คลิปแก้ข้อกล่าวหา "คลิปพระอยากดัง" โดยพระเกษม

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย 2499, 22 กันยายน 2011.

  1. xezor

    xezor สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +8
    คนดี. . .

    ตัวผมเองมีโอกาสได้อ่านบอร์ดนี้ค่อนข้างนาน
    คือมักจะอ่านอย่างเดียวไม่ได้สมัครและโพส
    วันนี้ขอสมัครเพื่อโพสสิ่งเตือนสติ ถึงทุกๆท่านที่โพสถึงหลวงพ่อเกษมนะครับ
    ผมเชื่อว่าหลายๆท่านที่กำลังด่าหรือว่าหลวงพ่อเกษมอยู่
    เป็นลูกศิษย์ หรือเคยได้อ่านหนังสือของหลวงปู่ดู่
    ผมเองแม้จะเกิดไม่ทันหลวงปู่ดู่ แต่ได้ปฏิบัติในแนวทางของหลวงปู่ดู่
    อ่านหนังสือคำสอนของหลวงปู่ดู่มากมาย
    ผมอยากยกคำสอนสั้นๆของหลวงปู่เพื่อเตือนใจทุกท่านเกี่ยวกับหลวงพ่อเกษมว่า

    "คนดี เขาไม่ตีใคร"

    หลายท่านในเวปบอร์ดแห่งนี้อวดว่า ดีอย่างนั้น ดีอย่างโน้น ดีอย่างนี้
    แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว เรื่องที่เข้ามากระทบจิตใจ
    กลับทำให้ท่านใช้ึำคำบริภาษออกมาก่อนจะได้พิจารณา
    ลองพิจารณาดีๆเถิดครับว่าคำบริภาษของท่านนั้น
    แท้จริงแล้ว มันพุ่งไปหาหลวงพ่อเกษม แล้วทำให้หลวงพ่อเศร้าหมองหรือไม่
    หรือมันพุ่งออกไป มันทำให้ใจของท่านเกิดความโกรธ เกลียด เกิดอวิชชา

    ผมไม่ได้มาบอกว่าสิ่งที่หลวงพ่อเกษมทำนั้นดีหรือไม่ดี ควรหรือไม่ควร
    แต่สิ่งที่หลวงพ่อเกษมกระทำสามารถตรวจสอบได้ โดยมีหน่วยงานที่ดูแล
    และคอยรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่แล้วครับ
    ถูกก็ว่าตามถูก ผิดก็ว่าตามผิด
    อย่าให้จิตของท่านขุ่นมัวเลย
     
  2. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ตำนานพระจันทร์

    ตำนานพระจันทร์ หรือตำนานการสร้างพระพุทธรูปด้วยไม้จันทน์



    สรุปความจากจากต้นฉบับของ วัดทรายมูล ต.ทรายมูล อ.สันกำแพง เชียงใหม่ จารเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๒





    ในธัมม์หรือคัมภีร์ดังกล่าวประกอบตำนานของพระจันทน์ พระสิงห์และพระแก้ว รวม ๓ เรื่อง ด้วยกัน


    เรื่องมีอยู่ว่า ครั้งที่พระเจ้าปเสนทิโกสล


    ทรงคิดที่จะสร้างพระพุทธรูปเพื่อเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้าเมื่อเสด็จปรินิพพานแล้ว จึงขออนุญาตจากพระพุทธเจ้า


    เมื่อได้รับอนุญาตจึงให้ราชทูตไปเอาไม้แก่นจันทน์จากพญาสุวัณณพรหมา


    แล้วให้ช่างแกะสลักเป็นพระพุทธรูปสูง ๖ องคุลี หน้าตักกว้าง ๒๐ ศอกองคุลี บ่ากว้าง ๒๖ องคุลีกับครึ่งนิ้วมือ


    มีน้ำหนัก ๘๐๐๐ เสร็จแล้วก็นำไปให้พระพุทธเจ้าทอดพระเนตร แล้วถวายทานอาหารและน้ำแก่พระพุทธเจ้า


    ครั้งนั้นพระพุทธเจ้าจึงเทศนาอานิสงส์การสร้างพระพุทธรูปโปรดแก่พญาปเสนธิโกสล


    เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานและพญาปเสนธิโกสลสวรรคตแล้ว


    ราชบุตรของพญาปเสนทิโกสลชื่อวิตตุภะก็ได้ครองราชย์แทน


    พญาสุวัณณพรหมาก็ส่งราชทูตมาขอพระจันทน์


    พญาวิตตุภะจึงให้สร้างพระพุทธรูปแก่นจันทน์อีก ๒ องค์ให้เหมือนกับองค์แรก


    แล้ววางไว้สองข้างของพระองค์แรก จากนั้นให้ราชทูตของพระสุวัณณพรหมาเลือกไป ๑ องค์


    เมื่อได้แล้วก็นำไปถวายพญาสุวัณณพรหมา พระจันทน์อยู่เมืองสุวัณณพรหมาได้ ๑๐๐๐ ปี


    จนเมืองนี้แพ้ศึก ลูกพญาสุวรรณพรหมาคืออาทิตยราชกุมาร จึงเอาพระจันทน์ไปไว้ที่เมืองแช่ตา


    ส่วนจันทนราชกุมารก็เอาพระธาตุพระพุทธเจ้าไปไว้ที่ลำปาง


    ต่อมาเมืองแช่ตาเกิดการโกลาหล มหาเถรเจ้าตนหนึ่งจึงนำพระจันทน์นี้ไปถวายพญาคำแดงๆ ก็รับไว้ได้ ๑๕ ปี


    ลูกพญาตนหนึ่งชื่อ ท้าวตาแหวนมาขอพระจันทน์ ซึ่งลูกพญาคำแดงก็ให้ไป พระจันทน์อยู่ที่เมืองท้าวตาแหวนได้ ๑๐ ปี ก็ถูกมหาเถรชื่อ สิโวหะ


    ขโมยไปไว้ที่บ้านพุกามซึ่งอยู่ในเมืองแช่ตา ฝากไว้กับพรานป่าผู้หนึ่งได้ ๗๓ ปี


    ต่อมาปู่โมไปทำศึกที่เมืองแช่ตาก็จึงเอาไปไว้ยังบึงหนองบัวที่เมืองพะเยา อยู่ได้ ๖๐ ปี


    เมื่อพญาสุทธิศิลป์รู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระจันทน์จึงได้นำไปไว้ที่วัดป่าแดงหลวงดอนชัย


    อยู่นาน ๖ เดือน



    ต่อมา พญาติโลกราชก็ให้มหาธรรมเสนาไปเอาพระจันทน์มาไว้ยังเชียงใหม่โดยผ่านเมืองน่าน


    เมืองแพร่ เมืองหริภุญชัย แล้วจึงนำมาไว้ที่วัดอโสการามซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองเชียงใหม่


    เมื่อท้าวยอดเชียงรายได้ครองเมืองพะเยาก็ขอพระจันทน์คืนไปอีก แต่พอถึงสมัยพญาแก้วๆ


    ก็ถวายพระจันทน์แก่พระเมืองแก้วเมืองเชียงใหม่ ซึ่งได้นำไปไว้ยังวัดศรีภูมิ


    แล้วย้ายไปวัดบุพพาราม เพื่อให้แขกชาวใต้ได้สักการะบูชากัน





    (เรียบเรียงจาก พรรณเพ็ญ เครือไทย)
     
  3. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    แม้พระพุทธรูปจะไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนา
    แต่พระพุทธรูปก็ไม่มีความผิดเช่นกัน



    สิ่งที่ผิดคือจิตใจที่หลงงมงายและยึดถือผิดของชาวบ้านต่างหาก

    การต่อต้านการสร้างพระพุทธรูป เป็นทิฏฐิที่สุดโต่งอย่างหนึ่ง
    เพราะไม่ว่าจะมีพระพุทธรูปหรือไม่มี ชาวบ้านก็ยังงมงายอยู่ดี
    ไม่มีพระพุทธรูป ก็ไปไหว้ต้นไม้ ก้อนกรวด สัตว์สองหัว สองตัว สิบแปดขา ฯลฯ
    แม้เจลลดไข้ก็ยังกราบไหว้กันมาแล้ว

    ตรงกันข้าม หากให้พระพุทธรูปเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ก็ยังพอลดความงมงายของชาวบ้าน
    ที่ต้องไปกราบไหว้สิ่งแปลกประหลาดอื่น ๆ ได้บ้าง

    คือได้เข้าวัด ได้มากราบไหว้พระพุทธรูป เมื่อได้มากราบไหว้ก็ย่อมระลึกถึงพระพุทธเจ้สได้
    หรือย่อมได้มีโอกาสฟังธรรมเพื่อคลายความงมงายลงไปได้

    เพราะฉะนั้น สิ่งที่ควรทำ คือการเสริมความเข้าใจ ไม่ใช่ไปทำลาย
    ในเมื่อเขามากราบไหว้พระพุทธรูปแล้ว ก็ต้องมีการส่งเสริมให้ชาวบ้านเข้าใจด้วย
    ว่าที่จริงแล้วเรากราบอะไร เรากราบคุณงามความดีของพระพุทธเจ้า
    พระพุทธเจ้าคือใคร ทำไมเราต้องกราบไหว้ แล้วพระองค์สอนเรื่องอะไร เป็นต้น

    สุดท้ายแล้วเมื่อผู้คนหายงมงาย เขาก็จะละความยึดติดไปเอง

    ในสมัยปัจจุบันที่ผู้คนสนใจแต่เรื่องภายนอกกันเป็นส่วนใหญ่
    การที่จะทำให้ชนทั้งหลายหันมาสนใจคำสอนของพระพุทธองค์เป็นเรื่องยากมาก
    แต่หากเป็นสิ่งที่จับต้องได้ อย่างเช่น พระพุทธรูป ชาวบ้านจะรับได้ไม่ยาก
    และจะให้ความสนใจกับพระพุทธศาสนาหรือพระพุทธเจ้ามากกว่าจะไปสนใจสิ่งอื่น

    ดังนั้น สิ่งที่เราควรทำคือ เมื่อเขามากราบไหว้แล้ว ต้องเสริมความรู้ให้เขาไป
    ไม่ใช่ไปต่อต้านหรือทำลาย หรือปล่อยให้เขาไหว้กันตามมีตามเกิด
    เมื่อเราไม่ทำอะไรเพราะคิดว่าเรื่องของใครเรื่องของมัน แล้วไปโทษพระพุทธรูป
    เช่นนี้ถือว่าผิดฝาผิดตัวเลยทีเดียว เพราะต้นเหตุของความงมงายที่แท้จริงคือใจของเขานั่นเอง

    มิฉะนั้น หากผู้คนพากันกราบไหว้ต้นไม้ หรือเสาไฟฟ้า เช่นนี้แล้ว
    เราจะต้องรณรงค์ไม่ให้ตั้งเสาไฟฟ้า หรือไม่ให้ปลูกต้นไม้กันเลยหรือเปล่า
    <!--MsgFile=12--><!-- google_ad_section_end -->
     
  4. รากแห่งธรรม

    รากแห่งธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    667
    ค่าพลัง:
    +3,173
    สาธุ สาธุ สาธุ ชอบแล้ว
     
  5. รากแห่งธรรม

    รากแห่งธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    667
    ค่าพลัง:
    +3,173
    ท่านครับ แบบว่า ผมไม่ได้หาเรื่องนะครับ แต่ว่า ถ้าท่านมีหลักฐานอะไรยังไง ก็แสดงออกมาเถอะครับ หลักฐานในความเชื่อน่ะ ถ้าท่านพร้อมแสดง และมันน่าเชื่อถือ มีความเป็นมา ผมก็พร้อมที่จะเชื่อตามท่าน ขอแต่ว่ามีหลักฐาน ออกมาเถอะ
     
  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    สรุปว่า "บ้า" แต่บ้ากันคนละอย่าง เราก็บ้า...เขาก็บ้า ไม่รู้ใครบ้ากว่าใคร? แต่ที่เห็นๆ น่ะ บ้าทั้งนั้น.... คุยไปคุยมา กลายเป็นว่าคนละแนวความคิด คนละมุมมอง ไม่สามารถบรรจบพบกันได้ แต่ก็คุยกันไป ทะเลาะกันไป เพราะมองคนละมุม ปลายทางคนละที่หรือว่าปลายทางเดียวกัน...สงสัยไปใย โลกหมุนรอบตัวเองทุกวัน บอกให้มันหยุดมันก็ไม่หยุด บอกให้มันหมุนกลับด้าน มันก็ทำไม่ได้เพราะธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบๆ ทำให้มันหมุนอย่างนั้น
     
  7. goldtop

    goldtop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +113
    คนเราก็บ้าด้วกันทันนั้นเพราะจิตไม่เคยฝึกฝนปฏิบัติ แต่สำคัญอยู่ที่บ้าในทางดี หรือบ้าในทางเลว นี่สิครับ สำคัญที่สุด
     
  8. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    คุณต้องไปศึกษา ว่าอะไรคือสภาวะ อริยะ สภาวะจิตหลุดพ้นเป็นเช่นไร
    ศึกษา case study จากหลายๆองค์ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน จะมีนัยยะบางอย่างจำเพาะพระอริยะเท่านั้น ให้เรารู้ได้ว่าใช่หรือไม่ใช่ เมื่อฟังท่านเทศน์ หรือสนทนากับท่าน และต้องเกิดจากสภาวะของท่านเอง ไม่ใช่ไปลอกมา แต่ถ้าท่านไม่พูดอะไรก็ไม่รู้ ดูไม่ออก พระอริยะในระดับเดียวกันก็ใช้วิธีนี้ในการวินิจฉัยพระอีกองค์ว่าบรรลุธรรมหรือยัง สภาวะนี้แม้คนได้อรูปฌานก็ไม่เข้าใจแน่นอน ต่อไปจะยกตัวอย่างสภาวะพระอริยะนะ
    1.การไม่มาไม่ไป พระอริยะย่อมไม่มีความรู้สึกนึกคิดของการมาการไป การที่ท่านพูดว่ามาหรือไป เป็นแค่กริยาภายนอกเท่านั้น
    2.การเป็นนายเหนือความคิด ปุถุชนจะมีความคิดซ้อนความคิดเสมอ แต่พระอริยะเป็นนายเหนือความคิดตลอดเวลา คือจะคิดหรือไม่คิดก็ได้ เมื่อจะใช้งานโปรดสรรพสัตว์ก็ใช้ความคิด เมื่อไม่ใช้ก็อยู่นสภาวะไม่นึกไม่คิด
    รวมทั้งอารมณ์ต่างๆ ท่านอยู่เหนือทั้งหมด เพียงแต่จะใช้หรือไม่ใช้เท่านั้น ต่างจากปุถุชนที่เป็นทาสอารมณ์ แต่เมื่อหลวงปู่นำมาใช้มันก็กระเทือนสรรพสัตว์ที่เห็นต่างในสมมุติ แต่ก็เป็นการแสดงปริศนาธรรมเท่านั้น ผมจึงไม่ติดใจเรื่องนี้ จริงๆท่านปรกติท่านก็ไม่แสดงขนาดนั้นหรอก เมื่อไม่ได้ใช้อารมณ์ความคิดใด ท่านก็อยู่ในสภาวะ ไม่มี ไม่เป็น อยู่แล้ว
    3.ยังมีอีกหลายข้อ เอาแค่นี้พอ ถ้าสนใจริงจะเพิ่มเติมให้ทีหลัง
    ............................................................................................................................
    ผมพบความจริงอีกอย่างนึงนะ แม้พระอริยะเหมือนกันเมื่อลงมาในสมมุติ บางทีก็มีความเห็นแย้งกันนะ บางองค์มีความเห็นอีกอย่าง บางองค์ก็มีความเห็นอีกอย่าง ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ คนที่ไม่เข้าใจก็คิดว่าต้องมีองค์หนึ่งถูกองค์หนึ่งผิด ความจริงถ้าเป็นอริยะแล้วก็ถูกทั้งคู่ ปุถุชนก็เลือกเอาว่าจะเชื่อใคร ก็เลยมีนิกายเยอะแยะไปหมด ไม่ใช่ว่านิกายหนึ่งถูก นิกายหนึ่งผิด เป็นเรื่องของนานาสังวาส เราจะเห็นพระอริยะทั้งธรรมยุติและมหานิกายใช่รึปล่า สรรพสัตว์ก็เลือกทางเดินเอา แต่การที่ไปด่า ดูหมิ่น ปรามาส ก็ไม่ใช่การเดินทางตามที่พระพุทธเจ้าสอน เพราะพระพุทธเจ้าสอน ให้ปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา บางครั้งเราอาจจะหลุดไปบ้าง เมื่อรู้ตัวก็ต้องกลับมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2011
  9. เล่งอ๋อง

    เล่งอ๋อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +147
    ต่อให้เป็นพระอริยเจ้าก็ต้องเคารพและทำตามอริยประเพณี เคารพพระพุทธเจ้าที่เปรียบเสมือนบิดา พระธรรมเป็นมารดา ต้องรู้คุณเคารพบิดามารดา ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส ไม่มีหรอกที่จะมาทำตัวให้ชาวโลกเขาประณาม เผาพ่อ ทุบพ่อ ฆ่าพี่น้องตัวเอง ตลอดจนพรากจิตคนอื่นออกจากธรรม พระอริยเจ้าท่านจะทำอะไรไปก็ประกอบไปด้วยธรรมทั้งนั้นไม่เหมือนไอ้พวกอัปรีย์เดรถีย์ ที่อ้างเป็นอริยเจ้าพอทำผิดก็เอาธรรมเข้ามาแก้ตัว พวกลูกศิษย์ก็คิดไปเรื่อย สังเกตเยอะแล้วว่าพวกที่นับถือก็พวกขี้เกียจจะสวดมนต์ ทำความดี ตั้งความหวังเวลาทำบุญดอยากให้ผลความดีตอบแทนเยอะๆ พอไม่ได้ดั่งใจ ก็พาลไม่ได้รู้เลยที่มันไม่ดีไม่ใช่ที่ใครที่ไหนเป็นที่ตัวเองแหล่ะ
     
  10. roentgen

    roentgen Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +67
    1.จะบอกว่า ไอ้ที่แสดง ๆ เตะโน่นเตะนี่ ด่าทอ ก็แค่การแสดง?
    2.โดนความคิดเข้าครอบงำแล้ว แบบนั้นน่ะ จำเป็นต้องแสดงเพื่อประชด? พระอรหันต์คือผู้ที่กระทบกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วต้องแสดงออกมาด้วยอาการประชด ด่าทอ เตะข้าวของ เหยียบโต๊ะ?
    3.มีอะไรอีก

    พระอริยเจ้ามีความรู้แจ้งเหมือนกันคือ อริยสัจ ๔
    แต่ความเห็นอาจจะต่างกัน ดังเช่นพระสูตรที่กล่าวถึงป่า
    พระอริยเจ้าแต่ละท่านก็แสดงความเห็นต่างกันไปว่าป่างามเพราะอะไร
    และถ้าผิดจริง โลกติเตียนจริง ก็ไม่สมควรที่จะทำ
    อย่าลืมว่าพระต้องเคารพจารีต และประเพณีของท้องที่นั้น ๆ
    เพื่อป้องกันไม่ให้คนเขาดูหมิ่น ดูแคลน เสื่อมศรัทธา
    คนที่ไม่รู้จัก จะไม่เข้าศาสนา
    คนที่รู้จักแล้ว จะเบื่อ และเปลี่ยนศาสนา
    จะเสื่อมศรัทธาเอาได้
    ไม่ใช่ว่าบวชเป็นพระแล้วทำอะไรก็ได้ตามใจฉัน "ไม่ใช่"
    และถ้าคุณรัก เคารพ พระรูปนี้จริง ๆ ควรจะเตือน ห้ามปรามเสียบ้าง
    ในบางเรื่องที่ชาวโลกเขาไม่ชอบ ไปผิดจารีตของประเทศ
    และการสอนในสิ่งที่ไม่มีปรากฏในพระไตรปิฏก และอ้างพระไตรปิฏกเพื่อตัวเอง
    แค่นั้นผมก็ว่าน่าเอือมระอาเต็มทีแล้ว
     
  11. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    พสกนิกรไม่มีสิทธิว่ากล่าว ตำหนิติเตียนพระราชา คือกฏหมายบ้านเมือง ถ้าฝ่าฝืนก็โดนจับเข้าคุก หรือประหารชีวิตได้
    ปุถุชน ก็ไม่มีสิทธิว่ากล่าว ติเตียน พระอรหันต์ คือกฎของไตรโลกธาตุ ถ้าใครฝ่าฝืนก็ต้องรับกรรม
    ...............................................................................................
    เมื่อผมเป็นปถุชน ก็ต้องยอมรับให้ได้
    เมื่อผมเป็นพสกนิกร ผมก็ต้องยอมรับให้ได้
    ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม
    เพราะนี่คือกฏ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2011
  12. goldtop

    goldtop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +113
    ปัจจุบันนี้มีผู้แอบอ้างว่าตัวเองเป็นพระ อรหันประชาชนก็ต้องใช้ดุลพินิจด้วยอย่าเชื่อเพราะว่าเขาว่า จงดูพฤติกรรมและการกระทำ การที่แอบอ้างตนเองเป็นพระอรหัน นั้นมันบาปมหันต์ เป็นการล่อลวง ให้ผู้อื่นหลงผิด เพื่อหวังมีชื่อเสียง หวังให้ผู้อื่นกราบไหว้ และประการต่างๆอีกมากมาย พระอรหันต้องเป็นผู้มีจิตอันบริสุทธิ์ ไม่เหยียดหยามผู้อื่น ไม่ยกตนเหนือผู้อื่น ไม่ทำร้ายจิตใจผู้อื่น พระอรหันคือผู้ให้มิใช่ผู้ทำลาย ไม่ว่าจะทำลายจิตใจผู้อื่น หากที่กล่าวมาแล้วไม่มี จงจำไว้เถิดว่าไม่ใช่พระอรหันแน่นอน
     
  13. roentgen

    roentgen Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +67
    อย่าเพิ่งคิดอนุมานไปเอง อย่าลืมว่า กาลามสูตร ก็บอกว่า อย่าเชื่อแม้แต่ความคิดตัวเองด้วย
    พระอรหันต์อะไร ก่อเรื่อง?
    แล้วเขาว่ามาที หันไปตอบโต้ที
    ทางโน้นว่ามาที หันไปตอบโต้ที
    หันไป หันมา เนี่ย? พระอรหันต์?
    ก็เห็น ๆ กันอยู่
     
  14. มาร-

    มาร- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +487
  15. goldtop

    goldtop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +113
    หมดภาระกิจแล้วเห็นโผล่ไปตอบกระทู้โน้น โอ้โห...ตอแหลได้ใจจริงๆๆท่านผู้อ่านพิจรณาเอาเองเถอะครับว่าพวกนี้ปริ้นปล้อน ขนาดไหน เห็นๆกันอยู่ดูเวลาที่โพสท่านก็จะเข้าใจครับ
     
  16. loguttara

    loguttara Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +39
    เฮ้อ...
    ขุดหลุมลงนรกกันเก่งจริงๆ นะครับ
    เพราะความไม่รู้นั่นหล่ะ จึงทำโง่ๆ เช่นนั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...