พระพุทธองค์ท่านไม่เคยตรัสว่าเพศที่สามบรรลุไม่ได้แต่ทรงห้ามออกบวชเพราะจะเป็นเหตุให้พระรูปอื่นและตัวของเพศที่สามเองปฏิบัติไม่ได้และรบกวนพระรูปอื่นจักเป็นบาปแก่ตัวเอง อันว่าจิตก็คืดจิตหลงกิเลศตันหากันทั้งนั้นไม่ว่าหญิงหรือชายก็ดินน้ำลมไฟเพศที่สามก็ออกมาจากที่เดียวกันกับผู้หญิงและผู้ชายเกิดจากกระบอกไม้ไผ่ที่ใหนก็หาไม่และโดยมากเพศที่สามจะมักมากในกามหลงในกามจึงไม่ค่อยมีที่จะปฏิบัติอย่างจริงจังจึงไม่มีเพศที่สามบรรลุและโดยมากเพศที่สามจะไปในทางร่างทรงองค์เทพสะมากเจ้าแม่นั้นเจ้าแม่นี้ปฏิบัติจริงๆไม่มีเห้นผู้ชายหล่อๆก็อารมวาบหวิวเพราะเหตุแห่งกามมันรุนแรงจึงเป็นเหตุให้ท้อต่อการปฎิบัติสุดท้ายนี้อยากจะบอกว่าไม่ว่าเพศใดก็ตามพิการหูหนวกตาบอดก็สามารถบรรลุได้ทั้งนั้นขอแค่ตั้งใจปฎิบัติไม่ใชวันนี้ทำพรุ้งนี้ฉันต้องบรรลุนะนั้นมันปฏิบ้าไม่ใช่ปฎิบัติธรรมคือธรรมชาติและเพศที่สามก็มีมาตั้งแต่มีโลกแล้วเหตุแห่งกรรมทำให้เกิดทุกคนเกิดก็เพราะกรรมไม่ทำกรรมก็ไม่ต้องเกิดไม่โง่หลงแล้วจะได้เกิดไหมละอยากบอกว่าเพศที่สามทั้งหลายอย่าคิดว่าตนเป็นเพศที่สามแล้วจะไม่สามารถบรรลุได้ถามตัวเองดีกว่าว่าคุณตั้งใจมากแค่ใหนมากว่านะค่อยๆทำไปแต่อย่าโลภถึงแม้ทำคนธรรมดาไม่ใช่เพศที่สามปฎบัติจนตายไม่บรรลุก็มีถมเถไปแต่ท่านเหล่านั้นก็มีที่ไปที่ดีเยี่ยมเพราะปฏิบัติดีแล้วเพราะฉะนั้นปฏิบัติดีต่อไปเถอะครับอย่าท้อนะ...
ข้อห้ามสำหรับเพศที่สามสำหรับการปฏิบัติกรรมฐานมีด้วยหรือ
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย tharee, 14 กรกฎาคม 2011.
หน้า 2 ของ 2
-
คอมเม้นนี้เริดที่สุดในสามโลก 5555555:cool: -
แวะมาอ่านด้วยครับ...
-
Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี
กรณีเพศไม่ตรงรูป เช่น ไม่ปรากฏอวัยวะเพศ มีอวัยวะเพศของทั้งสองเพศ ข้อนี้เป็นอเหตุกบุคคล ไม่สามารถล่วงโคตรปุถุชนได้
กรณีจิตใจไม่ตรงกับเพศ ร่างเป็นชายใจเป็นหญิง เป็นชายรักชาย ชายรักกระเทย.....
ลองพิจาณาดูนะครับ
"มนุษย์ ผู้ปฏิสนธิด้วยอุเบกขาสันตีรณกุสลวิบากนี้ เป็นผู้มีบุญน้อยจึงพิการ ต่าง ๆ มาแต่กำเนิด ไม่ใช่มาพิการในภายหลัง ความพิการนี้มีถึง ๑๐ ประการ คือ
.........
๗. ปณฺฑก พวกบัณเฑาะก์ คือ พวกวิปริตในเรื่องเพศ
๘. อุภโตพยญฺชนก ผู้ปรากฏเป็น ๒ เพศ
๙. นปุํสก ผู้ไม่ปรากฏเพศ
.........
ที่มา เว็บอภิธรรมออนไลน์...
-
Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี
จากมิลินทปัญหา...
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน คนทุกคนถ้าปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว ย่อมได้บรรลุมรรคผลนิพพานด้วยกันทั้งนั้นหรือ
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ไม่ทั้งนั้นมีบางจำพวกซึ่งแม้จะปฏิบัติดีสักเท่าไร ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้บรรลุ
ม. พวกนั้นได้แก่ใครบ้าง
น. ขอถวายพระพร ได้แก่คนเหล่านี้ คือ :-
(๑) คนมิจฉาทิฐิ
(๒) คนกระทำอนันตริยกรรม ๕ (ฆ่ามารดา ๑, ฆ่าบิดา ๑, ฆ่าพระอรหันต์ ๑,ทำร้ายพระพุทธเจ้าถึงห้อพระโลหิต ๑, ทำสงฆ์ให้แตกจากกัน ๑, ) แม้อย่างใดอย่างหนึ่ง
(๓) คนปลอมเพศเป็นพระภิกษุ
(๔) พระภิกษุกลับไปถือลัทธิอันผิด
(๕) คนประทุษร้ายนางภิกษุณี
(๖) พระภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วไม่ได้อยู่กรรม
(๗) คนบัณเฑาะว์ (กะเทย)
(๘) คนอุภโตพยัญชนก (คนปรากฏทั้ง ๒ เพศ )
(๙) สัตว์เดียรฉาน
(๑๐) เปรต
(๑๑) เด็กอายุต่ำกว่า ๗ ขวบ -
Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี
พวกบัณเฑาะว์ ๓ ประเภท คือ อาสิตตาบัณเฑาะก์, อุสุยยบัณเฑาะก์ และปักขบัณเฑาะก์
๓ ประเภทนี้ อาจจะเป็น ทวิเหตุกบุคคลก็ได้ ติเหตุกบุคคล(พร้อมบรรลุธรรม)ก็ได้
แต่ต้องปรับจิตให้เป็นปกติเสียก่อน ก็จะมีโอกาสบรรลุธรรมได้นะครับ -
ไม่เห็นว่าต้องมีข้อห้ามอะไรนี่นา นอกจากรู้จักหักห้ามใจตนเองให้ได้ไม่ว่าอะไรจะกระทบทั้งเบาทั้งแรง ต้องอาศัยขันติและวิริยะมากกว่า คนธรรมดาหลายเท่าจึงจะพ้นจากบ่วงกรรมนี้ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นสิ่งไม่ดีนะ หมายถึงมันเป็นกรรมที่ทุกคนต้องพบประสบอยู่แล้วตามเหตุปัจจัยที่สั่งสมกันไว้ คนที่เป็นหญิงหรือชายแท้ก็ใช่ว่าจะดีกว่า แท้ที่จริงไม่ต่างกันหากไม่รู้จักหักห้ามใจตนเอง
สาธุคั๊บ -
ที่สำคัญหากคิดพิจารณาว่าสิ่งนั้นคือความดี จงรีบเพียรกระทำอย่าท้อถอยเลย แม้ว่าจะมีบัญญัติต่างๆมาเป็นเครื่องกางกั้น นี่แลหะถึงว่าต้องอาศัยขันติกับวิริยะ เรื่องอื่นนั้นมีเหตุผลของมันอยู่แต่เรื่องนี้ มันอยู่ที่ใจ หรือที่จิต ล้วนๆ คนที่มองเห็นว่าเป็นเรื่องดีมองแล้วไม่ทุกข์มีความสุขแสวงหาความสุขจากรูปและนามเหล่านี้ก็มีและคนที่มองเห็นความทุกข์จากความไม่สมหวังจากความไม่เที่ยงก็มีเลือกเอาว่าจะเป็นแบบไหน พระศาสนาสอนสั่งเอาไว้แล้วพิจารณาเอานะครับ
หน้า 2 ของ 2