ ข้าพเจ้าคิดว่าจะเป็นแต่ข้าพเจ้าคนเดียว ไปสอบถามภิกษุอุปัฐาก รูปอื่นๆ ก็ได้รับคำตอบเช่นเดียวกัน ข้อนี้ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า "ท่านสำเร็จสมถะภาวนาแน่ๆ"
อนึ่งท่านเป็นพระที่น่าเคารพนับถือ สำรวมในศีลเป็นอย่างดี ไม่ใคร่พูดจานั่งสงบอารมณ์ เฉยๆ ไม่ถามอะไร ท่านก็ไม่ตอบไม่พูด บางอย่างข้าพเจ้าถามหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ตอบเลี่ยงไปทางอื่น เช่น " เขาว่าหลวงพ่อเสกใบไม้เป็นต่อ และเสกผ้าเช็ดหน้าเป็นกระต่ายได้ และแสดงให้กรมหลวงชุมพรฯเห็นจนท่านยอมเป็นศิษย์ " หลวงพ่อตอบข้าพเจ้าว่า ลวงโลก แล้วท่านก็นิ่งไม่ตอบว่า อะไรอีก หลวงพ่อพูดต่อไปว่า "เวลานี้ กรมหลวงชุมพรฯไปต่างประเทศ (เข้าใจว่าไปรับเรือพระร่วง ) ถ้าอยู่ก็ต้องมาหาท่าน และปรนนิบัติ ท่านจนท่านกลับวัด และว่ากรมหลวงชุมพรฯ นี้ ตกทะเลไม่ตาย แม้จะมีสัตว์ร้ายก็ไม่ทำอันตรายได้ "

ท้ายบท
การที่เราคนรุ่นหลังจักเขียนเรื่องราวและวัตรปฏิบัติของหลวงปู่ศุข ซึ่งท่านมรณะภาพล่วงไปแล้วกว่าครึ่งศตวรรษให้ได้ใกล้เคียงกับความจริงนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ยากมากๆ อาศัยหลักฐานทางเอกสารที่ยังหลงเหลืออยู่บ้าง จากการสอบถามบรรดาลูกศิษย์ ลูกหาของท่าน ซึ่งส่วนมากจะล้มหายตายจากกันไปเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการที่ท่านได้รับรู้จากการเขียน ของ "ท่านมหา" ซึ่งเคยเป็นอุปัฏฐากหลวงปู่ จึงใกล้เคียงความจริงเท่าที่จะหาได้มากที่สุด​

</TD></TR></TBODY></TABLE>