มีคำอยู่ 2 คำในแทบทุกภาษาของประเทศที่เจริญแล้วในโลกนี้คือคำว่า "ศรัทธา" และ "ความเชื่อ"
ผู้ที่มีวัตถุหรือสิ่งของแทนสัญญลักษณ์ในความศรัทธาและความเชื่อของตน เมื่อจะกระทำการสิ่งใดๆ แล้วก็จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคนๆ นั้น เป็นการสร้างพลังใจ สร้างแรงผลักดัน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับตนเองในสิ่งที่จะกระทำลงไปให้ถูกทำนองคลองธรรม
.
ขอเปรียบเทียบง่ายๆ... ถ้าใครสักคนที่กลัวความมืด กลัวสิ่งที่มองไม่เห็น หากจะต้องเดินผ่านป่าช้าฝังศพของวัด ถ้าเขาห้อยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เขาศรัทธาและเชื่อถือไว้ เขาก็อาจจะเดินผ่านไปได้อย่างมั่นใจและไม่หวาดหวั่น / แต่ถ้ามีอีกบุคคลที่ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ติดตัวอะไรเลย แต่มีสติสัมปชัญญะที่กระจ่างแจ่มใสและสมบูรณ์พร้อม เขาก็สามารถเดินผ่านป่าช้านั้นไปได้อย่างมั่นใจและไม่หวาดหวั่นเช่นกัน
.
แล้วอย่างนั้น.. คนที่ห้อยวัตถุมงคลนั้นมีจิตอ่อนหรืองมงายไร้สติอย่างนั้นหรือ... ข้อนี้ไม่ควรนำมาพิจารณาตัดสิน .. ศรัทธาและความเชื่อเป็นเรื่องปัจเจกบุคคล ไม่ควรนำไปดูหมิ่นหรือเหยียดหยามกันเล่น ... ต่อให้คนที่เคยมีสติสัมปชัญญะที่กระจ่างแจ่มใส มั่นใจในตนเองสุดๆ แต่ถ้าต้องอยู่บนเครื่องบินที่กำลังจะตกและรู้ว่าจะต้องตายอย่างสยดสยองในไม่กี่วินาทีข้างหน้า ... ผมเชื่อมั่นเลยว่าเขาจะไม่มีทางหลับตาแล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามวาระ เขาจะต้องตระหนกหวีดร้องสติแตกจนวาระสุดท้าย... แต่ในเหตุการณ์เดียวกันนั้น ผู้ที่มีวัตถุมงคลติดตัว จิตของเขาก็จะมีที่ยึดเหนี่ยว หากจะต้องละร่างสิ้นไปแม้จะตายแบบสยดสยอง จิตของเขาก็มีจุดหมายปลายทางไปในความเชื่อ ความศรัทธาในศาสนาแห่งตนและผลบุญกุศลที่ได้ทำไว้ก่อนหน้านั้น....
คนห้อยพระเครื่อง ไม้กางเขน จี้นามพระอัลเลาะห์ คนเหล่านั้นงมงายและด้อยปัญญาหรือ
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย kongpak, 3 พฤศจิกายน 2018.