ปิดรับบริจาค ข้าวปลาอาหารสมบูรณ์ ขอเชิญร่วมบุญสร้างศาลาหอฉัน เสร็จแล้วเชิญร่วมอนุโมทนา

ขอเชิญร่วมบุญสร้างศาลาโรงฉัน/โรงอาหาร สำหรับพระภิกษุสามเณรและผู้ปฏิบัติธรรม
สำนักสงฆ์แพร่ธรรมจักร (สำนักปฏิบัตธรรมแพร่ธรรมจักร) บ้านน้ำพุ หมู่ 3 ตำบลบ้านกวาง อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ โทร 089 2137759 เป็นสำนักสงฆ์ที่ตั้งขึ้นใหม่ เจตนาให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ในระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีญาติโยมให้ความสนใจ มาเข้าปฏิบัติธรรมเป็นประจำ ทางสำนักจึงจำเป็นต้องขยับขยายสถานที่ให้เพียงพอ รองรับผู้มาปฏิบัติธรรม โรงฉัน หรือโรงอาหาร ก็เป็นสิ่งสำคัญ หากมีผู้มาปฏิบัติธรรมหรือมาร่วมงานบุญที่สำนักมากจำเป็นต้องตั้งโต๊ะกลางแจ้งรับประท่านอาหาร ทางสำนักจึงได้มีโครงการก่อสร้างโรงฉันหรือโรงอาหาร ขึ้นเพื่อรองรับผู้มาปฏิบัติธรรม จึงได้ประกาศบอกบุญให้กับผู้ที่มีความพร้อม อยากจะร่วมบุญสร้างโรงฉัน /โรงอาหาร ในครั้งนี้ ตามกำลังศรัทธา
งบประมาณในการดำเนินการ ประมาณ ๗,๐๐๐๐ บาท เชิญร่วมบุญตามกำลังศรัทธา เจริญพร
เชิญร่วมบุญตามกำลังศรัทธา ได้ที่สำนักสงฆ์แพร่ธรรมจักร บ้านน้ำพุ หมูที่ 3 ต.บ้านกวาง อ.สูงเม่น จ.แพร่ 54130 โทร 0892137759 หรือ เลขที่บัญชี 981-0-52153-7 ชื่อบัญชี พระกฤษกร กิตติปญโญ ประเภทบัญชี : ออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาสูงเม่น
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/SanakPtibat...rrmcakr?ref=hl

ภาพภิกษุ สามเณร ผู้ปฏิบัติธรรมญาติโยมต้องตั้งโต๊ะรับประทานอาหารกลางแจ้ง



วัดที่สร้างโรงฉัน/โรงอาหาร


ตัวอย่างโรงอาหาร


หลายชื่อเรียกนี้ชาวพุทธทุกคนล้วนเข้าใจตรงกันว่าหมายถึงโรงอาหารในวัดนั่นเอง สาเหตุที่ใช้คำว่าหอฉัน หรือ โรงฉัน ก็เป็นเพราะใช้ภาษาของพระ นั่นคือคำว่า ฉัน ซึ่งแปลว่า รับประทาน ดังนั้น โรงอาหารในวัด จึงมักถูกเรียกว่าโรงฉัน หรือหอฉัน นั่นเอง
อย่างที่ทุกคนทราบกันอยู่แล้วว่า คนเราทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งพระภิกษุ สามเณร แม่ชี และผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ต้องอาศัยการรับประทานอาหารเพื่อความอยู่รอด แม้ว่าในการปฏิบัติธรรม และการบวช จะมีการรักษาศีล ๘ ศีล ๑๐ ไปจนถึงศีล ๒๒๗ ของพระภิกษุ อันเนื่องด้วยการทานให้น้อยในแต่ละวัน ทานอาหารไม่เกินเที่ยงวัน แต่อาหารก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นในการหล่อเลี้ยงชีวิต เพื่อให้มีกำลังในการปฏิบัติธรรม และการสร้างกุศลต่อไป
ดังนั้น หอฉัน หรือโรงอาหาร จึงเป็นอีกส่วนหนึ่งในวัดที่มีความสำคัญมาก เปรียบเหมือนเป็นกองกำลังสนับสนุน ให้กองทัพมีแรงออกสู้ศึก ซึ่งในที่นี้ก็เป็นศึกแห่งการสู้กับกิเลส อันเป็นกิจที่คนอยู่วัดทั้งหลาย ทั้งพระภิกษุ สามเณร แม่ชี และผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายต้องเตรียมกำลังให้พร้อม เพื่อการปฏิบัติธรรมอันเปรียบได้กับการออกรบกับกองกิเลสทั้งหลาย
การทำบุญเพื่อสร้างถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา นอกจากการสร้างวิหาร อุโบสถ อาคารเรียน หรืออาคารปฏิบัติธรรมแล้ว การทำบุญเพื่อสร้างศาลาหอฉันก็นับว่ามีอานิสงส์มากมายหลายประการเช่นกัน ทั้งประโยชน์ส่วนตน ประโยชน์ส่วนรวม และประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา ดังนี้
ประโยชน์และอานิสงส์ในการสร้างศาลาโรงฉัน
ประโยชน์ต่อตนเอง
• เป็นที่ปรุงอาหารเพื่อใช้เลี้ยงชีวิตในเวลาที่ตนเองไปปฏิบัติธรรม ทำให้มีกำลังในการปฏิบัติธรรมและสร้างกุศลให้ยิ่งๆขึ้นไป
ประโยชน์ต่อส่วนรวม
• เมื่อครอบครัว ญาติพี่น้อง ลูกหลานของเราไปปฏิบัติธรรม ก็จะได้มีอาหารและโรงฉันที่เอื้ออำนวยแก่การปฏิบัติธรรม ช่วยให้การปฏิบัติธรรมไม่ติดขัด เกื้อหนุนต่อการมาปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง
• เป็นสถานที่พระภิกษุ สามเณร และแม่ชี ได้ฉันอาหาร เปรียบเสมือนได้มีส่วนร่วมในการถวายอาหารในทุกๆมื้อที่เกิดขึ้นในศาลาโรงฉันแห่งนี้
ประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา
• เป็นสถานที่ให้พระภิกษุ สามเณร แม่ชี และผู้ปฏิบัติธรรมได้รับประทานอาหาร เพื่อให้มีแรงกำลังในการปฏิบัติงานเพื่อพระพุทธศาสนา และการปฏิบัติธรรมต่อไป
• เป็นการสร้างความสะดวกให้แก่ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมที่วัด ส่งผลให้ผู้ปฏิบัติธรรมสามารถมาปฏิบัติธรรมได้อย่างต่อเนื่องมากขึ้น เป็นการช่วยสืบทอดแนวทางหลักของพระพุทธศาสนา
อานิสงส์ในการสร้างศาลาโรงฉันในพระไตรปิฎก
ในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๔ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ อายาตทายกเถราปทานที่ ๘ ได้มีการกล่าวถึงอานิสงส์แห่งการสร้างศาลาโรงฉันไว้ดังนี้
“เมื่อพระโลกนาถพระนามว่าสิขี ผู้ประเสริฐกว่าพวกคนผู้กล่าว (ยกย่องตน) นิพพานแล้ว เราร่าเริง มีจิตโสมนัส ได้ไหว้พระสถูปอันอุดม ในกาลนั้น เราร่าเริง มีจิตโสมนัส ให้คนไปบอกกับนายช่าง ให้ทรัพย์แล้ว จ้างให้ทำศาลา (ลี) โรงฉัน เราอยู่ในเทวโลกตลอด ๘ กัลป โดยไม่สับสนกันเลย ในกัลปที่เหลือ เราท่องเที่ยวไปสับสนกัน ยาพิษย่อมไม่กล้ำกรายในกายเรา และศาตราไม่กระทบกายเรา เราไม่พึงตายในน้ำ นี้เป็นผลแห่งการสร้างศาลาโรงฉัน เราปรารถนาฝนเมื่อใด มหาเมฆย่อมยังฝนให้ตกเมื่อนั้น แม้เทวดาทั้งหลายก็ตกอยู่ในอำนาจเรา นี้เป็นผลแห่งบุญกรรม เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิสมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ ๓๐ ครั้ง ใครๆ ย่อมไม่ดูหมิ่นเรา นี้เป็นผลแห่งบุญกรรม ในกัลปที่ ๓๐
แต่กัลปนี้ เราได้ให้สร้างศาลาโรงฉันใด ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการสร้างศาลาโรงฉัน คุณวิเศษเหล่านี้ คือปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระอายาตทายกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.”
จะเห็นได้ว่าการสร้างศาลาโรงฉันถวายไว้เป็นถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนานั้น เกิดประโยชน์ทั้งในปัจจุบัน และประโยชน์ในภายหน้า ประโยชน์ในปัจจุบันก็คือ ตัวเราเอง ครอบครัว พระภิกษุ สามเณร แม่ชี และผู้ปฏิบัติธรรมท่านอื่นๆก็ได้ใช้ประโยชน์ ได้รับความสะดวกจากศาลาโรงฉันของทางวัด เป็นกำลังเกื้อหนุนอย่างหนึ่งให้มีแรงในการปฏิบัติธรรมและสร้างกุศลให้ยิ่งๆขึ้นไป รวมถึงประโยชน์ในภายภาคหน้าดังที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ในอายาตทายกเถรปทาน ว่าจะได้รับอานิสงส์ห่างไกลจากภัยอันตรายต่างๆ ได้อยู่แต่ในสุคติ ดังนี้จึงเห็นได้ว่าการสร้างศาลาโรงฉันนี้ มีประโยชน์และอานิสงส์มากมาย

รับเจ้าภาพโต๊ะยาว และเก้าอี้ รับประทานอาหาร
โต๊ะยาว จำนวน 3 ตัว ๆ ละ 2900 บาท เก้าอี้ ตัวละ 200 บาท จำนวน 23 ตัว (ซื้อมือสองจากร้านอาหารเก่า)

 

โอนเพื่อร่วมบุญสร้างศาลาโรงฉัน ไปวันนี้ (4/10/2014) เวลา 19.50 น.
500 บาทครับ

 

สาธุ บุญรักษา

การทำบุญด้วยการสร้างศาลาโรงฉันถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ เพื่อให้พระสงฆ์ได้มีที่ฉันอาหารเป็นกิจจะลักษณะ หรือจัดสร้างโรงทานให้กับผู้ที่เดือดร้อนได้มีอาหารกิน จะได้รับอานิสงส์ผลบุญทั้งในชาตินี้และชาติหน้า คุณจะเป็นผู้ที่พรั่งพร้อมสมบูรณ์ไปด้วยเครื่องอุปโภคและบริโภคอย่างครบครัน ครั้นได้ไปเกิดในชาติภพหน้าก็จะได้ไปเกิดในตะกูลที่มั่งคั่ง ไม่มีวันที่จะตกทุกข์ได้ยาก สุขภาพร่างกายก็จะแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน จิตใจก็จะมีความสุขสมบูรณ์ ไม่มีเรื่องเดือดร้อนกายและใจ เมื่อมีร่างกายและจิตใจพร้อมแล้ว อายุของคุณก็จะยืนยาวอยู่เป็นหัวหน้าครอบครัวจนประสบความสำเร็จสูงสุดได้อย่างง่ายดาย และวิ๔ชีวิตของผู้ที่ทำบุญด้วยวิธีนี้นั้น จะคิดอ่านสิ่งใดก็จะไม่มีอุปสรรคมาขัดขวางเลย ซึ่งนับว่าการทำบุญด้วยวิธีการนี้จะได้รับอานิสงส์อัน

อานิสงค์ทำบุญสร้างศาลาโรงฉันจากเวป ทำบุญด้วยการสร้างศาลาโรงฉัน | ทำบุญ



โครงการบวชเณรภาคฤดูร้อน ที่วัดสูงเม่นพระอาจารย์ได้พาคณะพระภิกษุสามเณรมาปฏิบัติธรรมที่สำนัก และโครงการ จากศูนย์สามวัย พาผู้สูงอายุเข้าวัด

 

ตั้งเสาโรงฉัน(ที่รับประทานอาหาร) เจ้าภาพเสาต้นละ 1,000 จำนวน 6 ต้น



คราวนี้ เรามาดูรายละเอียดเกี่ยวกับผลบุญจากการสร้างหอฉันกัน ว่าได้เผล็ดผลแก่ท่านอย่างไร ท่านเสลเศรษฐีได้ไปหาเสาไม้อย่างดีมาทำเป็นเสาหอฉันจำนวน ๕ ต้น บุญนั้นทำให้ท่านได้คุณสมบัติที่พิเศษ ๕ อย่าง คือ เป็นผู้มีจิตใจมั่นคงตลอด ไม่เคยมีจิตหวาดสะดุ้งเลย ท่านได้สมบัติตักไม่พร่องจนตลอดชีวิต มีถ้อยคำน่าเชื่อถือ พูดเรื่องอะไรก็มีคนคล้อยตามทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นพระราชาหรือเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ท่านจะไม่มีศัตรู คือใครที่รู้จักท่านแล้ว ก็จะพากันรักท่านทุกคน ไม่มีใครแสดงความรังเกียจเลย และท่านก็รักทุกคนเหมือนญาติพี่น้อง ทำให้อยู่อย่างมีความสุขจนตลอดชีวิตhttp://buddha.dmc.tv/ธรรมะเพื่อประชาชน/อานิสงส์ถวายเสา_๕_ต้น_ร่วมสร้างโรงฉัน.html

 

มาทำบุญแล้วร่วมรับประทานอาหาร

 

สำเร็จ
วัน/เวลาการทำรายการ 06-11-2014 10:02:06
เลขที่อ้างอิงการทำรายการ 28380496692014116
บัญชีผู้โอน 162-0-XXXXX-9
บัญชีผู้รับโอน 981-0-XXXXX-7
จำนวนเงิน 20.00 บาท

 

สาธุ อนุโมทนามิ ขอให้บุญรักษา เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้น เจริญพร

 

ร่วมทำบุญสร้างศาลาโรงฉัน/โรงอาหาร สำหรับพระภิกษุสามเณรและผู้ปฏิบัติธรรม
สำนักสงฆ์แพร่ธรรมจักร (สำนักปฏิบัตธรรมแพร่ธรรมจักร) บ้านน้ำพุ หมู่ 3 ตำบลบ้านกวาง อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ จำนวน 40 บาท

เวลาที่สั่งทำรายการ : 06/11/2014 19:23
วันที่ทำการโอนเงิน : 6/11/2014
หมายเลขอ้างอิง : 28387375522014116
บัญชีที่โอน : KTB
บัญชีผู้รับโอน : พระกฤษกร กิตติปญโญ( กวางย้าน) A/C No. : 9810XXXXX7
จำนวนเงินที่โอน : THB 40.00
ค่าธรรมเนียม : THB 0.00

 

สาธุ บุญรักษา ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้น เจริญพร



เทพื้น



"..เราก็เกิดในโลกนี้ เพื่อมาสร้างบารมี ไม่ใช่ว่า มาเกิดเล่น
เกิดมาแสวงหาความสุข สนุกชั่วคราว ไม่มีประโยชน์อะไร
ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตาย เป็นของแน่นอน
โลกนี้ เป็นแต่ทางผ่าน เท่านั้นเองล่ะ

มาเกิดแล้ว หมดอายุ หมดบุญ แล้วก็ผ่านไป หาที่เกิดใหม่
บุญบาปนำไป หมดบุญ หมดกรรม ที่นำไปเกิดในที่นั้นๆ
ก็วกกลับมาเกิดที่โลกนี้อีก มาเฝ้าโลกนี้อีกอยู่ มาเฝ้าแล้ว
ไม่เห็นมีใครได้อะไร ได้แต่บุญ กับบาปที่ทำ
เราก็เกิดในโลกนี้ ไม่ใช่ว่า มาเกิดเล่นนะ ให้คิดให้พิจารณาให้ดี

เกิดมาเพื่อมาสร้างบารมี อาศัยบุญบารมี นำดวงจิตนี้
ให้พ้นจากทุกข์ ไปตามลำดับนะ.."

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

 

เทพื้นศาลาโรงฉัน จ่ายไป 6,300 บาท ติดต่อร่วมบุญได้ตามกำลังศรัทธา เจริญพร

 

อนุโมทนาบุญกับโยม ศุภชัย ได้ติดต่อเข้ามาขอเป็นสะพานบุญชักชวนเพื่อน ๆ กัลยาณมิตร ช่วยกันสร้างหอฉันสำนักสงฆ์แพร่ธรรมจักรอีกแรงหนึ่ง สาธุ บุญรักษา

 

อนุโมทนาบุญ โยมท่านหนึ่งร่วมบุญสร้างหอฉัน 500 บาท และขออุทิศผลบุญให้กับนายเวียน เพชรสน นายเหลือง นางเยื่อ เพชรสน นายเฮงกี่ นางเข่ง แซ่ดง้ว นายวิน เพชรสน สาธุ บุญรักษา เจริญพร



ขึ้นโครงศาลา

 

" อนาคต ขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเราทำในปัจจุบันนี้ "

 

[/url]


ปฏิบัติธรรมวันออกพรรษา และช่วงปิดเทอม สาธุ บุญรักษา เจริญพร

https://www.facebook.com/SanakPtibatiThrrmPhaerThrrmcakr?ref=hl

 

.พระพุทธองค์ทรงช่วยใครมิได้ดอก
....แต่ทรงบอกแนวทางปฏิบัติไว้
....ทานศีลภาวนาอย่าละ ประพฤติไป
....เป็นสุขใจไร้ทุกข์โศกโลกมายา



ขึ้นโครงสร้างหลังคา

เชิญร่วมบุญเป็นเจ้าภาพหลังคาหอฉัน ตามกำลังศรัทธา

บุญต่อไปคือปูพื้นกระเบื้องศาลาหอฉัน จำนวน 72 ตารางเมตร ๆ ละ 300 บาท หรือตามกำลังศรัทธา เจริญพร

 

[/url]

สาธุ โยมลุงยามาปฏิบัติธรรม วันนี้ขอลาศีลกลับบ้าน บอกว่าพอดีโยมมีไม้อยู่ ขอถวายไม้เพื่อทำเพดานหอฉัน ทีแรกก็คิดว่าจะไม่ใส่เพดานหรอก พอมีคนบริจาคไม้มาก็คงต้องใส่ แต่ก็ต้องเพิ่มค่าแรงให้ช่าง
สาธุ อนุโมทนามิ บุญรักษา

 

อนุโมทนาบุญกับโยมศุภชัย โรจน์ขจรนภาลัย พร้อมคณะกัลยาณมิตร วันนี้ได้โอนปัจจัย ร่วมบุญจำนวน 57,220 บาท สมทบสร้างหอฉันสำนักสงฆ์แพร่ธรรมจักร สาธุ ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้น เจริญพร

ความคืบหน้าสร้างหอฉัน ช่างได้หยุดงานไป 2-3 วัน เพราะช่างลาไปลงแขกเกี่ยวข้าว ได้ขึ้นโครงสร้างหลังคาไว้ เหลืองานมุงหลังคา ปูกระเบื้อง ติดไฟฟ้า ใส่เพดาน ฯลฯ สาธุ

 

"ทาน ศีล ภาวนา ให้รีบทำ" อย่าเอาไว้ก่อน..อย่าคิดดูก่อน..เราอาจจะตายก่อน..
บุญถวายโต๊ะอาหาร ช่างมุงหลังคายังไม่มา จึงให้ช่างเหล็กทำโต๊ะอาหารก่อน จำนวน 3 ตัว สาธุ อนุโมทนามิ
กุลบุตรคนหนึ่งอยู่ในเมืองสาวัตถี เขามีจิตใจเลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนา ครั้นได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์ก็มีศรัทธาอย่างแรงกล้าจึงออกบวชในพระพุทธศาสนา ได้ปฏิบัติเจริญสมณธรรม ในไม่ช้าก็ได้บรรลุพระอรหันต์ ต่อมาพระเถระปรารถนาจะเฝ้าพระพุทธเจ้าที่ประทับอยู่ ณ กรุงราชคฤห์ จึงเดินทางมาเฝ้าในระหว่างทางได้เข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หลังจากที่ได้อาหารพอประมาณแล้วจึงแสวงหาที่สำหรับทำภัตกิจ
ครั้งนั้นมีอุบาสิกาคนหนึ่ง ครั้นได้เห็นพระเถระก็มีจิตเลื่อมใสจึงอาราธนาให้ไปทำภัตกิจที่บ้านของตน นางได้จัดตั่งที่นั่ง และเอาผ้าผืนหนึ่ง และเอาผ้าผืนหนึ่งมาปูถวายเป็นที่นั่งทำภัตกิจ เมื่อพระเถระทำภัตกิจเสร็จ เสร็จแล้วนางก็ได้ถวายตั่งและผ้าผืนนั้นแก่พระเถระและตั้งความปรารถนาว่า ด้วยอานิสงส์แห่งการถวายผ้าในครั้งนี้ขอให้บัลลังก์ทองจงเกิดมีแก่ดิฉันในภพหน้าด้วยเทอญ พระเถระจึงโมทนาว่า “ขอความปรารถนาของเธอจงสำเร็จ” หลังจากนั้นจงแสดงอานิสงส์แห่งการถวายเตียง ตั่ง อาสนะว่า “บุคคลใดได้ถวายเตียง ตั่ง อาสนะเป็นที่นั่งที่นอน บุคคลนั้นจะได้ไปเกิดในตระกูลขัตติยะกษัตริย์บริบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติและบริวารเป็นอันมาก” นางอุบาสิกาเมื่อได้ฟังอานิสังคกถาอย่างนั้นยิ่งมีจิตใจเลื่อมใสเป็นทวี จึงได้นำเตียง ตั่ง อาสนะที่เป็นที่นั่งที่นอนต่างๆจำนวนมากตามไปถวายพระเถระ
ต่อมาเมื่ออุบาสิกาท่านนั้นตายไปแล้ว ได้ไปบังเกิดเสวยทิพยสมบัติในเทวโลกสวรรค์มีชื่อว่า นางภัททปีฐทายิกาเทพธิดา มีวิมานทองสูง 12 โยชน์ ท่ามกลางวิมานทองแห่งนั้นได้มีบัลลังก์ทองสำหรับเป็นที่นั่งเกิดสูงได้ 1 โยชน์ มีบริวาร 1000 คน เป็นบริวาร และเมื่อเคลื่อนจากเทวโลกสวรรค์ไปแล้ว นางก็ได้ไปเกิดเป็นธิดาของกษัตริย์ในมนุษย์โลก ::
ท่านใดประสงค์จะร่วมบุญเป็นเจ้าภาพโต๊ะอาหาร ตัวละ 2,900 บาท

 

รับเจ้าภาพโต๊ะยาว และเก้าอี้ รับประทานอาหาร
โต๊ะยาว จำนวน 3 ตัว ๆ ละ 2900 บาท เก้าอี้ ตัวละ 200 บาท จำนวน 23 ตัว (ซื้อมือสองจากร้านอาหารเก่า)

 

หอฉันยังเปิดโอกาสให้ร่วมบุญได้อยู่ จากเดิมตั้งงบประมาณไว้ ๘๐,๐๐๐ บาท ตอนนี้จ่ายไปแล้ว ๙๐,๐๐๐ บาทแล้ว งานต่อไปคือ กระเบื้องปูพื้น กับติดตั้งไฟฟ้า ตั้งใจทำให้ออกมาดี ถวายเป็นพุทธบูชา สาธุ อนุโมทนามิ

การให้ทานที่ได้ผลมากที่สุดก็คือการให้ทานด้วย “เจตนาหรือความตั้งใจ” ที่หวังให้ผู้อื่นเป็นสุข แม้ทานนั้นจะเป็นสิ่งเล็กน้อยแค่ไหนก็ตามก็ย่อมให้ผลมาก เจตนาบริสุทธิ์ หมายถึง เจตนาของผู้ที่ให้ จะต้องให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ มุ่งให้เกิดความดีงาม

ยังรับบุญต่อไปคือปูพื้นกระเบื้องศาลาหอฉัน จำนวน 72 ตารางเมตร ๆ ละ 300 บาท หรือตามกำลังศรัทธา เจริญพร

เจตนานั้นต้องไม่ได้ให้เพื่ออวดมั่งมี อวดรวย อวดดี หรือเพื่อโอ้อวดอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะการให้เช่นนั้น จะเป็นการให้ที่มีเจตนาเห็นแก่ตัว ทำไปแล้วใจไม่สบาย ใจไม่บริสุทธิ์ เจตนาที่บริสุทธิ์แห่งการให้จะมีความสมบูรณ์ในเจตนาทั้งสามระยะคือ

1. เจตนาระยะช่วงก่อนให้ทาน

ช่วงที่เราจะให้ทานใดๆ คือในระยะการแสวงหาทรัพย์หรือสิ่งของที่กำลังจะนำไปทำทาน หรือแม้แต่ทานที่ออกมาจากใจ อย่าง ธรรมทานหรืออภัยทานก็ตาม จิตใจของเรามีแต่ความสุขเบิกบานยินดี เช่น ขณะที่กำลังทำงานหาเงินอยู่ จิตใจก็มีความร่าเริงเพราะดีใจที่จะได้เอาเงินที่หามาได้อย่างสุจริตนี้ไปทำบุญ การตั้งเจตนาไว้อย่างนี้ทานจึงมีผลมาก

2. เจตนาระยะช่วงในขณะที่กำลังให้ทาน

ระยะที่เรากำลังให้ทานไม่ว่าจะเป็น ทานที่เป็นทรัพย์ภายนอกหรือ ที่เป็นทรัพย์ภายใน ขณะที่กำลังให้อยู่ จิตใจก็มีความสุขเบิกบานยินดีในทานนั้น เช่น ในขณะที่กำลังตักข้าวใส่บาตรพระก็มีจิตใจที่เปี่ยมด้วยความสุขเบิกบานใจ เต็มใจให้

3. เจตนาระยะช่วงหลังจากให้ทานไปแล้ว

คือเมื่อได้ให้ทานไปแล้ว หลังจากนั้นก็ดี หรือผ่านมานานแค่ไหนแล้วก็ตามเมื่อได้หวนกลับไปคิดถึงว่าตอนนั้นเราได้ทำทานด้วยความสุขใจ ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งมีความสุขเบิกบานขึ้นรู้สึกยินดีที่ได้ทำทานอย่างนั้นก็จะยังอานิสงส์และความสุขให้เกิดขึ้นอีกมาก "มองเห็นศาลาหอฉันเมื่อไรก็อิ่มบุญ"